ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ
Group Blog
 
All Blogs
 
ไปญี่ปุ่น ตอนที่ 2 นั่งรถตูดบานไปฟูจิซัง

ก่อนอื่นก็ขอขอบคุณนะครับสำหรับคำอวยพรวันเกิด วันนี้เรามาเล่าเรื่องที่ไปญี่ปุ่นวันต่อมาให้ฟังกันต่อดีกว่า

ตอนที่ 2 นั่งรถตูดบานไปฟูจิซัง

หลังจากที่เราพักที่มิตซุยอิ การเดนท์ คาตามาระ แล้ววันนี้เราก็ต้องเปลี่ยนโรงแรมที่พักเป็นชินจูกุ วอร์ชิงตัน โฮเต็ล วันนี้คุณไกด์นัดกินอาหารเช้า 6.45 น. (เช้ามากๆสำหรับเรา) เพราะไกด์บอกว่าถ้าไปช้ากว่านี้ จะไม่มีที่นั่ง พอเรากินข้าวเสร็จแล้วก็เก็บกระเป๋าขึ้นรถบัสไปฟูจิซัง ออกจากโรงแรม 8.00 น. นั่งรถไปเรื่อยๆ ไปทางโยโกฮาม่า สักพักไกด์ก็บอกว่าเราพอจะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิแล้ว



วิวข้างทางก็เริ่มเป็นป่าๆ เห็นต้นไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองสีแดงเต็มไปหมด สวยมากๆเลย



และแล้วรถก็มาถึงจุดพักรถ ใกล้ๆ โกเทมบะ เพื่อเข้าห้องน้ำคุณไกด์บอกให้เวลาแค่สิบนาที (ลืมบอกไปว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ คนญี่ปุ่นออกมาเที่ยวกันเยอะมาก แล้วก็วันอังคารก็เป็นวันหยุดอีกก็เลยเป็น Long Weekend ของที่ญี่ปุ่น รถเลยติดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

แล้วเราก็เจอเจ้าตัวนี้ น่ารักดีก็เลยถ่ายรูปมา



แมวญี่ปุ่นนอนหนาวอยู่ (สิบก่าองศาเองน่ะเนี่ย)


หลังจากนั้นก็ออกเดินทางต่อ เป้าหมายที่เราจะไปเป็นที่แรกก็คือ หุบเขา โอวาคุดานิ (Owakudani ) ..........นั่งรถไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ ดูวิวข้างทางอันสวยงามไปเรื่อยๆ แล้วก็เห็นภูเขาไฟฟูจิเป็นระยะๆ















จนกระทั่ง 11.30 น. ทางไกด์บอกว่าคนขับรถบอกว่า หุบเขาโอวาคุดานิ อยู่ข้างหน้านี้เองอีก 500 เมตรก็ถึงแล้วแต่รถติดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆไม่ขยับเลย เราเลยคุยกับแฟนว่า ลงเดินกันมั๊ย แล้วเราก็ไปบอกไกด์ ไกด์ก็ถามคนขับรถว่าเดินได้มั๊ย คนขับรถบอกว่าเดินลำบากเหมือนกันน่ะ เราก็เลยไม่ได้ลงเดิน ........ต่อจากนั้นอีก 15 นาที่ต่อมารถก็เลือนไปได้แค่โค้งเดียวเอง ทางไกด์ก็ดูจะเป็นกังวล เพราะทางไกด์ได้จองร้านอาหารไว้ เวลา 13.00 น. ถ้าไปไม่ทันเราก็ต้องรอรอบต่อไปจะทำให้เสียเวลา คุณไกด์ก็เลยบอกว่าลงเดินกันเถอะ พอลงเดินไปได้โค้งนึงก็ถึงแล้ว หุบเขาโอวาคุดานิ มีควันลอยออกมาจากภูเขาเต็มไปหมด



หลังจากนั้นคุณไกด์ก็บอกว่าให้เวลายี่สิบนาที 12.20 ให้มาเจอกันตรงลานจอดรถ เราก็เลยรีบไปซื้อไข่ดำมาก่อนเลย เพราเป็นของขึ้นชื่อของที่นี้





ไข่ดำแกะแล้วก็เหมือนไข่ต้ม


หลังจากนั้นก็ต้องไปตามหาคิตตี้ไข่ดำ แต่เวลามีน้อยมากเราก็มองหาไม่เจอ เพราะเราคงขี้นไปตรงที่เข้าต้มไข่ดำไม่ได้กลัวกลับมาที่รถไม่ทัน แล้วเเฟนเราก็เห็นเจ้าตัวนี้ก็เลยไปถ่ายรูปด้วย



แล้วก็เลยไปหาซื้อคิตตี้ไข่ดำเป็นของที่ระลึก





ส่วนอันนี้อะไรก็ไม่รู้แต่เห็นเป็นคิตตี้ก็คว้ามาก่อนแล้ว


แล้วแฟนเราก็เหลือบไปเห็นเจ้านี้เข้า





หนาวจะตายจากินไอติมอีก "ก็เค้าจากินนิ"


หลังจากนั้นก็ต้องรีบกลับไปที่รถเพื่อลงจากเขาไปขึ้นเรือล่องทะเลสาปอาชิ (Lake Ashinoko ) รอบ 12.40 มีเวลาลงจากเขา 20 นาที รู้มั๊ยรถไปถึงกี่โมง.............................................................................................รถถึง 12.36 คุณไกด์บอกให้รีบวิ่งเข้าไป แล้วเลี้ยวซ้ายลงบันไดไปที่ท่าเรือเลย แล้วก็ขึ้นเรือทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ขึ้นกันเสร็จเรือก็ออกทันทีเลย คนเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



ได้ขี้นเรือลำซ้ายแหละ




วิวรอบๆท่าเรือ




เรืออีกลำ


วิวรอบๆทะเลสาบสวยมากๆเลย มีคนบอกว่าที่ทะเลสาบนี้จะเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย แต่เราขึ้นไปไม่ถึงดาดฟ้าด้านบนเลยเห็นแต่หัวคนเต็มไปหมด









เรืออีกลำ


และแล้วก็ถึงฝั่งขึ้นมาท่าเดียวเอง ก็เจอร้านขายปลาหมึกปิ้ง (แอบถ่ายมาไม้ตั้ง 500 เยนแหนะ)



แล้วคุณไกด์ก็พาไปขึ้นรถบัสแล้วก็ไปกินข้าว เป็นเทมปุระทอดเอง







หน้าร้านอาหาร




วิวรอบร้านอาหาร




เจอใบไม้เปลี่ยนสีอีกแล้ว หน้าร้านเลย


และแล้วจุดหมายปลายทางต่อไปของเราก็คือ ภูเขาไฟฟูจิซัง ที่ชั้นที่ ห้า นั่นเอง และแล้วก็ออกเดินทางไปเรื่อยๆ ....หลังจากอิ่มแล้วเราก็เผลอหลับไป......ZZZZzzzzzz และแล้วเราก็ตื่นขึ้นมา ถามแฟนว่าถึงไหนแล้ว เราก็เจอกับรถติดอีกแล้ว ซักพักคุณไกด์ก็บอกว่า เราคงไปขึ้นภูเขาไฟฟูจิ ไม่ทันแล้วเพราะด่านคงปิดประมาณ 16.00 น.(ถ้าจำไม่ผิด) ทางคุณไกด์ก็บอกว่าเดียวจะพาไปทะเลสาบ อะไรซักอย่างแทนแต่เราจำชื่อไม่ได้เหมือนกันว่าชืออะไรแต่เป็น หนึ่งในห้าของทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ และแล้วรถก็ไปถึงทะเลสาบที่ว่า ถ้าจำเวลาไม่ผิดประมาณสี่โมงเย็น แต่มือเหมือนกับประมาณหกโมงเย็นบ้านเราเลย ไม่เชื่อดูรูป



หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว เราก็ไปเข้าห้องน้ำใกล้ๆนั้น ตอนเราจะกลับไปที่รถเราต้องข้ามถนน แฟนเราบอกว่าข้ามเลยไม่ต้องรอไฟแดงหรอก แต่ที่ญี่ปุ่นถ้าไฟแดงยังงัยรถก็จะหยุดอยู่อย่างนั้นไม่ยอมไปจนกว่าจะเขียว เราก็เลยกดให้ไฟแดงเพื่อที่เราจะข้ามถนน (ไม่กดก็ข้ามได้เพราะไม่มีรถเลย) แล้วเราก็ข้ามไปแล้ว แล้วก็มีรถขับมา เราข้ามไปไกลแล้วน่ะ แต่รถคันนั้นก็ยังหยุดอยู่เลย...อิอิ แล้วเราก็เดินทางต่อไปพิพิธภัณฑ์ราเม็ง แล้วเราก็เจอกับรถติดมากมายตลอดทางแม้แต่บนทางด่วน กว่าจะถึงพิพิธภัณฑ์ราเม็ง ปาเข้าไปสามทุ่มครึ่ง เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ราเม็งคุณไกด์บอกให้เวลากินประมาณสี่สิบห้านาที เราก็เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ราเม็ง แล้วเราก็ไปหยอดตังค์เพื่อกดว่าจะกินอันไหน มันมีรูปอยู่ไม่กี่ปุ่มเอง ที่เหลือเป็นตัวภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียวเลย แฟนเราบอกว่าไม่ค่อยหิวเพราะท้องอืด เอาชามเล็กได้มั๊ย เราก็เลยกดกันมั่วๆของเราเอาที่มีรูปอยู่ ส่วนของแฟนก็เอาอันที่ราคาถูกหน่อยเพราะคุณไกด์บอกว่าจะมีแบบที่เป็นจากเล็กด้วย พอได้ตั๋วออกมาแล้วเราก็เข้าไปนั่งรอแล้วซักพักเด็กเสิร์ฟก็เอามาเสิร์ฟ น่ากินมากๆ



หลังจากกินเสร็จแล้วเราก็กลับโรงแรมชินจูกุ วอร์ชิงตัน โฮเต็ล กว่าจะถึงก็ห้าทุ่มกว่า คุณไกด์บอกเราว่าน้องชายเรามาถึงนานแล้ว เพราะน้องชายเราเมารถก็เลยไม่ได้ไปกับทัวร์แต่ไปกับเพื่อนน้องที่ทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นแทน ไปซื้อเกมส์ การ์ตูนอะไรประมาณเนี่ย พอถึงห้องเราก็โทรไปหาน้องที่ห้อง น้องก็บอกว่าซื้อข้าวให้กินหน่อยเดินจนเท้าบวมไปหมดแล้ว(โอ้ยน้องชายตัวป่วนอีกแล้ว)เราก็เลยต้องลงไปซื้อข้าวมาให้กิน เสร็จแล้วเราก็กลับห้องแล้วก็หลับเป็นตาย แล้วก็หมดไปอีกหนี่งวันในญี่ปุ่น.......พรุ่งนี้แล้วซิน่ะที่เราจะได้นังรถไฟในญี่ปุ่นซักที่และแล้วความฝ้นของเราก็จะเป็นความจริงซะที่..ZZZZzzzzzz


Create Date : 28 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2553 21:07:44 น. 2 comments
Counter : 1612 Pageviews.

 
ไม่ลองไอติมชาเขียวละคะ อร่อยดีนะคะ หนาว ๆ อย่างนี้กินไอติมด้วยได้บรรยากาศดีออกค่ะ ว่าแต่ สี่โมงเย็นตอนที่ไปนั้นค่ำกว่านี้มากเลยละคะ มืดเลยด้วยซ้ำไป การนั่งรถไฟในญี่ปุ่นไม่ค่อยประทับใจเลยค่ะ ลำบากและคนแน่นนะคะ แล้วจะตามมาอ่านอีกนะคะ


โดย: mariabamboo วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:16:07 น.  

 
น่าสนุกจังเลยค่ะ


โดย: NokJbz วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:40:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

oenkung
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add oenkung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.