ฉันรักแสงอาทิตย์ยามเช้า

ผมสั้น หรือผมยาว ... เสียใจ.... หรือว่าเสียดาย

ฉันไว้ผมยาวมากว่า 5 ปี .... และในใจหวังไว้อย่างยิ่งว่า สักวัน ฉันจะตัดผมสั้นเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูแปลกตาไปบ้าง แต่ .... ก็ทำใจไม่เคยได้สักที เพราะ เสียดายผมยาวที่ไว้มานาน และเคยชินกับการไว้ผมยาวมากกว่า

ผมยาว มันทำอะไรได้มากมาย ทั้งปล่อยยาวตรงสลวย หรือจะดัดให้เป็นลอนสวยๆ ดูหวาน หรือแม้แต่มัด หรือรวบเกล้าให้เป็นทรงต่างๆ อย่างที่ใจอยากให้เป็น

ฉันได้แต่บอกกับตัวเองว่า "ฉันตัดผมทิ้งไปไม่ได้หรอก เสียดาย จะตาย ไว้มาก็นาน ทีนี้จะทำทรงไหนคงลำบาก" สุดท้าย ตั้งใจจะตัดทีไร ก็ได้แค่ซอยทุกที ทั้งๆ ที่ผมนั้นมันก็ทั้งเสีย แห้ง แตกปลาย แต่เอาน่า อย่างน้อย ผม มันก็ยังอยู่บนหนังศรีษะให้เราได้สัมผัสมัน



. . . . . . . .

คนคนนึง ที่ฉันตั้งใจจะลืมมากว่า 2 ปี และในใจหวังอย่างยิ่งว่า สักวัน ฉันจะต้องตัดใจ และเลิกติดต่อกับเขา เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องบ้าง แต่.... ก็ทำใจไม่เคยได้สักที เพราะเสียดายระยะเวลาที่คุ้นเคยกันมานาน และเคยชินกับการมีเขาไว้ในใจ

การที่เรามีเขา มันก็มีอะไรมากมาย ทั้งมีคนคอยโทรมาหา มีคนคอยเป็นห่วง มีคนคุยเป็นเพื่อน หรือแม้แต่มีคนที่ไปกินข้าวดูหนังในบางครั้งก็ตาม

ฉันได้แต่บอกตัวเองว่า "ฉันตัดเขาออกไปจากใจไม่ได้หรอก ฉันเสียใจมากนะ ที่ต้องคิดว่าวันึงฉันจะไม่ได้คุยกับเขาอีก ทีนี้ เวลาฉันเหงา ฉันจะโทรหาใคร" สุดท้าย ตั้งใจจะตัดใจทีไร ก็ทำได้แค่ไม่ไปเจอหน้า หรือแค่คุยกันให้น้อยลง ทั้งๆ ที่เขา ก็ไม่ได้ใส่ใจหรือให้ความสำคัญกับเรามากนัก


. . . . . . . .

วันนี้ ฉันไปตัดผมมาแล้ว อยู่ดีๆ ไม่รู้ว่าทำไมในใจของฉันมันถึงได้เร่งเร้าอยากจะตัดผมนัก .... แล้วฉันก็พบว่า การตัดผม ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย แค่เรานั่งเฉยๆ แล้วช่างก็ทำหน้าหน้าของเขาไปตามที่เราสั่งให้ทำ ตอนที่ตัดเสร็จ ฉันรู้สึกโล่ง สบายศรีษะ แล้วมันก็ออกมาไม่ได้แย่อย่างที่คิด ฉันกลายเป็นอีกคนที่ดูสดใส แปลกใหม่ และสบายใจมากขึ้น ....


บทเรียนจากการตัดผม ทำให้ฉันได้คิดว่า ที่ฉันกลัวจะเสียใจที่จะตัดเขาออกไปจากใจนั้น ฉันว่า ฉันคงเสียดายมากกว่า เสียดายที่ฉันจะไม่ได้คุยกับเขาอีก เสียดายที่ฉันจะไม่ได้หัวเราะหรือยิ้มกับเขา เสียดายที่วันเวลาที่ผ่านๆ มานั้นจะไม่ได้เกิดขึ้นอีก แต่.... ฉันจะเสียใจมากกว่าหรือเปล่าที่ยังมีเขาอยู่ โดยที่เขาไม่ได้ให้ความใส่ใจใดๆ ที่เป็นพิเศษกับฉันเลย เหมือนกับการที่ฉันต้องอดทนดูแลใช้ครีมนวดแสนแพงเพื่อฟื้นฟูผมเสียของฉันให้มันยังอยู่บนศรีษะของฉันต่อไป


อะไรที่มันเสียแล้ว หรือมันใช้การไม่ได้เกินจะฟื้นฟู เยียวยารักษา .... ทิ้งมันไปเถอค่ะ ดีกว่าเราต้องมานั่งทุกข์ใจกับมัน ยิ่งนานไปก็ยิ่งจะทำให้เราเสียใจมากขึ้นด้วย


ฉันลองทำมาแล้ว ไม่ยากเลย





 

Create Date : 05 ตุลาคม 2551   
Last Update : 5 ตุลาคม 2551 11:13:25 น.   
Counter : 713 Pageviews.  

ต้นไม้แห่งชีวิต

เรากลับมายืนที่ต้นไม้แห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง ต้นไม้ที่เราเคยวิ่งเล่น เคยเผลอหลับไปยามที่เล่นจนเหนื่อย เคยนั่งเล่นขายของกับเด็กคนอื่นๆในหมู่บ้าน เคยสร้างกระท่อมหลังเล็กไว้นอนเล่น เคยปูเสื่อนอนทำการบ้านในวันเสาร์อาทิตย์ และเคยนั่งร้องให้เวลาที่อกหัก ต้นไม้ต้นนี้ได้ให้ร่มเงากับเรา คอยมองดูเราเจริญเติบโตจากเด็กตัวเล็กๆจนกลายเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงพร้อมที่จะเผชิญกับโลกกว้าง


เราลืมต้นไม้ต้นนี้ไปได้ยังไงกันนะ วันนี้มันดูเปลี่ยนไป เปลือกที่แข็งแรงได้ถูกกาลเวลากัดกร่อนไปตามกาลเวลา และผลิตเปลือกใหม่ที่แข็งแรงกว่าเปลือกแล้วเปลือกเล่า ส่วนเปลือกเก่าที่ดูไร้ประโยชน์
กลับสร้างประโยชน์ให้กับดินรอบๆโคนต้น

เราทรุดลงกับพื้น อดไม่ได้ที่จะร้องให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา เราลืมไปว่าตัวเองเป็นใคร หลงมัวเมากับความสะดวกสบายในเมืองกรุง จนลืมความสัมพันธ์ที่มีต่อต้นไม้ต้นนี้ไป ต้นไม้คงคิดถึงเราในยามที่เราไม่ได้มาเยี่ยมเยือน ถึงได้ทิ้งใบลงมาด้วยความโศกเศร้า เราจำครั้งสุดท้ายที่เรามาเยี่ยมต้นไม้ต้นนี้ได้ดี หลายปีมาแล้ว วันนั้นเราเห็นต้นไม้ดูสดใส ใบเล็กๆที่เขียวชอุ่ม และดอกสีชมพูที่ชูช่อรับแสงอาทิตย์ ทำให้เรารู้สึกสดชื่น และคลายกังวลยามที่เราได้เห็น เราจึงวางใจว่า ต้นไม้ต้นนี้จะยังอยู่กับเราอีกนานแสนนาน ทำให้ลืมไปว่าแม้ต้นไม้จะมีรากแก้วที่แข็งแรงแค่ไหน ก็ยังต้องการน้ำทิพย์แห่งจิตใจมาชโลมให้รากและใบสดชื่นอยู่เสมอ

เรานอนลงบนตักของพื้นดินอันคุ้นเคยที่เราไม่เคยได้สัมผัสมานาน นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เราได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ได้เรียนในคณะที่ทุกคนใฝ่ฝัน ได้ทำงานในตำแหน่งที่ใครหลายคนอยากจะทำ นั่นเป็นสิ่งที่เราคิดว่าเรามีความสุขที่สุดแล้ว เราใช้ชีวิตที่เราคิดว่ามีความสุขนี้มานาน ลืมกลับมาเยี่ยมต้นไม้ต้นนี้ ลืมอ้อมกอดของสายลม และแสงดาวในยามค่ำคืนของรัตติกาล กลับมีความสุขอยู่กับเสียงสีเสียงที่ต้นไม้ต้นนั้นไม่มีวันได้พบ ต้นไม้ส่งสายลมมาเตือนเราเบาๆว่า ขอให้เราพักผ่อนบ้าง แต่เรากลับเถียงในใจว่า ที่ต้นไม่คิดอย่างนั้นได้ก็เพราะว่าต้นไม้ไม่เคยมายืนอยู่ตรงที่เรายืนนี่ต่างหาก ได้เยาะเย้ยต้นไม้ในใจว่าเป็นเพียงต้นไม้ที่ไม่มีวันได้รู้ว่าโลกนี้ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว

แล้ววันหนึ่งที่เราได้ค้นพบว่าทุกอย่างรอบกายที่เราคิดว่ายั่งยืน ถาวร ได้พังทลายลง คนที่เราคิดว่าจริงใจคอยช่วยเหลือกันนั้นไม่มีอยู่จริง เป็นวันที่เราล้มลงบนพื้นคอนกรีตที่ร้อนระอุ มีรอยแผลใหญ่เกิดขึ้นตามตัว ความเจ็บทำให้เรานึกถึงดินรอบโคนต้นไม้ ที่เราเคยล้มลงหลายครั้ง ต้นไม้มักจะมีใบที่ร่วงหล่นมารองรับเราเสมอๆ สุดท้ายเราจึงตัดสินใจหันหลังให้กับทุกสิ่ง หอบความเจ็บช้ำทั้งกายใจกลับมาที่โคนต้นไม้ต้นเดิม ต้นไม้ต้นเดิมที่พร้อมจะคอยโอบกอดเราไว้เสมอ ถึงแม้การเวลาจะเปลี่ยนเราไปแค่ไหน ต้นไม้ดูเปลี่ยนแปลงไปมากสักเพียงใด แต่สิ่งเดียวที่ต้นไม่ได้ให้แก่เรามาตลอด คือการยื่นกิ่งที่แข็งแรง และอบอุ่นนี้มาประคองเรายังไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป เป็นสิ่งเดียวที่อบอุ่นและหาค่าไม่ได้

น้ำตาเราไหลรินอาบสองแก้ม ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากเราอีก มีเพียงเสียงที่ดังก้องที่บอกกับตัวเองว่าเราจะกลับมาเป็นคนดูแลต้นไม้ต้นนี้ ให้เหมือนกับที่ต้นไม้ดูแลเรามาตลอดทั้งชีวิต เพราะต้นไม้ต้นนี้คือต้นไม้แห่งชีวิตของเรา

ปานตะวัน




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2551   
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 13:02:05 น.   
Counter : 219 Pageviews.  

รองเท้ามือสอง

คุณเป็นคนที่หลงในในสินค้ามือสอง โดยเฉพาะ รองเท้าไหม ฉันเป็น จำได้ว่ารองเท้าคู่โปรดก็ยังเป็นรองเท้ามือ สองที่ซื้อมาในราคาแสนถูก แต่กลับใส่มันจนขาดคาเท้าและยังอดคิดถึงมันจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้ ไม่มีรองเท้าคู่ไหนเลยที่ใส่แล้วจะถูกใจเท่ากับรองเท้าคู่นั้น แม้จะมีรอยแห่งการถูกใช้งานมาบ้างก็ตามที ฉันใส่มันไปในทุกๆที่ เราต่างเป็นเพื่อนคู่ใจกันและกัน วันใดที่ฉันเดินมากไป เจ้ารองเท้าก็จะเตือนฉันด้วยรอยแดงๆข้างเท้าว่า “ เธอเดินมากไปแล้วนะ พักเถอะ”


ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าของเก่าจึงได้นำรองเท้าคู่นี้มาขาย อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าของคนเก่า ไม่เข้าใจว่ารองเท้าเตือนเขาด้วยความห่วงใยก็เป็นได้ เลยเข้าใจผิดว่ารองเท้าคู่นี้กัดและทำร้ายเขา หรืออาจจะเป็นในกรณีที่ว่าสรีระเท้าของเจ้าของเดิมไม่เหมาะสมกับรองเท้าคู่นี้ ถึงแม้รองเท้าจะรักเจ้านายของมันมากขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ต้องถูกทิ้งเนื่องจากเหตุผลที่ว่า “ความไม่เหมาะสม”


คุณเคยเป็นคนที่ถูกทิ้งไหม ฉันเคย เคยรักใครคนนึง รักเขาอย่างมากมาย ทุ่มเททุกอย่างเพื่อเขาโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ฉันเป็นกำลังใจให้เขาในยามที่เขาท้อแท้ เป็นเพื่อนให้เขาในยามที่เขาไม่มีใคร และคอยเตือนเขาอย่างห่วงใยในยามที่เขาเดินหลงทาง ฉันไม่เคยคิดหรอกว่าความห่วงใยนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวฉันเอง เพราะฉันกลายเป็นคนที่จุ้นจ้านจนน่ารำคาญ สร้างความวุ่นวายให้คนที่ฉันรัก เหมือนกับการที่รองเท้ากัดเท้าเจ้าของมันในยามที่เขาเดินมากเกินไป วันนึงฉันก็ถูกทิ้งเหมือนรองเท้าคู่นั้นด้วยเหตุผลที่ว่า”เราเข้ากันไม่ได้”


ฉันตกที่นั่งเดียวกับรองเท้ามือสอง รอคอยวันที่จะมีใครหันมามองรองเท้าคู่นี้ รองเท้าที่มีร่องรอยแห่งความเจ็บปวด ฉันหมดหวังและคิดว่าฉันคงไม่มีค่าพอที่จะรักใครได้อีก ฉันเหนื่อย ท้อแท้ แล้ววันนึงฉันได้มีโอกาสไปวังหลังกับเพื่อนคนนึง ที่นั่นมีรองเท้ามือสองขายมากมาย เพื่อนคนนี้ไม่เคยซื้อสินค้ามือสองเลย แต่พอเขาไปเจอกับรองเท้าคู่นึงที่ตามหามานาน ไม่มีขายตามท้องตลาด และเขาสวมได้พอดี และซื้อเกือบจะทันทีโดยที่ไม่ต้องคิด หลังจากวันนั้นรองเท้าคู่นั้นกลายมาเป็นรองเท้าคู่เก่งของเขา เขารักและดูแลรองเท้าคู่นี้มากกว่ารองเท้าคู่ไหนๆ จนฉันแปลกใจเขาบอกฉันว่า”รองเท้าคู่นี้รู้ใจเขามากที่สุด ” จากเรื่องรองเท้าทำให้ฉันคิดได้ว่า บางที สิ่งที่เหมาะสมกับเรา อาจจะเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน


คนที่เหมาะสมกับเราถูกสร้างมาเพื่อเราเสมอ แต่กว่าที่เราจะหากันเจอนั้นเขาอาจจะไปอยู่ในที่ที่เราคิดไม่ถึง ฉันจึงมีกำลังใจที่จะดำเนินชิวิตต่อไปเพื่อรอคนที่เหมาะสมกับฉัน เข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็น ถ้าฉันจะเปรียบตัวเองกับรองเท้าคู่นั้น ก็คงจะไม่แปลกอะไร เพราะถึงรองเท้าจะดูเป็นของต่ำต้อย แต่ถ้าวันไหนที่คุณต้องเดินเท้าเปล่าแล้วละก็ คุณต้องคิดถึงมันแน่นอน






 

Create Date : 03 ตุลาคม 2551   
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 12:54:45 น.   
Counter : 271 Pageviews.  

First Love

รักแรกเป็นสิ่มที่สวยงามมากอย่างที่ทุกๆคนพูด เพราะตอนนั้นเราทุกคนเองก็เป็นสิ่งที่สวยงามเช่นกัน เราเป็นเด็ก บริสุทธิ์ ขาวสะอาด และ อ่อนต่อโลกจริงๆ

ตอนสมัยเรียนมัธยมต้น เราได้รู้จักผู้ชายคนนึงอายุน้อยกว่าและเรียนระดับชั้นต่ำกว่าเรา เค้าเป็นผู้ชายตัวสูง ตาเล็ก และผิวสีแทน เป็นคนที่ดูเหมือนจะพูดน้อยแต่ตลกเป็นบ้าเลย เราได้รู้จักกันผ่านแฟนของเพื่อนเราและเหตุการณ์นั้นทำให้หัวใจดวงน้อยๆของเราพองโตขึ้นมาอย่างประหลาด เราไม่แน่ใจว่าใครเป็นฝ่ายชอบใครก่อนและไม่ได้ตกลงคบกันเพราะทุกคนก็พูดกันไปว่าเราเป็นแฟนกัน เราก็เต็มใจยอมรับคำกล่าวหานั้นอย่างโดยดี


ถึงจะเรียนคนละที่แต่เราก็ได้เจอกันทุกวันหลังเลิกเรียน เค้าคนนั้นมาหาเราทุกๆเย็น เราชอบมองตาของเค้าเวลาที่เค้าสงสัยเค้าจะเป็นผู้ชายที่น่ารักที่สุดในโลก แต่บางทีเราก็เดาไม่ถูกว่าวันนี้เค้าจะทำอะไร หรือคิดอะไร ซึ่งบางทีเราก็ยังคิดว่าเค้าชอบเราจริงๆเหรอผู้ชายคนนี้ เพราะเค้ามีทุกอย่างเพรียบพร้อมทั้งฐานะ และเรียนโรงเรียนที่ดังที่สุด ถึงจะเกเรไปบ้างแต่ ก็ยังมีดีกรีเป็นักกีฬาว่ายน้ำของจังหวัด


ทุกๆครั้งที่เราเจอเค้า เราเหมือนถูกวัตถุหนักๆทับคลอดเวลา ไม่ว่าจะเดินจะพูดหรือจะวางมือ เราก็ทำไม่ถูกเอาซะหมด บางทีเราก็ทำอะไรเปิ่นๆ แสดงกิริยาโง่ๆ หรือบางทีก็ไล่เค้ากลับไปทั้งๆที่อยากจะอยู่ข้างๆเค้าใจจะขาด จะว่าไปเค้าก็ไม่ใช่รักครั้งแรกซะทีเดียว เพราะก่อนหน้านั้นเราเองก็มีความรู้สึกดีๆให้กับพี่ชายที่แสนดีคนนึง แต่เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้จึงมาแทนที่พี่ชายคนนั้นจนเต็มความรู้สึก


วันงานเลี้ยงครบรอบโรงเรียน เราได้ขึ้นไปรำอวยพร ออกมาแต่งตัวตั้งแต่ช้า วันนั้นเพื่อนๆทุกคนมีความสุขได้เล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน ยกเว้นพวกเรานางรำ 6 คนที่ต้องเก็บตัวอยู่ตลอด พอถึงเวลาที่เราต้องรำจริงๆ เป็นเวลาที่ตื่นเต้นมากๆ เราแต่เราก็ผ่านมันไปได้ด้วยดี นางรำทุกคนทีคนรักมาให้กำลังใจ และนั่นก็รวมถึงเราด้วยเรามีโอกาสได้อยู่กับเค้าในตอนกลางคืนเป็นครั้งแรก เพราะพวกเราต้องเปลี่ยนชุดกันเองและที่นั่นก็มีเค้าอยู่ด้วย


เป็นจริงอย่างคำที่คนพูดกันว่า ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน หลังจากนั้นไม่นานนัก เราได้รู้ข่าวว่าแฟนเก่าเค้ากลับมาและหลังจากช่วงนั้นเค้าต้องเก็บตัวซ้อมว่ายน้ำ เค้าก็หายไปนานๆถึงจะมาหาเราสักครั้ง ทุกครั้งที่เค้ากลับมาเราจะจับได้ตลอดว่าเค้ามีปัญหาหรือมีเรื่องตลอด แต่นั่นคืดสิ่งที่เราภูมิใจว่าเราคือคนแรกที่เค้าคิดถึงเวลามีความทุกข์ แต่ทุกครั้งเราก็ห้ามปากตัวเองให้พูดถึงแฟนเก่าเค้าไม่ได้


เรากลายเป็นคู่ที่คบๆเลิกๆกันอยู่ได้ประมาณปีกว่า วันนึงเราก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเลิกกับเค้าหลังจากเห็นเธอคนนั้นมาหาเค้าที่บ้าน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเรื่องใหญ่คือมีพี่คนนึงซึ่งเราแน่ใจว่าเค้าชอบเรา มาบอกกับเราว่า อย่าไปยึดติดกับผู้ชายคนนี้ เพราะเค้าไม่ได้ยึดติดกับเราหรอก วันนั้นเราร้องให้เป็นคนบ้า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูด แต่เป็นอะไรก็ตามที่เราไม่สามารถรับรู้เรื่องของเค้า และ ไม่สามารถปกป้องการถูกให้ร้ายของเค้าจากคนอื่นๆ ได้ เราตัดสินใจ...จะไป


เย็นวันนั้นเราเจอกัน เราคุยกันเหมือนปกติ หลังจากที่เราต้องกลับ เราตัดสินใจบอกกับเค้าว่า กลับไปหาเธอคนนั้นเถอะนะ เค้ารออยู่ และรักเธอคนนั้นให้มากๆ อย่าทำให้เค้าต้องร้องให้ และอย่าลืมดูแลตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องมีเธออีกแล้วหละ เราไม่เหงาแล้ว มันยากลำบากที่ต้องกลั้นน้ำตา เราเห็นเค้าเงียบเหมือนไร้ความรู้สึก จนเราต้องออกปากไล่อีกครั้ง เพราะถ้าเค้ายังไม่ไปจากเราตอนนั้น เราคงจะรั้งให้เค้ากลับมาอีก ขอให้เค้าอยู่ในความทรงจะอันแสนวิเศษของเราเถอะนะ ............



หลังจากนั้นอีก 3 ปี เราได้เจอกับเค้าอีกครั้ง และมีโอกาสได้คุยกัน ทุกอย่างเปลี่ยนไป เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เค้าโตขึ้นและดูไม่เหมือนคนเดิมที่เรารู้จัก เป็นนักเที่ยวตัวยงและเปลี่ยนที่เรียนเป็นว่าเล่น แต่เค้ายังดูแลเธอคนนั้นอย่างดี ทั้งๆที่เรายังไม่มีใครแต่เรากลับบอกเค้าไปว่าเรามีแฟนและมีความสุขดี หลังจากวันนั้น เราก็รู้สึกตัวว่าลืมเค้าได้แล้วจริงๆ แต่..เรายังรักผู้ชายในอดีตคนนั้นเหมือนเดิม

************************************
ผมไม่ขอพูดถึงรักแรกได้ไหมครับ เพราะตอนนี้เธออยู่ข้างๆผมตลอดเวลา เราแต่งงานกันแล้วครับ แต่ผมขอพูดถึงผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดแทนละกันนะครับ


เธอเป็นรักในวัยเด็กของผม ผู้หญิงคุยเก่ง ผิวขาว ตาโต ตัวเล็กคนนั้น เธออายุมากว่าผม เรียนโรงเรียนใกล้ๆบ้านผม ครอบครัวเธอยากจน แต่เธอไม่เคยท้อแท้สักนิด สำหรับผม เธอเป็นแบบอย่างชีวิตให้กับผมเลย ตอนที่ผมเจอเธอผมเพิ่งเลิกกับรักแรกของผมนั่นแหละครับ (ไม่รู้สิผมว่าเกี่ยวกับหัวข้อนะครับ) แล้วเธอเองก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักที่นักมากๆ จนมีคนจีบเธอเยอะเลย แต่ผมก็เป็นคนเดียวที่ได้คบกับเธอ (ผมจีบเธอแข่งกับผู้ชายมัธยมปลายเลยนะ)


ช่วงที่ผมคบกับเธอผมมีความสุขมากๆเลยครับ เธอดีกับผม หวังดีเสมอ เชื่อไหมผมไม่กล้าแม้แต่จะจับมือเธอ เพราะเธอชอบทำท่าเหมือนกลัวผมเสมอเลย วันนึงโรงเรียนเธอจัดงานเลี้ยง ผมเองก็เชิญตัวเองไปเชียร์เธอ ถึงเธอจะเป็นนางรำก็เชียร์ได้ครับ เธอสวยมากๆจนผมตะลึง แต่ผมก้ไม่กล้าชมเธอหรอกฮะ เพราะมัวอึ้งๆจนลืมไปเลย มานึกได้อีกทีก็กลับบ้านแล้ว นอกจากนั้นผมยังได้จับแก้มของเธอด้วย ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยจับแก้มผู้หญิง แต่แก้มเธอน่าจับมากที่สุดจริงๆนะ


และแล้วผมก็ปกป้องเธอไม่ได้ วันนึงแฟนเก่าที่ขอเลิกกับผมเอง เค้ากลับมาขอคืนดี และช่วงนั้นผมต้องเก็บตัวด้วย ผมเลยห่างๆกับเธอไม่ใช่ว่าผมอยากคืนดีกับแฟนเก่านะ แต่ผมไม่มีเวลาปฎิเสธต่างหาก เพราะเค้ามาดูแลผมที่สระว่ายน้ำทุกวันเลย ผมก็รู้ว่ามันทำให้เธอเจ็บมันทำให้เธอเสียใจ แต่คนเลวอย่างผมก็รู้ตัวนะครับ ผมรู้ตัวจริงๆ เหมือนที่ผมรู้ว่าผมรักเธอมากแค่ไหน


ผมไม่มีเวลาให้เธอเลยจริงๆนะครับ แต่เวลาที่ผมไปหาเธอ เวลาที่เธอยิ้มให้ผมผมมีความสุขยิ่งกว่าการที่แฟนเก่าผมมาดูแลผมซะอีก ช่วงหลังๆยิ่งมีคนมาจีบเธอเยอะขึ้น แต่ผมไม่ว่าเธอหรอกครับ ผมอยากให้เธอมีความสุข อยากให้เธอมีโอกาสเลือกคนดีๆ ขอให้เธอเจอแต่คนดีๆด้วยเถอะ แต่ถ้าใครทำไม่ดีกับเธอผมจะไปฆ่ามัน


แล้วพอผมได้ยินข่าวว่าเธอร้องให้เพราะผม ผมจึงตัดสินใจบอกแฟนเก่าผมเรื่องของเธอ และผมไปหาเธอตอนเย็นเพื่อที่จะบอกเธอว่าผมจะดูแลเธอ ผมจะอยู่เคียงข้างเธอ ผมจะปกป้องเธอ แต่ผมมาสายไปครับ มาสายจริงๆ เธอตัดสินใจเลือกให้ผมแล้ว เธอตัดสินใจเลือกที่จะให้ผมกลับไปหาแฟนเก่า โดยที่ผมยังไม่มีโอกาสบอกเธอเลยว่าผมเลือกใคร ผมยืนนิ่ง แต่เธอกลับไล่ผม ไล่ให้ไปไกลๆจากเธอ เธอผลักหลังผมยิ่งผลักเท่าไรน้ำตาผมก็ไหลเท่ากัน ผมไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้กอดเธอ หรือมองหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้าย ผมอยากบอกเธอว่า ผมรักเธอ ผมรักเธอ ผมรักเธอ


หลังจากนั้ 3 ปี ผมได้เจอเธอ เธอสุขสบายดี ได้คบกับผู้ชายดีๆ เธอน่ารักขึ้นเป็นกองเลย เธอถามเรื่องชีวิตรักของผม เธอบอกว่าเธอดีใจที่ผมรักและดูแลแฟนผมอย่างดี ที่ผมทำทุกอย่างนี้ได้ก็เพราะเธอนั่นเเหละ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ผมได้จากเธอ คือ ผู้หญิงที่เธอเลือกให้ผม ที่ผมดูแลเเฟนผมอย่างดีเพราะเธอเลือกให้ผม ได้ยินไหม เพราะเธอเลือกให้ผมไง




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2551   
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 12:52:11 น.   
Counter : 176 Pageviews.  

เขียนถึงส้มโอ

หวัดดีจ้ะส้มโอ...อยู่ดีๆเราก็คิดถึงนายขึ้นมาทั้งๆที่เราก็ไม่ได้เจอกันหรือติดต่อกันมาหลายปีแล้ว ลองนับๆดูก็ประมาณ 7 ปีได้ละมั้ง ตอนนั้นเราได้รู้จักกันในงานกีฬาระหว่างโรงเรียนของเราที่จัดเป็นประจำทุกปี เราเป็นคนถือป้ายโรงเรียนในขบวนพาเหรด ส่วนนายเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนนาย(ไม่น่าเชื่อว่าผอมแห้งอย่างนายจะรักษาตำแหน่งนายประตูได้) เราจำได้ว่าเพียงแค่ครั้งแรกที่เรามองหน้านายเราเองก็รู้สึกชอบนายขึ้นมา (ใจง่ายชะมัดเลย) ก็ยอมรับว่านายน่ารักกว่าใครๆทั้งหมดเลยนะโดยเฉพาะตาชั้นเดียวกับผิวขาวๆของนายอ่ะ .....นายอ่ะเป็นคนตัวสูงที่ชอบใส่เสื้อแจคเก็ตไปไหนมาไหนตลอดเลย ไม่รู้ว่าหนาวมากหรือไง

การแข่งฟุตบอลรู้สึกว่าเหมือนจะเป็นไฮไลต์ของงานกีฬาในครั้งนั้น เราเห็นทั้งเพื่อนๆโรงเรียนเราเเละโรงเรียนนายต่างตั้งใจฝึกซ้อมกันอย่างหนัก จริงๆรู้ไหมเราเองก็แอบเชียร์นายในใจ แต่เพื่อนตัวดีก็มาจับได้ว่าเราชอบนายจนได้

นอกจากฟุตบอลแล้วกีฬาที่ทั้งสองโรงเรียนต้องแข่งขันกันก็มีอีกมากมาย การจัดงานจัดอยู่นานเกือบเดือน (เป็นเดือนที่เด็กๆอย่างเรารอคอยกันจริงๆ) เราก็มีโอกาสได้คุยกันบ้าง เราจำได้ดีเลยตอนที่กินข้าวแล้วเราได้นั่งกินตรงข้ามกันที่โรงอาหารในสนามกีฬาแห่งนั้นทำให้เราได้มองหน้านายชัดมากๆ นายมีใบหน้าเล็กๆเศร้าๆ แต่มีปากที่อวบอิ่มซะเหลือเกิน และนายเองก็เป็นที่รักของเพื่อนๆผู้หญิงเกือบทุกคน จึงทำให้นายไม่เป็นที่รักของเพื่อนผู้ชายโดยเฉพาะ "เต้" เพื่อนในทีมฟุตบอลของนาย

ส้มโอนายรู้ไมเราได้แต่แอบมองนายอยู่หลายวัน จนวันนึงเป็นวันแรกที่เราสองคนได้คุยกันนานมากๆ ก็วันที่พวกเราต้องไปเดินพาเหรดเปิดงานที่สนามกีฬาไง นายซ้อมหนักจนป่วยอาจารย์โรงเรียนนายเลยให้มานอนให้ห้องที่เราต้องแต่งตัวเพื่อไปถือป้ายที่ขบวนพาเหรดในตอน 2 ทุ่ม วันนั้นเป็นวันที่เราต้องอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง เพราะทุกคนต่างไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองกันหมด วันนั้นเราคุยอะไรกันมากมาย นายยังบอกว่าเราคุยตลกดี และยังชมว่าเราแต่งชุดไทยแล้วดูน่ารักกว่าคนอื่นๆอีกด้วย เราเองก็ไม่รู้ว่าเราคุยไรกับนายไปบ้าง รู้แต่ว่าเราคิดอะไรไม่ออกเลยใจมันเต้น มือไม้สั่นไปหมด แต่นั่นเป็นวันที่ทำให้เรานึกถึงแล้วอดยิ้มไม่ได้สักที.....

พอถึงวันแข่งฟุตบอลที่ทุกคนรอคอย การแข่งขันดำเนินไปอย่างเข้มข้น ทางโรงเรียนเราเป็นฝ่ายรุกและนำตลอด เราเองก็รู้ว่านายกดดัน มากๆๆ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไรทางเราก็ได้ประตูมากขึ้น ผ่านไปครึ่งแรกเราก็นำนายไป 6 - 0 นายเองก็ถูกเพื่อนโดยเฉพาะเต้ กดดันตลอดจนเราแอบเห็นนายปาดน้ำตาหลายหน และนายเองก็มีเรื่องกับเต้ตอนพักครึ่งแรก เราเองไม่รู้จะทำยังไงดี เราจะออกจากการเชียร์ก็ไม่ได้ เพราะนั่นคือหน้าที่ของเรา การสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับนักกีฬาโรงเรียนเรา

พอตอนพักครึ่งเราถูกผู้หญิงโรงเรียนนายเรียกไปคุย เราเองก็กะว่าต้องเป็นคนที่ชอบนาย หรือไม่ก็คนที่นายคบเค้าคงรู้ว่าเราชอบนายเพราะเราไปให้กำลังใจนายตอนนายเดินออกมา ก็มีแต่นายแหละที่ไม่รู้อยู่คนเดียว ซื่อบื้อชะมัด แต่นายรู้ไหมว่าเรารวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อไปหาเธอคนนั้นเพื่อจะคุยกัน แต่ผิดคาด ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนกับเต้และบอกว่าเต้ชอบเรา เธอมาขอร้องไม้ให้เรายุ่งกับเต้อีก พอเราลำดับเหตุการณ์ได้แล้วเราเลยรู้ว่านี่คือการเข้าใจผิดอันยิ่งใหญ่ มันเป็นเพราะทุกที่ที่นายอยู่มีเต้อยู่ด้วย เวลาที่เรามองนายทุกคนคิดว่าเรามองเต้ ก็จริงอยู่เต้เองเป็นผู้ชายตัวสูง หุ่นนักกีฬา หน้าตาหล่อบาดใจ แต่เราชอบนายนะส้มโอ มันไม่เหมือนกันนะความรู้สึกที่เรามีต่อเต้กับนาย เราเลยอธิบายให้เธอเข้าใจว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับเต้เลย จนเธอเข้าใจและกลายเป็นว่าเธอมาขอร้องให้เราช่วยเธอเรื่องเต้กำลังจะเปลี่ยนไปแทน

ในที่สุดก็ถึงวันสุดท้ายที่เราจะได้แข่งกีฬากัน ทุกคนแลกที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์กัน เราก็ได้ของนายมา แต่วันหลังๆดูนายไม่ค่อยยอมคุยกับเราเท่าไรเลย หลังจากนั้นเราเองที่เป็นฝ่ายโทรไปหานาย(ผู้หญิงบ้า)ก็ที่บ้านเราไม่มีโทรศัพท์นี่นา แต่ก็ไม่บ่อยนัก หลังจากนั้นเราเองก็รู้ว่ารุ่นน้องที่โรงเรียนเราเค้าเองก็ชอบนาย และท้าให้เราเป็นคู่แข่ง
ผ่านไปไม่นานโรงเรียนของเราก็จัดการแข่งขันทางด้านวิชาการกับโรงเรียนต่างๆรวมทั้งโรงเรียนนายด้วย เราไปแข่งวิทยาศาสตร์ ส่วนนายไปแข่งคณิตศาสตร์ พวกเราต้องไปเข้าค่ายอยู่นาน 20 วัน ที่ค่ายแห่งหนึ่ง เป็นโรงเรียนที่ติดทะเลกินนอนที่นั่นเลย เป็นการแข่งขันในช่วงปิดเทอมที่เข้มข้นมากๆ แต่สำหรับเราเป็นอะไรที่ดีมากๆพอรู้ว่านายจะไปด้วย น่ะ ไม่ดีอย่างเดียวมีเต้กับแฟนเค้าไปด้วย ซึ่งสร้างปัญหาให้เราเยอะมากๆ

เรามีโอกาสได้คุยกันมากขึ้นมากขึ้น และเราได้ไปขี่จักยานริมชายหาดด้วยกันในวันหนึ่งวันที่เราต่างตื่นเช้าทั้งคู่และไม่มีอะไรจะทำกัน นายได้ให้เรายืมผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง และเราก้แกล้งทำเป็นลืมแล้วก็ไม่คืน ตอนนี้มันก็ยังอยู่นะ ตอนที่เราซ้อนจักรยานนายนะเราสนุกมากเหมือนโลกทั้งใบมันเป็นของเราเลย ตอนนั้นถึงมีคนเอาเงินมาให้เรา 1 ล้านและแยกเราออกจากนาย เราคงไม่เลือกเงินนั้นแน่นอน และวันนั้นก็เป็นวันที่เราจำได้ดีจนทุกวันนี้ นายดูน่ารักสดใสอย่างที่เราบอกไม่ถูก แต่พอจบค่ายนายเองก็ทำหมางเมินกับเราเหมือนเดิม ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เราไม่เข้าใจนายจริงๆ แล้วค่ายก็จบลง เราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

ครั้งล่าสุดที่เราได้เจอนายอ่ะ นายดูเป็นคนมั่นใจในตัวเองขึ้นมากเลย โกรกผมสีทอง (เจอตอนนายกำลังสาดน้ำเล่นสงกรานต์น่ะ) แต่นายคงไม่เห็นเราหรอกนะ เพราะเรานั่งอยู่ในรถ
ล่าสุดของเราตอนนั้ก็เมื่อ 4 ปีที่แล้วโน่นแน่ะ นายคงลืมเราไปแล้วแหละ

ทุกวันนี้เราเองก็ยังคงคิดถึงนายนะ แต่ในฐานะเพื่อนที่เคยรู้สึกดีๆเราก็ไม่รู้ว่าอาการที่ชอบนายมากๆ มันหายไปไหนหมดแล้ว แต่ความรู้สึกดีๆเวลาที่คิดถึงนายมันยังอยู่เสมอ และคงตลอดไปนะ ไม่ว่านายจะทำอะไรอยู่ที่ไหน เปลี่ยนไปขนาดไหน เรายังเป็นกำลังใจให้นายเสมอนะ นายส้มโอ



ป.ล. สำหรับคนอ่านนะ ถ้าอยากรู้ผลบอล หรือผลสอบ หรือรายละเอียดอย่างอื่นโทรมาถามละกัน เพราะขี้เกียจพิมอ่ะง่วง อยากพูดถึงแต่ส้มโออ่ะ




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2551   
Last Update : 3 ตุลาคม 2551 12:49:00 น.   
Counter : 301 Pageviews.  


nymphnim
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




~~~ เจ้าหญิงตากะตุ๊กตาโต ~~~~
[Add nymphnim's blog to your web]