Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ 2 ไปโตเกียวกันเถอะ! (PART 1/3)



วันที่ 1 จากประเทศไทยมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น (โตเกียว)








00.00น. เดินทางออกจากสุวรรณภูมิมุ่งสู่สนามบินนาริตะ


09.00น. ถึงสนามบินนาริตะ

(อันนี้เผื่อเวลาต่อแถวผ่าน ตม.โน่นๆ นี่ๆ  แล้วนะคะ)


(หน้าตาสนามบินที่นาริตะค่ะ)



เมื่อออกจาก Gate ไปถึงให้มองหาจุดขายตั๋วรถไฟของค่าย Keisei ก่อนเลยค่ะ...ทริปนี้เราจะนั่ง Keisei Limited Express นะคะ


เรานั่งไปลง Ueno ค่ะ (ถ้าเราจำ ไม่ผิดนะ...มันไม่ได้นั่งยาวรวดเดียวนะคะ มันไปเปลี่ยนสถานีที่ Aoto แหละ แล้วข้ามฝั่งไปฝั่งตรงข้ามนะคะ) 


แล้วค่อยต่อไป Nippori หรือ Ueno (แต่เราแอบงง..เราหาข้อมูลจากอินเตอร์เนตก่อนไป เค้าบอกให้เรานั่งยาวไปถึง Ueno เลยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน


...สรุป...เลยค่ะ!!! ต้องนั่งรถกลับมาเปลี่ยนสถานีที่ Aoto นั่นแหละค่ะ)  




>> เวลาหลงหรือนั่งรถไฟผิดเวลาที่วางแผนไว้ไม่ต้องตกใจนะคะ เข้าเวปไซต์ของ Hyperdia เลยค่ะ นางจะบอกเสร็จสรรพว่าต้องทำอย่างไรต่อค่ะ




(อันนี้เป็นเส้นทางของประเภทรถต่างๆ และราคาเพื่อความเข้าใจง่ายขึ้นนะคะ)




(ส่วนอันนี้เป็นเส้นทางเดินรถของค่าย Keisei ค่ะ)



สรุปรายละเอียดของข้อมูลถไฟนะคะ Keisei Limited Express


เวลาให้บริการ : วันธรรมดา 7:44 – 21:31 น. วันหยุด 6:14-21:29 น.


ค่าโดยสาร : จากสถานี Narita Terminal 1-2 ไปยัง สถานี Keisei Ueno

ผู้ใหญ่ 1,030 เยนเด็ก 520 เยน


ใช้เวลา :70 นาที จากสถานี Narita Terminal 2 ไปยังสถานี Ueno







10.30 น. เข้าที่พักแถว Ueno ค่ะ 

เราพักที่โรงแรม Marutani Hotel เดินไม่ไกลมากจากสถานีรถไฟค่ะ  โรงแรมโอเคค่ะห้องไม่เล็กไม่ใหญ่มาก ห้องน้ำในตัว มี Free Wifi 

และมีบริการออนเซ็นให้ภายในโรงแรมด้วยนะคะ (แต่เสียดายที่เราไม่ได้ลงแช่ค่ะ ><)






(หน้าตาโรงแรม และห้องพักประมาณนี้ค่ะ)
>> โรงแรมมีทางเข้าสองทางนะคะ แล้วแต่เลยว่าเราสะดวกทางไหน ไปถึงก็จับพิกัด GPS ได้เลยค่ะ หาไม่ยากค่ะ 



11.00 น. มื้อกลางวัน


เวลาประมาณนี้กำลังชิวเลยค่ะ มาถึงวางกระเป๋า พักสักแปบให้หายเหนื่อยตรง Lobby นั่นแหละค่ะ 

สักพักค่อยลองเดินเข้าไปในตลาด Ameyoko หาของกินได้เลยนะคะ 

ใครที่ไปครั้งแรกขอบอกว่า ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ ของกินเพียบ ร้านรวงขายของก็เพียบเช่นกัน แต่อดใจเมียงมองเล็งๆ ไว้ก่อนนะคะ 

(ท่องไว้ค่ะ..แค่แวะมากินข้าวๆ )



มื้อแรกของเราเริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อนเลยค่ะเดินเข้าร้าน Yashinoya ค่ะ 

(หลายคนอาจจะคิด...กินเมืองไทยก็ได้ป๊ะเมิง...ถ่อไปกินถึงที่โน่นทำไมแว๊!!)



แต่คือเราอยากลองเปรียบเทียบระหว่างไทยกับญี่ปุ่นค่ะ (แอบอยากบอกว่าที่ไทยรสชาติไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่ค่ะ...เลยอยากมาลองกินที่นี่ดูบ้าง)

(อันนี้เป็นเซตเนื้อค่ะ...เราเป็น Beef Lovers ค่ะ เป็นมนุาษย์กินเนื้อขนานแท้...แต่ผู้ร่วมทริปนี้...ไม่มีคนกินเนื้อสักคนค่ะ..เอาสิ เราต้องไปด้วยกันให้รอด)


(ส่วนอันนี้เป็นเซตปลาแซลมอนของพี่เราเองค่ะ...นางนี้ออกแนวกินผัก กินหญ้า กินพืช กินปลา...

อีกนิดนึงนางจะกินซากุระแทนข้าวได้แล้วค่ะ...แฮ่!!!...ย๊อเย่นนนน ><)



สรุปมื้อนี้นะคะ

เราว่านะ...ถ้าใครอยากลองเหมือนเราก็มาร้านนี้ได้ค่ะ...

แต่ถ้าจะให้เราแนะนำ....สำหรับเรา...เราว่ามันเค็มไปค่ะ...ขนาดปลาหน้าตาจืดๆ ยังเค็มเลยค่ะคุณคะ!!!!!

เซตเนื้อที่นี่หนะ..เนื้อก็ Juicy และนุ่มอยู่นะคะ..แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ..เค็มค่ะ... -_-"

(หรือ!!!! อาจจะเป็นแค่เฉพาะสาขานี้รึเปล่า สาขาอื่นอาจจะอร่อยก็ได้นะ..ใครไปชิมสาขาอื่นบ้างแล้ว มาบอกด้วยนะคะ)



(สรุป...อย่ากินเลยค่ะยี่ห้อนี้หนะ...ทั้งไทยทั้งญี่ปุ่นเลยค่ะ) >> ถ้าเค้ามาเห็นรีวิวเรา เค้าจะมากระทืบเรามั้ยอ่า ><

ปล. แต่ราคาถูกนะคะ...อันนี้บอกก่อนเลย ตกเซตละร้อยกว่าบาทเอง ถูกมาก!



รสชาติ :  ปานกลาง (3/5 คะแนน)

ราคา :  ถูก สบายกระเป๋า (4/5 คะแนน)

บรรยากาศ :  ร้านสไตล์ญี่ปุ่นทั่วๆ ไปค่ะ กินหมดแล้วก็ไป ไม่นั่งแช่เม้าท์มอยนะคะ (3/5 คะแนน)




12.00 น. ไปเดินย่อยที่ Ueno Park กันค่ะ

จับพิกัดเดินตาม Google Map ไปเลยค่ะ เดินไม่ทันเมื่อยก็ถึงแล้วค่ะ...อยู่ใกล้ๆ กันเองค่ะ

(พอดีช่วงที่ไปรอบนี้..ช่วงต้นๆ ธ.ค. 58 ใบไม้เปลี่ยนสีช้ากว่าทุกปีนิดนึง...เลยได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีกะเค้าบ้าง

เป็นสามสีอย่างที่เห็นตามภาพ สวยดีค่ะ..แต่บางต้นก็มาเป็นก้างแแล้วก็มีค่ะ)

(นี่ไงคะ..ต้นที่เป็นก้างๆ อย่างที่เราบอก...เราก็ถ่ายๆ ไป รวมๆ กับสีแดงๆ ก็สวยได้ค่ะ...เป็นมุมๆ ไปเนาะ..แฮ่!!)

(อันนี้เหลืองเป็นทิวเลยค่ะ...ของจริงสวยมาก...นี่ถ้ามาก่อนหน้านี้นิดนึง จะไม่มีพวกก้างๆ คงจะสวยมากๆๆๆๆ ค่ะ)



(ใครอยากเห็นแบบไหน เวลาเลือกช่วงที่จะมาก็เช็คนิดนึงก็ดีค่ะ..เราจะได้ภาพสวยๆ กลับไป..

แต่เราว่ามาช่วง เม.ย.คงจะดี ที่นี่คงจะสะพรั่งไปด้วยซากุระ...คงจะสวยมากๆๆๆๆๆ กว่านี้แน่ๆ 

...คือเราฝันค่ะ..ว่าอยากมาตอนซากุระบานๆ บ้าง ลมเย็นๆ ปะทะหน้าเบาๆ เดินจับมือกับแฟน(หรอ?) คงจะโรแมนติกดี ^^) 

.............ตื่นเภอะค่ะ...ตื่น ๆ ๆ ๆ ๆ ....ไปดูก้างๆ กันต่อค่ะ >< .................. 



(อันนี้เป็นใบที่หล่นมาจากต้นเหลืองๆ ที่เห็นเป็นทิวๆ นั่นแหละค่ะ..ไม่รู้เรียกต้นอะไร สวยดีค่ะ)


(อันนี้เป็น Starbucks ภายในสวนค่ะ...คอกาแฟไม่ต้องกังวลเลยนะคะ ประเทศนี้ Starbucks เพียบทุกอณู อย่างกะเซเว่นเลย

...แต่กาแฟทั่วๆ ไปในประเทศนี้ โดยรวมแล้วเราว่าก็หอมดีนะคะ....ใช้ได้อยู่ในระดับที่ดีเลยหละค่ะ)



>> คือพอเราเอารูปมานั่งดู...เพิ่งจะสังเกตว่า.......อินี่ไม่ได้ถ่ายสัญลักษณ์เด่นๆ ของสวนเค้ามาเล๊ยยยย...



คือพาเค้ามาดูสวน...อินี่ก็ถ่ายแม่งแต่รูปสวนจริงๆ มีแต่ต้นไม้ๆๆๆ แล้วก็ต้นไม้ (ขออภัยนะคะ..ครั้นจะเอาของคนอื่นเค้ามาโพสต์ให้ดู 

ก็กลัวเค้าจะมาด่าแม่เอาค่ะ...ดูต้นไม้ไปกับเราก่อนนะคะ...กราบบ... -/l-)



>> งั้นเราให้ข้อมูลเบื้องต้นของ Ueno Park ไว้ก่อนละกันค่ะ

Ueno Park (เปิด-ปิด : ทุกวัน 06.00-22.00น.)


(ภายในสวนอุเอโนะมีสถานที่สำคัญทั้งวัด ศาสเจ้า อนุสาวรีย์ สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์ให้ชม)

สถานที่ด้านในที่น่าสนใจ เช่น -วัด Keneiji>> เจดีย์ 5 ชั้น


บึงซิโนะบาซุ (hinobazu Pond) ที่มีเรือพายและเรือถีบ

- พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตเกียว(Tokyo Metropolitan Art Museum)

- หอศิลป์ขนาดใหญ่มี 6 ห้องให้เลือกชม บางงานจะเปิดให้ชมฟรี (เปิดตั้งแต่เวลา 09.30– 17.30น.) ปิดวันจันทร์



14.00 น. ไปวัดอาซากุซะ หรือวัดเซ็นโซจิ (SensojiTemple) กันค่ะ 



(อย่าสนใจเวลาเรานะคะ...อันนี้เราแสดงเส้นทางการเดินทางให้ดูคร่าวๆ เป็นตัวอย่างค่ะ)



>> เอาเป็นว่า...ใครเดินชมสวน Ueno เสร็จแล้ว ให้เปิด Hyperdia ขึ้นมาแล้ว Search หาทางไปวัดตามภาพเลยค่า....

เพราะเวลาพินิจพิจารณาละเมียดละไมในการชมสถานที่ของแต่ละคนมันไม่เท่ากันจริงๆ :)



>> ตามภาพด้านบนเราจะไปขึ้นรถไฟที่ Subway สถานี Ueno ไปยังสถานี Asakusa โดยใช้ขบวน Ginza Line ฝั่งที่จะไป Asakusa นะคะ...

เวลาเดินจะขึ้นรถ มองดูดีๆ ด้วยค่ะ เดี๋ยวจะขึ้นผิดฝั่ง  ราคา 170 เยน  



หมายเหตุ บางคนอาจจะไม่ถนัดหยอดตั๋ว เราแนะนำเพื่อความสะดวกให้ซื้อบัตร SUICA ค่ะ แตะปุ๊บ..ผ่านปั๊บ..หักเงินเต็มจำนวนไม่มีส่วนลดนะคะ



(หน้าตาบัตรจะเป็นอย่างงี้ค่ะ)



>> เวลาซื้อเราไปซื้อที่ JR Office นั่นแหละค่ะ...เค้าจะมีให้เลือก 2000 เยน  5000 เยน ฯ ประมาณนี้ค่ะ


เราก็เลือกราคาให้เหมาะกับทริปที่เราวางแผนไว้นะคะ...ถ้าเกิดใช้ไม่หมดเอาไปแตะจ่ายตังค์ตาม Family Mart หรือตามที่ต่างๆ ที่เค้ารับจ่ายผ่านบัตรนี้ได้ค่ะ


บัตรนี้มีอายุการใช้งานได้ 10 ปี เริ่มต้น 2000 เยน เป็นค่ามัดจำ 500 เยน 


(สามารถแลกคืนได้ตอนใช้หมด แนะนำให้ใช้ให้หมดเกลี้ยงนะคะ..ถึงจะได้เงิน 500 เยนคืนเต็มจำนวน) 


ส่วนอีก 1500 เยนเป็นมูลค่าภายในบัตรค่ะ (สามารถดูรายละเอียดการใช้ได้ที่ Web นี้ค่ะ)


https://www.gotokyo.org/th/tourists/info/profit/index.html



. . . . . . เ มื่ อ ถึ ง ส ถ า นี A S A K U S A . . . . . .


>> Ginza line ให้ออกทางออกที่ 1 ค่ะ


>> Tip! มองไปฝั่งตรงข้ามวัดจะเห็นตึก AsakusaCulture Tourist Information Center

เป็นจุดบริการให้ข้อมูลข่าวสารแก่นักท่องเที่ยว



(หน้าตา ตึก Asakusa Culture Tourist Information Center)



>> เห็นตึกหน้าตาแบบรูปด้านบนนี้แล้ว ให้เดินตรงเข้าไปในตึก แล้วขึ้นไปที่ชั้น 8 เลยค่ะ (ขึ้นฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ)


สาเหตุที่เราให้ห้เดินขึ้นไปตึกนี้คือ...เราจะพาไปดูวิวอาซากุสะจากมุมสูงค่ะ (น้อยคนจะรู้นะคะ..ว่ามีอะไรแบบนี้ด้วย ลองดูค่ะ)



(วิวอาซากุสะ ถ่ายจากมุมสูงค่ะ รูปจะออกมาประมาณนี้ค่ะ)



>> เมื่อถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว...ทีนี้ถึงเวลาเดินเข้าชมวัดของจริงแล้วค่ะ..


แต่!!! ก่อนที่จะถึงวัด เราจะเจอร้านรวงต่างๆ มากมายตามริมทางของถนนนากามิเซะ (NakamiseDori)


เป็นถนนช้อปปิ้งของที่ระลึก หรือของฝากค่ะ...แนะนำ ก่อนถึงวัดจะเจอร้านนี้ค่ะ


"ร้าน Agemanju asakusa Kokonoe ซาลาเปาทอดแห่งอาซากุสะ" (เปิด-ปิด : 09.00 – 19.00 น.) ราคา 120 – 200 ¥ ต่อลูก


ร้านอยู่ขวามือ ก่อนถึงประตู Kaminorimon ประมาณซัก100 เมตร (บล๊อคสุดท้าย)



(หน้าตาร้าน และซาลาเปาทอดร้าน Agemanju asakusa Kokonoe ค่ะ)



รสชาติโอเคค่ะ (ถ้าแบบร้อนๆ นะ) คือเราได้กินท้งอันที่ร้อน และไม่ร้อนค่ะ ถ้าร้อนๆ นี่อร่ิยเลย...


แต่ถ้าใครดันได้อันไม่ร้อนไปก็..อาจจะรู้สึก แข็งๆ นิดหน่อยค่ะ...แต่โดยรวม ลองดูสักอันค่ะ..ไหนๆ ก็มาแล้ว ^^


>> เดินมาอีกนิด.....ก็ถึงละค่า...ทางเข้าประตู Kaminorimon สุดฮิต...แขกไปใครมา ขอให้ได้ถ่ายรูปด้วยซักแชะ สองแชะ



(เราเองก็เอากะเค้าบ้างค่ะ...นิดนุง...แฮ่!!)



(อันนี้เป็นด้านล่างของโคม ลองเงยหน้าขึ้นไปนะคะ จะเห็นว่ามีรูปมังกรแกะสลักสไตล์จีนอยู่ค่ะ)



(อันนี้เป็นเจดีย์สูง 5 ชั้นค่ะ...แอบสังเกตว่าพอเลื่อนขึ้นเลื่อนลง..เหมือนภาพมีมิติ...แต่อบย่าเลื่อนเยอะนะคะ..มึน ><)




(อันนี้เป็นศาลาหลังใหญ่..ก่อนเข้าอย่าลิืมล้างมือ บ้วนปาก กวักควัธูปเข้าหาตัวกันก่อนนะคะ)



16.00 น. ได้เวลา Shopping แล้วค่าาาาาาา....ไป Ginza กันค่าาาา  ^___^




(อันนี้เป็นเส้นทางจาก Asakaza ไป Ginza ค่ะ)



. . . . . . ร้านที่ไม่ควรพลาดในย่านนี้ มีดังนี้เลยค่ะ!!! . . . . . . 



(1) MUJI (สาขาใหญ่) เปิด 10.00 – 21.00 น. ทุกวัน ร้านอยู่ใกล้ทางออกC9ของ Tokyo Subway สถานี Ginza


(2) ยูนิโคล สาขากินซ่า (ใหญ่ที่สุดในโลก)เปิดตั้งแต่ 11.00 – 21.00 น. ทุกวัน ตั้งอยู่ใกล้ทางออก A2 ของ Tokyo Subway สถานี Ginza


(3) KimurayaSohonten (คิมูระยะ โซฮอนเทน) เปิดตั้งแต่ 10.00– 21.00 น. เป็นร้านเบเกอรี่เจ้าแรกในญี่ปุ่น 

ที่เปิดมากว่า 150 ปีและเป็นต้นตำหรับคิดค้นขนมปังไส้ถั่วแดง (อยู่ใกล้ทางออกA9ของ Tokyo Subway สถานี Ginza) >> อันนี้เราไม่ได้ไปค่ะ

(เนื่องจากมัวแต่ชอปเพลินเลยเวลามากกกกก....) แต่อันนี้บอกไว้เป็นข้อมูลสำหรับบางท่านค่ะ


>> อ่อ...ลืมบอกไปค่ะ เดินไปเรื่อยๆ จะเห็น กินซ่า วาโกะ(Ginza Wako) ตึกนาฬิกาที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของย่านกินซ่า 

ตึกนี้ตั้งอยู่บริเวณแยก Ginza 4-Chome ใจกลางย่านกินซ่า เป็นแยกที่ตัดระหว่างถนนChuo และ Harumi Dori



(อันนี้กินซ่า วาโกะ(Ginza Wako) ตึกนาฬิกาที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของย่านกินซ่าค่ะ)



19.30 น. กลับไปย่านที่พักเราดีกว่าค่ะ...ท้องเริ่มร้อง Next Station Ueno Station ค่าาา




. . . . . . แท่น  แท๊นนนนน ห้ามพลาดเลยนะคะร้านนี้ - Isomaru Suisan ค่ะ . . . . . .


>> ร้านนี้เปิตลอด 24 ชม. นะคะ (แนะนำค่ะ...พยายามใส่เสื้อผ้าเข้าร้านนี้ให้น้อยชิ้นที่สุดนะคะ!!!)



(อันนี้เป็นหน้าตาร้านค่ะ..จริงๆ ร้านนี้มีหลายสาขานะคะ ที่ชินจูกุก็มี...โอซาก้าก็มี..แต่เลือกที่นี่เพราะใกล้ที่พัก และเคยมาแล้วโอเคค่ะ)




(เดิฟๆ ก่อนเลยค่ะ...อากาศข้างนอกหนาวๆ ได้เจ้านี่ไป...แฮปปี้ดี๊ด๊ามาก >__<)



(อันนี้ทางร้านเค้าจะแจกให้ทุกโต๊ะนะคะ...เตือนค่ะเตือน...เจ้ากลมๆ อย่าเผลอแกะกินเลยนะคะ..

มันมิใช่โมจินะคะ..ให้เอาไปย่างก่อนแล้วค่อยกินนะคะ...

ไม่ใช่อะไรค่ะ..น้องที่ไปด้วยกัน..ฉีกซองจัดเข้าปากก่อนเลยค่ะ...คายออกมาแทบไม่ทัน 5555+)



ข้างในนี้มันจะเป็นไส้...แบบ...ถ้าให้เราบรรยายรสชาติ ก็จะประมาณคล้ายๆ ทูน่าสเปรดอ่าค่ะ...เอาย่างร้อนๆ แล้วอร่อยมากค่ะ


ส่วนปลาที่เห็นนอนแอ้งแม๊งอยู่นั่น...อย่าดูถูกเชียวนะคะ...อร่อยกว่าที่ตาเห็นค่ะ..ขอบอก!!! 




(อัันนี้เป็นกุ้งค่ะ..เอาไปย่างที่เตาก่อนร้อนๆ ก่อนกินก็บีบเลมอนก่อนหน่อยนึง...จะบอกว่าเนื้อกุ้งนี่หวานมากกกกกก!!!)


สดสุดๆ ไปเลยค่ะ...แทบอยากจะกินเปลือกมันเข้าไปด้วยเลอออ (อินี่ก็เว่อร์ป๊ายยย -*-)


(อันนี้เป็นฉบับ...ขึ้นเตาย่างค่ะ...อดใจรอแว๊บนึงนะคะ...ฮี่ๆ  :))



(อันนี้ปลาอะไรสักอย่าง...ในเมนูมีรูปภาพค่ะ...จะบอกว่า....อย่าสั่งมาเลยจะดีกว่าค่ะ)



คือ...ที่บอกว่า อย่าสั่งมาเลย ไม่ใช่ว่ารสชาติมันไม่ดีหรืออะไรนะคะ...แต่ว่า..เจ้าปลานี่...ก้างเยอะมากๆ ค่ะ!!!!!


กัดตรงไหน กินตรงไหน คายก้างออกมาแทบไม่ทัน..รู้สึกแบบ...นี่ถ้าเรามัวแต่กินเจ้าปลานี่..เราจะกินอย่างอื่นไม่ทันเพื่อนนะคะ


เพราะมัวแต่นั่งบ้วนก้างนางออกมาทีละซี่ๆๆ เนี่ยแหละค่ะ..ลำบากละเกิน  -_-"


(หอยนี่ดีมากข่าาาาาา...สั่งเถอะค่ะ...หวาน และอร่อยมากกก...จะบอกว่า...หอยยนี่ตัวใหญ่เท่าหน้าเราได้อ่า!!!!)


เวลาเอาไปย่างก็หยิบขึ้นไปย่างทั้งตัวนี่แหละค่ะ...ไม่ต้องใจร้อนพยายามไปแงะมันนะคะ...ย่างไปเรื่อยๆ ค่ะ 


ใช้เวลาสักพักนึง...แล้วเจ้านี่จะค่อยๆ อ้าปากยลโฉมให้เราเห็นเองค่ะ....


(นี่ไงคะ....อันนี้คือนางสุกแล้วค่ะ...หยิบลงมาจัดการได้เลยค่ะ...เนื้อนาง Juicy มากๆค่ะ...ฟิน!!!!)


(อันนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ...จับวางๆ...รอนางอ้าเท่านั้น...ก็จัดการได้เลยค่ะ)


อ่อ...ที่โต๊ะ..เค้าจะมีบอกวิธีกินด้วยนะคะ..ลองอ่านดูก็ได้ค่ะ


(อันนี้เป็นหมึกค่ะ...ขนาดตัวคงไม่ต้องพูดถึง...ยิ่งใหญ่ค่ะ...อย่าคิดว่าจะเหนียวนะคะ...มันนุ่มมากๆ ข่าาาาาา...)


ขนาดเราตัดนางออกมาเป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วเคี้ยวทั้งคำยังเคี้ยวได้สบายมากค่ะ (ฟังดูแอบตะกละนิดนึงเนาะ 555+)


อ่อ...ลืมบอก...นางมากับมายองเนสนะคะ  :)


(แท่น...แท๊นนนนนน.....นี่เลยค่ะ...Hilight ของงานนี้...เจ้ามันปู!!!!  กราบเลยค่ะ  กราบบบ...สั่งเถอะค่ะ!!!)



อร่อยมว๊ากกกกกกกกก.....สั่งเถอะนะ...ไปกี่คน ก็สั่งคนละอันเลย...เชื่อเราๆ (อินี่ก็เชียร์อย่างกะมีหุ้นส่วนอยู่ร้านนี้ ฮ่า ๆ)


เวลาเอาขึ้นเตาสังเกตนะคะ จะใช้เวลานานประมาณนึงเลยค่ะ...คือลองสังเกต..ตรงขอบๆ จะค่อยๆ เดือดผุดๆ 


ให้เราอดใจรอออีกสักพักนึง ลองเอาตะเกียบคนๆ ดู  สักแปบจะเห็นว่าสีของมันปูจะค่อยๆ เปลี่ยนป็นเข้มขึ้น...


ลองเอาตะเกียบจิ้ม แล้วลองมาแตะๆ ที่ลิ้นดูค่ะ...รสชาตินางจะแบบบบบบบ....หวานละมุนลิ้นมากกกกกกกก...


มันจะแบบหวาน...มัน...อร่อยสุดๆ  (นั่นแหละค่ะ..พอสีนางเปลี่ยนก็เอาลงมาลุยได้เลยค่ะ รับลองเกลี้ยงไม่มีเหลือ)


แนะนำ  ตัวมันปูเนี่ย..ถ้าเรากินเปล่าๆ เลย อาจจะเลี่ยนได้นะคะ เราแนะนำว่า ลองเอาหมึกอ่าค่ะ...มาจิ้มแล้วกินดูนะ...


ฟินไป 18 ตลบค่ะ!!! 



(ขอปิดท้ายด้วยเมนูนี้ค่ะ...สดมากกกกก...จนไม่รู้จะอธิบายยังไง..ความสดดูได้ตามภาพเลยนะคะ)



สรุป

รสชาติ : ดีงามมากกกกกกกกก  (108/5 คะแนน) >> เว่อร์มากกก!!! 5555+

ราคา : เห็นแบบนี้...รสชาติเกินราคาค่ะบอกเลย ไม่แพงค่ะ (5/5 คะแนน)

บรรยากาศ : ก็ปิ้งย่างทั่วไปสไตล์ญี่ปุ่น ติดตรงกลิ่นค่ะนิดนุงค่ะ ติดไปยันชุดชั้นในค่ะ 555+ (4/5 คะแนน)


. . . . .


. . . .


. . .


. . 


.



หมดทริปโตเกียววันที่ 1 เท่านี้ก่อนนะคะ ยังมีต่อ PART 2 นะคะ ถ้ายังไม่เบื่อกันซะก่อน...^__^


.


. .


. . .


. . . .


. . . . .



- o i l i i e -






Create Date : 19 ธันวาคม 2558
Last Update : 3 มิถุนายน 2559 14:35:54 น. 2 comments
Counter : 3796 Pageviews.

 
ดีค่ะดี เอาอีกๆๆ :)


โดย: สายสร้อย IP: 119.46.54.62 วันที่: 22 ธันวาคม 2558 เวลา:16:42:25 น.  

 
จะกินมัน ปูวววววว์


โดย: สายสร้อย IP: 119.46.54.62 วันที่: 22 ธันวาคม 2558 เวลา:16:43:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Oiliie PlastX
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




- o i l i i e -

+ ชอบรีวิวร้านอาหาร (ทั้งคาวหวาน..ถ้าไปได้เราไปหมด)

+ ถ้าว่างๆ ชอบทำอาหารกินเอง

+ แล้วถ้าว่างมากๆ อีกชอบไปเที่ยวค่ะ
(เที่ยวไปเรื่อยตั้งแต่ใกล้ยันไกลๆ ตามงบประมาณช่วงนั้น)

+ ชอบหารีวิวร้านอาหาร..ร้านโน้น ร้านนี้ ไปเรื่อย
(ร้านไหนอร่อย ร้านไหนดี ร้านไหนสวย อินี่ไปหมด)

--- แต่ไม่เคยนึกลองอยากเขียนรีวิวเองสักที ---

+ อันนี้มีคนแนะนำ...บอกแกๆ ทำรีวิวเถอะ เลยอยากลองทำดู

มือใหม่ค่ะ ดีไม่ดียังไงรบกวนเม้นติ เม้นชมได้ค่ะ จะได้เอาไปปรับปรุง ^__^
Friends' blogs
[Add Oiliie PlastX's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.