If you tremble with indignation at every injustice.Then you are a comrade of mine.
Group Blog
 
All Blogs
 

พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด(Jesus heals a blind man)


ในพระคัมภีร์ไบเบิล(พระธรรมใหม่) ที่เขียนประวัติชีวิตของพระเยซูที่บันทึกโดยนักบุญยอห์น มาระโก ลูกา และมัทธิว   นักบุญยอห์นเป็นหนึ่งในสาวกที่พระเยซูทรงรักและอายุน้อยที่สุดในบรรดาสาวกทั้ง 12 คน  ส่วนนักบุญมัทธิวเป็นศิษย์ของพระเยซูโดยมีอาชีพเก็บภาษี(เป็นบ้านเราก็คงเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร)  และนักบุญลูกาเป็นอัครสาวกยุคแรกเริ่มมีอาชีพเป็นหมอ  เน้นเขียนพระคัมภีร์ชีวประวัติของพระเยซู พระแม่มารีย์ โดยการสัมภาษณ์บุคคลที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์  แบบว่าเป็นนายแพทย์ก็เลยใช้หลักสัมภาษณ์(Interview) ส่วนนักบุญมาระโกนั้นเป็นศิษย์ของนักบุญเปโตร  เขียนกิจการต่าง ๆ ที่พระเยซูเจ้ากระทำ  และในพระคัมภีร์หรือจดหมายที่เขียนถึงอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้ารักษาคนตาบอดซึ่งเป็นหนี่งในอัศจรรย์ที่เขียนโดยนักบุญมัทธิว(ในข้อ มัทธิว -31) ซึ่งตรงกับของนักบุญมาระโก(มาระโก ) หากเป็นวารสารที่เขียนโดยนักบุญยอห์นจะเป็นในบทที่ 9:1

 



 


เรื่องการรักษาคนตาบอดที่เมืองเยรีโค(เป็นเมืองแรกในคานาอัน ประเทศอิสราเอล)  กล่าวคือในขณะที่พระเยซูทรงเสร็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก  บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส  คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง  เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสร็จมา  เขาจึงส่งเสียงตระโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด” เจ้าข้าโปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด  หลายคนดุให้เขาเงียบแต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า  พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้าโปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด  พระเยซูทรงหยุดแล้วตรัสว่า ไปเรียกเขามาซิ  และทรงตรัสถามเขาว่า “ท่านเชื่อว่าเราทำเช่นนั้นได้หรือ” เขาทั้งสองตอบว่า เชื่อ พระเจ้าข้า พระองค์จึงทรงสัมผัสตาของเขาแล้วตรัสว่า “ให้เป็นไปตามความเชื่อของเจ้าเถิด” ( มัทธิว 9:29) แล้วตาของเขาทั้งสองคนก็เริ่มมองเห็น   พระเยซูทรงกำชับเขาอย่างเข้มงวดว่า “ระวัง อย่าบอกให้ใครรู้เรื่องนี้”   แต่เมื่อทั้งสองคนออกไปก็ประกาศเรื่องของพระองค์ทั้งแคว้นนั้น  จะเห็นได้ว่าหากคนเรามีความเชื่อนั้นสามารถที่จะสร้างปาฎิหาริย์อะไรให้เกิดในชีวิตก็ได้  ดั่งเช่นประธานธิบดีสหรัฐคนใหม่นายบารัก โอบาม่า กล่าวในคำขวัญการหาเสียงว่า “Believe in Change”  ทำให้สามารถเอาชนะใจคนอเมริกันทั้งประเทศจนเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์อเมริกา

 



เมืองเยรีโคเป็นเมืองแรกในคานาอัน ดูในแผนที่โบราณ ตามแผนที่จะเห็นเส้นปะเป็นเส้นทางการอพยพที่โมเสทใช้ในการหนีจากอิยิปต์ "ดินแดนคะนาอัน" (Canaan) ในช่วงที่อยู่ใต้การปกครองของอียิปต์ ในภายหลังได้แบ่งการปกครองออกเป็นสองส่วน ส่วนทางใต้กลายเป็นราชอาณาจักรยูดาห์ ส่วนทางเหนือคือราชอาณาจักรอิสราเอล

อยู่เมืองไทยก็สามารถสักการะพระรูปพระเยซูรักษาคนตาบอดได้ ซึ่งพระรูปประดิษฐานอยู่ที่โบสถ์นักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน กทม.

ความเชื่อทำให้คนเรามีความหวัง ความศรัทธาคือกำลังที่จะทำให้เราก้าวต่อไปได้อย่างแรงกล้า ชีวิตที่มีค่าควรทุ่มเทเพื่อศาสนจักร และประเทศชาติ พระเยซูตรัสว่า “ให้เป็นไปตามความเชื่อของเจ้าเถิด”




 

Create Date : 31 ธันวาคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 1:56:49 น.
Counter : 7499 Pageviews.  

วันประสูติของพระเยซู(Nativity)


                ทุกคนทั่วโลกรู้จักวันคริสต์มาส  รู้จักพระเยซู  แต่คงมีหลายคนในโลกไม่รู้เหมือนกันว่าพระเยซูบุตรของพระเจ้าผู้สูงศักดิ์เหตุใดจึงต้องเกิดในสถานที่ ๆ ต่ำต้องที่สุด คำว่าคริสต์มาสนั้นมาเกิดในภายหลังในปี ค.ศ. 1038 พบในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษ(ซึ่งไม่ใช่ภาษาดังเดิมแน่เพราะในสมัยพระเยซูไม่ได้ใช่ภาษาอังกฤษ) คำว่า Christers Maesse แปลว่า วันคริสต์มาสซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซูคริสต์  ต่อมามีคำทักทายที่เรามักคุ้นคือ Merry Christmas หรือ Merry X’Mas ซึ่งแปลว่า สันติสุข และความสงบทางใจ   วันคริสต์มาสตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปีซึ่งเป็นวันที่พระเยซูประสูติที่เมืองเบธเลเฮม และภายหลังประสูติต้องอพยพไปอียิปต์เพื่อหนีการฆ่าทารกตามคำบัญชาของกษัตริย์เฮโรด และเติบโตที่เมืองนาซาเรท ซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศอิสราเอล  คำว่า “เยซู” มาจากคำในภาษากรีก คือ อิเอซูส ซึ่งมาจากอักษรว่า เยซูวา ในภาษาอาราเมกหรือ ฮีบรูอีกทอดหนึ่ง  คริสตชนอาหรับเรียก ยาซูอ ตามภาษาซีเรียด ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่าอีซา ตามมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน  ความหมาย คือ ผู้ช่วยให้รอด  ส่วนภายหลังมีนิกายต่าง ๆ เกิดขึ้นมามายเช่น คณะเยซูอิต เป็นต้น


           เหตุที่พระกุมารเยซูผู้สูงศักดิ์ต้องประสูติในรางหญ้านั้นตามพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่าพระเยซูประสูติในรัชสมัยของกษัตริย์ออกกุสตุสในจักวรรดิโรมัน  ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนประชากรทั้งแผ่นดิน  โดยคีรีนิอัสเจ้าเมืองซีเรียขณะนั้นก็รับนโยบายไปปฏิบัติอย่างแข็งขัน(เหมือนสมัยนี้เลย  ข้าราชการประจำก็แข็งขันตามคำสั่งรัฐมนตรีเพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจเพราะเป็นมาแต่โบราณ)   นักบุญโยเซฟกับพระแม่มารีย์จึงต้องเดินทางจากนาซาเร็ธ แคว้นกาลิลีไปที่เมืองชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย  เนื่องจากนักบุญโยเซฟเป็นเชื้อสายดาวิดเมื่อเดินทางไปถึงไม่มีโรงแรมว่าง(อาจจะเป็นช่วง High Season)  และเป็นเวลาที่พระเยซูต้องประสูติ  พระนางมารีย์จึงต้องประสูติพระเยซูในรางหญ้า  ตามพระคัมภีร์ที่ว่า “นางจึงประสูติบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างให้เขาในโรงแรม” (ลูกา 2:1-7)   ภายหลังประสูติได้ 12 วันได้มีกษัตริย์ 3 พระองค์ได้เดินทางมาเพื่อนำ ทองคำ มดยอบ และกำยาน  ซึ่งในสมัยนั้น(หรือแม้แต่สมัยนี้ก็ตาม) ทองคำเป็นของมีค่าเป็นแร่ธาตุที่หายากและมีความงดงาม  เครื่องใช้กษัตริย์ต่าง ๆ ตั้งแต่โบราณจึงมักทำด้วยทองคำ มดยอบ เป็นเครื่องหอมในสมัยนั้น และมีราคาแพง เป็นของสูง เปรียบเหมือนน้ำหอมแบรนด์เนมในปัจจุบัน มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่าชาวตะวันออกกลางใช้มดยอบทาศพก่อนที่จะพันศพลักษณะคล้ายมัมมี่แบบอิยิปต์    ส่วนกำยานนั้นเป็นเครื่องหอมที่ใช้จุดเพื่อบูชาพระเจ้า  เหมือนธูปสปามีกลิ่นหอม ในสมัยนี้พิธีมิซาก็มีการใช้กำยานประกอบพิธี




วันประสูติของพระเยซู(Nativity) ต่อมาภายหลัง ค.ศ. 1038 พันกว่าปีหลังคริสตกาลจึงมีคำว่าคริสต์มาส(Christmas) โดยการค้นพบคัมภีร์โบราณของอังกฤษ

เบธเลเฮม เป็นเมืองเล็ก ๆ ในแคว้นยูเดียทางตอนใต้ของอิสราเอลในปัจจุบันตามแผนที่อยู่ใต้เมืองเยรูซาเลมเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของอิสราเอล ประมาณ 9 กม.

สภาพเมืองเบธเลเฮมในปัจจุบัน ชื่อ "เบธเลเฮม" มาจากภาษาฮีบรู ว่า "Bethlehem" แปลว่า "บ้านแห่งขนมปัง" หรือ "บ้านแห่งอาหาร" (คำว่า beth = บ้าน, lehem = ขนมปัง, อาหาร)




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2551    
Last Update : 14 ธันวาคม 2551 14:18:20 น.
Counter : 5166 Pageviews.  

โบสถ์ใหญ่แห่งเมืองดาลัดในประเทศเวียดนาม (The Dalat Catheral)


หากท่านใดได้ไปเยือนเวียดนามใต้สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ ต้องแวะไปนมัสการโบสถ์ใหญ่แห่งเมืองดาลัด ซึ่งเป็นโบสถ์สไตล์ยุโรปสร้างด้วยอิฐสีแดงภายในงดงามนัก เนื่องจากสมัยหนึ่งดาลัดอยู่ภายใต้การครอบครองของฝรั่งเศสจึงได้รับอารยธรรมทางศาสนาจากฝรั่งเศษ ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เมืองดาลัดเป็นดินแดนที่สวยงาม อากาศเย็น และเป็นดินแดนแห่งความรักผลิบาน มีความสวยงามของขุนเขาเขียวขจีด้วยป่าสนเมืองหนาว แหล่งท่องเที่ยวที่โรงแมนติคที่สุดของเวียดนาม แวดล้อมด้วยป่าเขา ไร่กาแฟ และสวน เมืองที่ได้รับคำเรียกขานว่าเป็นเมืองฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์ เป็นที่ตั้งของพระราชวังของจักรพรรดิบ๋าวได่ เหนือยอดเขาใกล้ตัวเมือง อันเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในฤดูร้อนมีมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1933 กลางเมืองเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ เป็นที่พักผ่อนของชาวเมือง ตัวเมืองเงียบสงบกว่า โฮจิมิน เหมาะแก่การพักผ่อนให้ห่างไกลจากความวุ่นวายของสภาพการแข่งขันในเมืองใหญ่


ด้านหน้าของโบสถ์ใหญ่แห่งเมืองดาลัด วันอาทิตย์จะมีพิธีมิซา ประชาชนชาวเวียดนามให้ความศรัทธาที่จะมาโบสถ์วันอาทิตย์ เช่นเดียวกับคริสตชนชาวไทยของเราเพราะเราชาวคริสต์เชื่อว่าวันอาทิตย์เป็นวันพระเจ้า




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2551    
Last Update : 14 มกราคม 2559 9:01:02 น.
Counter : 1413 Pageviews.  

โบสถ์แม่พระสายประคำ ฮ่องกง(Rosary Church Hong Kong)


โบสถ์แม่พระสายประคำตั้งอยู่ถนนชาตั้มใต้(Chatham Road South) เขตจิมซาโจ่ย ฝั่งเกาลูน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน เลยจากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (Hong Kong Science Museum) ไม่ไกล เป็นโบสถ์สไตล์ Roman Basilican model ซึ่งมีต้นกำเนิดจากกรีก โบสถ์สไตล์นี้พบเห็นได้ทั่วโลก และมีโบสถ์ที่มีชื่อเสียงหลายที่ เช่น โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ที่นคร วาติกัน อิตาลี, โบสถ์ฟรั่งซิสเซเวีย ที่สหรัฐอเมริกา และโบสถ์แม่พระฟาติมาที่ประเทศโปรตุเกส หากใครได้อ่านประวัติศาสตร์จีนจะทราบว่าโบสถ์แม่พระสายประคำแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาหลังจากที่มีกรณีกบฏนักมวย(Boxer Rebellion) ขึ้นในจีน ในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคสุดท้ายของระบบกษัตริย์ในประเทศจีน คือราชวงศ์ชิงทรงเห็นชาวต่างชาติยุโรป เข้ามาทำมาค้าขายในประเทศจีน แน่นอนสมัยนั้นชาวตะวันตกมักเข้ามาพร้อมกับกำลังทหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยจำพวกปืนไฟ หรือ ปืนใหญ่ พร้อมมิชชันนารีเข้าไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ในยุคนั้นจึงมีกบฏนักมวยขึ้นโดยทำการลอบสังหารมิชชันนารีชาวตะวันตก ซึ่งเชื่อกันว่ากบฏนักมวยได้รับการสนับสนุนจากราชวงศ์ชิง ภายหลังปราบกบฏนักมวยราชวงศ์ชิงก็ล่มสลายลงเป็นที่มาของจักรพรรดิองค์สุดท้าย ปูยี ทางอังกฤษจึงยกกองทหารจากประเทศอินเดีย(ซึ่งยุคนั้นอินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษเรียบร้อยแล้ว) มาขึ้นฝั่งเพื่อตั้งฐานทัพอยู่ที่เกาลูน ซึ่งทหารที่มาส่วนใหญ่นับถือคาทอลิก จึงได้มีการสร้างโบสถ์นี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1903 และเสร็จในปี ค.ศ. 1905 ฮ่องกง - เป็นอาณานิคมของอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ. 1841 (พ.ศ. 2384) จนถึงปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) อังกฤษจึงส่งมอบคืนจีนซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่วโลกและมีพิธีการใหญ่โต โบสถ์แม่พระสายประคำฮ่องกงสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.7) ส่วนโบสถ์แม่พระสายประคำในประเทศไทยอยู่ที่ ต.หลักห้า อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรีโทร 032-248-088 จะมีงานฉลอง ประมาณเดือนตุลาคม ของทุกปี




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2551    
Last Update : 8 ตุลาคม 2554 0:31:38 น.
Counter : 1639 Pageviews.  

รูปปั้นพระแม่มารีย์ทรงอุ้มพระศพพระเยซูที่นครวาติกัน(Pietà of Michelangelo)


หนึ่งในประติมากรรมอันทรงคุณค่าในนครวาติกัน ก็คือรูปปั้นพระแม่มารีย์ทรงอุ้มพระศพพระเยซูภายหลังนำพระเยซูลงจากไม้กางเขน รูปปั้นดังกล่าวตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ หรือมหาวิหารเปโตร ในนครวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี รูปปั้นดังกล่าวเป็นผลงานชิ้นเอกในยุคสมัย เรอเนสซองซ์ ซึ่งปั้นโดยไมเคิล แองเจลโล ยุคเรอเนสซองซ์นั้นเป็นยุคหลังสงครามคูเสด เรเนสซองซ์ แปลว่า เกิดใหม่ ซึ่งหมายถึงการเกิดใหม่ของศิลปะของกรีก และโรมัน ในสมัยนั้นโบสถ์ และความเชื่อในเรื่องศาสนาก็ยังมีให้เห็นในรูปของศิลปะ และหนึ่งในนั้นก็คือรูปปั้น Pietà ของศิลปินไมเคิล แองเจลโล(Michelangelo หรือชื่อเต็มว่า Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni) มีชีวิตอยู่ระหว่าง ปี ค.ศ.1475-1564 ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังพอ ๆ กับ ลีโอนาโด ดาวินชี่ เพียงแต่อาจจะไม่ได้มีความรอบรู้เท่ากับดาวินชี่ แต่เขาก็มีเอกลักษณ์ที่เด่นคือเป็นบุคคลเดียวในโลกที่ได้ประสบความสำเร็จสูงสุดในวิทยาการ 2 แขนง คือ แขนงวาดภาพ และแขนงปั้น ซึ่งผลงานที่เป็นที่ประจักษ์คือ David ซึ่งอยู่ในเมืองฟอร์เร้นซ์ (รูปปั้นผู้ชายเปลือยกาย) และแน่นอนรูปแกะสลัก Pieta ซึ่งอยู่ที่มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์(St. Peter's) ในกรุงโรม รูปปั้นเพื่อเป็นที่ระลึกในพิธีฝั่งศพของพระคาดินัล Jean de Billheresซึ่งเป็นพระคาดินัลของฝรั่งเศสที่ประจำที่กรุงโรม ซึ่งตอนที่ปั้นนั้นเขามีอายุเพียง 25 ปี นอกจากผลงานระดับ Masterpiece เขายังเป็นผู้วาดภาพบนเพดานโบสถ์เซ็นต์ปีเตอร์ที่วาติกันอีกด้วย
**คำว่าปิเอตะ(Pieta) เป็นภาษาอิตาลีที่แปลว่า ความสงสาร**




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2551    
Last Update : 1 มกราคม 2552 2:16:47 น.
Counter : 21993 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

People_Trip
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




 


If you tremble with indignation at every injustice, then you are a comrade of mine. "ถ้าคุณตัวสั่นเทาด้วยความเดือดดาลทุกครั้งที่เห็นความอยุติธรรม ถ้าเช่นนั้นคุณคือสหายของเรา"






Free TextEditor
Friends' blogs
[Add People_Trip's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.