Group Blog
 
All blogs
 

OFFICE ARITHMETIC:Fanpage CreativeAnd Positive Thinking

Smart boss + smart employee = profit
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องเก่ง = กำไร **

Smart boss + dumb employee = production
เจ้านายเก่ง + ลูกน้องโง่ = ผลผลิต **

Dumb boss + smart employee = promotion
เจ้านายโง่ + ลูกน้องเก่ง = เลื่อนตำแหน่ง

Dumb boss + dumb employee = overtime
เจ้านายโง่ + ลูกน้องโง่ = OT อย่างเดียว **

สวัสดีครับ^^
เเนะนำเพจสำหรับทุกท่านที่คิดสร้างสรรค์เเละคิดบวก
เพจนี้เป็นเพจเพื่อกำลังใจเเละการพัฒนาความคิดเเบบไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าชอบฝากกดlikeด้วยครับ^^
https://www.facebook.com/CreativeAndPositiveThinking




 

Create Date : 27 กันยายน 2555    
Last Update : 27 กันยายน 2555 21:25:20 น.
Counter : 1213 Pageviews.  

เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่เชื่อมั่นครับ^^




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 0:23:41 น.
Counter : 408 Pageviews.  

เพื่ิอนร่วมโลก

อันนี้ได้มาจากอีเมลล์ครับน่าสนใจ เลยขอนำมาเผยแพร่ครับ






Free TextEditor




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 23:03:29 น.
Counter : 325 Pageviews.  

การพัฒนาทักษะการคิด


เห็นว่าน่าสนใจเลยมาแบ่งปันครับ


การพัฒนาทักษะการคิด
โดย
ศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์


ยุคปัจจุบันเป็นยุคที่ "ความรู้ คือ อำนาจ" อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะสามารถใช้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ให้เกิดอำนาจได้นั้น จำเป็นต้องมีความสามารถ
ในการใช้ปรับข้อมูลข่าวสาร ให้อยู่ในรูปขององค์ความรู้ และนำมาใช้ประกอบการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ
ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
ซึ่งผู้ที่จะสามารถเป็นเช่นนั้นได้
จะต้องมีคุณสมบัติประการหนึ่งในชีวิต นั่นคือ
"คิดเป็น"


การคิด (Thinking) คือ การที่คนคนหนึ่งพยายามใช้พลังทางสมองของตน
ในการนำเอาข้อมูล ความรู้
ประสบการณ์ต่างๆ
ที่มีอยู่ มาจัดวางอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้มา ซึ่งผลลัพธ์ เช่น
การตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด เป็นต้น


การคิด เหมือนการเรียงหินที่กระจัดกระจาย
ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
โดยนำหินแต่ละก้อน มาประกอบกันในแต่ละที่
อย่างเหมาะสม
"การเรียงหิน" เปรียบได้กับ "การจัดระเบียบข้อมูล" ที่เราได้ใช้การคิดไตร่ตรองอย่าง ละเอียดรอบคอบ ลึกซึ้ง และมีระบบระเบียบ คนที่ "คิดเป็น" จะสามารถจัดข้อมูลให้เรียงกัน อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้ได้ความคิดที่ดีที่สุด
เช่นเดียวกับหิน
ที่ได้รับการจัดวางเรียงอย่างเหมาะสม
ย่อมกลายเป็นอาคารที่งดงามได้ในที่สุด
ในขณะเดียวกัน
คนที่
"คิดไม่เป็น" ก็เหมือนกันคนที่โยนก้อนหินมากองๆ รวมกัน หรือจัดอย่างสะเปะสะปะ
ไม่รู้ว่า
ก้อนใดควรอยู่ที่ใด ความคิดที่ออกมา
จึงไม่ได้เป็นความคิดที่มีความชัดเจน
และเป็นระบบระเบียบ


ความสามารถในการคิด
ทำให้มนุษย์มีความเป็นมนุษย์ ที่มีความแตกต่างจากสัตว์
สามารถแก้ปัญหาให้กับตนเองได้ สามารถคิดสร้างสรรค์เครื่องทุ่นแรง สร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ได้ สามารถสร้างความสุข ให้กับตนเอง และปกป้องตนเองให้พ้นจากภัยธรรมชาติได้ การคิด ทำให้คนไม่ถูกหลอก
ด้วยการตีความ
หรือยอมรับการตีความข้อมูลอย่างผิดๆ และไม่เชื่อถือสิ่งต่างๆ
อย่างง่ายๆ
แต่จะวินิจฉัยไตร่ตรอง และพิสูจน์ความจริง อย่างรอบคอบ
ก่อนตัดสินใจเลือก


วิธีคิด : การเรียงหินสะเปะสะปะ เพราะคิดไม่เป็น


การคิดของคนในสังคมไทย
เป็นการคิดที่จะสร้างปัญหา มากกว่าก่อให้เกิดการพัฒนา
ตั้งแต่ในระดับปัจเจกบุคคล จนถึงแม้บางครั้ง
ระดับผู้นำทางความคิดในสังคม
สังคมไทยจึงอยู่ในภาวะอ่อนแอทางความคิด


เราเป็นคนที่เชื่อง่าย ถูกหลอกง่าย
เพราะเราไม่คิด หรือคิดไม่เป็น
เรามักเชื่อตามบุคคลที่น่าเชื่อถือ
เช่น ผู้อาวุโส นักวิชาการ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ
หรือไม่ก็เชื่อตามโชคชะตา หรือคิดไปเองว่า ใช่แน่ๆ หลายครั้งเราจึงถูกหลอกทางความคิดอย่างง่ายๆ เพราะไม่เรียนรู้ที่จะเสาะแสวงหาข้อเท็จจริง ของสิ่งต่างๆ
ด้วยตนเอง
และไม่พยายามตั้งคำถาม กับสิ่งที่ควรสงสัย


เราตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ผิด เพราะคิดผิด
ดราไม่ได้คิดวิเคราะห์
และคิดเปรียบเทียบ ผลดี ผลเสีย
อย่างรอบคอบ ขาดการคิดอย่างบูรณาการ
และการคิดเชิงอนาคต
จึงทำให้คิดผิด โดยคิดมุ่งหวังเพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า
หรือคิดอย่างไม่สมดุล และเข้าข้างตนเองอย่างอคติ
บางครั้งเราเห็นคนอื่นๆ
ทำบางสิ่งได้ ก็มักคิดว่า สิ่งนั้นถูกต้อง
และสมควรเลียนแบบ เช่น
ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
เรามุ่งรวยแบบเก็งกำไร ทั้งเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์
และตลาดหุ้น โดยไม่คำนึงถึงผลเสีย
ซึ่งที่หากวิเคราะห์ตามข้อเท็จจริง
ย่อมเข้าใจได้ว่า
มันน่าจะเกิดปัญหาขึ้นในที่สุด เป็นต้น


เราไม่สามารถคิดแก้ปัญหาให้กับตนเองได้
เช่น
เราแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับตนเองไม่ได้
ต้องพึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (
IMF) อย่างเกินเหตุ
ในการเข้ามาจัดการแก้ไขทางเศรษฐกิจ ของประเทศ ทั้งๆ
ที่เขาก็ไม่ได้ประยุกต์สูตรการแก้ไขปัญหา
แบบเข้าใจบริบทที่แตกต่างของสังคมไทย
จนทำให้เมื่อนำมาใช้อย่างเถรตรง
จึงเกิดปัญหาตามมาอย่างมากมาย


เราไม่สามารถคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้
เช่น เราคิดเทคโนโลยีใหม่ๆ เองไม่ได้
เพราะเราไม่เคยลงทุนอย่างจริงจัง
ในการทำวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน
เราไม่มีนักคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม
อย่างเพียงพอ ภายในประเทศ
ซึ่งทำให้เราต้องพึ่งพาเทคโนโลยี
จากต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา






Free TextEditor




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2553    
Last Update : 14 ธันวาคม 2553 0:37:18 น.
Counter : 514 Pageviews.  

ว่าด้วยเรื่อง Id Ego และ Superego

วันนี้มีโอกาศสำรวจตัวเองเลย เลือกเรื่องนี้มาดูครับ


บุคลิกภาพ : Id Ego และ Superego ตามทฤษฎีของฟรอยด์

Id เป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด แต่เป็นส่วนที่จิตไร้สำนึก มีหลักการที่จะสนองความต้องการของตนเองเท่านั้น เอาแต่ได้อย่างเดียว และจุดเป้าหมายก็คือ หลักความพึงพอใจ (Pleasure Principle) Id จะผลักดันให้ Ego ประกอบในสิ่งต่างๆ ตามที่ Id ต้องการ

Ego เป็นส่วนของบุคลิกภาพ ที่พัฒนามาจากการที่ทารกได้ติดต่อ หรือมีปฎิสัมพันธ์กับโลก ภายนอก บุคคลที่มีบุคลิกภาพปกติ คือ บุคคลที่ Ego สามารถที่ปรับตัวให้เกิดสมดุลระหว่างความต้องการของ Id โลกภายนอก และ Superego หลักการที่ Ego ใช้คือหลักแห่งความเป็นจริง (Reality Principle)

Superego เป็นส่วนของบุคลิกภาพที่เกิดขึ้นในระยะที่ 3 ของพัฒนาการที่ชื่อว่า "Phallic Stage” เป็นส่วนของบุคลิกภาพที่ตั้งมาตรการของพฤติกรรมให้แต่ละบุคคล โดยรับค่านิยมและมาตรฐานจริยธรรมของบิดามารดา เป็นของตน โดยตั้งเป็นมาตรการความประพฤติ มาตรการนี้จะเป็นเสียงแทนบิดามารดา คอยบอกว่าอะไรควรทำ หรือไม่ควรทำ มาตรการของพฤติกรรมโดยมากได้มาจากกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่พ่อแม่สอนและ มักจะเป็นมาตรฐานจริยธรรม และค่านิยมต่างของพ่อแม่ ฟรอยด์กล่าวว่าเป็นผลของการปรับของ Oedipus และ Electra Complex ซึ่งนอกจาก ทำให้เด็กชายเลียนแบบพฤติกรรมของ "ผู้ชาย” จากบิดา และเด็กหญิงเลียนแบบพฤติกรรมของ "ผู้หญิง” จากมารดาแล้ว ยังยึดถือหลักจริยธรรม ค่านิยมของบิดามารดา เป็นมาตรการของพฤติกรรมด้วย

Superego แบ่งเป็น 2 อย่างคือ
1. "Conscience” ซึ่งคอยบอกให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา
2. "Ego ideal” ซึ่งสนับสนุนให้มีความประพฤติดี
"Conscience” มักจะเกิดจากการขู่ว่าจะทำโทษ เช่น "ถ้าทำอย่างนั้นเป็นเด็กไม่ดี ควรจะละอายแก่ใจที่ประพฤติเช่นนั้น” ส่วน "Ego ideal” มักจะเกิดจากการให้แรงเสริมบวก หรือการยอมรับ เช่น แม่รักหนู เพราะหนูเป็นเด็กดี
ฟรอยด์ถือว่าความต้องการทางเพศเป็นแรงขับ และไม่จำเป็นจะอยู่ในระดับจิตสำนึกเสมอไป แต่จะอาจอยู่ในระดับจิตไร้สำนึก (Unconscious) และมีพลังงานมาก ความคิดของฟรอยด์เกี่ยวกับแรงขับระดับจิตไร้สำนึก เป็นประโยชน์ในการเข้าใจพฤติกรรมของคน ซึ่งปัจจุบันนี้นักจิตวิทยาส่วนใหญ่ยอมรับความคิดของฟรอยด์เกี่ยวกับ Unconscious motivation แม้ว่าจะไม่รับหลักการของฟรอยด์ทั้งหมด
ฟรอยด์กล่าวว่า พัฒนาการทางบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะขั้นวัยทารก วัยเด็ก และวัยรุ่น ระบบทั้ง 3 ของบุคลิกภาพ คือ Id, Ego และ Superego จะทำงานประสานกันดีขึ้น เนื่องจากเด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม หรือโลกภายนอกมากขึ้น ยิ่งโตขึ้น Ego ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และสามารถที่จะควบคุม Id ได้มากขึ้น

องค์ประกอบที่มีส่วนพัฒนาการทางบุคลิกภาพมีหลายอย่างซึ่งฟรอยด์ได้กล่าวไว้ดังต่อไปนี้

1. วุฒิภาวะ ซึ่งหมายถึงขั้นพัฒนาการตามวัย
2. ความคับข้องใจ ที่เกิดจากความสมหวังไม่สมหวัง เมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายนอก
3. ความคับข้องใจ เนื่องมาจากความขัดแย้งภายใน
4. ความไม่พร้อมของตนเอง ทั้งทางด้านร่างกาย ด้านเชาวน์ปัญญา และการขาดประสบการณ์
5. ความวิตกกังวล เนื่องมาจากความกลัว หรือความไม่กล้าของตนเอง
=============================================
เดี๋ยวเครียดไปอันนี้น่ารักดีครับ




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2553 22:31:31 น.
Counter : 5646 Pageviews.  

1  2  3  4  

Omoto
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีตอนรับเข้าชม omotoblog ทุกท่านครับ
blog นี่จัดทำขึ้นจากจุดประสงค์ที่อยากจะเผยแพร่
เเละเเบ่งปัน บทความดีๆเเด่ทุกท่าน โดยหลักๆเเล้ว
ผมจะเน้นไปในสิ่งที่ผมสนใจเป็นพิเศษ หวังเป็น
อย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่เข้ามาชม
ไม่มากก็น้อยนะครับ
VIEW OF PLACE
website-hit-counters.com
Provided by website-hit-counters.com site.
Nasok U-thai

สร้างลิงค์ของโปรไฟล์ในแบบที่เป็นตัวคุณเอง
Friends' blogs
[Add Omoto's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.