|
ให้ "เพื่อน" ได้แค่ไหนกัน?
ร้อนนนน เจงๆๆๆ เฮ้อ เหงื่อตกไป ทำงานไป
อาทิตย์ที่แล้วมีเรื่องต้องเคลียร์กับเพื่อนคนนึง จะว่าสนิทไหมก็ไม่เชิงนะ
ถ้าจะนิยามของคำว่า เพื่อนสนิท เนี่ย หลายๆ คนๆ มัก จะบอกว่ามีแค่ 1 คน ที่เขาไว้ใจ วางใจ ฝากใจ ไว้กับ เพื่อนคนนี้ได้
แต่ของเราสำหรับเราไม่ได้หวังอะไรกับเพื่อนสนิทมาก มาย แค่คนที่คุยกันแล้วเข้าใจกัน ไม่ว่าจะแง่มุมไหน อาจจะไม่ทุกเรื่อง แต่เขาเข้าใจในสิ่งที่เราบอก ไม่ได้ เจอกันหลายเดือน มาคุยกันอีก ก็ไม่ต้องมารื้อฟื้นอะไร มากมาย คุยกันด้วยใจกันซะมากกว่า
เราเลยนับ (เอาเองว่า) คนนั้นคนนี้เป็นเพื่อนสนิท
ที่นับๆ ไว้ก็ประมาณ 7-8 คนนะ คนฟังอาจจะแบบ เฮ้ย สนิท จริงเหรอ แน่ใจนะว่าสนิทจริง ก็บอกแล้วเราไม่ได้คาดหวัง อะไรกับเพื่อนสนิทเยอะแยะ มันอาจจะหายหัวไปเมือง นอกเป็นปีๆ แต่กลับมาก็คุยกันได้เหมือนเดิมโดยไม่ ต้องรอต่อโมเด็ม บางคนอาจจะเป็นนางบงนางแบบ หรือ ไปทำงานองค์กร UN ระดับโลก แต่กลับมาคุยกันแล้ว มันยัง "ใช่" มันก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของเราเหมือนเดิม ที่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็น และเราก็เข้าใจในสิ่งที่มันเป็น โดยที่ไม่ต้องอธิบายให้มากความ
ไอ้ทีนี้เพื่อนคนที่พูดถึงนี้ ได้รู้จักกันโดยเป็นเพื่อน มหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่ง (ซึ่งไม่ใช่กลุ่มประจำ) ซึ่งก็สนิท กัน ณ ช่วงเวลาหนึ่ง พอจบไปต่างคนต่างใช้ชีวิตก็ไม่ได้ ติดต่อกัน จนกระทั่งมันแต่งงาน มันก็ไม่ค่อยแฮปปี้ กับชีวิตสมรสนัก มันก็โทรมาคุยกับเรา เราก็โอเคกับ มันเลยนะ ก็คุยกันได้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง เราว่ามันก็เป็น คนจิตใจดีคนหนึ่ง เพียงแต่โชคร้ายเจอสามีไม่ดี
ทีนี้ไอ้ปัญหาบางอย่างที่เกิดขึ้นก็คือ ด้วยความที่เรา treat เพื่อนสนิททุกคนอย่างที่บอกมา อาจจะต่ำกว่าความ คาดหวังของมัน เพราะบางครั้งเราไม่ว่าง เราก้อออกไป เที่ยว หรือ ไปคุยกับมันไม่ได้ทันท่วงที หรือ เราก็มี เบี้ยวนัดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้หายหัวไปเฉยๆ ก็จะบอกก่อน
และเราก็จะเป็นคนพูดตรง ถ้าอะไรที่คบกันแล้วมัน ไม่เวิร์คเราก็จะบอกเลย
บางครั้งเราเริ่มรู้สึกว่า มันเรียกร้องมากไปเกินกว่า ที่ เราจะทำให้ได้ เราก็เลยพูดไปตรงๆ เอาเป็นว่า ขอเคลียร์แล้วกันว่า ถ้ามีปัญหา กลุ้มใจอะไร จะกี่โมง กี่ยาม ก็โทรมาได้เสมอ ถ้าอยากมานอนด้วยก็มาเลย ถ้าไปเที่ยวเป็นเพื่อนได้ก็จะไป แต่บางครั้งมันก็อาจจะ ไปไม่ได้
ก็เคลียร์กันได้ คิดว่ามันคงเข้าใจเรามากขึ้น จบการเคลียร์ รู้สึก เหนื่อยใจ ไม่ชอบทำให้เพื่อนเสียความรู้สึก เหมือนกัน แต่เราเป็นคนที่ ถ้าให้ฝืนทำไป หรือ ให้หลบ หลีกปัญหา ไม่รับสาย หายหน้า ไปจากเพื่อนที่เรารู้สึก ดีๆ กับมันด้วย มันยิ่งทำยากยิ่งกว่า
กลับมานั่งคิดไปมาว่าพูดแรงไปหรือเปล่า (สำหรับเพื่นอคนนี้) แต่ก็ได้ข้อสรุปมาว่า
"ถ้ามันรับเราได้ก็ดี ถ้ารับไม่ ได้ก็ต้องทำใจ ปลง เพราะทำให้มันได้แค่นี้จริงๆ"
คิดตึ้งเพื่อนๆ จัง
Create Date : 24 เมษายน 2550 | | |
Last Update : 24 เมษายน 2550 18:36:33 น. |
Counter : 259 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Diet is Hell 2!!
เขียนต่อ
พอผอมลงก็ดีใจมาก กางเกงเก่าเริ่มสวมได้ แต่ความดีใจ มาพร้อมกับความระแวง ประสาท โรคจิต ย้ำคิดย้ำทำ หลายชนิดรวมกัน
นั่นคือ เราจะเป็นพวก กลัวอ้วนทันที เผลอกินอะไรนิดนึง เราจะเอาแล้ว วิ่งไปออกกำลังกาย แล้วเวลาใส่กางเกง ก็จะพยายามหมุนๆ ให้รู้สึกว่ามันหลวม แล้วเราจะติดท่า นึง คือ เราจะเอาหลังแขนไปแตะที่สะโพกว่ากระดูกมัน โผล่หรือยัง ถ้าโดนกระดูกเป็นอันโอเค
เพราะตอนอ้วน เนื้อตรงสะโพกมันจะเผละมาก แล้วเราจะ เกลียดมันมาก พอหายไป ก็จะกลัวมันกลับมา
อีกอาการคือ จิตหลอน มีอยู่ครั้งเราอยากกินขนมมาก (ไม่ได้สัมผัสน้ำตาล ไขมัน และโปรตีน มาหนึ่งเดือนเต็ม) แล้วรู้สึกเหมือนสมองมันสั่งให้เปิดตู้เย็น แล้วหยิบคุ้กกี้ ออกมา เรากัดไปคำนึง แล้วก็รู้สึกตัวรีบคายออก รู้สึกว่ามันอร่อยมากๆๆ เลยอ่ะ แต่แบบไม่ ชั้นจะไม่อ้วน ฮือๆๆ คิดถึงตอนนั้นแล้วทรมากมากมาย
เดือนที่สองก็ยังตั้งหน้าตั้งตาลด เพื่อนกินขนมยั่วแค่ไหน เราก็ไม่กินเด็ดขาด จนทุกคนยอมรับอ่ะ ว่าเรานะ เจ๋งจิง เพราะแม้แต่พวกลูกอมเรายังไม่แตะเลย นังเป้ที่เริ่ม ปรามาสเรา ก็เริ่มสงบปากสงบคำลง พร้อมๆ กับมีชมเรา ว่า ผอมลง เหอๆๆ สะใจมาก
เดือนที่สองผ่านไป หายแว้บไปอีกสองโลครึ่ง คราวนี้เรียก ได้ว่าเราไม่ใช่คนอ้วนอีกแล้ว รูปทรงเริ่มเข้ารูป ดูเป็นคน เพรียวๆ แล้ว หน้าเล็กตอบลง เพื่อนสนิทและไม่สนิทต่าง ก็มาถามใหญ่ว่าทำยังไง
พอเข้าเดือนที่สาม น้ำหนักค่อยลดลงทีละนิดจนเหลือ 48 ซึ่งกำลังดีทีเดียว วันนึงเราใส่เสื้อดำ กางเกงดำ ไปมหลัย ทุกคนชมเลยว่าผอมแล้ว แต่มีนังเป้เนี่ยชม แต่ปาก dog ว่า เออ ดูผอมแล้ว แต่ก้นยังใหญ่ๆ อยู่ เราแบบอยาก จะ spider kick ปากมันสักที ยุ่งอะไรกับกรูจริ๊ง
พอผอมสักพักเราเริ่มกลับมากินข้าว ทีนี้เราเพิ่งรู้ว่า เวลาอดอาหารเยอะๆ แล้วกลับมากินมันจะเป็น PingPong Effect พอกินได้ เราก็กินใหญ่ อาหารทุกชนิด ไม่เคยอิ่ม ไม่เคยพอ เราจำได้ว่า ตอนกลางวันเราพยายามสร้างภาพว่าเรา ยังไดเอ็ทอยู่ ทำเป็นกินน้อย พอกลางคืนเราจะแอบย่องลงมาคุ้ยหาข้าวสวย กับ กับข้าว เหลือๆ กิน รันทดอ่ะ พวกขนมเราก็กลับมากินเยอะกว่าเดิม ทั้งที่ตอนก่อนอ้วน บางอย่างเราไม่กินเลย แต่พอเลิกไดเอ็ทมันเหมือน อัดอั้น ก็เลยกินได้ทุกชนิด และไม่บันยะบั้นยั้งด้วย (เรากินได้ทั้งวัน)
เรามีอาการทางประสาทเรื่องอาหารการกินจนจบมหาลัย ที่น่าเศร้าคือ น้ำหนักเราเด้งทันทีหลังเลิกไดเอ็ท จาก 48 ที่กำลังดี มาเป็น 50 บางที แอบกินเยอะ ก็จะเป็น 51-52 ก็คือ อวบนิดๆ ซึ่ง หน้าบวม และเราเป็นคน โครงแบน อาจจะไม่ได้อ้วนมากมาย แต่มันดูตัวใหญ่ สะโพกใหญ่ ใสเสื้อผ้าไม่สวย ทำให้เราเป็นปมด้อยมาก (รู้สึกไปเอง)
น้ำหนักเราขึ้นๆ ลงๆ อวบๆ ผอมๆ แล้วแต่ภาวะนั้นๆ เช่นงานหนักก็น้ำหนักลง แต่พอ กินน้ำหนักก็เด้งขึ้นมาเร็วมาก เป็นอยู่ประมาณ 3-4 ปี จนอาการ ประสาทเรื่องอาหารน้อยลงๆ ไปเองเพราะมีเรื่องอื่นเข้ามาแทนที่ เช่น เรื่องงาน เรื่องสอบ เรื่องเรียนโท ในที่สุด เราก็สามารถกลับมากินตามปรกติ โดยไม่ห่วงเรื่องอ้วน ผอมอีกต่อไป ถ้าว่างก็ไปฟิตเนสบ้างแต่ไม่บ้าเหมือน เมื่อก่อน
พอไม่ได้กังวล สมองก็ทำงานตามปรกติ ร่างกายก็ไม่หิวทั้งวัน หรือ อยากกิน อะไรเว่อรๆ อีก ถ้าหิวก็กิน ถ้าอิ่มก็จะไม่กินต่อ จนเราทำงานที่หนึ่ง ซึ่ง งานหนักมาก และมีเรื่องกลุ้มๆ เรื่องความรัก น้ำหนักเราลดลงๆๆ ทั้งที่กิน ตามปรกติ สุดท้ายเรากลับกลายมาเป็นคนผอมเหมือนเดิมน้ำหนักคงที่แค่ 46-47 โดยไม่ทำอะไรเลย
เราไม่เคยไดเอ็ทอีกเลย เพราะมันมีเรื่องอื่นให้คิด ไม่ได้คิดแต่เรื่องกิน เหมือนสมัยเรียนอีก ไปๆมาๆ ตอนนั้นพยายามแทบแย่ กลับไม่ลด แต่ตอนนี้นั่งๆ นอนๆ กินมั่งไม่กินมั่ง กลับลดลงไปเฉยๆ
Create Date : 04 ธันวาคม 2549 | | |
Last Update : 4 ธันวาคม 2549 15:44:31 น. |
Counter : 351 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Diet is Hell !!!
เป็นคนผอมโดยกำเนิด แต่ไม่น่าเชื่อว่าช่วงหนึ่งในชีวิต ต้องมาสะกดคำนี้กับเขาด้วย Diet !! T_T
ตอนเด็กๆ ผ๊อม ผอม มาก ผอมแต่อนุบาลจนมหาลัย เพื่อนเราแซวว่า เฮ้ย สงสัยลูกแกออกมาเท่านี้แน่ แล้ว มันก็หยิบปากกาขึ้นมา อีบร้า
อยากอ้วนมาตลอด เห็นใครอวบๆ แล้วอิจฉา ไม่เข้าใจ อย่างมาก ว่าเพื่อนเราไดเอ็ทกันทำไม ทั้งๆ ที่แต่ละคน ก็หุ่นดีกันอยู่แล้ว กุ้มกับความผอมของตัวเองมาเกือบ ยี่สิบปี ปีที่ยี่สิบพอดี ก็ได้อ้วนสมใจ ทีนี่หล่ะ อยากอ้วนนัก เป็นงัยละยะ
เพราะด้วยความแฮปปี้ในอาหารการกิน ตอนไปซัมเมอร์ ที่อังกิด ดิชั้นก็กินไม่ยั้ง เช้าก็ซีเรียล หนมปังทาเนยหนา โคดๆ ตอนกลางวันก็ลาซานย่า นึกภาพนะคะ ลาซานย่า แบบที่สั่งที่ร้านพิซซ่าฮัท ปรกติจะแบ่งๆ กัน แต่อิชั้น ซัดเรียบคนเดียว แถมไปแย่งเพื่อนกินอีก พอตอนบ่าย ก็คุ้กกี้ช๊อคโกแลต จะบอกว่า คุ๊กกี้ร้านป้าที่ รร อร่อย โคดๆๆๆๆๆ ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่มหนึบ ช๊อกโกแลต ที่เป็นไส้ด้านในก็ย้อยออกมาร้อนๆ อึ๋ย
บางทีก็แว้บวิ่งไปร้านขนมกับเพื่อน แล้วเค้กเมืองนอกอ่ะ ไม่บันยะบันยั้งส่วนผสม นม เนย ไข่ เต็มที่ ดิชั้นก็ยัดๆๆ เข้าไป เพื่อนๆ ที่ซัมเมอร์ ต่างก็เริ่มทักบ้างๆ จากตอนแรก ที่เป็นสาวหุ่นดีของกลุ่ม เริ่มเข้าสู่ระยะอวบปานกลางจน ถึงมากที่สุดก็ยังไม่รู้ตัว ยังนึกว่าตัวเองเป็นคนผอม ยังภูมิใจว่า ชั้นนะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน อย่ามาหลอกช้าน เออ เอาเข้าไปเรา
พอกลับมาเมืองไทยเท่านั้นแหละ ก็ได้พบกับความจริง เพื่อนในกลุ่มตกตะลึงตึงๆๆ อึ้งๆ กันไปหมด จากตอนแรก มั่นใจเต็มร้อยมากว่า เราอวบขึ้นแล้วจะสวย หล่นวูบมา ติดลบทันที เพื่อนต่างด่า ประนามกันอื้ออึง พร้อมกับ กดดันให้ลดความอ้วนโดยด่วน โอ้วว กรูไปฆ่าใครหรือเนี่ย
ความเป็นจริงเริ่มปรากฏตรงหน้า กางเกงใส่ไม่ได้เลยสัก ตัว กระโปรงนักศึกษาแถบปริด้วยไขมันอุดตันที่แก้มกัน หน้านี่บวม บาน เหมือนอมอะไรอยู่ ขาที่เคยเป็นตะเกียบ ก็เป็นคากิในบัดดล
ฮือๆๆๆ ความกดดันเพิ่มๆ ในที่สุดตัดสินใจ กรูจะผอม!! บางทีนอนร้องไห้น้อยใจ ผอมก็น่าเกลียด อ้วนก็น่าเกลียด ทำไมชีวิตกรูมันเศร้ายังงี้หว่ะ
มันจะมีเพื่อนคนนึงสมมุติชื่อ นังเป้ แบบว่า ชอบกดดันเรา ไม่รู้มันจะยุ่งกับหุ่นอะไรนักหนา ว่าเราอยู่นั่นแหละ อ้วนๆๆ ขาใหญ่ ก้นใหญ่ แล้วก็ชอบอวยตัวเองว่า ตัวเล็กน่ารัก
คนเรามันจะน่ารักนี่ไม่เห็นต้องอวยตัวเองเลยเนอะ
ก็เลยเซ็งๆ มัน กลายเป็นความฮึดว่าจะผอมให้ได้ๆๆ
เมนูไดเอ็ท ก็เลยเริ่มขึ้น แอ๊น แอ่น แอน
Create Date : 02 ธันวาคม 2549 | | |
Last Update : 2 ธันวาคม 2549 18:44:58 น. |
Counter : 306 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แฟนเราทำได้ด้ายยย....เย้
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ จากที่บ่นๆ ไป
แฟนเราสามารถออกจากวงเหล้าได้ตอน 3 ทุ่ม เย้
ปลื้มใจจิงๆ
มหัศจรรย์
Create Date : 17 พฤศจิกายน 2549 | | |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2549 12:06:02 น. |
Counter : 240 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|