Group Blog
 
All blogs
 

กลิ่นแก้วกลางใจ ตอนที่ 16


ก ลิ่ น แ ก้ ว ก ล า ง ใ จ


บทประพันธ์ นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กมลชนก ยวดยง เรียบเรียงจากบทโทรทัศน์



ตอนที่ 16


รถไฟเหาะที่โจนทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงเลี้ยวเลาะไปตามรางเหล็กที่บิดงอไปมา มันน่าจะทำให้เวียนหัว แต่ผู้ที่นั่งในเครื่องเล่นนั้นกลับพากันหัวเราะเริงร่า สุขใจ

โดมมองพวกเขาเหล่านั้นอย่างสงสัย ไม่กลัวกันรึไงนะ....โดมถอนใจ เขาไม่เคยชินกับการมาเที่ยวในสถานที่แบบนี้นัก และที่สำคัญ คนที่ชวนเขามาก็ไม่น่าจะชอบเช่นกัน โดมหันไปถามพระพายอย่างแปลกใจ

“นึกยังไงถึงชวนพี่มาสวนสนุก ไม่เห็นรู้เลยว่าชอบเที่ยวแบบนี้”
พระพายตอบอย่างปกติ

“ไม่มีอะไรนี่คะ มาสวนสนุกก็เพื่อสนุก “ เธอเห็นคนกำลังต่อแถวทยอยขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาก็รีบดึงโดมเข้าไปต่อคิวกับเขาด้วยทันที
“ไปเล่นอันนี้กันเถอะค่ะ”

พระพายพยายามทำตัวร่าเริง พาโดมไปเล่นเครื่องเล่นเพื่อให้ลืมเรื่องอัสนี เธอรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันกำหนดเปิดตาของเขา และที่สำคัญ เป็นวันที่เขานัดอาโปไปเจอ แต่เมื่อเธอไม่ใช่...จะรอคอยวันนี้เพื่อสิ่งใดกันเล่า ....

พระพายพาโดมเล่นเครื่องเล่นนานาชนิด เธอหัวเราะเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนความช้ำในหัวใจ โดมลอบสังเกตอาการของพระพายที่ผิดแปลกไป

“สนุกจังเลยค่ะพี่โดม” เธอหันบอกเขาด้วยสีหน้าสดใส
โดมรู้ดีว่าในใจพระพายคิดอะไร เขาตัดสินใจบอกเธอ

“เมื่อกี๊อาจารย์หมอโทรมา ผลการผ่าตัดเรียบร้อยดี คุณอัสนีมองเห็นแล้ว”
พระพายอึ้งไปเล็กน้อยที่โดมพูดถึงอัสนี เธอพยายามจะลืมเขาแล้วเชียว แต่...ช่างเถอะ พระพายตัดใจ

“แล้วไงคะ พระพายบอกคุณแม่ไปแล้ว ว่าคุณอัสนีนัดพบกับคุณอาโปเย็นนี้ พอคุณอัสนีได้พบกับคุณอาโป ทุกอย่างก็ลงตัว พระพายก็หมดหน้าที่ “

“นี่พระพายไม่สนใจคุณอัสนีแล้วจริงๆหรือ”
โดมถามอย่างแปลกใจ พระพายไม่ตอบแต่กลับเปลี่ยนเรื่องแทน
“พระพายหิวน้ำ ไปหาอะไรทานกันดีกว่าค่ะ “

โดมส่งแก้วใส่น้ำหวานให้พระพายที่มองบรรยากาศรอบตัว ทำสีหน้ามีความสุขเสียเต็มประดา พระพายชี้ให้โดมดูเด็กเล็กๆที่ทานขนมจนปากเปื้อนไปหมด

“ฮะฮะ ดูเด็กคนนั้นสิคะ ตลกจังเลย”
แต่เมื่อพระพายหันไปมองอีกด้านหนึ่งก็ต้องหน้าเจื่อนไปเมื่อเห็นบรรดาคู่รักป้อนขนมให้กันอย่างเอาใจ...ครั้งหนึ่งอัสนีก็เคยทำกับเธอเช่นนั้น

พระพายหันหน้าหนีภาพนั้นทันที แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชายหญิงอีกคู่เดินเล่นจูงมือคุยกัน....ช่างเหมือนเธอกับอัสนี ดูเหมือนเงาของอัสนีจะตามเธอไปทุกที่ ยิ่งหนี จะยิ่งเจอหรือไร พระพายไม่เข้าใจ

“บ้าชะมัด “ พระพายชักโกรธตัวเองที่ตัดอัสนีออกไปไม่ได้สักที
โดมมองอย่างเดาออก เขาถอนใจเฮือกใหญ่

“พยายามสนุก ทั้งที่ใจไม่สนุกใช่ไหม”
“เปล่านี่คะ พระพายสนุกจริงๆ”

“เมื่อเช้าตอนรู้ว่าพระพายนัดพี่ออกมาเที่ยว พี่มีความสุขมากเลย แต่การอยู่กับพระพายแต่ตัว โดยไม่มีหัวใจ มันเจ็บปวดรู้ไหม”

โดมสบตาพระพายอย่างน้อยใจ ก่อนจะเดินจากไป พระพายรีบเดินตามไปอธิบาย
“พี่โดมอย่าโกรธพระพายเลยนะคะ ถ้าพี่โดมโกรธเกลียดพระพาย พระพายคงไม่เหลือใคร
อีกแล้ว”

โดมทนไม่ไหวกับเสียงและหน้าตาอันเศร้าสร้อยของพระพาย เขารู้สาเหตุที่ทำให้พระพายเป็นอย่างนี้ดี...โดมเข้าไปเขย่าตัวพระพายถามอย่างไม่เข้าใจ

“พระพาย ไม่รัก ไม่สงสารตัวเองบ้างหรือ ไปรักเขาได้ยังไง ทั้งที่รู้ตั้งแต่ต้นว่าเป็นไปไม่
ได้ รู้อย่างนี้แล้วจะรักเขาทำไมอีกหา …หา ! “
พระพายนิ่งอึ้ง น้ำตาคลอ

“ พี่คิดหรือคะว่าพระพายจะไม่ถามตัวเองแบบนี้ แต่ทุกครั้งก็เหมือนเดิม....ในสมองของพระพาย วันๆหนึ่งมีเป็นร้อยเป็นพันคำถาม แต่ทุกคำถาม ก็ยิ่งทำให้พระพายคิดถึงเขา เพราะฉะนั้นคำตอบของทุกคำถาม ก็คือ...รักเขามากขึ้น … “

พระพายร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น
“พระพายรักเขาพี่โดม...พระพายรักเขา”

โดมดึงตัวเข้ามากอดปลอบอย่างสงสารจับใจ พิษของความรัก สาหัสขนาดไหน ทำไมเขา
จะไม่รู้
“โธ่พระพาย แล้วนี่พระพายจะทำยังไงต่อไป”

พระพายกลั้นสะอื้น
“พระพายแค่พยายามจะมีชีวิตอยู่ พยายามทำตัวให้เป็นปรกติ แต่ยิ่งพยายามหัวเราะ … ก็ยิ่งร้องไห้ ยิ่งพยายามหนีเขา… เขาก็ยิ่งตามมาทุกๆที่ “

โดมทนเห็นน้ำตาของพระพายต่อไปไม่ไหว เขาตัดสินใจเด็ดขาด
“ถ้าอย่างนั้น พี่รู้แล้วว่าเราควรทำยังไง มานี่ ไปกับพี่เถอะ”

โดมพาพระพายมาที่รถ เขาตัดสินใจว่าจะพาเธอไปหาอัสนี เพราะคนที่อัสนีอยากเจอคือพระพาย ไม่ใช่อาโป แต่พระพายมิวายโต้แย้ง

“เขารออาโปตัวจริงต่างหาก ไม่ใช่พระพาย”
“อาโปตัวจริงเกลียดอัสนียิ่งกว่าอะไร ถ้าอาโปจะมาจริงๆ เขาคงมาตั้งนานแล้ว พี่ว่า คุณเมษาคงกล่อมเขาไม่สำเร็จหรอก”

พระพายเริ่มคิดคล้อยตามคำพูดของโดม ถ้าอาโปไม่มา...
“คืนนี้เขาคงต้องรอเก้อ วันแรกที่เขามองเห็น แต่เขากลับเห็นแต่ความว่างเปล่า ความโดดเดี่ยวที่เป็นเพื่อนเขามาตลอดชีวิต “

โดมแค่นยิ้ม
“ความโดดเดี่ยว ที่กำลังจะจากเขามาอยู่กับพี่แทน ...พี่ต้องบ้าแน่ๆที่ทำแบบนี้ ... “

โดมเปิดประตูให้เธอ
“พระพายลำบากมามากพอแล้ว ถึงเวลามีความสุขเสียที พี่ขวางพระพายไม่ลงหรอก เชิญครับ ซินเดอเรลล่า คนขับรถฟักทองคนนี้จะพาซินเดอเรลล่าไปหาเจ้าชายเอง”

“ขอบคุณค่ะพี่โดม...”
พระพายมองโดมอย่างซึ้งใจ เธอตัดสินใจกลับไปหาอัสนี...

ชายหนุ่มที่พระพายตัดสินใจมาหาออกจากโรงพยาบาลและกำลังเดินทางกลับบ้าน
ภานุเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้อัสนีทั้งหมดประหนึ่งอาที่รักหลานชายอย่างยิ่ง เขาหงุดหงิดใจอย่างมากที่อัสนีดวงแข็งไม่ตายพ้นทางเขาไปสักที แต่ก็ต้องแกล้งเล่นละครเป็นคนดีตบตาชาวบ้าน โดยเฉพาะตำรวจ เขาโล่งใจมากที่ตำรวจสาวเรื่องมือปืนไปไม่ถึงเขา

รถของภานุเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าตึก อัสนีลงจากรถมามองบ้านของตนอย่างมีความสุข...รู้สึกดีที่ได้มองเห็นและได้กลับบ้านของตนเอง

“บ้าน...”
อัสนีมองไปที่มุมหนึ่ง ต้นไม้รูปหัวใจที่มาจากฝีมือของแต้มและถวิลทำให้เขาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

“ความรัก...ผมรู้สึกว่าโลกน่าอยู่ก็วันนี้แหละครับ... “
ภานุเล่นละครเป็นคนดีตามฟอร์ม
“อาดีใจนะที่แกกลับมามองเห็น และมีความสุขแบบนี้”

“ผู้หญิงคนนึงเขาทำให้ผมมีความสุขขนาดนี้ คืนนี้ผมจะบอกรักเขา และขอให้เขาอยู่ที่นี่กับผม เราจะได้ใช้ชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์แบบเสียที”
ภานุตบบ่าอัสนีให้อย่างกำลังใจ “อาขอให้แกโชคดีนะ”

อัสนีเข้าไปนั่งรออาโปในบ้านอย่างตื่นเต้น แต้มและถวิลตกแต่งบรรยากาศรอบตัวได้โรแมนติกอย่างที่เขาตั้งใจ อัสนีแปลกใจเล็กน้อยที่ไม่เห็นสองคนนั้น ได้แต่คิดว่าคงหลบไปให้เขามีโอกาสอยู่เพียงลำพังกับอาโป

เสียงรถที่แล่นเข้ามาเมื่อถึงเวลานัดทำให้เขาตื่นเต้นแทบนั่งไม่ติด เขาคิดว่าต้องเป็นอาโปแน่ๆ

พระพายลงจากรถโดมด้วยความตื่นเต้น มองอัสนีที่นั่งหันหลังให้อย่างครุ่นคิดในใจ...เธอตั้งใจจะมาบอกความจริงทั้งหมดแก่เขา...เขาจะว่ายังไงบ้างนะถ้ารู้ว่าเธอเป็นแค่สาวใช้ไม่ใช่คุณหนูตระกูลไฮโซ หรือว่าเธอจะไม่บอกเขาดี พระพายชักไม่แน่ใจ

พระพายสูดหายใจเข้าอีกครั้งหลับตา พึมพำ
“เธอต้องทำได้ …พระพายเธอต้องทำได้”

พระพายยิ้ม กำลังใจมาแล้ว…เดินต่อไป แต่แล้วก็เกิดสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาแทรกระหว่างอัสนีและพระพายในจังหวะที่อัสนีหันมา
“อาโป…”

อัสนีเรียกชื่อหญิงสาวผู้สวยสง่าราวกับเจ้าหญิงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา
อาโปตัวจริง เสียงจริงยิ้มหวานหยดให้อัสนี !!
“ค่ะ…ฉันคืออาโป”

“คุณคืออาโป…อาโปจริงๆหรือ”
อัสนีมองสาวสวยตรงหน้าเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ภรรยาเขาดูงามพร้อมไร้ที่ติ
อาโปยิ้มหัวเราะอัสนีที่เอาแต่ตะลึง จนพูดชื่ออาโปซ้ำๆ
“ต้องดูบัตรประชาชนไหมคะ”

พระพายตัวชา ยืนนิ่งมองอาโป สุรเยนทร์ตัวจริงเดินเข้าไปหาอัสนี !
ระหว่างตัวเธอกับความสุขสมหวังเพียงครั้งเดียวในชีวิต คือระยะทางไม่กี่เมตร คือเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที แต่ในที่สุด เธอก็ไปไม่ถึง !

อาโปที่เมายาอยู่พัทยา ไกลจากที่นี่ไปหลายสิบกิโลเมตร กลับไปถึงก่อน
เหมือนทุกครั้งในชีวิตของเธอ...เธอเป็นฝ่ายโชคร้าย !

อัสนีส่ายหน้า เริ่มเก้อเขินหัวเราะตนเอง อัสนีพอใจในรูปลักษณ์ของอาโปเป็นอย่างยิ่ง
“คุณสวยยิ่งกว่าที่ผมคิดไว้อีก เชิญข้างในก่อนครับเชิญเลย”
อัสนีผายมือ อาโปยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเดินเข้าไป แสงเดินตามมาห่างๆ

ที่หน้าประตูบ้าน พระพายยังยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อัสนีมองไม่เห็นเธอเลยสักนิด อาโปเดินไปถึงก่อนพระพายเพียงไม่กี่ก้าว …หล่อนกลับมาแทนที่พระพายโดยบริบูรณ์ !

ในยามที่สายฟ้า....มองไม่เห็น สายฟ้า....มองเห็นสายลม
แต่ในเวลาที่สายฟ้า...มองเห็นแล้ว พระพายกลับกลายเป็นสายลมที่ไร้ตัวตน !

พระพายมองอัสนีสวีตหวานกับอาโปอย่างเศร้าใจ เขาส่งน้ำพั๊นช์ให้อาโป
“สำหรับผู้หญิงที่สวยที่สุดในค่ำคืนนี้ครับ”

“ขอบคุณค่ะ... “ อาโปรับแก้วมา แต่เมื่อเห็นอัสนีมองทางตนไม่เลิกก็แปลกใจ
“คุณมองหน้าอาโปทำไมคะ”

“ผมแค่กำลังคิด ...เสียงของคุณ “
อัสนี เอะใจที่เสียงอาโปไม่เหมือนพระพายที่คุ้นหู แสงรีบเข้ามาแก้ตัวให้

“เอ่อ..ตอนประสบอุบัติเหตุ กล่องเสียงของคุณหนูกระทบกระเทือนทำให้เสียงเปลี่ยนไปนิดหน่อยค่ะ”
อัสนีพยักหน้าเข้าใจ เขามองแสง อาโปจึงรีบบอก

“นี่นมแสงค่ะ แม่นมอาโปเอง”
อัสนีพยักหน้าเชื่อทันที อัสนีจับมืออาโปอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“เสียงคุณเปลี่ยนไปอย่างเดียวใช่ไหม คุณเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า ผม...”
“เปรี้ยง !!

เสียงฟ้าร้องดังขึ้น อาโปสะดุ้งผวาเข้าไปซุกตัวกับอัสนี เขากอดอาโปแน่น ลูบผมปลอบ
“คุณกลัวเสียงฟ้าด้วยเหรอ ผมขอกอดคุณอย่างนี้ตลอดคืนเลยได้ไหม”

อาโปยิ้มอาย ผลักอัสนีออกเบาๆ อัสนีกอดอาโปแน่นด้วยความรักใคร่ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข อบอุ่น ซึ่งแตกต่างพระพายที่ยืนร้องไห้ เปียกฝนเหน็บหนาวอยู่ภายนอกอย่างสิ้นเชิง เธอมองคนทั้งสองที่อบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างคนหัวใจแตกสลาย

พระพายได้แต่คร่ำครวญในใจ
“ คุณอัสนี...ฉันอยู่นี่ค่ะ ฉันอยู่นี่...”

เมษาที่แอบซุ่มดูอยู่มองพระพายร้องไห้อย่างสะใจ

แท้จริงแล้วเมษานั่นเองที่เป็นคนจัดแจงพาอาโปกลับมาได้ทันเวลา หล่อนเกลี้ยกล่อมให้อาโปเลิกยา หันมาสนใจดูแลตัวเอง ทำตัวให้สวย และคบกับอัสนีให้จอนนี่หึง จะได้กลับมาหา รวมถึงหล่อนเองจะช่วยตามหาจอนนี่อีกทางหนึ่งด้วย อาโปจึงตกลงใจกลับมา

หล่อนให้คนมาหลอกแต้มและถวิลให้กลับไปที่บ้านกลิ่นแก้ว เพื่อที่จะกำจัดคนที่รู้ความจริง เรื่องอาโปคนนี้ไม่ใช่อาโปที่บ้านกลิ่นแก้ว หล่อนยิ้มอย่างพอใจ ทุกอย่างง่ายดายอะไรเช่นนี้

เมษามองความชอกช้ำของพระพายด้วยดวงตาวาวโรจน์ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

“นังพระพาย สมน้ำหน้า ... แกกำลังเจ็บเหมือนที่ฉันเคยเจ็บ เฝ้ามองพ่อแกสนใจหญิงอื่น แกรู้แล้วใช่ไหม ว่าฉันเคยเจ็บปวดยังไง ! “

พระพายยังคงมองชายคนรักไม่วางตา อัสนีกำลังคุกเข่าขอความรักจากอาโป
“ผมเคยตกลงไปในเหวลึก ทั้งหนาว ทั้งมืด...แต่แล้วก็มีผู้หญิงใจดีคนขึ้นเอื้อมมือลงมาฉุดผมขึ้นไปจากหุบเหวนั้น...มือคู่นี้เองที่ฉุดผมขึ้นมา”

อัสนีหยิบแหวนเพชรขึ้นมา เขาสวมให้เธอที่นิ้วกลางแทนแหวนแต่งงาน
“ผมรักคุณ...”

อัสนีจุมพิตมืออาโป และเข้าไปโอบกอดอาโปไว้แนบอก ....พระพายมองอัสนีมอบความรักให้กับอาโปด้วยความเสียใจ คงไม่มีทางที่เธอจะได้รับความรักจากเขาอีกแล้ว.... อัสนีคงไม่มีวันรู้ความจริง พระพายทรุดลงไปกองกับพื้น กอดตัวเองร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร

“ฮ่าๆๆ ร้องเข้าไป ร้องเข้าไป สะใจฉันจริงๆ “
เมษามองโศกนาฎกรรมของพระพายอย่างชอบใจประหนึ่งดูมหรสพบันเทิงอย่างใดอย่างนั้น หล่อนไม่รอช้าที่จะอัดวีดีโอความปราชัยของพระพายไปให้อรชุนดูด้วยมือถือ

“เป็นไงคะลูกของคุณน่าสมเพชไหม”
เมษามองผลงานตัวเองอย่างชอบใจ ยิ้มหวานอย่างมีความสุข

“เฮ้อ...น้ำตาของมัน ...ฉันชอบจริงๆ คุณละคะ… กำลังกล้ำกลืนน้ำตาของตัวเองอยู่ไหม ทั้งหมดนี้เพราะคุณคนเดียว เพราะคุณนอกใจฉัน เพราะมันเป็นลูกของคุณกับนังเมียน้อย ฉันบอกแล้วใช่ไหม ฉันไม่มีวันร้องไห้คนเดียว ไม่มีวัน ฮะฮะฮ่า....”

เมษาหัวเราะใส่รูปอรชุน เสียงดังลั่นบ้าน !

คืนนั้น....อัสนีพาอาโปเข้าห้องหอ แต่อาโปปฏิเสธ ขอตัวกลับไปอยู่ที่บ้านของตนเอง โดยให้เหตุผลว่าคิดถึงจิตตา อัสนีตามใจ เขาคิดว่าอาโปหลีกเลี่ยงการเข้าห้องหอกับเขาเพราะยังเขินอายอยู่ เอาเถอะ..อัสนีคิดในใจ เขามีเวลาอยู่กับเธอทั้งชีวิต เมื่อเธอยังไม่พร้อม ก็ไม่เห็นต้องรีบร้อนไร เขารอคอยคนที่เขารักได้เสมอ....

แต่...
อัสนีไม่มีทางรู้เลยว่าหญิงสาวที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเขา ผู้หญิงที่บ้านกลิ่นแก้วที่เขารักกำลังเดินฝ่าสายฝนกลับบ้านอย่างคนไร้ซึ่งวิญญาณ เธอภาวนาให้น้ำฝนที่ตกลงมาช่วยชะล้างความเศร้าในใจเธอให้หมดไป น้ำตาพระพายยังคงไหลริน เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีเขาแล้ว....ไม่มีอัสนีแล้วอีกต่อไป....

วันรุ่งขึ้น...
มีดคมที่ฝานลงมาที่ผักคะน้ากำลังจะเฉือนนิ้วเรียวบางไปด้วย สาวใช้รุ่นใหญ่ในบ้านเมษารีบเตือนด้วยความตกใจ

“ว้ายๆ คุณพระพายระวังค่ะ”
พระพายชะงัก....ความเศร้าทำให้เธอใจลอยจนเกือบโดนมีดบาด

“ฮู้ยหวาดเสียว ถึงมือหรือยัง เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ ไหนขอแตงดูหน่อย…ทำไมใจลอยแบบนี้ล่ะคะ”

แดงดูนิ้วให้พระพาย เห็นว่าไม่เป็นอะไรก็เป่าให้อย่างอ่อนโยน
“ โถ ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะ “

พระพายหน้าเศร้า น้ำตาคลอ
“ป้าแตงเป่าอีกสิคะ เป่าเยอะๆ ตอนนี้ขวัญของพระพายบินไปไกลแสนไกลแล้ว พระพายเรียกมันกลับมาไม่เป็น ถ้าป้าแตงเรียกมันมาได้จริงๆ พระพายจะขอบคุณมากเลยค่ะ”

แตงมองหญิงสาวตรงหน้าที่ดวงตาเศร้าสร้อย หล่อนไม่รู้ว่าพระพายเศร้าใจเรื่องใด แต่หล่อนไม่อยากให้พระพายเป็นแบบนี้เลย

“โธ่หนู …มาให้ป้ากอดที หนูต้องเข้มแข็ง ต้องลุกขึ้นยืนอีกครั้งเหมือนทุกๆครั้งในชีวิตของหนู หนูต้องทำได้ เข้าใจไหมลูก”
พระพายโผเข้ากอดแตงแน่น

“เมื่อตอนเล็กๆ แม่ตีพระพายแดงไปหมดทั้งขา เจ็บจนนอนไม่หลับ ป้าบอกหนูว่า สัก
วันเวรกรรมก็ต้องจบสิ้น ถ้าหนูรักษาความดีของหนูไว้ จะต้องมีวันของหนู....แต่นี่หนูก็โตแล้ว มันก็ไม่เคยจบสิ้น แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะป้าแตง เมื่อไหร่วันที่เป็นของหนู เมื่อไหร่จะมาถึง”

พระพายร้องไห้ออกมาอย่างอ่อนแออีกครั้ง เมษายืนแอบมองอยู่มุมหนึ่งมองอย่างสาแก่ใจ

“วันของแก ถามหาวันของแกหรือ ฮึ ในเมื่อฉันยังไม่เคยมี แล้วแกจะมีได้ยังไง ฉันจะเก็บแกไว้อย่างนี้ เก็บแกไว้ให้อยู่ในนรกแห่งความพลัดพรากขุมเดียวกับฉันนี่ล่ะ”

เธอตรงไปปรึกษาภานุ ให้เขาส่งคนงานไปคุมตัวไม่ให้แต้มและถวิลกลับมาที่กรุงเทพอีก
“ความลับเรื่องอาโปที่เกาะ กับอาโปที่กรุงเทพเป็นคนละคนกัน ก็จะกลายเป็นความลับ…ตลอดไป”

“ให้ไอ้สองคนนั่นอยู่ที่เกาะก็ดีเหมือนกัน เมื่อไหร่ได้จังหวะเชือดอัสนี จะได้ไม่ต้องมีก้างขวางคอ”
ทั้งสองคนยิ้มพอใจ เวลานี้เธอและเขากลายเป็นพันธมิตร ลงเรือลำเดียวกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ….




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2550 13:00:18 น.
Counter : 567 Pageviews.  

กลิ่นแก้วกลางใจ ตอนที่ 15


ก ลิ่ น แ ก้ ว ก ล า ง ใ จ


บทประพันธ์ นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กมลชนก ยวดยง เรียบเรียงจากบทโทรทัศน์



ตอนที่ 15


จิตตาดีใจมากเมื่อทางธีรนัยแจ้งให้เธอทราบว่าอัสนีจะเดินทางกลับมายังกรุงเทพเพื่อเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา

“ผลการผ่าตัดน่าจะเป็นไปด้วยดี เพราะทีมแพทย์ของคุณอัสนีดีที่สุดในเมืองไทยแล้ว
พวกเราเลยอยากถามความเห็นคุณหญิง ถ้าอัสนีทายาทตัวจริงของธีรนัยหายป่วย เรื่องตำแหน่งผู้บริหาร”

“คืนให้อัสนี ! “ จิตตาตัดบท ก่อนจะบอกกับคณะกรรมการบริหารอย่างมั่นใจ

“ถ้าปล่อยภานุบริหาร ทั้งธีรนัยของเขาและสุรเยนทร์ของหญิงพังแน่ ขอให้ทุกคนรับคำสั่งจากหญิง ทำทุกวิธีทางให้กรรมการของธีรนัยปลดภานุ แล้วแต่งตั้งอัสนีขึ้นดำรงตำแหน่งตามเดิม !! “

แต่คนบ้าอำนาจอย่างภานุ มีหรือจะยอมให้ใครมายึดอำนาจคืนง่ายๆ เขาไม่ยอมเด็ดขาด ภานุส่งคนไปลอบฆ่าอัสนีอย่างเลือดเย็น !

พระพายพาอัสนีออกเดินเข้าสู่กรุงเทพฯเช้า แต้มและถวิลขอติดตามมาเป็นกำลังใจให้อัสนี พระพายดูแลอัสนีเป็นอย่างดี เธอพยายามร่าเริงแจ่มใสทั้งที่จิตใจเศร้าหมอง เธออยากให้อัสนีมีกำลังใจดีก่อนเข้ารับการผ่าตัด

แต่ระหว่างการเดินทางก็เกิดสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝัน มีมือปืนตามมาไล่ล่าอัสนี รถตู้ของอัสนีพยายามหนีจนเกิดอุบัติเหตุผลิกคว่ำ มือปืนจะตามมายิงซ้ำแต่มีคนมาเห็นเสียก่อน พวกมันจึงต้องล่าถอยไป

อัสนีเป็นห่วงพระพายมาก สิ่งสุดท้ายที่เขาจำได้ก่อนจะหมดสติไป คือผู้หญิงที่เขารักร้องอย่างตระหนกแล้วเธอก็แน่นิ่งไป อัสนีเก็บเอาความรู้สึกนั้นไปฝันร้ายว่าเธอตายจากเขาไปแล้ว เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาที่โรงพยาบาล เขาจึงไม่รอช้าที่จะไปหาเธอทั้งๆที่เขาก็ได้รับบาดเจ็บตามเนื้อตัวพอสมควรเหมือนกัน

อัสนีที่ยังตาบอดเดินเปะปะไปตามทาง ตอนนี้จิตใจเขาอยู่ที่พระพายคนเดียวเท่านั้น
“อาโป คุณอยู่ไหน คุณอย่าเป็นอะไรนะ ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ คุณต้องอยู่ฟังนะ”

แต้มตามมาดึงตัวเจ้านายกลับห้อง แต่อัสนีปฏิเสธ เขาเดินไปจนถึงห้องพักฟื้นของพระพาย เขาตรงเข้าไปลูบเนื้อตัว สัมผัสใบหน้า อังจมูกเพื่อดูลมหายใจของเธอด้วยมือที่สั่นเทา ก่อนจะดึงเธอมากอดไว้แนบอก กลัวว่าพระพายจะตายเหมือนในฝัน

“อาโป...นี่คุณใช่ไหม คุณห้ามเป็นอะไรนะ คุณต้องอยู่กับผม อย่าทิ้งผมไปอีกคนนะครับ....คุณตื่นสิ ตื่นมาคุยกับผม”

อัสนีเขย่าตัวพระพายด้วยมือไม้อันสั่นเทา ถวิลที่เฝ้าพระพายมองอาการของอัสนีอย่างไม่เข้าใจ
“นาย คุณผู้หญิงยังหมดสติอยู่ฮะ ...ทำไมนายมือสั่นขนาดนี้”

“เมื่อกี้นายฝันร้ายน่ะ” แต้มตอบแทนอัสนี ก่อนจะเข้าไปพูดปลอบใจเจ้านาย
“อย่ากังวลไปเลยนะครับหมอบอกว่าคุณผู้หญิงปลอดภัยดี ที่หมดสติไปเพราะตกใจเท่านั้น”

“แกแน่ใจนะ เขาบาดเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า?” อัสนีถามย้ำ ยังไม่วางใจ
“มีรอยช้ำที่หน้าผากจิ๊ดเดียวเองฮะ”

อัสนีลูบหน้าพระพายอย่างเบามือ เขาเสียใจที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัวเช่นนี้
โดมที่เพิ่งรู้ข่าวอุบัติเหตุของพระพายรีบร้อนเข้ามาดูอาการเธอเช่นกัน เขาต่อว่าอัสนีอย่างหงุดหงิดใจ

“คนเกเรอย่างคุณ ศัตรูเยอะสินะ นี่ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมา คุณจะรับผิดชอบยังไงหา...อาโปเป็นอะไรขึ้นมา คุณจะทำยังไง !! “

โดมตรงเข้ากระชากคอเสื้ออัสนี เงื้อมือ อยากจะต่อยสักเปรี้ยง แต้มห้ามเสียงหลง
“นี่โรงพยาบาลนะคร้าบ” แต้มชี้ที่โดมให้เขาได้สติ “แล้วนี่ก็หมอ !”

โดมผลักอัสนีนั่งลงอย่างหงุดหงิดใจ
“ชีวิตเพื่อนผมมีค่านะ ถ้าคุณดูแลเขาไม่ได้ก็อยู่ห่างๆเขาซะ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเลย”

คราวนี้อัสนีไม่ถอดใจกับคำพูดของโดมเหมือนคราวที่แล้ว
“ขอบคุณหมอนะที่เป็นห่วงเมียผม แต่ผมว่าผม...ไม่รบกวนดีกว่า “
โดมงง อัสนีลุกขึ้นเดินไปประชันหน้ากับโดม พูดอย่างมั่นใจ

“พรุ่งนี้ผมจะผ่าตัด แล้วผมก็จะมองเห็น ผมจะดูแลอาโปเอง เพื่อนสนิทอย่างหมอจะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเราเสียที ต่อไป... ผมจะมองเห็นลูกปืนทุกลูกที่วิ่งเข้ามาหาภรรยาของผม ต่อให้เอาชีวิตเข้าแลก ผมก็จะเอาตัวของผม เข้ารับลูกปืนพวกนั้นแทนผู้หญิงคนนี้ !! “

โดมนิ่งอึ้งไป อัสนียิ้ม ยื่นมือไปหาเขา
“จะไม่จับมือแสดงความยินดีกับเราหน่อยเหรอครับ “

แล้วอัสนีก็ทำตามที่เขาพูดจริงๆ เขาตรวจเช็คความพร้อมของร่างกายและตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดในวันนั้น ก่อนเข้าห้องผ่าตัดอัสนีฝากเครื่องเสียงอันจิ๋ว ที่อัดเสียงของตนไว้ที่แต้มและถวิล

“ฝากให้ภรรยาฉันด้วย ...ส่วนแกสองคน กลับไปที่บ้านฉันนะ จัดบ้านใหม่เตรียมงานเลี้ยงส่วนตัวให้ฉันหน่อย วันที่ฉันมองเห็น ฉันจะบอกรักเขา แล้วเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน.....”

“อูย...นายนี่หวานจัง” แม้แต่สาวหล่ออย่างถวิลยังเขิน
อัสนียิ้มอย่างอารมณ์ดี แต้มรับเครื่องบันทึกเสียงมา พร้อมให้คำสัญญา
“รับรองครับ ไอ้แต้มจะส่งให้ถึงมือคุณอาโปเลยทีเดียว”

ข่าวอุบัติเหตุของอัสนีรู้ไปถึงหูเมษา เธอตกใจมาก
“อัสนีกับอาโปตัวปลอมอยู่กรุงเทพ ใกล้กับนังจิตตานิดเดียว !”

เมษารีบกดโทรหาโดมเพื่อสอบถามอาการของพระพายทันที
“ตอนนี้พระพายยังไม่ได้สติ อัสนีกำลังเข้ารับการผ่าตัด ผมมีหน้าที่บอกคุณตามความ
จริง ส่วนคุณจะสนใจหรือไม่สนใจเรื่องของคุณแล้วกัน... แค่นี้นะครับ “

เมษาวางโทรศัพท์ หน้าเครียดขึ้นมาทันที
“นังจิตตาต้องรีบไปเยี่ยมลูกมันแน่ ถ้ามันรู้ว่าลูกตัวจริงเมายาอยู่พัทยา คนที่อยู่กับลูกเขยมันคือตัวปลอม ทุกอย่างต้องพังแน่ ....เราจะทำไงดี คิดสิ คิดๆ”

แล้วเมษาก็คิดได้ เธอรีบโทรศัพท์หาภานุให้เขาช่วยถ่วงเวลาไม่ให้จิตตาไปเยี่ยมลูกจนกว่าเธอจะทำธุระบางอย่างเสร็จเรียบร้อย แต่ภานุไม่สนใจ

“เฮอะ ทำไมผมต้องช่วยคุณด้วย ผมไม่ว่าง มีงานการต้องสะสางเยอะแยะ”
“งั้นเหรอคะ เอ...แล้วถ้าฉันโทรบอกตำรวจเรื่องอุบัติเหตุของคุณอัสนี...”

ภานุหน้าเข้มขึ้นมาทันที
“นี่แกพูดบ้าอะไร”

เมษาพูดอย่างผู้กุมความลับเหนือกว่า “แผนการกำจัดทายาทเพื่อฮุบสมบัติ อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะคะ...คิดดูดีๆเถอะค่ะ คุณมีทางเลือกไม่มากนักหรอก”

ภานุกัดฟัน เขาตกอยู่ในสภาพจำยอมขึ้นมาทันที
ภานุแกล้งไปโวยวายเรื่องงานกับจิตตา ให้จัดประชุมด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆนานาเพื่อถ่วงเวลา จิตตาหงุดหงิดใจอย่างมากที่ไปเยี่ยมลูกที่โรงพยาบาลไม่ได้ ทำได้เพียงแค่โทรศัพท์ไปฝากเมษาให้ไปเยี่ยมลูกก่อนเท่านั้น

ในห้องพักผู้ป่วยที่ตกแต่งอย่างมีระเบียบ สะอาดสะอ้าน คนไข้ที่มีสายน้ำเกลือห้อยระยาง
ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆตัวอย่างมึนงงว่าตัวเองอยู่ที่ใด แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อภาพอุบัติเหตุก่อนหน้าหลั่งไหลเข้ามาสู่ความทรงจำ

“รถคว่ำ...คุณอัสนี ! “ เธอหันไปเจอโดมที่เฝ้าไข้อยู่ เธอละล่ำละลักถามเขาทันที
“พี่โดม คุณอัสนี เขาเป็นยังไงบ้างคะ?”

โดมหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อผู้ชายคนนี้
“นี่พระพายห่วงเขาทำไม เขาเป็นคนทำให้เราเจ็บตัวแบบนี้นะ”

“มีใครถูกยิงรึเปล่า แต้ม ถวิล ทุกคนเป็นยังไงบ้าง พวกเขาอยู่ไหนกันคะ พี่โดมบอกพระพายสิ “

โดมยังไม่ทันตอบอะไร ทั้งสองคนที่ถูกกล่าวถึงก็เดินยิ้มหน้าบานเข้ามา
“ฮึ... นั่นไง มากันแล้ว เป็นห่วงเป็นใยมากก็ถามเอาเองแล้วกัน คนอย่างพี่มันไม่มีความสำคัญอะไรแล้ว”

โดมเดินออกไปอย่างหงุดหงิดใจ แต้ม,ถวิลมองตามโดมอย่างไม่เข้าใจ
“อูย..สงสัยลืมกินยาแก้ท้องผูก เลยหน้าบูดซะขนาดนั้น”

พระพายถอนใจ “ช่างเขาเถอะจ้ะ...แต้มกับหวินสิ เจ็บตรงไหนกันรึเปล่า”
ถวิลเต้นฟุตเวิร์คโชว์ แต้มแบ่งกล้ามว่าแข็งแรงแล้วแทนคำตอบ

พระพายหัวเราะ อารมณ์ดี
“แล้วเจ้านายของเธอสองคนล่ะ?”

“แหม...ตื่นมาก็ถามหาคนรัก “ ถวิลแกล้งแซว ก่อนจะส่งเครื่องเสียงอันจิ๋วให้พระพาย
“ นี่ฮะ เจ้านายฝากสารรักมาให้ บันทึกเป็นเสียงไว้ในนี้”

พระพายรับเครื่องเสียงไปอย่างเขินๆ เธอเปิดมันฟังทันที
เสียงนุ่มๆของอัสนีดังขึ้น...

“อาโปครับ ขณะนี้ผมกำลังทำสิ่งที่ผมเคยหลีกเลี่ยงมาตลอด แต่ผมก็เอาชนะมันได้เมื่อผมได้พบกับผู้หญิงใจดีคนหนึ่ง เธอเปรียบเสมือนแสงสว่างในโลกมืดของผม...เธอสอนให้ผมมองเห็น
ทุกอย่างด้วยใจ....ผมอยากพบเธอคนนั้นเป็นคนแรกในวันที่ผมมองเห็น ผมมีเรื่องสำคัญที่จะอยากจะบอกกับเธอด้วยตัวผมเอง หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธผมนะครับ ผมจะรอวันที่เราได้พบกัน...
”

พระพายยิ้มอย่างมีความสุข
เธอส่งใจไปให้เขาเช่นกัน “คุณอัสนี...ฉันขอให้การผ่าตัดเป็นไปด้วยดีนะคะ ฉันเอาใจช่วย...”

แต้มกับถวิลบอกกับพระพายส่งท้ายก่อนจะลากลับไป
“คุณอัสนีบอกว่าระหว่างนี้ขอให้คุณพักให้สบาย อีกสองอาทิตย์ก็จะถึงกำหนดเปิดตา”

“คุณผู้ชายให้เราไปเตรียมบ้านที่กรุงเทพเอาไว้ให้คุณ แล้วก็จะเชิญคุณมาทานดินเนอร์เลี้ยงฉลองในวันเปิดตาฮะ”

พระพายพยักหน้ารับรู้ หัวใจเต็มตื่นไปด้วยความสุข แต่แล้วเธอก็คิดได้
“นี่เราจะดีใจไปทำไม เขานัดเจอคุณอาโปตัวจริงไม่ใช่นังพระพายคนใช้
สักหน่อย…แล้วนี่คุณหนูอาโปตัวจริงอยู่ไหนกัน “

แม้แต่เมษาก็ไม่รู้ว่าอาโป สุรเยนทร์ตัวจริงติดยาจนงอมแงม สภาพทรุดโทรมจนแทบไม่เหลือเค้าเจ้าหญิง เมษาแทบลมจับเมื่อเห็นสภาพของอาโป ไม่มีทางที่อาโปจะกลับไปเจอจิตตาในสภาพปกติเหมือนเดิมแน่ แล้วเธอจะทำอย่างไรดี? เมษาเครียด ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที

เวลาผ่านไป
“คุณอัสนีออกจากห้องผ่าตัดแล้ว การผ่าตัดเรียบร้อยดี”
โดมเดินเข้ามาบอกข่าวดีกับพระพายอย่างไม่เต็มใจนัก

“จริงหรือคะ” พระพายยิ้มดีใจ
“แล้วนี่จะทำไงต่อไป ไอ้เรื่องเจ้าสาวสลับตัวน่ะ เกิดเขามองเห็นขึ้นมาจะทำยังไงกัน”
โดมถาม... พระพายเองก็ไม่มีคำตอบ

“พระพายเป็นยังไงบ้างลูก”
เสียงหวานของเมษาดังแทรกขึ้นมา ทั้งโดมและพระพายหันมองตามเสียงนั้น
“คุณป้า...”

“คุณแม่... “
“พระพาย...ลูกแม่ เจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่าคะลูก..ขวัญเอ๊ยขวัญมานะคะ”เมษาตรงเข้าไปลูบหัว ลูบหลัง โอบกอดพระพายด้วยทีท่าห่วงใยอย่างมาก

“ เอ่อ..พระพายไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ แล้วนี่คุณแม่...”
เมษารีบบอก “พอแม่รู้ข่าวก็รีบมาเลยจ้ะ....ขอบใจเธอมากนะที่ช่วยดูแลลูกสาวฉัน”

โดมแปลกใจกับคำพูดที่เปลี่ยนไปของเมษา ปกติเธอเกลียดเขาจะตาย แล้วทำไมจู่ๆวันนี้ถึงมาพูดดี

เมษายังคงโอบกอดพระพายอย่างห่วงใย
“ขวัญเอ๋ยขวัญมา หนูไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ”

พระพายมองมือแม่ที่โอบกอด....ความเจ็บปวดครั้งก่อน พระพายยังจำได้ดี
“คุณแม่ดีใจหรือเสียใจล่ะคะที่หนูไม่เป็นอะไร” พระพายถามอย่างน้อยใจ

เมษาปฏิเสธในทันใด
“โถ...ลูกแม่ ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะคะ ...แม่ขอโทษค่ะที่เคยบังคับให้หนูไปอยู่ที่เกาะนั่น แต่ต่อจากนี้ไป แม่จะไม่บังคับอะไรหนูอีกแล้ว หนูไม่ต้องทำงานให้แม่ เรากลับไปอยู่ที่บ้านเราด้วยกันนะจ๊ะ.....เสื้อผ้าของหนูอยู่ในตู้ใช่ไหม รีบเก็บของกลับบ้านเรากันเถอะนะ”

เมษาเปิดตู้เสื้อผ้าเก็บกระเป๋าให้พระพายอย่างรีบร้อน เธอต้องรีบกำจัดพระพายไปก่อนที่จิตตาจะมาเจอเข้า โดมมองอย่างไม่เข้าใจ

“เดี๋ยวสิครับ พระพายเพิ่งได้สติ คืนนี้นอนที่นี่จะดีกว่านะครับ”
เมษาตวาดแว้ดอย่างลืมตัว “มันเรื่องอะไรของแก”

โดมจะเถียง พระพายรีบตัดบท
“พี่โดม….ขอพระพายคุยกับคุณแม่หน่อยได้ไหมคะ”

โดมปลีกตัวออกไป พระพายยั่งคงนั่งเฉยบนเตียง พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ
“ชีวิตที่เกาะนั่นเหมือนฝันเลยรู้ไหมคะ คนใช้อย่างหนู จู่ๆได้เป็นคนรวย มีสามีหล่อและแสนดี คุณแม่เคยคิดไหมคะ ถ้าเกิดพระพายติดใจชีวิตคุณหนูขึ้นมา…”

“ นังพระพาย ! “ เมษาหันมองพระพายอย่างตกใจ พระพายสบตากับเมษาอย่างไม่กลัว

“เพียงแค่พระพายไปบอกความจริงกับคุณอัสนี อะไรจะเกิดขึ้นคะ”
“อีบ้า…แกทำแบบนั้นไม่ได้นะ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแก “

เมษาโกรธมาก เงื้อมือขึ้นจะตบหน้าพระพาย พระพายมองหน้าแม่นิ่ง ไม่กลัว ไม่หลบ…
พระพายเจ็บปวดกับชะตาชีวิตของตนเหลือเกิน ชีวิตที่ต้องตกอยู่ใต้อำนาจของผู้หญิงตรงหน้า

“ ตบลงมาสิคะ มือของคุณแม่ เคยตบตีแขนขาพระพายแทบทุกส่วน จะโดนอีกทีก็คงไม่เป็นไร”
“แกจะเอายังไงกับฉัน” เมษาตวาดก้อง ทั้งโกรธทั้งงงกับทีท่าของพระพาย

พระพายน้ำตาคลอ มองแม่น้อยใจเหลือคณา
“แค่จะบอกว่า อย่ามาทำท่าทาง ห่วงใย บอกรักพระพายอีกเลย ในเมื่อแม่ไม่เคยรักหนูจริงๆ ท่าทางห่วงใยที่มีผลประโยชน์แอบแฝงแบบนั้น พระพายทนไม่ได้อีกแล้ว”

พระพายลุกขึ้นดึงสายน้ำเกลือออกอย่างเด็ดเดี่ยว น้ำตาไหลลงมาจากสองตา
“ยังไงหนูก็ต้องกลับไปเป็นนังคนใช้คนเดิม ชีวิตหนูเคยเป็นของแม่ยังไงก็เป็นอย่างนั้น แม่ไม่เคยรักหนู เหมือนๆกับที่หนูหยุดรักแม่ไม่ได้ มันก็แค่นั้น ! ”

พระพายปาดน้ำตา ลงจากเตียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ เมษายืนตัวชา อึ้งไปกับน้ำใจเด็ดเดี่ยวของพระพาย

เมษาพาตัวพระพายกลับไปที่บ้านได้อย่างเฉียดฉิว คลาดกับจิตตาเพียงเล็กน้อย เธอสั่งให้พยาบาลแจ้งกับจิตตาว่าคนไข้ที่ชื่ออาโปกลับไปยังบ้านกลิ่นแก้วเพื่อเตรียมตัวจัดงานฉลองการกลับมามองเห็นของอัสนีสองต่อสอง

จิตตาทำได้แค่รับฟังด้วยความแปลกใจ จนป่านนี้เธอยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้าอาโปเลย แล้วจู่ๆ พอหายป่วย ... ก็จะกลับบ้านที่เกาะขึ้นมาอีกแล้ว ...นี่มันอะไรกัน

เมษาพาพระพายกลับเข้าบ้านในฐานะลูกสาวเต็มตัว หล่อนยกห้องนอนบนตึกให้พระพาย
ซื้อข้าวของราคาแพงต่างๆให้ พร้อมทั้งประกาศกับทุกคนอย่างภาคภูมิใจว่าพระพายเป็นลูกรักของเธอ

“แม่ไม่ได้เสแสร้งหลอกลวงหนู ต่อให้หนูด่าว่าแม่ยังไง แม่ก็ต้องทำ ให้เวลาเป็นเครื่อง
พิสูจน์ก็แล้วกัน” เมษากล่าวกับพระพายเช่นนั้น

ไม่มีใครรู้ว่า จริงๆแล้วเมษากำลังวางแผนทำอะไร......
และแล้ววันกำหนดเปิดตาอัสนีก็มาถึง เขาบีบมือตัวเองระงับความตื่นเต้น

“ถ้ามองไม่เห็นล่ะ..ไม่หรอกน่า” อัสนีสลัดความคิดนั้นออกไปจากสมอง ....เขาต้องหาย เขาต้องมองเห็นต่างหาก อัสนีให้กำลังใจตัวเอง

อาจารย์หมอที่ผ่าตัดอัสนีเดินนำภานุ จิตตา และเมษาเข้ามาในห้อง ทุกคนมาร่วมลุ้นการเปิดผ้าพันแผลของอัสนี

“คุณอัสนี พร้อมไหมครับ”
อัสนีสูดลมหายใจเข้าปอด เรียกความมั่นใจ

“เริ่มได้เลยครับ”
อาจารย์หมอพยักหน้าบอกพยาบาลให้ปิดไฟในห้อง เขาค่อยๆแกะผ้าพันแผลออก ทุกคนลุ้นอย่างตื่นเต้น อัสนีท่องในใจตลอดเวลา
“เราต้องหาย...เราต้องหาย...”

ผ้าพันแผลถูกแกะออก เหลือแต่ที่ครอบตา อัสนีนั่งหลับตานิ่ง
“คุณอัสนี เดี๋ยวคุณค่อยๆลืมตานะครับ ใจเย็นๆไม่ต้องรีบ ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตารีบบอกหมอทันทีเลยนะครับ”

อัสนีพยักหน้าแทนคำตอบ แล้วเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น แสงสว่างที่กระทบตาทำให้เขาต้องกระพริบตาลงอย่างรวดเร็วก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แล้วอัสนีก็นิ่งเงียบไป...

“คุณอัสนี เป็นยังไงบ้างครับ มองเห็นไหม”
อัสนีคอตก หน้าเศร้า “ทำไมมันมืดไปหมด ผมมองไม่เห็นอะไรเลย”

ภานุแกล้งตกใจ จิตตาหน้าถอดสี เธอคิดว่าเขาจะหายดี....ภานุเดินเข้าไปหาอัสนี
“อัสนี อาอยู่นี่ แกมองไม่เห็นอาเหรอ”

อัสนีหันไปทางภานุ เขาค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสปกเสื้อภานุช้าๆ
“อา...อาใส่สูทสีเทากับไทด์สีแดงแบบนี้ก็หล่อดีนะครับ”

อัสนีพูดจบก็ยิ้มกว้างออกมา ทุกคนถอนใจโล่งอก
“นี่แกล้ออาเล่นงั้นเหรอ ดูสิ ตกอกตกใจกันหมด”

จิตตาและเมษาเข้าไปแสดงความยินดี “อาดีใจด้วยจริงๆนะจ๊ะที่อัสนีมองเห็นอีกครั้ง “
“ผมก็ดีใจครับที่จะได้มองเห็นผู้หญิงที่ผมรักสักที”

อัสนียิ้มกว้างอย่างมีความสุข ทุกคนพลอยดีใจกับเขาไปด้วย ยกเว้นเมษาคนเดียวเท่านั้น
อาโปตัวจริงยังไม่กลับมา เธอจะทำอย่างไรต่อไปดี?!!




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 5 กรกฎาคม 2550 0:07:06 น.
Counter : 1761 Pageviews.  

กลิ่นแก้วกลางใจ ตอนที่ 14


ก ลิ่ น แ ก้ ว ก ล า ง ใ จ


บทประพันธ์ นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กมลชนก ยวดยง เรียบเรียงจากบทโทรทัศน์



ตอนที่ 14





แต้มและถวิลพากันไปส่งพระพายและโดมที่ท่าเรือด้วยความอาลัยอาวรณ์ พระพายหน้าเศร้า น้ำตาคลอ ตั้งแต่เช้ามาเธอไม่เห็นแม้เงาของอัสนี แต่...เธอเองที่กล่าวคำอำลา แล้วจะหวังเจอเขาเพื่อสิ่งใดเล่า

พระพายปาดน้ำตา โดมพาเธอขึ้นเรือไป

เรือลำเล็กออกจากท่า...อัสนีนั่งนิ่งฟังเสียงเครื่องยนต์ที่แล่นไกลออกไปทุกที ด้วยหัวใจร้าวราน เขาพาตัวเองเดินไปยังต้นไม้ใหญ่ที่เมื่อคืนมีไฟและโทรศัพท์ติดอยู่ เขาเอื้อมมือไปคลำหาโทรศัพท์ได้มาอันหนึ่ง อัสนีพูดลงไปอย่างเศร้าใจ

“พ่อครับ มีคนเคยบอกว่าผู้หญิงคนนั้นเหมือนตกมาจากฟ้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงพ่อคง
ส่งเขามาให้ผมใช่ไหมครับ.... ผมเคยคิดว่าเขานิสัยแย่ เคยแม้กระทั่งโยนความผิดให้เขา แต่พ่อรู้จักผม ผมอาจจะอารมณ์ร้อน แต่ผมไม่โง่พอที่จะดูคนไม่ออกหรอกนะครับ “

ที่ผ่านมา แม้อัสนีจะโวยวาย เอาแต่ใจ หรือทำร้ายเธออย่างไร เขาก็รับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ ไม่เคยหยุดเอาใจใส่ เธอยังคงปรารถนาดีกับเขาเรื่อยมา แต่...ทำไมเมื่อคืนเขาถึงทำกับเธออย่างนั้นล่ะ หรือว่า...

“ใช่ครับ เมื่อคืนนี้ผมแค่เล่นละครเท่านั้นเอง ไอ้หมอนั่นมันพูดถูก ผมไม่ควรให้ผู้หญิง
ดีๆอย่างนั้นมาจมปลักกับผม เขาควรมีอนาคตที่ดี...”

ไม่มีใครรู้เลยว่าก่อนหน้าที่เขาจะออกมาเจอต้นไม้นี้ โดมได้เข้าไปพูดให้เขายอมไปผ่าตัดเพื่ออาโป

“ถ้าคุณไม่หาย เขาก็ไปจากคุณไม่ได้ เขาไม่ได้รักคุณ ไม่ใช่ของของคุณ คุณจะเหนี่ยวรั้งเขาด้วยความพิการของคุณงั้นหรือ”

คำพูดของโดมนี้เองที่ทำให้อัสนียินยอมปล่อยหญิงสาวที่เขารักที่สุดไปเพื่อให้เธอได้พบกับอนาคตที่ดีแทนที่จะจมปลักกับคนพิการอย่างเขา

อัสนีเล่าทุกอย่างให้อัคคีฟัง ด้วยโทรศัพท์ถึงดวงดาว บนต้นไม้ที่พระพายทำไว้ให้

“ผมจะหย่ากับเขาแล้วปล่อยเขาไป ถูกต้องแล้วใช่ไหมครับพ่อ ผมทำถูกแล้วใช่ไหม…แต่พ่อครับ….. ทำไมผมคิดถึงเขา คิดถึงเขามากเหลือเกิน”
อัสนีสะอื้นฮัก ทรุดตัวลงนั่งพิงต้นไม้ปล่อยให้น้ำตาไหลริน....

บนเรือลำเล็กในทะเล หญิงสาวคนหนึ่งก็หัวใจสลายไม่ต่างจากเขา โดมเข้ามาซับน้ำตาให้พระพาย เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือเขามาเช็ดน้ำตาเองอย่างเกรงใจ

“ขอโทษค่ะ ไม่รู้ทำไมหยุดน้ำตาไม่ได้”
โดมถอนใจ

“เรานี่จริงๆเลย คนแบบนั้นไปอาลัยอาวรณ์ทำไม พี่พูดกับเขาแรงขนาดนั้น พี่คิดว่าเขาจะสำนึก ที่ไหนได้ เขากลับโกรธ แล้วมาลงที่พระพาย”
พระพายหยุดร้องไห้ หันไปซักโดมทันที

“พี่พูดกับเขา...พูดว่าอะไรคะ”
“พี่บอกเขาว่า เขาเป็นตัวถ่วงความเจริญของพระพายน่ะสิ “
“อะไรนะ “ พระพายถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู
“ก็มันจริงไหมล่ะ เขาเอาความพิการมาผูกมัดพระพายไว้ เขาเห็นแก่ตัว พี่ตั้งใจบอกเขา
อย่างนั้น หวังให้เขาคิดได้”

พระพายเริ่มรู้สึกโกรธโดมที่ใจร้าย เธอโวยวายใส่เขาทันที
“พี่บอกเขาจริงๆหรือคะเรื่องพิการ พระพายไม่นึกเลย พี่ทำอย่างนั้นได้ยังไง! “

พระพายเดินไปบอกคนเรือให้เอาเรือกลับเข้าไปที่เกาะ ถึงโดมจะคัดค้านอย่างไรก็ไม่เป็นผล ตอนนี้เธอห่วงเพียงความรู้สึกของคนบนเกาะเท่านั้น ป่านนี้เขาจะเศร้าใจแค่ไหนหนอ

โดมมองพระพายอย่างไม่เข้าใจ
“ นี่พระพายเป็นบ้าอะไร “

“ พระพายต้องถามต่างหากว่าพี่โดมเป็นบ้าอะไร พี่ไปพูดกับเขาแบบนั้นได้ยังไง พี่เป็นหมอนะ พี่มองคนไข้ของพี่เหมือนเป็นของที่ต้องรักษา แต่พี่ไม่ได้มองเขาเป็นคน เขามีจิตใจ มีอดีต พี่ไม่มีสิทธิ์หวังดีกับเขาโดยไม่สนใจจิตใจของเขา พี่เข้าใจไหมคะ”

โดมมองพระพายอย่างไม่เขาใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพระพายจะผูกพันกับอัสนีขนาดนี้
“นี่พระพายเป็นอะไรไป พระพายไม่เหมือนคนที่พี่เคยรู้จักเลย เราไม่เคยทะเลาะกัน“ โดมจ้องตาพระพาย

“หรือว่า... พระพายรักเขา ! “
พระพายตกใจ ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น

“ไม่ใช่นะคะ พระพายเป็นนางพยาบาล พี่ก็รู้ นางพยาบาลไม่เคยถูกสอนให้ทิ้งคนไข้
ถ้าเขาไม่มีพระพายเขาอาจจะตายอย่างโดดเดี่ยวที่เกาะนี้ ไม่ใช่อะไรบ้าๆอย่างที่พี่คิดสักหน่อย”

เรือกลับมาเทียบที่ท่าเรือ พระพายกระโดดลงมา แต้มกับถวิลดีใจช่วยกันเข้าไปยกของพระพายลงมาจากเรือ พระพายหันไปสั่งคนขับเรือ
“ พาผู้ชายคนนี้กลับไปที่ฝั่ง “

โดมทำท่าจะโวยวาย พระพายพยายามอ้อนวอนให้เขากลับไปก่อน โดมเห็นว่าพระพายไม่
มีทางเปลี่ยนใจก็ได้แค่เพียงจำยอม โดยมีข้อแม้ว่า หากภายในหนึ่งสัปดาห์พระพายยังพาตัวอัสนีไปที่กรุงเทพไม่ได้ เขาจะกลับมารับเธอกลับไปกับเขาด้วยตัวเอง ซึ่งพระพายก็ตกลง

เสียงฝีเท้าคนเดินที่เดินเหยียบกิ่งไม้ดังขึ้นใกล้ๆ อัสนีหันไปมองทันที
“ใครน่ะ”

ไม่มีเสียงตอบใดๆ นอกจากเสียงของพระพายที่กำลังคุยโทรศัพท์ถึงดวงดาว ... ถึงอัคคี
“คุณลุงคะ ลูกชายตาบอดของคุณลุงเป็นคนงี่เง่าที่สุด !”
พระพายยืนถือถ้วยกระดาษที่ห้อยจากต้นไม้อยู่ข้างๆเขา

“อาโป…” อัสนีจำเสียงเธอได้ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
“เพียงแค่มีคนด่าเขาว่าพิการ เขาก็ยอมพ่ายแพ้ เขาเลือกเชื่อคนอื่นแล้วทำร้ายหนู ทำร้ายตัวเอง เขาโง่มาก โง่มากจริงๆค่ะ”

“คุณกลับมางั้นหรือ กลับมาทำไม”
อัสนีเริ่มปะติดปะต่อ และคิดได้ว่า โดมคงบอกความจริงกับเธอแล้ว ผู้หญิงคนนี้กลับมาเพราะเป็นห่วงเขาจริงหรือ เขาไม่อยากจะเชื่อเลย

พระพายพูดใส่โทรศัพท์ต่อไป
“หลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เราสามคนเหนื่อยเหลือเกิน กลางวันต้องจัดบ้าน จัดข้าวของแทบตายเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดให้เขา กลางคืนจะนอนก็ยังผวา ได้ยินเสียงของหล่นก็นึกว่าเขาหกล้ม แต่เขาสิคะ เขาไม่เคยเห็นความเหนื่อยยากเราเลย”

อัสนีเพิ่งคิดได้... พระพาย ถวิลและแต้มทำเพื่อเขามามาก และในวันนี้เจ้าหล่อนยังเลือกที่จะกลับมาหาเขาอีก

“เขาลืมสิ่งที่เราทำ แต่กลับไปจำคำพูดเพียงคำเดียวของคนอื่น ปล่อยให้ลมปากพวกนั้น ทำร้ายเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมคะคุณลุง ทำไมเขาไม่เข้มแข็ง ทำไมเขาไม่ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อตนเองเสียที”

พระพายเดินเข้าไปทุบตีอัสนีที่อก หลายครั้งซ้ำติดๆกันอย่างน้อยใจ
“ นี่แน่ะนี่นี่ คนอ่อนแอ นี่นี่ บังอาจไล่ฉันงั้นหรือ นี่นี่ ชอบทำให้ฉันร้องไห้นี่ๆ”

อัสนียกแขนขึ้นมา แต่ไม่ใช่เพื่อปัดป้องกันตัว เขาดึงตัวเธอเข้ามาใกล้ คลำหาใบหน้า และก้มลงไปจูบเธอทันทีทันใด พระพายนิ่งอึ้งไป ....อัสนีส่งผ่านความรักที่มีต่อเธอไปอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา
“ผมขอโทษ… “

เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พระพายหลบหน้าแดงด้วยความเขินอาย เธอเอื้อมมือไปกุมมือเขาไว้

“ไปผ่าตัดเถอะนะ เพื่อตัวคุณเอง”
อัสนีบีบมือพระพายอย่างขอกำลังใจ
“ถ้าคุณสัญญาว่าจะอยู่ข้างๆผม ผมจะไปผ่าตัด”

พระพายไม่พูดอะไรนอกจากโผเข้าไปโอบกอดเขา อัสนียิ้มกว้าง เต็มตื้นในหัวใจ เขาได้คำตอบทั้งหมดแล้ว .... เขากอดพระพายตอบอย่างรักใคร่ พร้อมๆกับให้สัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยผู้หญิงที่ชื่ออาโปคนนี้ไปไกลจากหัวใจเขาอีกเลย

แต่....
ไม่มีใครรู้เลยว่า อาโป สุรเยนทร์ตัวจริงกำลังตกเป็นทาสยาเสพติดอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ความอ่อนต่อโลก และการเป็นเจ้าของธุรกิจกลางคืนเอื้อให้เธอใกล้ชิดกับสิ่งพวกนี้อย่างง่ายดาย

จอนนี่มองผลงานของตัวเองอย่างพอใจ เขาทำงานให้เมษาดีเกินคาด แต่เขาออกจะหงุดหงิดใจที่อาโปเหมือนคนไร้สติขึ้นทุกวัน แล้ววันหนึ่งชายหนุ่มก็ทนไม่ไหว เขาขายกิจการผับ และขโมยเงิน ทรัพย์สินของมีค่าทุกอย่างของอาโปหนีไป

อาโปตกอยู่ในสภาพสิ้นไร้ไม้ตอกทันที !!
ดีที่แสงรักและหวังดีกับอาโปอย่างจริงใจ หล่อนไม่ทอดทิ้งอาโปไปไหน ถึงแม้อาโปจะอาละวาด โวยวาย และเพ้อถึงจอนนี่ตลอดเวลา

แสงติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังเมษา ซึ่งเธอก็ให้การช่วยเหลือแสงอย่างดี พร้อมกำชับให้พาอาโปไปเลิกยาอย่างเด็ดขาด เพราะสายของเธอรายงานมาว่าอีกไม่นานอัสนีจะขึ้นมาเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพ....อัสนีขึ้นมาเมื่อไหร่ อาโปตัวจริงก็ต้องกลับมาปรากฏตัวเช่นกัน

-------------------------------------------------------------

กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่วางไว้กลางห้องบรรจุไปด้วยเสื้อผ้า และของใช้ของอัสนี แต้มและถวิลอาสาเป็นลูกมือพระพาย ช่วยหยิบโน่นจับนี่ใส่ลงในกระเป๋าอย่างแข็งขัน

“อีกไม่กี่วัน นายจะมองเห็นแล้วนะครับ ไอ้แต้มล่ะดีใจจริงๆ”
ถวิลหันไปยิ้มกับเจ้านาย

“อย่างนี้คุณผู้ชายก็จะได้เห็นหน้าคุณผู้หญิงแล้วสิฮะ ถ้าหวินเป็นคุณผู้ชายนะ คงอยาก
เจอหน้าคุณผู้หญิงก่อนใครเพื่อนเลย “

พระพายฟังแล้วสะท้อนใจ เธอใช่คุณผู้หญิงของเขาที่ไหน พระพายลุกออกไปเดินเล่นให้คลายความเศร้าใจ ถ้าอัสนีมองเห็น อาโปตัวจริงก็ต้องกลับมาแล้วเธอก็จะกลายเป็นแค่สายลม...
สายลมที่พัดผ่านมาแล้วจากไป

พระพายน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ เธอกล้ายอมรับกับตัวเองแล้วว่าเธอรักเขา แต่รักแล้วก็ต้องพลัดพราก พระพายมองไปรอบๆตัว...ช่างเหมือนกับตำนานของบ้านนี้เสียจริง แล้วความคิดของเธอก็สะดุดลงเมื่อเสียงอัสนีดังขึ้นมา

“อาโป....อาโป”
พระพายรีบเช็ดน้ำตา หันไปหาที่มาของเสียง เธอเดินเข้าไปหาเขา สัมผัสแขนอัสนีเบาๆให้รู้ว่าเธออยู่ตรงไหน

“ฉันอยู่นี่…”
อัสนียิ้มให้ “ทำอะไรอยู่ครับคนสวย “

พระพายยิ้มน้อยๆกับคำพูดนั้น ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าทำให้โลกของเธอสว่างไสวน่าอยู่เสมอ พระพายตัดความเศร้าไปจากใจ เมื่อเธอเหลือเวลาที่จะอยู่กับเขาอีกไม่นาน ก็น่าจะทำให้ทุกวินาทีต่อจากนี้มีความสุขมิใช่หรือ เธอเข้าไปควงแขนอัสนี

“ฉัน เอ่อ กำลังคิดว่าวันนี้เราจะทำอะไรที่มีความสุขเป็นการส่งท้ายดี”
“ส่งท้าย?” อัสนีถามอย่างแปลกใจ

“เหลือเวลาอีกไม่กี่วันที่เราจะได้อยู่บ้านหลังนี้ ทำอะไรดีล่ะคะ อ๋อ..ฉันรู้แล้ว ไปเดินเล่นกันดีกว่าค่ะ เก็บความทรงจำเอาไว้”

อัสนีงงอีกรอบ “ความทรงจำงั้นเหรอ ?”
พระพายบอกเขาอย่างมั่นใจ
“เวลาที่เราไม่เหลืออะไรในชีวิต สิ่งที่เราจะยึดไว้ได้ คือความทรงจำที่ดีค่ะ”

ในช่วง 3 วันสุดท้ายก่อนที่อัสนีจะเดินทางไปเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพ พระพายและอัสนีใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขอย่างที่ตั้งใจ เธอกุมมือเขาไว้เสมอเวลาที่อยู่เคียงใกล้ อัสนีรู้สึกได้ถึงกระแสความรัก ความอบอุ่นที่พระพายถ่ายทอดมาให้

เขาไม่ลืมที่จะส่งกลับความรักให้เธอเช่นกัน พระพายตื้นตันใจ เธอและเขาจะสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกันจนวินาทีสุดท้าย....
แต่เมื่อถึงเวลาอาหารมื้อสุดท้าย พระพายก็อดที่จะใจหายไม่ได้

แต้มและถวิลเนรมิตดินเนอร์ใต้แสงเทียนสุดโรแมนติกให้เจ้านายทั้งสองที่ชายหาดริมทะเล ทั้งสองไม่ลืมที่จะประดับโต๊ะอาหารด้วยช่อดอกแก้ว ดอกไม้แห่งความรักของบ้านหลังนี้ พระพายรู้ดีว่านี่คืออาหารมื้อแห่งการจากลา แต่เธอบอกกับเขาไปว่า

“ฉลองในโอกาสที่คุณจะกลับไปมองเห็นอีกครั้งไงคะ”
พระพายแต่งชุดสีขาวสวยงามมาร่วมรับประทานอาหาร ถวิลอดที่จะชื่นชมในตัวนายไม่ได้
“โห...คุณผู้หญิงสวยสุดยอดเลยฮะ”

“ภรรยาฉันสวยขนาดนั้นเชียวเหรอ ผมอดใจที่จะเห็นหน้าคุณไม่ไหวเสียแล้วสิ”
พระพายหน้าเศร้า เอื้อมมือไปแตะที่บริเวณหัวใจอัสนี
“ถ้าดวงตาคุณยังอยู่ตรงนี้ คุณก็ได้เห็นฉันแล้วล่ะค่ะ”

“เห็นคุณด้วยหัวใจ”
อัสนียิ้ม เขาเลื่อนมือไปกุมมือพระพายไว้ พระพายน้ำตาคลอ เธอไม่อยากจากอัสนีไปเลย

“รับปากกับฉันสิคะ ต่อไป จะจำฉันที่ใจ ไม่ใช่ที่ตา จำฉันด้วยความรู้สึก ไม่ใช่ด้วยภาพที่เห็น “
อัสนียกมือพระพายไปจุมพิตเบาๆอย่างรักใคร่

“ผมสัญญา ”
พระพายซาบซึ้ง ยิ้มทั้งน้ำตา .....

เวลาอาหารเย็นผ่านไปอย่างเชื่องช้า พระพายรู้ดีว่าเวลาของเธอเหลืออีกไม่นาน
“หลังจากวันพรุ่งนี้ เราคงต้องกลับสู่โลกความเป็นจริงนะคะ”

อัสนีแปลกใจ ดูเหมือนว่าพักนี้ผู้หญิงที่เขารักพูดจาแปลกๆตลอดเวลา
“คุณพูดเหมือนกับตอนนี้เราอยู่ในโลกแห่งความฝันอย่างงั้นแหละ “

พระพายหันมองบ้านกลิ่นแก้วอย่างใจหาย
“ฉันคงคิดถึงที่นี่”

“นี่บ้านคุณนะ คุณอยากกลับมาเมื่อไหร่ ผมพาคุณมาได้อยู่แล้ว”
พระพายมองแจกันดอกแก้ว พยายามกลั้นน้ำตา

“ฉันบอกคุณรึยังคะว่าบนโต๊ะ มีแจกันดอกแก้วอยู่ด้วย “
กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกแก้วยิ่งทำให้พระพายสะท้อนใจ

“กลิ่นดอกแก้วคงเป็นกลิ่นที่ทำให้ฉันคิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด คิดถึงที่นี่ ..... คิดถึงคุณ...เอ่อ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

หญิงสาวมิอาจกลั้นน้ำตาต่อไปได้ เธอลุกขึ้นวิ่งออกไป อัสนีที่กำลังรับประทานอาหารแปลกใจเป็นอย่างมากว่าเธอเป็นอะไร เขารีบฉวยไม้เท้ามาเดินตามเธอไป
“อ้าว คุณเป็นอะไร เดี๋ยวสิคุณ”

หยดน้ำใสๆไหลรินจากดวงตาคู่สวยอันเศร้าสร้อยของพระพายอย่างไม่ขาดสาย เธอร้องไห้อย่างคนหัวใจสลายเมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้เธอต้องจากกับอัสนีแล้วจริงๆ

พระพายพยายามเข้มแข็ง เธอบอกกับตัวเอง
“หยุด หยุดเสียที คุณอัสนีเขารักอาโป ไม่ใช่เธอ เลิกเพ้อฝันได้แล้ว”

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น อัสนีตามมาดูอาการเธออย่างห่วงใย
“อาโป คุณเป็นอะไรรึเปล่า เปิดประตูให้ผมหน่อยสิ “

พระพายน้ำตาไหล...
“ฉันไม่ได้ชื่ออาโป คุณได้ยินไหม ฉันไม่ใช่อาโป !!”

พระพายอยากจะตอบประโยคนี้ ให้เขาได้ยินเสียจริงๆ แต่เธอก็ทำได้แค่คิด....พระพายตอบอัสนีไปว่า
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่ไม่สบาย ขอเวลาสักเดี๋ยวนะคะ แล้วจะออกไป”

อัสนีถอนใจ....เขาไม่เข้าใจเลยว่าคนรักของเขาเป็นอะไร ....อัสนีไม่เข้าใจจริงๆ !!




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2550 20:53:14 น.
Counter : 564 Pageviews.  

กลิ่นแก้วกลางใจ ตอนที่ 13


ก ลิ่ น แ ก้ ว ก ล า ง ใ จ


บทประพันธ์ นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กมลชนก ยวดยง เรียบเรียงจากบทโทรทัศน์



ตอนที่ 13


กว่าอัสนีจะออกมาจากห้องน้ำ พระพายก็จัดแจงย้ายหมอน และผ้าห่มของตนเองไปที่โซฟามุมห้องเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเขาเปิดประตูออกมา พระพายก็วิ่งสวนเขาเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

“เฮ้อ....”
พระพายถอนใจเฮือกใหญ่ เธอโล่งใจที่อย่างน้อยก็อยู่ห่างอัสนีได้ในเวลานี้ แต่คืนนี้เขาจะรังแกเธอหรือไม่ พระพายครุ่นคิดหาวิธีป้องกันตัว เธอจะโวยวาย ร้องให้โดมช่วย เธอจะไม่ยอมให้เขาทำอะไรเธอได้เด็ดขาด !

อัสนีที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยขยับขึ้นไปนอนเล่นบนเตียง เขาสุขใจอย่างประหลาดที่ทำให้ยัยตัวแสบต้องมาติดแหง่กอยู่ในห้องกับเขาได้ในคืนนี้

“คนบ้า ! คุณนี่มันบ้าจริงๆ”
แค่นึกถึงเสียงแหวๆของพระพาย เขาก็ยิ้มน้อยๆออกมา เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้ชอบแหย่ให้พระพายโวยวาย คงเพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กล้าต่อล้อต่อเถียงหรือขัดใจเขามาก่อน

ที่สำคัญ ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้อยู่ใกล้ เขายังจำสัมผัสอันอบอุ่นที่เธอแตะตรงหัวใจเขา ในวันที่เธอพาเขาไปเดินเล่นที่ชาดหาดได้ไม่ลืมเลือน
“ดวงตาของคนเราไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่อยู่ในนี้ … ในหัวใจ”

อัสนียิ้มให้กับภาพสาวน้อยผู้อ่อนหวานที่เขาเห็นในใจ เขาครุ่นคิด
“ผมอยากรู้จังว่าหน้าตาคุณเป็นยังไง”

เสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกทำให้อัสนีรีบหลับตาทำว่าตนเองหลับไปแล้วอย่างรวดเร็ว พระพายที่อ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำนานสองนานโล่งใจที่เห็นว่าอัสนีหลับไปแล้ว เธอเดินเข้าไปชะโงกดูเขาใกล้ๆเพื่อความแน่ใจ

“หลับจริง หรือเปล่านะ”
พระพายชะโงกหน้าเข้าไปใกล้อีก แล้วเธอก็ต้องตกใจ ถอยกรูดที่จู่ๆอัสนีก็ลุกพรวดขึ้นมาจนหน้าเกือบจะชนกับเธอ เขาโวยลั่น

“ ผีอำ มีเงาดำๆมาทับหน้าผม ผีอำแน่เลย ! “
พระพายยังอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก

“แบบนี้ต้องจับผี “ อัสนีรีบรวบตัวพระพายมากอด เธอรีบบอกเขา
“อ๊าย ! …. ฉันเอง ฉันเอง “

อัสนีแกล้งมองไปรอบๆ
“อาโป อาโปอยู่ไหน ผีแกล้งเลียนเสียงคุณด้วย ไม่เป็นไร ผมจะปราบผีตัวนี้เอง”

พูดจบปุ๊บอัสนีกดตัวพระพายลงไปนอนบนเตียง แล้วตามลงไปกอด พระพายดิ้นรน
“โอ๊ย คุณ ปล่อยๆ ....นี่ฉันเอง “

อัสนีหัวเราะสนุกที่ได้แกล้ง แต่แล้วด้วยความใกล้ชิดทำให้อัสนีอดที่จะหวั่นไหวในใจไม่ได้
พระพายไม่ได้สังเกตถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอัสนี ยังคงโวยวาย

“คนบ้าเลิกแกล้งฉันเสียทีได้ไหม ออกไปนะ”
อัสนีแตะปากพระพายอย่างแผ่วเบา
“เดี๋ยวเงียบก่อน ขอเวลาสักสองสามนาที…”

พระพายนิ่งไป เธอรู้ว่าเขาไม่ได้เล่นแล้ว อัสนีเริ่มใช้วิธีแบบคนตาบอดในการรู้จักใครบางคน เขาค่อยๆแตะที่ผมของพระพายแล้วไล่ลงมาเรื่อยๆ อย่างอ่อนโยน

“เส้นผม หน้าผาก คิ้ว ตา จมูก ผมรู้แล้วว่าคุณหน้าตาเป็นยังไง”
“คุณอัสนี …”

พระพายชักหวั่นไหว เธอนึกไม่ถึงว่าเวลาจะอ่อนโยน อัสนีก็อ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้ และเธอยิ่งทำอะไรไม่ถูก เมื่อเขาไล้นิ้วมือมาที่ปากของเธอ สัมผัสของเขาทำให้เธออ่อนระทวย

“ประสาทสัมผัสของคนตาบอด ดียิ่งกว่าคนธรรมดา ผมจะจดจำทุกอย่างไว้จนวันตาย”
อัสนีก้มลงประกบปากจูบพระพาย สัมผัสของเขาอ่อนหวาน อ่อนโยนจนพระพายเคลิบเคลิ้ม ทั้งสองกำลังทำตามความต้องการของหัวใจ

“อาโป....”
น้ำเสียงของอัสนีที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นทำให้พระพายได้สติ เธอไม่ใช่อาโป พระพายผลักอัสนีออกทันที

“ไม่ ไม่ได้ ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ”
“อะไรนะ” อัสนีงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรัก

“เอ้อ … ฉัน ฉันหมายถึง ฉันไม่พร้อม”
พระพายรีบลุกลงจากเตียงไปอย่างรวดเร็ว อัสนีหน้าเศร้า รู้สึกน้อยใจ

“คุณรักนายโดมนั่นหรือ” อัสนีคิดว่าที่เธอปฏิเสธเขาเพราะมีโดมอยู่ในหัวใจ
“เปล่า…”

อัสนีพึมพำแผ่วเบา “เมื่อเทียบกับหมอคนเก่งอย่างเขาแล้ว ผมก็แค่…คนพิการ”
พระพายกำลังล้มตัวลงนอนที่โซฟา ได้ยินไม่ถนัด
“คุณว่าอะไรนะ”

อัสนีถอนใจ เขาจะอ่อนแอให้เธอสงสารไม่ได้เด็ดขาด เขาเปลี่ยนทีท่ากลับไปเป็นอัสนีคนเดิม
“ ยายบ๊อง ฉันก็แค่ลองใจเธอ ผู้หญิงอย่างเธอ ให้เปล่าแถมข้าวสารฉันยังไม่เอาเลย ! ! “

พระพายตกใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆอัสนีอารมณ์แปรปรวนอีกแล้ว
“คุณ...คนบ้า คนร้ายร้ายกาจ ฮึ ! “

พระพายล้มตัวลงนอนด้วยความโกรธ อัสนีทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้พระพาย ดวงตาเขาเปลี่ยนกลับมาเศร้าสร้อยอีกครั้ง เขาก็แค่คนพิการ ผู้หญิงอย่างอาโปจะมารักเขาได้ยังไง....

เช้าวันใหม่ อัสนีกลับมาเป็นเจ้าชายสายฟ้าจอมอาละวาด ขี้หงุดหงิดอีกครั้ง พระพายเลี่ยงที่จะเจอหน้าเขา หมอโดมที่มาใหม่ก็สีหน้าเครียดไม่แพ้ใคร ถวิลและแต้มมองบุคคลทั้งสามอย่างไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกับทั้งสามกันแน่

“ความสัมพันธ์พระพายกับเขา จริงๆแล้วเป็นอะไรกันแน่ ไหนบอกพี่ซิ”
โดมตัดสินใจสอบถามพระพายเพื่อความกระจ่าง เขานอนไม่หลับทั้งคืนเมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่ตนรักนอนห้องเดียวกับนายอัสนีจอมวางท่านั่น

“เขาชอบแกล้ง จริงๆแล้วพระพายไม่เคยนอนห้องเดียวกับเขาหรอกค่ะ”
โดมถอนใจ สีหน้าคลายลง เขาเชื่อตามนั้นเพราะพระพายไม่เคยโกหกตน

“พี่ปล่อยเขาไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว พี่จะโทรหาอาจารย์พี่ จะหาทางเอาเขาไปผ่าตัดให้เร็วที่สุด บนเกาะนี้ … ติดต่อไปที่โรงพยาบาลได้ใช่ไหม โทรศัพท์ที่ว่าอยู่ไหน พาพี่ไปซิ “

เขาไม่ไว้ใจให้พระพายอยู่กับอัสนีบนเกาะแห่งนี้ต่อไป โดมติดต่อทำเรื่องจนสามารถหากระจกตาจากต่างประเทศมาให้อัสนีผ่าตัดจนได้

“เราคงต้องเข้ากรุงเทพวันนี้เลย เพื่อตรวจความพร้อมของร่างกาย”
เขาแจ้งข่าวดีนี้กับอัสนี “วันนี้เลยหรือ !” อัสนีตกใจ ทำไมบทจะเร็วก็เร็วอย่างนี้

แต้มและถวิลเริงร่าดีใจที่อัสนีจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ทั้งสองอาสาไปเก็บข้าวของให้อัสนี แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออัสนีตะโกนก้อง

“ใครบอกว่าฉันจะไป ! “
“คุณอัสนี…” พระพายมองเขาอย่างไม่เข้าใจ นี่เขาไม่อยากมองเห็นหรืออย่างไร

“การผ่าตัดใช่ว่าจะหายร้อยเปอร์เซ็นต์ โอกาสผิดพลาดมีได้ทุกเมื่อ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…คุณน่าจะลอง”

“ไม่ การมีความหวัง เพื่อผิดหวังอีกครั้ง ทรมานยิ่งกว่าไม่มีอะไรเลย ผมทนความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้ “
พระพายแกล้งดุให้อัสนีคิดได้

“ไร้สาระ ! มีคนพวกเดียวที่ไม่มีความหวัง คนพวกนั้นคือคนที่ตายไปแล้ว แต่คุณยังไม่ตาย”


อัสนีโมโหมากที่พระพายไม่หยุดพูดเรื่องนี้สักที เขาใช้ไม้เท้ากวาดของบนโต๊ะร่วงลงมาเปรี้ยง…ทุกคนตกใจ !
“ไม่ ได้ยินไหม ผมไม่ผ่าตัด ชีวิตของผม ตาของผม ผมไม่ผ่าตัด ได้ยินไหม !! “

ทุกคนอึ้งไป ไม่มีใครเข้าใจอัสนีเลยว่าทำไมอัสนีถึงปฏิเสธการกลับไปมองเห็นอีกครั้ง เขาอ้างกับทุกคนไปอย่างนั้นเอง ว่ากลัวการรักษาไม่ได้ผล

แต่แท้จริงแล้ว ความรู้สึกผิดต่ออัคคีผู้เป็นบิดาต่างหากที่ทำให้อัสนีไม่อยากหาย เมื่อเขาทำให้ผู้เป็นพ่อตาย เขาก็น่าจะได้รับผลกรรม การที่ต้องกลายเป็นคนตาบอดนั้นดูจะเป็นเหตุผลที่สมควร

พระพายกลุ้มใจ เธออยากให้อัสนีไปผ่าตัดเพื่อตัวเขาเอง เมื่อคิดๆดูพระพายก็คิดถึงเรื่องอุบัติเหตุได้ หรือว่าเขาจะรู้สึกผิดที่ทำให้พ่อเขาตาย? พระพายคิดว่าต้องเป็นสาเหตุนี้แน่นอน เธอจัดแจงตกแต่งต้นไม้ใหญ่ริมทะเล ด้วยไฟดวงเล็กๆ ที่กิ่งไม้ มีโทรศัพท์ของเล่นที่ทำจากถ้วยกระดาษหลายใบ ที่ปลายสายหนึ่งห้อยไว้กับข้างบนต้น ส่วนอีกปลายสายห้อยย้อยลงมา

พระพายถอยออกมายืนมองผลงานตนเองอย่างมีความหวัง อัสนีจะต้องเปลี่ยนใจ อยากที่จะเข้ารับการผ่าตัดแน่นอน
“ไปที่ต้นไม้ใหญ่ริมชายหาดสิคะ คุณไปได้ใช่ไหม....ไปสิคะ ฉันมีอะไรจะให้คุณดู”

พระพายอัดเสียงของตัวเองบันทึกลงในเครื่องเล่นเอ็มพีสาม นำมันใส่รถสปอร์ตสีแดงคันจิ๋วไปส่งให้อัสนี เขาเปิดฟังอย่างแปลกใจ แต่ก็ตัดสินใจเดินออกไปตามที่พระพายบอก

อัสนีเดินมาหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พระพายทำขึ้นเมื่อตอนกลางวัน บัดนี้เมื่อทุกอย่างมืดลง แสงจากไฟประดับดวงเล็กจึงดูเหมือนดาวที่ส่องแสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้า

อัสนีที่ยังใส่หูฟังเครื่องเล่นเครื่องเสียงขนาดจิ๋วอยู่ กดฟังเสียงพระพายที่อัดไว้แทร็คต่อไป
“ตรงหน้าคุณ คือต้นไม้ที่ประดับด้วยดวงไฟนับร้อยพันดวง แทนดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า คุณลองเอื้อมมือออกไปที่ต้นไม้ดูสิคะ “

อัสนีเอื้อมมือออกไปจับเจอถ้วยกระดาษ อัสนีดึงลงมาคลำดู
“โทรศัพท์ไงคะ คุณแค่พูดลงไป ข้อความของคุณทั้งหมดก็จะไปถึงดวงดาวบนฟ้า คุณอคุณอยู่บนนั้น ท่านต้องได้ยินแน่นอน”

อัสนีอึ้งไป พระพายต้องการให้ตนบอกความรู้สึกกับพ่องั้นหรือ เสียงของพระพายยังดังอย่างต่อเนื่อง

“คุณเคยใช่ไหมคะ ส่งข้อความหาคุณพ่อแล้วท่านไม่ได้รับ นั่นเพราะคุณใช้โทรศัพท์คลื่นสั้นเกินไปค่ะ ลองใหม่นะคะ รับรองโทรศัพท์พวกนี้ ไปถึงคุณพ่อคุณแน่นอน.... ตอนนี้คุณอยู่คนเดียว อยากบอกขอโทษท่าน อยากบอกว่าให้อภัยท่าน ก็บอกลงไปเลยค่ะ ฉันรู้นะคะ คุณไม่ยอมไปผ่าตัดเพราะอยากลงโทษตัวเองที่ทำให้พ่อตาย บอกลงไปเถอะค่ะ ร้องไห้กับท่าน แล้วคุณจะดีขึ้น “

อัสนียืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร พระพาย แต้ม และถวิลแอบมองดูกันอย่างลุ้นๆ และในที่สุดอัสนีก็ดึงถ้วยกระดาษมาที่ปาก เขาเอาถ้วยกระดาษมาบอกบางอย่าง

“พ่อครับ...”
แต้ม และถวิลพากันตื่นเต้น พระพายยิ้มดีใจ มองอัสนีอย่างเอาใจช่วย

“คนดีๆอย่างพ่อคงเป็นดาวจริงๆ บนท้องฟ้านั่น พ่อเจอแม่ไหมครับ ฝากบอกแม่ด้วยนะครับว่าผมคิดถึงท่าน ผมคิดถึงทั้งพ่อและแม่ คิดถึงจริงๆ”

อัสนีนิ่งเงียบไป เขาน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง จนพวกของพระพายต้องกลืนน้ำลายด้วยความสะเทือนใจ
“ไปกันเถอะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก”

พระพายบอกกับถวิลและแต้ม ทั้งสามพากันเดินออกไป อัสนีเหมือนจะจงใจพูดให้พระพายได้ยิน
“อาโป...ผู้หญิงคนนั้น เขาเข้าใจไปว่าผมลงโทษตัวเอง เลยไม่ไปผ่าตัด....”

พระพายได้ยินข้อความพาดพิงถึงตนก็ชะงักไป เธอหยุดฟัง
“เขาเข้าใจถูกแต่ไม่ถูกทั้งหมด ที่จริงผมไม่ยอมไปผ่าตัดก็เพราะเขา เพราะผมเกลียดเขา... ผมเกลียดเขาได้ยินไหมครับพ่อ ! “

พระพายตกใจ มองอัสนีอย่างคาดไม่ถึงว่าเขาจะคิดเช่นนี้
“คุณอัสนี !! “

“เขาคือต้นเหตุที่ทำให้ผมรถคว่ำ เขาต่างหากที่ทำให้พ่อตายไม่ใช่ผมสักหน่อย”
พระพายทนไม่ไหว เดินเข้าไปคุยกับอัสนีทันที

“คุณอัสนี คุณพูดอย่างนี้หมายความว่าไง ! “
อัสนีหันไปหาพระพายทันที

“ยอมโผล่มาแล้วหรือ แม่นักจัดการตัวยง ฮึ พยายามทำดีกับฉัน ลงทุนตกแต่งต้นไม้ ทำโทรศัพท์บ้านี่ คิดหรือว่าฉันจะหลงกล ยอมไปผ่าตัดกับเธอ”

“ฉันแค่อยากช่วยคุณระบายความเจ็บปวดออกมาบ้าง คุณมันบ้า เมื่อไหร่คุณจะเลิกโยนความผิดให้คนอื่นเสียที”

“ไม่มีวัน เธอมันเสแสร้ง เธออยากให้ฉันไปผ่าตัดเพราะเธอขี้เกียจดูแลฉัน ฉันจะไม่ไปกรุงเทพ ...ไม่มีทาง ฉันจะเป็นไอ้บอดอยู่ที่นี่ ทรมานเธอไปทั้งชาติได้ยินไหมอาโป ! “

อัสนีอาละวาดดึงโทรศัพท์ต่างๆลงมาพัง ทำลาย
“ไอ้ต้นไม้บ้านี่ แผนหลอกลวงของเธอ เพื่อตัวเธอเองทั้งนั้น จะหลอกให้ฉันไปกรุงเทพหรือ เธอจะได้ไปเสวยสุขกับไอ้หมอบ้านั่น ไม่มีทาง เธอต้องอยู่ที่นี่ ตายที่นี่ ตายกับฉันได้ยินไหม”

“นี่คุณ หยุดนะ หยุด” พระพายเข้าไปห้ามปรามแต่อัสนีไม่ฟังเสียง เขาคว้าตัวพระพายได้ก็อาละวาดบีบคอเธอทันที พระพายดิ้นรน

“โอ๊ย ช่วยด้วย แต้ม ถวิล พี่โดม….ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

โดมเข้ามาเห็นอัสนีทำร้ายพระพายก็โกรธมากตรงเข้าต่อยหน้าอัสนีทันที เขาจะเข้าไปซ้ำแต่แต้มและถวิลเข้ามาห้ามไว้เสียก่อน โดมสงบสติอารมณ์ เข้าไปดูแลพระพาย แล้วก็ต้องโกรธอัสนีอีกครั้ง

“แกทำบ้าอะไรของแก แกกำลังจะฆ่าเขารู้ตัวไหม” โดมด่าเขา
“นาย นายทำคุณผู้หญิงทำไม คุณผู้หญิงให้พวกเราจัดต้นไม้นี้เพื่อนายนะ” ถวิลบอก

“คุณอัสนี คุณทำเกินไปแล้วนะครับ คุณก็รู้นี่นาว่าคุณผู้หญิงทำเพื่อคุณมาตลอด คุณทำแบบนี้ทำไมบอกผมสิครับทำทำไม” แม้แต่แต้มก็ต่อว่าเขา

ทุกคนไม่เข้าใจการกระทำของอัสนีแม้แต่นิดเดียว ซึ่งอัสนีก็ไม่อธิบาย เขาก้มหน้านิ่ง จู่ๆเขาก็เงียบไปเฉยๆ พระพายโกรธมากเดินเข้าไปตบหน้าอัสนี เปรี้ยง !

“การที่พ่อคุณตาย ไม่ได้เกี่ยวกับคุณ ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน เมื่อไหร่จะเข้าใจว่าโลกนี้มีตั้ง
หลายอย่างที่เกิดขึ้นโดยที่เราห้ามไม่ได้ คุณมันโง่ อยากจมปลักอยู่กับความแค้นความรู้สึกผิดนักใช่ไหม ! “

อัสนีไม่ตอบโต้ เขาหันหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่อยากเห็นหน้าพระพาย
“ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ แต้ม พาฉันกลับเข้าบ้าน “

พระพายมองอัสนีอย่างผิดหวัง เสียใจ
“พรุ่งนี้ฉันจะกลับกรุงเทพกับพี่โดม”

อัสนีที่กำลังเดินจากไปชะงักเท้าทันที แต้มและถวิลพากันตกใจ
“คุณผู้หญิง ! “

พระพายน้ำตาไหล เธอเสียใจที่ต้องแยกจากเขา แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไม ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าในสิ่งที่เธอทำสักนิด

“คุณไม่ได้ตาบอดหรอก ใจคุณต่างหาก ใจคุณมันบอด คุณไม่เคยเปิดใจเพื่อรับความหวังดีจากใคร ฉันอยู่กับคุณไม่ได้แล้ว”

“คุณอาโปครับ ผม...” แต้มพยายามขอร้องแต่พระพายไม่ฟัง
“อย่าพูดอีกนะแต้ม เธอรู้ใช่ไหมนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำกับฉันแบบนี้ เธอก็เห็น เธอยังกล้าขอร้องให้ฉันอยู่ที่นี่อีกหรือ”

แต้มก้มหน้า หมดคำโต้แย้ง พระพายเดินไปหาอัสนี
“ลาก่อน…ตลอดกาล”

พระพายพูดจบก็เดินจากอัสนีไปอย่างคนหัวใจสลาย ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักเขา พระพายรู้ดีว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเธอกับเขาเกิดความรู้สึกผูกพัน และความรู้สึกดีๆต่อกันมากเพียงใด แต่เธอทนอยู่กับคนใจร้ายอย่างเขาต่อไปไม่ไหวจริงๆ

อัสนีได้แต่ยืนนิ่ง....เขามีบางอย่างที่เป็นความลับในใจที่ยังบอกใครไม่ได้ในเวลานี้ !!




 

Create Date : 01 กรกฎาคม 2550    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2550 13:21:02 น.
Counter : 720 Pageviews.  

กลิ่นแก้วกลางใจ ตอนที่ 12


ก ลิ่ น แ ก้ ว ก ล า ง ใ จ


บทประพันธ์ นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
กมลชนก ยวดยง เรียบเรียงจากบทโทรทัศน์



ตอนที่ 12

เรือสปีดโบ้ทสีขาวที่แล่นตัดกับคลื่นน้ำทะเลสีครามทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง จุดหมายปลายทางของมันคือท่าเรือเกาะแก้ว สถานที่ตั้งบ้านกลิ่นแก้ว นั่นเอง

หมอโดม เพื่อนรุ่นพี่ที่พระพายสนิทที่สุดลงทุนเดินทางจากกรุงเทพฯมาตรวจอัสนีให้ตามคำขอร้องของพระพาย

พระพายรู้มาว่าอัสนีปฏิเสธการไปพบหมอตามที่นัด เธอจึงนัดหมอมาตรววจอาการให้เขาถึงที่

โดมยอมรับกับตัวเองว่าที่ยอมลงทุนเดินทางมาไกลขนาดนี้ ไม่ใช่ด้วยความห่วงคนไข้ แต่เป็นเพราะพระพาย หญิงสาวที่นั่งอยู่ในใจเขาตลอดเวลา โดมรู้ดีว่าพระพายคิดกับตนเพียงพี่ชาย แต่ถึงยังไงเขาก็เลือกที่จะรักพระพายไม่สร่างซา

เรือสปีดโบ้ทลำนั้นแล่นเข้ามาจอดเทียบท่า โดมกระโดดขึ้นจากเรือ วิ่งไปหาพระพายและแต้มที่มารอรับอย่างดีใจ

“พระพาย...”
แต้มหันมองไปด้านหลังว่าคุณหมอหนุ่มผิวขาว หน้าตาดีคนนี้เรียกใครกัน

พระพายเองที่ยืนยิ้มหวานให้โดมหน้าเสียไปทันทีที่โดมหลุดเรียกชื่อตน เธอรีบส่ายหน้าบอกว่าพูดผิด ให้พูดใหม่ โดมรีบแก้ตัวไปอย่างข้างๆคูๆ

“อ๋อ...เออ ใช่ พระพายแปลว่าลม..ลมที่เกาะนี้เย็นสบายดีนะ พัดพาพี่มาหาอาโปถึงที่นี่เลย ฮ่าๆ”

โดมแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน แต่หน้าเจื่อนมาก พระพายบอกเขาแล้วนี่นาว่าให้เรียกเธอว่าอาโป เขาไม่น่าลืมเลย แต้มมองท่าทางของเขาอย่างไม่ค่อยชอบใจ

“ เก่งมากจนเพี้ยนรึเปล่าวะ “
“อาโปเป็นยังไงมั่ง สบายดีไหม “
พระพายยิ้มกว้างให้โดม “อาโปดีใจที่ได้เจอพี่โดมค่ะ....นี่แต้มค่ะ “

เธอแนะนำแต้มกับโดม แต้มยกมือไหว้ ทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่บ้านกลิ่นแก้วครับผม”

โดมยิ้มรับไมตรี เขารีบส่งกระเป๋าให้แต้มทันทีก่อนจะพาพระพายเดินปลีกออกไป เขากระซิบกับพระพายอย่างกังวลใจ
“พี่จะเก็บความลับได้มากแค่ไหนไม่รู้สิ พี่โกหกไม่เก่งนะ”

พระพายยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเสมือนเตือนให้โดมพูดเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้กำลังใจ โดมพยักหน้าเข้าใจ

ทั้งสองเดินเคียงข้างกันเข้าไปยังตัวบ้านกลิ่นแก้ว แต้มเห็นแล้วหึงแทนนาย
“หมอนี่เป็นใคร กิ๊กเก่าคุณอาโปรึไงกัน ?!? “

พระพายพาโดมมาพบกับอัสนีที่ห้องรับรองแขก เธอแนะนำอัสนีกับโดม
“พี่โดมคะ นี่คุณอัสนีค่ะ ส่วนคุณอัสนี ฉัน...ฉันพาพี่โดม เอ่อ...เขาเป็นหมอมาตรวจร่างกายคุณค่ะ”

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” โดมทักทายเขาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส แต่อัสนีตอบกลับเขาด้วยเสียงแบบตรงกันข้าม

“ผมสบายดีไม่เป็นอะไร คุณหมอกลับไปเถอะ”
โดมยิ้ม ใจเย็น เขาทราบประวัติอัสนีจากพระพายมาบ้างแล้ว

“ผมคุยกับหมอประจำตัวของคุณแล้ว เราจะได้คุยกันเรื่องผ่าตัดไงครับ”
แต้มช่วยเสริมให้

“ตรวจสักหน่อยเถอะครับ เพื่อนคุณผู้หญิงคนนี้บินตรงจากรุงเทพเพื่อมาตรวจนายโดยเฉพาะเลยนะ”

อัสนีแปลกใจ “จริงเหรอ ผมไม่ยักรู้ว่าภรรยาผมมีเพื่อนเป็นหมอกับเขาด้วย”
โดมหน้าตื่น
“ภรรยา...ภรรยาเหรอ? “

เขาหันมองพระพายอย่างขอคำตอบ นี่หญิงสาวที่ตนรักไปเป็นภรรยาของนายร้ายกาจคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พระพายหน้าเสีย รีบหาทางอธิบายให้โดมฟังทันที

“เอ่อ...พี่โดมนั่งเรือนานๆ ไปเดินเล่นกันดีไหมคะ ...ฉันขอเวลาส่วนตัวสักครู่นะคะ” เธอหันบอกอัสนีก่อนจะเดินนำโดมออกไป

“ไปไหน นี่เธอ กลับมานี่นะ จะไปไหนกันน่ะ … ฮึ่ย”
อัสนีนิ่วหน้าไม่พอใจ หมอนี่เป็นใครกันทำไมต้องมีลับลมคมนัยกับเขา อัสนีรู้สึกหวงพระพายขึ้นมาตะหงิดๆ เห็นทีเขาต้องตามไปแอบฟังเสียแล้ว

พระพายอธิบายทุกอย่างให้โดมฟังว่าเธอมาอยู่ในบ้านนี้ในฐานะอาโป ภรรยาของอัสนีที่แต่งงานกันในนามเพราะเรื่องธุรกิจ โดมฟังอย่างไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก ขืนนายนั่นรังแกหญิงสาวที่ตนรัก เขาจะทำอย่างไร พระพายรู้ถึงความห่วงใยของโดม เธอบอกเขาให้วางใจ

“คุณอัสนีเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกค่ะ ลึกๆแล้วเขาเป็นคนจิตใจดีนะคะ พอตาของเขามองเห็นอีกครั้ง คุณอาโปกลับมาทำหน้าที่ของเธอ พระพายก็จะได้กลับบ้าน”

“แต่อยู่ในฐานะภรรยานี่…พี่ว่า….”
“โอ๊ย !!!” เสียงอัสนีดังขึ้น ทั้งสองตกใจหันไปมองก็พบว่าอัสนีหน้าคะมำอยู่ในพุ่มไม้ เขาเดินสะดุดก้อนหินแล้วล้มไปนั่นเอง

โดมกับพระพายรีบเข้าไปช่วยเหลือ
“คุณอัสนี เจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ”

อัสนีรีบลุกขึ้นเพื่อไม่ให้เสียหน้า โดมมองอย่างสงสัย
“ทางเดินขรุขระตรงนี้ คุณออกมาทำไมกัน”

อัสนีโวยเสียงดังกว่า
“มาเดินเล่น ! นี่มันบ้านฉัน เธอสองคนนั่นแหล่ะมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

เขาพยายามทำหน้าให้เป็นธรรมดามากที่สุดไม่ให้พระพายจับได้ แต่เธอก็มิวายมองเขาอย่างสงสัย โดมตัดสินใจพยุงอัสนีเข้าไปตรวจอาการในบ้าน เขาถือโอกาสนี้จับอัสนีตรวจตาไปในคราวเดียวกันเลย

“โชคดีนะครับที่เส้นเอ็นไม่พลิก ไม่เป็นอะไร...ส่วนตาของคุณ ผมตรวจดูแล้วปกติดีทุกอย่าง ได้กระจกตาบริจาคเมื่อไหร่ คุณก็เข้ารับการผ่าตัดได้ทันที...อย่ากังวลไปเลยนะครับ การผ่าตัดเดี๋ยวนี้ไม่น่ากลัวอะไรเลย”

“แล้วผมบอกตอนไหนว่ากลัว “ อัสนียียวนตามเคย ที่จริงเขาไม่สนใจสิ่งที่หมอพูดเท่าไหร่ แต่เขาพยายามฟังเสียงของโดมมากกว่า ว่าใช่ชายคนรักของอาโป ที่ใช้ปืนขู่เขาตอนคุยโทรศัพท์หรือไม่

“คุณคือคนที่คุยโทรศัพท์กับผมใช่ไหม”
โดมงง “ไม่เคยครับ ผมเพิ่งพบคุณครั้งแรก”

อัสนีหน้าบึ้ง ครุ่นคิดขัดใจ ความหึงพลุ่งพล่าน แต่ไม่ทันจะถามอะไรต่อพระพายที่แยกตัวไปจัดโต๊ะอาหารก็เข้ามาบอกทั้งสอง
“เชิญที่ห้องทานอาหารได้เลยค่ะ”

โดมพยักหน้าเดินจากไป อัสนีบอกพระพายด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
“ฮึ มีแฟนเยอะนักหรือ ! “

“อะไรนะคะ”
“ฉันล่ะ ลำดับที่เท่าไหร่ ถึงร้อยไหม ! “ พูดจบเขาก็กระแทกเท้าเดินออกไปด้วยความโกรธ พระพายมองตามอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรของเขา …”

อัสนีนั่งหน้าเครียดที่โต๊ะอาหาร เขานั่งฟังพระพายและโดมพูดคุยกันอย่างหงุดหงิดใจ เขาไม่ถูกชะตากับหมอคนนี้เอาเสียเลย เขาแกล้งยกน้ำขึ้นมาดื่มแล้วก็แกล้งวางผิดทำน้ำหกเลอะไปทางโดม

“ เฮ้ย...” โดมตกใจที่จู่ๆก็เปียกไปครึ่งตัว อัสนีรีบขอโทษขอโพย
“ตายแล้ว ผมทำน้ำหกเหรอครับ ผมนี่มันซุ่มซ่ามตามจริงๆมาครับ..เดี๋ยวผมเช็ดให้”

เขาแกล้งใช้ผ้ากันเปื้อนเช็ดให้ไปมั่วไปหมด แต้มกับถวิลต้องเข้ามาช่วยอีกแรง โดมมองจานข้าวตัวเองที่มีน้ำเจิ่งนอนก็หมดอารมณ์ รวบช้อนส้อมอย่างสุดเซ็ง

อัสนีอารมณ์ดีขึ้น ร่วมวงสนทนากับเขาบ้าง
“ ว่ากันด้วยเรื่องเพื่อนเก่าน่ะ เคยได้ยินสุภาษิตนี้ไหม ....อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันฉันรักเธอ”

ทุกคนนิ่งอึ้ง แต้มหันไปกระซิบถวิล
“สุภาษิตชาติไหนวะ”

อัสนีหันมาจับมือพระพายโชว์ พระพายหน้าตื่น พยายามดึงมือออกแต่ไม่สำเร็จ
“คุณอัสนี ! “ พระพายเรียกเขาเสียงเข้มแต่เขาไม่สนใจ

“เราเป็นสามีภรรยากันนะ จับมือกันไม่เห็นต้องเขิน ว่าแต่คุณหมอเถอะครับมีเมียหรือยัง มีเมียน่ะสนุกนะ “

โดมพยายามสะกดอารมณ์ เขาหมั่นไส้อัสนีเต็มทนที่วางท่าเป็นเจ้าของพระพาย อัสนีหันไปพูดจาอ่อนหวานกับพระพายประหนึ่งคู่รักที่รักกันยิ่ง

“ที่รักจ๊ะ พาเพื่อนคุณไปเดินเล่นริมหาดสิ ถือเป็นการไถ่โทษแทนผม อากาศตอนนี้ กำลังดีเลยนะครับ”

โดมรีบลุกขึ้นทันที “ดีเหมือนกันนะ เดินย่อยอาหาร”
อัสนีผายมือ
“เชิญครับคุณหมอ เชิญเลย...เดินเล่นให้เย็นใจ ท้องร้องเมื่อไหร่ค่อยกลับมาทานอีกรอบก็ได้นะครับ”

พระพายมองท่าทางแปลกๆของอัสนีอย่างสงสัย ก่อนจะพาโดมออกไป เมื่ออัสนีรู้ว่าทั้งสองไปแล้วก็รีบเรียกแต้มกับถวิลมากระซิบกระซาบถึงแผนการบางอย่าง แต้มและถวิลพยักหน้ารับคำสั่งและรีบพากันออกไป

อัสนียิ้มพอใจ เขาเป็นผู้ชายเหมือนโดม มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าโดมก็มีใจให้พระพาย แต่เขาจะ
ทำให้โดมเห็นว่า ใครเป็นเจ้าของกันแน่ !

“ทางนี้เลยฮะคุณหมอ...ห้องนี้แหล่ะฮะ เชิญฮะเชิญ”
ถวิลหิ้วกระเป๋าให้โดม เดินนำเขาเข้าไปในห้องนอนของพระพาย โดมกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างแปลกใจ

“ห้องนี้ เหมือนเคยมีใครอยู่ ห้องใคร”
“ไม่มีฮะไม่มี เป็นแค่ห้องรับรองแขก”

ถวิลรีบปฏิเสธ แล้วก็ต้องหน้าตื่นเมื่อมองเห็นกรอบรูปพระพายที่วางอยู่บนชั้นใกล้ๆ แต้มคงจะสะเพร่าเก็บของพระพายไปไม่หมด เธอรีบกระเถิบๆไปยืนใกล้ๆ เอื้อมมือไปแอบหยิบซ่อนไว้ข้างหลังไม่ให้โดมเห็น

“เชิญคุณหมอตามสบายเลยนะฮะ”
โดมหันกลับมามองถวิลในจังหวะที่เก็บรูปได้เฉียดฉิว แต่ก็มิได้ติดใจอะไร

“จริงสิ แล้วพระพายนอนห้องไหน”
“ก็...ห้องหอไงฮะ”
โดมหน้าเครียดขึ้นมาทันที

แท้จริงแล้วอัสนีแกล้งให้แต้มไปตามพระพายไปพบตนในห้อง และให้แต้มจัดการใส่กุญแจล๊อคจากนอกห้องไม่ให้พระพายหนีออกไปได้ พระพายมองข้าวของเครื่องใช้ตัวเองที่มาอยู่ในห้องอัสนีอย่างแปลกใจ

“เอ๊ะ นี่มัน...ของของฉันนี่ “
อัสนีทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ พระพายเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็เห็นเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอถูกย้ายมาที่ห้องนี้หมดแล้ว นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน

“คืนนี้คุณต้องนอนห้องนี้เพราะผมยกห้องคุณให้หมอจอมจุ้นนั่นไปแล้ว”
พระพายหน้าตื่น “อะไรนะ”

อัสนีทำไขหูกับเสียงตื่นตระหนกของพระพาย
“นี่ ผมอุตส่าห์ช่วยรักษาหน้าคุณนะ ขืนเพื่อนคุณรู้ว่าคุณมีสามีแล้ว แต่แยกกันนอนคนละห้อง ...ขายหน้าเขาแย่ “

“คนบ้า ! คุณนี่มันบ้าจริงๆ !” พระพายโวยใส่เขา เธอรู้ดีว่าที่อัสนีทำไปเพราะอยากเอาชนะโดมเท่านั้น พระพายพยายามเขย่าประตู เคาะเรียกแต้ม ถวิลเป็นการใหญ่

“เปิดนะ แต้ม ถวิล อย่าให้ฉันออกไปได้นะ น่าดู เปิด บอกให้เปิดได้ยินไหม ! “

อัสนีปล่อยให้พระพายโวยวายไป เขารู้ดีว่า กว่าแต้มจะกลับมาเปิดประตูให้อีกก็คงเป็นตอนเช้า เขาจัดแจงถอดเสื้อผ้า นุ่งผ้าเช็ดตัวเพื่อจะอาบน้ำ พระพายหันหน้ามาเห็นก็ต้องสะดุ้งตกใจ

“ว้าย!!! “ เธอรีบเอามือปิดตา “คุณมายืนแก้ผ้าแถวนี้ทำไม”
อัสนีทำท่าไม่เข้าใจ

“อ้าว...ผมจะอาบน้ำ จะให้ใส่ชุดสูทรึไง”
อัสนีทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำไป พระพายกลั้นใจ เข้าไปขอร้องอัสนี

“คุณอัสนี ฉันเหนื่อยและง่วงเต็มทีแล้ว คุณช่วยสั่งแต้มเปิดประตูให้ฉันออกไปได้ไหมคะ ไปนอนห้องรับรองแขกก็ได้”

“คุณง่วงก็นอนบนเตียงสิ อ๋อ ยังไม่ได้อาบน้ำ มาอาบพร้อมผมก็ได้นะ... เพราะผมตาบอดอยู่แล้ว ฮะฮะฮ่า มุขนี้ขำไหม..”

อัสนีหัวเราะร่าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป พระพายหน้าบึ้งเมื่อไม่ได้ดั่งใจ เธอมองไปรอบตัว เกิดมาเธอเคยอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายสองต่อสองที่ไหน เฮ้อ แล้วนี่เธอจะทำยังไงต่อกับชีวิตดี !!!




 

Create Date : 28 มิถุนายน 2550    
Last Update : 28 มิถุนายน 2550 22:53:11 น.
Counter : 721 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

แม่มดมีฤทธิ์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์ (บ๊วย)
นักเขียนบทละครโทรทัศน์

เจ้าของบทประพันธ์...>>>>>
ทาสรัก สวรรค์สร้าง
เพลงรักข้ามภพ
สู่แสงตะวัน อธิษฐานรัก
ดั่งดวงตะวัน เพียงผืนฟ้า
กลิ่นแก้วกลางใจ เปลวไฟในฝัน

ผลงานเขียนบท...>>>>>
บ่วง ทวิภพ สาปภูษา
ดั่งดวงตะวัน กลิ่นแก้วกลางใจ
เปลวไฟในฝัน หัวใจช็อคโกแล็ต
คลื่นรักสีคราม เล่ห์รตี

ผลงานกับละลิตา ฉันทศาสตร์โกศล ...>>>>>
ทางผ่านกามเทพ สามีตีตรา สายรุ้ง
ยอดชีวัน สามี บังเกิดเกล้า
หนึ่งในดวงใจคือเธอ สี่ไม้คาน
เลื่อมสลับลาย พรหมไม่ได้ลิขิต
ก้านกฤษณา ปลาหนีน้ำ ฯลฯ

ผลงานกับ ช่างปั้นเรื่อง...>>>>>
รักในม่านเมฆ เพียงผืนฟ้า ปิ่นมุก พลิกดินสู่ดาว อุ่นไอรัก
เบญจาคีตาความรัก รุ่งทิพย์ ต่างฟ้าตะวันเดียว
ปิ่นไพร ฯลฯ




Friends' blogs
[Add แม่มดมีฤทธิ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.