Group Blog
 
All blogs
 
กลิ่นแก้วกลางใจ ตอนที่ 4


ก ลิ่ น แ ก้ ว ก ล า ง ใ จ


บทประพันธ์ นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
เรียบเรียงจากบทโทรทัศน์ กมลชนก ยวดยง



ตอนที่ 4



อัสนีค่อยๆลืมตาขึ้นมองทุกอย่างรอบๆตัว เขานิ่วหน้าสงสัยว่าทำไมมันถึงได้มืดสนิทเช่นนี้
“ทำไมมันมืดอย่างนี้...นี่ที่ไหนกัน..”

เขาพยายามคลำหาทางเดิน แต่ดูเหมือนเขาจะเจอแต่ความว่างเปล่า อัสนีแปลกใจตัวเอง
“ทำไมเรามองไม่เห็นเลย...”

อัสนีพยายามเพ่งมองออกไปในความมืด จู่ๆอัคคีที่หน้าขมึงตึง เลือดอาบไปทั้งหน้าก็โผล่พรวดมาตรงหน้าอย่างเร็ว !
อัสนีตกใจแทบสิ้นสติ
“ พ่อ! “

อัสนีผวาไปทั้งร่าง เขาตะโกนเรียกพ่อสุดเสียง... ภานุ จิตตาและเมษาพุ่งตรงมาที่เตียงคนไข้ทันที ภานุรีบเข้าไปจับเนื้อจับตัวอัสนีเพื่อเรียกสติ

“อัสนี หลานอา...นี่อาเองนะ ได้ยินเสียงอาไหม”
แท้จริงแล้วเมื่อครู่เป็นเพียงฝันร้ายของอัสนีเท่านั้น

“อาภานุ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ...ทำไมผมมองไม่เห็นใครเลย แล้วพ่อล่ะครับ พ่ออยู่ไหน...ผมอยากคุยกับพ่อ เมื่อกี๊ผมฝันถึงพ่อ”

ภานุมองหลานชาย...อัสนีอยู่ในชุดคนไข้โรงพยาบาล ตามเนื้อตัวมีร่องรอยบาดแผลขีดข่วนและรอยฟกช้ำ แต่ที่สำคัญ ดวงตาของอัสนีตอนนี้มีผ้าพันแผลปิดอยู่ !

ภานุเศร้าไปทันทีที่อัสนีถามถึงพี่ชาย
“ว่ายังไงล่ะครับ พ่อ พ่อผมอยู่ไหน พ่อ...เปิดไฟให้ผมหน่อยผมมองไม่เห็น พ่อ....”

อัสนีมองไปรอบๆตัว ยกมือไขว่คว้าพาพ่อ ภานุ จิตตา เมษามองอย่างสลดใจ ภานุตัดสินใจบอกความจริงกับหลาน
“อัสนี…ฟังอาให้ดีนะ พี่อัคคีไปสบายแล้ว เขาหมดห่วงแล้วนะ...”

อัสนีตกใจ “ อาว่าอะไรนะครับ”
“พ่อแกน่ะ...เขาไปสบายแล้ว แกขับรถอัดก๊อปปี้กับเสาไฟฟ้า เอ้อ มันเกิดขึ้นทันที พี่เขาคงไม่ทรมานหรอก ส่วนแก แขนหัก และมีเศษกระจกฝังที่ดวงตาทั้งสองข้าง ทำให้เอ่อ … มองไม่เห็น “

อัสนีช็อค อ้าปากค้าง พ่อเขาตายแล้ว และตอนนี้เขากลายเป็นคนตาบอด อัสนีคาดไม่ถึง ทุกอย่างหนักหนาเกินกว่าจะรับไหว

“ไม่...ไม่จริง พ่อผมยังไม่ตาย...นี่เป็นแค่ฝันร้าย พอผมตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็จะเหมือนเดิม แค่ฝันร้าย แค่ฝันร้าย ...”

อัสนีพูดท่องวนซ้ำไปมา เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นแค่ความฝัน เขาต้องการตื่นจากฝันร้ายเดี๋ยวนี้ …จิตตาเห็นแล้วสงสารอัสนีจับใจ เข้าไปกอดปลอบประโลม

“หลานอา…ทุกอย่างเป็นความจริง อัสนีต้องยอมรับความจริงนะลูก”
อัสนีหันขวับไปทางจิตตาทันที
“เสียงนี้...คนพวกนั้นใช่ไหม...”

อัสนีค่อยๆปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ ความทรงจำทั้งหมดกลับคืน อาโป ลูกสาวของอาผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้เขาโมโห ทะเลาะกับพ่อ จนทำให้พ่อตาย ...ทำพ่อเขาตายแล้วยังมีหน้ามาเยี่ยมอีกหรือ อัสนีผลักจิตตาอย่างแรง พลางคว้าสิ่งของที่โต๊ะหัวเตียงที่พอจะหยิบได้ขว้างใส่ไปทางจิตตา

“ไป ! ออกไป...ออกไปให้หมด ไป! ไอ้คนเฮงซวย เพราะผมโมโหพวกคุณ ผมถึงขับรถเร็ว เพราะพวกคุณ พ่อผมถึงตาย...ไป ออก ไป !!! “

อัสนีฟาดงวงฟาดงา ขว้างปาสิ่งของใกล้ตัวทุกสะเปะสะปะ ภานุพยายามห้ามปราม
“ เฮ้ย หยุด...แกเป็นบ้าไปแล้วหรือ พยาบาล คุณพยาบาลไปไหนกันหมด”

ภานุร้องเรียกให้คนช่วย พยาบาลพากันกรูเข้ามาจับอัสนีไว้ แต่อัสนียังคงอาละวาดอย่างหนัก ทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“จากผลการตรวจ เศษกระจกรถที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ เข้าไปฝังอยู่ในกระจกตาทั้งสองข้าง ทำให้การรับภาพมีปัญหาครับ”

หมอเจ้าของไข้แจ้งแก่ญาติของอัสนีเช่นนั้น อัสนีกลายมาเป็นชายตาบอด เขามีโอกาสกลับมามองเห็นอีกครั้งถ้าได้รับบริจาคอวัยวะ ซึ่งต้องใช้เวลารออย่างน้อย 6 เดือนถึง 1ปี แต่ที่สำคัญที่สุด ตอนนี้สภาพจิตใจอัสนีย่ำแย่สาหัส เขาอาละวาด ไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาใดๆทั้งสิ้น

-------------------------------------------------

พระพายที่ถูกทิ้งให้เฝ้าไข้อัสนี มองคู่ปรับเก่าอย่างสงสาร
“เทวดาก็มีวันต้องตกสวรรค์สินะ น่าสงสารจัง”

พระพายสังเกตเห็นว่าอัสนีเอาแต่นอนเฉย แต่หัวคิ้วขมวดเคร่งเครียด มือกำแน่น เหงื่อพราวบนใบหน้า พระพายแปลกใจ ทำไมอัสนีถึงเป็นเช่นนี้

อัสนีหน้าเครียด เฝ้าครุ่นคิดถึงอีกข่าวร้ายที่เขาเพิ่งได้รับรู้
เมื่อเช้านี้เองที่เลขาฯของพ่อเขามาเยี่ยม เลขาหนุ่มนำโทรศัพท์มือถือของอัคคีมาคืนให้แก่อัสนี

“มือถือพ่องั้นเหรอ ...คุณเปิดดูสิว่ามีข้อความจากผมถึงท่านไหม แล้วท่านเปิดดูรึยัง?
เลขาทำตามความประสงค์ของอัสนี แต่ก็ต้องบอกเสียงอ่อย

“ข้อความเสียงจากคุณใช่ไหมครับ เอ่อ...ท่านยังไม่ได้เปิดดูเลยครับ มือถือท่านเสียวันนั้นพอดี เราส่งซ่อมไป เพิ่งได้มาวันนี้เอง “
อัสนีช็อค คำพูดของพ่อและเขายังก้องอยู่ในหู

“พ่ออยากบอกว่าพ่อขอโทษ …. เวลาที่เหลือต่อไปนี้ ให้โอกาสพ่อนะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ เรามาเริ่มต้นกันอีกครั้งนะลูก”
“พ่อครับ คืนนั้นผมไม่ได้หลับ ตกลงครับ เราจะเริ่มต้นกันใหม่”

อัสนีเสียใจมากที่เขากับพ่อต้องจากกันทั้งที่ยังเข้าใจกันผิดอยู่ อัสนีเขวี้ยงข้าวของ เริ่มอาละวาดอีกครั้ง

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมวันนั้น ฉันถึงไม่หันไปบอกเขาว่าฉันได้ยิน ฉันเข้าใจและฉันก็รักพ่อ ทำไมฉันไม่ทำแบบนั้น ฉันมันโง่ ฉันมันแย่ แย่จริงๆ “

อัสนีคบกรามแน่น กำมือแน่นอย่างเจ็บปวด พระพายทนไม่ไหว เข้าไปพูดปลอบประโลม
“คุณเกร็งไปทั้งตัว เหงื่อแตก ขมวดคิ้ว ทำไมไม่ร้องไห้ออกมาล่ะคะ”

อัสนีหันหน้าไปหาเจ้าของเสียงอย่างแปลกใจ
“เธอเป็นใคร เสียงใคร”

พระพายอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะตอบออกไป
“อย่าคิดว่าฉันเป็นใครเลยค่ะ การมองไม่เห็นก็ดีไปอย่าง เวลาที่เราอยากร้องไห้ เราจะได้ไม่ต้องอายเขา เพราะเราไม่รู้ว่าเขาเป็นใครไงคะ”

“ฉันไม่ได้อยากร้องไห้” อัสนีเสียงเข้ม
“น้ำตาช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้น ช่วยป้องกันดวงตาอักเสบ ช่วยล้างสิ่งระคายเคืองที่รบกวนตาและ….รบกวนใจ”

“น้ำตาเป็นเครื่องหมายของความอ่อนแอ” อัสนีเถียงกลับอย่างเร็ว พระพายยังไม่ยอมแพ้
“ถ้าเราไม่เคยรู้จักความอ่อนแอ แล้วเราจะรู้จักความเข้มแข็งได้ยังไง ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าคุณไม่ต้องนึกว่าฉันเป็นใครก็ได้ นึกว่าฉันเป็นจิ้งจก เป็นแจกัน เป็นเอ้อ เป็นสายลม...”

พระพายนึกถึงชื่อตัวเอง
“ใช่ๆ เป็นสายลมนี่ล่ะเหมาะ เป็นสายลมที่หวังดี ช่วยให้เจ้าชายสายฟ้าอย่างคุณ กลับมาเข้มแข็งขึ้นใหม่ แบบนี้ดีไหมคะ”

อัสนีแทบจะหมดความอดทน ต้องการกำลังใจอย่างมาก
“ถ้าคุณเป็นสายลมจริงๆก็เข้ามาใกล้ๆผมหน่อย”

พระพายเดินเข้าไปใกล้เตียง ลังเลเล็กน้อยที่จะสัมผัสตัวอัสนี แต่สุดท้ายก็แตะแขนอัสนีเบาๆให้รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ อัสนีหันหน้าไปหาพระพาย

“สายลมไม่มีปากใช่ไหม สายลมไม่มีตา มองอะไรก็ไม่เห็น สายลมไม่มีสมอง จำอะไรก็ไม่ได้ ถ้างั้น อย่าบอกใครนะ ว่าสายฟ้าอย่างผมไม่เคยเข้มแข็งเลย เวลาอย่างนี้ ผมอยากร้องไห้ที่สุด…อยากร้องไห้จริงๆ”

อัสนีร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เขาดึงพระพายเข้ามากอดอย่างคนหาที่พึ่งพระพายตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก เกิดมายังไม่เคยมีใครกอดเธอมาก่อน จะสะบัดตัวออกก็ไม่กล้า

พระพายมองบุคคลที่อยู่แนบชิดเธอยามนี้ เขาร้องไห้สะอื้นอย่างน่าสงสาร พระพายค่อยๆเอื้อมมือกอดตอบอย่างปลอบประโลม สงสารอัสนีจับใจ

------------------------------------------------------

กิจการผ้าไหมของธีรนัยระส่ำขึ้นมาทันทีเมื่ออัคคีตาย แถมผู้บริหารคนใหม่ก็กลายเป็นคนพิการ ภานุจึงให้อัสนีเซ็นยกอำนาจในการบริหารงานทั้งหมดให้เขาดูแล ภานุเริงร่าเป็นอย่างมากที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาต้องการ ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ

ไม่มีใครสงสัยสักนิดว่าแท้จริงแล้ว ภานุเป็นอยู่เบื้องหลังเรื่องราวอุบัติเหตุทั้งหมด เขาอยากกุมอำนาจของธีรนัยมานานแล้ว แต่เมื่อพินัยกรรมระบุยกสมบัติให้อัสนี เขาจึงต้องกำจัดหลานรักไปให้พ้นทาง

ภานุจ้างคนไปตัดสายเบรกรถของอัสนี ! นั่นคือต้นเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุครั้งนี้ !
ถึงแม้ว่าอัสนีจะไม่ตาย แต่ก็ตาบอด อำนาจในการบริหารธีรนัยตกมาอยู่กับภานุสมใจ

ภานุจัดการให้อัสนีและอาโปจดทะเบียนสมรสกัน และส่งตัวหลานรักไปพักฟื้นที่”บ้านกลิ่นแก้ว” บ้านพักตากอากาศของฝ่ายหญิง การที่อัสนีไปอยู่เกาะไม่ได้รับรู้อะไร ดูจะทำให้ตำแหน่งของตนมั่นคงขึ้น !

อาโปอาละวาดอีกครั้งเมื่อรู้ว่าตนต้องระเห็จไปเป็นชาวเกาะกับอัสนี หล่อนอ้อนวอนให้จิตตาเห็นใจ หล่อนไม่อยากไปอยู่ที่เกาะนั่น แต่จิตตาไม่ใจอ่อน อาโปจึงเปลี่ยนไปขอความช่วยเหลือจากเมษาแทน

“คุณป้าขา...อาโปกราบนะคะ คุณป้าช่วยพูดกับคุณแม่เรื่องไปอยู่ที่เกาะให้อาโปได้ไหมคะ ทำยังไงก็ได้ค่ะ ให้คุณแม่เปลี่ยนใจ ไม่ส่งตัวอาโปไปอยู่กับนายอัสนีอะไรนั่น”

เมษาลอบถอนใจเพราะไม่สนใจอาโปอยู่แล้ว หล่อนสนใจแต่เรื่องของจิตตาและพระพายเท่านั้น

“ป้าก็อยากช่วยหนูนะลูก แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวโยงกับธุรกิจเป็นพันล้าน ป้าจนปัญญาจริงๆ”

“เอาอย่างนี้ คุณหนีไปอยู่กับผม เราไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน..เมืองไทยกว้างใหญ่จะตาย ไปอยู่ไกลๆ จนแม่คุณตามเราสองคนไม่เจอ ดีไหมครับ”
จอนนี่ แฟนหนุ่มของอาโปเสนอความคิดบ้าง หล่อนหยุดร้องไห้ ยิ้มออกทันที

“เป็นความคิดที่ดีมากเลยค่ะ ทำไมอาโปคิดไม่ออกนะ จอนนี่จะพาอาโปหนีจริงๆหรือคะ ไปด้วยกันนะคะนมแสง หนีไปด้วยกัน”

อาโปหันไปบอกเมษา
“คุณป้าขา คุณป้าเก็บความลับเรื่องนี้ให้อาโปด้วยนะคะ”

“แล้วนังเด็กพระพายนั่นล่ะ” เมษาชักสงสัย
“โอ๊ย อาโปจะเอามันไปให้เกะกะทำไมล่ะคะ คุณแม่ชอบมันมากก็ให้มันอยู่รับใช้คุณแม่
ไปสิคะ ไปกันเถอะ จอนนี่ นมแสง ไปจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินกัน”

อาโปกลับมาเริงร่าอีกครั้ง ความวิตกทุกข์ร้อนของอาโปหายไปจนหมดสิ้น บุคคลที่ทุกข์กลับกลายมาเป็นเมษานั่นเอง

คืนนั้น เมษาคุยกับรูปภาพของอรชุนอย่างหงุดหงิดใจ
“นังอาโป มันสมกับเป็นลูกโสเภณีจริงๆ ใฝ่ต่ำตามสันดานของมันไม่มีผิด ถ้านังอาโป มันไม่เอานังพระพายแล้ว คราวนี้นังพระพายก็สบายน่ะสิ นังจิตตานั่น มันใจอ่อนจะตาย”

เมษานิ่วหน้า ทำท่าเหมือนได้ยินเสียงอะไร เงี่ยหูฟัง
“ฮะ ฮะ ฮ่า” เสียงหัวเราะของอรชุนแว่วมา

เมษาหูแว่ว จ้องภาพอรชุนอย่างโกรธเกรี้ยว
“คุณอรชุน นี่คุณแอบหัวเราะใช่ไหม”

“ฮะ ฮะ ฮ่า .... ฮะ ฮะ ฮ่า” เสียงหัวเราะดังมาอย่างต่อเนื่อง
เมษาโกรธมือไม้สั่น คว้าแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะสาดใส่ภาพอรชุนทันที

“ไม่หยุดใช่ไหม นี่แน่ะ....นี่นี่ ....ถึงทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผนของฉัน แต่ฉันไม่มีวัน
ปล่อยนังพระพายไปมีความสุขง่ายๆหรอก ฉันจะเล่นงานมัน ฉันจะหาทางให้มันลำบาก ให้มันเจ็บปวดทุรนทุรายจนได้นั่นล่ะ ฉันต้องหาทางจนได้ !! “

เมษาใช้เวลาครุ่นคิดหาวิธีอยู่ไม่กี่วันก็คิดหาวิธีได้ หล่อนโทรศัพท์แจ้งแผนการของหล่อนกับอาโปทันที
“ อาโปหรือลูก ป้าคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว แผนของป้า รับรองต้องถูกใจหนูกับจอนนี่แน่ๆ”

อาโปก็รับฟังแผนการของเมษาอย่างชอบใจ หล่อนเก็บของใส่กระเป๋าเดินทางเตรียมไปอยู่บ้านกลิ่นแก้วอย่างสบายอารมณ์ จิตตาดีใจมากที่ลูกรักดูเข้าใจอะไรมากขึ้น และยินยอมพร้อมใจไปอยู่ดูแลอัสนีที่เกาะ

ไม่มีใครสงสัยสักนิดว่าทำไมอาโปเข้าใจอะไรหลายอย่างง่ายดายเช่นนี้ !

“คุณแม่นัดหนูมาที่นี่ มีอะไรให้หนูรับใช้หรือคะ” พระพายยกมือไหว้เมษา รู้สึกแปลกใจที่
จู่ๆเมษาก็เรียกตนออกมาพบ

“เบื่อๆน่ะ แม่เลยขอคุณจิตตาให้หนูออกมาเที่ยวเป็นเพื่อน”
พระพายอึ้งไปชั่วขณะ เมษาเรียกตัวเองว่าแม่งั้นหรือ? ปกติมีแต่ฉัน กับ แก นี่นา...

“แม่เรียกตัวเองว่าแม่หรือคะ ...เอ่อ หนูคงได้ยินผิดไปเอง ขอโทษค่ะ
เมษายิ้มให้พระพาย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือพระพายอย่างรักใคร่
“หนูได้ยินไม่ผิด ต่อไปนี้ แม่จะเรียกตัวเองว่าแม่ เรียกหนูว่าลูก...พระพายลูกแม่”

พระพายมองมือเมษาที่สัมผัสตนอยู่ พระพายอดน้ำตาคลอไม่ได้...เธอดีใจเหลือเกิน นี่คือสิ่งที่เธอรอคอยมาตลอดชีวิต ความอบอุ่นจากแม่เมษา คนๆเดียวในโลกที่พระพายทุ่มเทให้ แม้จะโดนทำร้ายอย่างไรพระพายก็ยังรักและเทิดทูนเมษาเสมอมา

เมษายิ้มให้พระพายอย่างอบอุ่น อ่อนโยน หล่อนพาพระพายเดินเลือกซื้อของ เข้าร้านนู้นออกร้านนี้โดยประกาศกับทุกคนว่า
“นี่ลูกสาวฉันเอง ...”
“นี่ลูกสาวฉัน สวยไหม ขอเสื้อผ้าดีๆที่เหมาะกับเขาสักสองสามชุดสิจ๊ะ”

พระพายหันมองแม่กับลูกสาวคู่หนึ่งกำลังนั่งหัวเราะพูดคุยกันอยู่ เสียงเมษาดังขึ้น
“เหมือนเราเลยใช่ไหม …คนที่เป็นแม่ เวลามีลูกสาว เหมือนมีเพื่อนสนิทเลยรู้ไหม”

พระพายหันมายิ้มกว้างให้เมษาที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“วันนี้ พระพายมีความสุขที่สุดเลยค่ะ คุณแม่ขา”

“ถ้าพระพายรักแม่ พระพายทำอะไรอย่างหนึ่งให้แม่ได้ไหม”
พระพายให้คำตอบอย่างไม่รีรอ
“ได้ทุกอย่างเลยค่ะแม่ …ได้ทุกอย่างเลย”

พระพายเอามือแม่มาแนบแก้ม รักและเทิดทูนสุดชีวิต เธอไม่เอะใจสักนิดว่าเมษาจะขอร้องให้เธอช่วยเรื่องใด แล้วพระพายก็ได้รู้เมื่อถูกชายฉกรรจ์ 2 คนจับเธอไปขึ้นรถตู้เพื่อพาไปยังบ้านกลิ่นแก้ว

“ไม่ต้องกลัวนะลูกรัก รถตู้คันนี้จะพาหนูไปที่บ้านบนเกาะนั่น ไปหาอัสนีไงลูก”
เมษานำกระเป๋าเดินทางของพระพายไปใส่รถ

“นี่จ้ะกระเป๋าใส่ของของลูก ป้าแตงเขาจัดให้หนู คุณอาโปเขามีธุระที่อื่นสักพัก หนูจะต้องไปที่เกาะนั่นคนเดียว ไปทำหน้าที่ภรรยานายอัสนี...แทนคุณหนูอาโป”

“อะไรนะคะ “ พระพายไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“หนูห้ามบอกชื่อจริงและฐานะที่แท้จริงกับใครเด็ดขาด คนอื่นทุกคนต้องรู้จักหนูในนามของอาโปเท่านั้น โดยเฉพาะคุณหญิงจิตตาต้องไม่รู้เรื่องนี้”

“แบบนี้ก็เป็นการหลอกลวงคุณจิตตาสิคะ คุณอาโปหนีไปแล้วใช่ไหมคะ ทำไมเขาถึง
หลอกลวงแม่เขาได้ลงคอ พระพายจะไปบอกคุณหญิงจิตตา”

พระพายเริ่มดิ้นรนจนสมุนเริ่มจับลำบาก เมษาตรงเข้ามาตบพระพายทันทีสองครั้ง
“นังพระพาย นังเด็กอกตัญญู ฉันเป็นแม่แกนะ ไม่ใช่นังจิตตา !

เมษาเปลี่ยนกลับไปเป็นเมษาคนเดิมทันที พระพายมองเมษาคาดไม่ถึง นึกถึงการกระทำทั้งหมดมองหน้าแม่นิ่ง…พระพายน้อยใจ น้ำตาคลอ รู้แล้วว่าวันนี้เมษาแสดงทีท่าว่ารักตนไปทำไม

“ที่คุณแม่พาหนูไปเที่ยววันนี้ ก็เพื่อจะให้หนูทำงานให้คุณแม่งั้นหรือคะ คุณแม่ทำกับหนูอย่างนี้ได้ยังไง ! “
เมษาทำเสียงอ่อนลง

“ทั้งหมดนี่ก็เพื่องานของแม่นะลูก อาโปเป็นทายาทสุรเยนทร์ เป็นลูกค้าของแม่ อีกอย่าง นายอัสนีนั่นตอนนี้ก็ไม่มีตำแหน่งอะไรแล้ว แถมยังตาบอด มันไม่รู้เรื่องหรอก นะลูกนะ ทำเพื่อแม่นะลูก”

ชายฉกรรจ์2คนไม่รอช้า รีบลากตัวพระพายขึ้นรถไปทันที เมษายืนมองผลงานของตนอย่างสะใจ หล่อนกลับไปเล่าให้อรชุนฟังอย่างสะใจ

“ที่บ้านกลางเกาะนั่น ต่อไปนี้ก็จะมีคนที่โลกลืมสองคน ถูกทิ้งอยู่ด้วยกัน ไอ้ตาบอด กับ อีลูกชู้ โฮ้ยเหมาะสมกันจริงจริ๊ง ฮะฮะฮ่า”

-------------------------------------------------------------

อัสนีนั่งพักผ่อนที่ระเบียงบ้านกลิ่นแก้วอย่างหงอยเหงา สายตาเขาที่เหม่อมองไปข้างหน้าว่างเปล่า เลื่อนลอยอย่างคนไม่รู้อนาคต เขามาอยู่บ้านกลิ่นแก้วนี้ สัปดาห์หนึ่งแล้ว บรรยากาศของทะเลไม่ได้ช่วยให้เขาสดชื่นขึ้นแต่อย่างใด

“ช่วยกันจัดห้องให้คุณผู้หญิงเร็ว”
อัสนีหน้าเข้มขึ้นทันทีเมื่อได้ยินแต้มและถวิล คนดูแลบ้านคุยกันเรื่องนี้ เขาขมวดคิ้ว ครุ่นคิด

“ยายตัวร้ายจะมาถึงบ้านวันนี้หรือ”
ภาพหญิงสาวเย่อหญิง ขี้โวยวาย จอมมารยาแว่บเข้ามาในความคิดอัสนีทันที เขาขบกรามแน่นด้วยความโกรธ

“ยายผู้หญิงเหลวแหลก เธอคือคนที่ทำให้ฉันโมโหจนขับรถพาพ่อไปตาย …เพราะเธอทำให้ฉันตาบอด ทำให้ชีวิตของฉันหมดสิ้นทุกอย่าง …”

อัสนีกำมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“เธอกับฉันได้เจอดีกันแน่ !!”

อัสนีดวงตาวาว อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ยายอาโปจะมาถึง ยายนั่นจะได้รับการต้อนรับที่สาสมที่สุด !!




Create Date : 02 มิถุนายน 2550
Last Update : 2 มิถุนายน 2550 11:50:38 น. 12 comments
Counter : 914 Pageviews.

 

แง่มๆมาลงไว้ก่อนค่ะอ่านแล้วจะมาใหม่


โดย: nana--n IP: 124.121.33.191 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:12:40:49 น.  

 
ข่าวดี ถึงเพื่อนๆที่ต้องการลดน้ำหนักนะ ตอนนี้เราเข้าโปรแกรมกับศูนย์สุขภาพที่นึงอยู่ ไม่อันตราย ปลอดภัย และที่สำคัญเราสามารถจัดงบประมาณได้เองด้วย ถ้าใครสนใจที่จะลดน้ำ หนัก ติดต่อ ขอรับคำปรึกษาได้ที่เบอร์นี้นะ 0830604304 เราเข้าโปรแกรมมาแค่เดือนเดียวลดไป 5กิโลแล้ว เลยอยากบอกต่อ


โดย: นิค IP: 202.28.179.12 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:13:38:28 น.  

 
สนุกมากๆเลยครับ อาโปร้ายได้ใจมากๆ ได้ข่าวว่าจะลงเป็นละครเย็นเหรอครับ แย่จังทำไมคนจัดผังใช้อะไรคิดเนี่ย


โดย: ต้นรัก IP: 124.120.48.121 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:14:48:37 น.  

 
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลย

แต่ อ้าว! ทำไมเป็นละครช่วงเย็นล่ะ ?
เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ
นักแสดงสุดยอดฝีมือ สุดยอดความสวยทั้งนั้นเลย
ขอโทษนะคะ คือถ้าจัด"กลิ่นแก้วกลางใจ"ให้เป็นละครตอนเย็นจริงๆ ก็ไม่ฉลาดเลยนะคะ


โดย: FC Sinjai IP: 84.176.98.236 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:15:39:45 น.  

 
มาตามอ่านต่อค่ะ

ชอบมาก ๆ เลยเรื่องนี้
จะรอตอนละครออกอากาศด้วย
ไม่ว่าจะลงช่วงไหนก้ตาม ถ้าละครดีแล้วไม่ว่าอย่างไร
เชื่อว่าต้องมีคนดูแน่ ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจให้นักแสดงนะคะ

อืม...วันนี้ได้เห็นทีเซอร์ละครเรื่องนี้แล้ว
น่าดูมากจริง ๆ ค่ะ


โดย: มิ้นท์ IP: 222.123.170.214 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:19:39:55 น.  

 
คนจัดผัง คงไม่ฉลาดจริงแหละงับ เลยงง เอาละครดีๆนักแสดง แถวหน้าลงเย็น สงสัยจะมึน


โดย: ต้นรัก IP: 124.120.48.121 วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:22:25:36 น.  

 
มีแนวโน้มว่าจะเป็นละครเย็น
เพิ่งทราบกันไม่นานนี้เช่นกัน
ทำท่าจะออกต่อ เหตุเกิดในครอบครัว
ถ้าเห็นทีเซอร์แล้วน่าจะใช่

แต่โดยส่วนตัวยังไม่เห็นเรยค่ะ เด๋วไปหาดูก่อน


โดย: นันทวรรณ IP: 124.120.62.78 วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:22:28:35 น.  

 
ได้เห็นตัวอย่างละครเหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่ได้เข้ามาอ่านเนื้อเรื่องเลย หากว่าเป็นละครหลังข่าวก็จะติดตามดูนะคะ แต่ถ้าเป็นละครตอนเย็น สงสัยจะกลับจากที่ทำงานมาดูไม่ทันแฮะ


โดย: ไกลนั้น วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:0:00:17 น.  

 
ขออนุญาติ พี่นันทวรรณเหมือนกันน่ะครับ ที่เอาไปเผยแพร่ในบอร์ดพี่เอ๊ะ ขอขอบคุณล่วงหน้าน่ะครับ


โดย: ต้นรัก IP: 124.120.56.73 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:19:11:40 น.  

 
เพิ่งได้เข้าเน็ต อิอิ ตามมาอ่านแล้วคะ แอบเซ็งนิดหน่อยที่เป็นละครตอนเย็น


โดย: ข้าวปั้น IP: 203.188.58.145 วันที่: 8 มิถุนายน 2550 เวลา:16:45:28 น.  

 
วิธีหาเงินง่ายๆ บน Internet ได้เงินจริงๆ น่าสนใจมาก ลองอ่านดูก่อนนะค่ะ
//thaiparttime.com/job.php?jobid=1054337


โดย: Sai IP: 64.136.49.226 วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:2:47:00 น.  

 
ในเรื่องตอนกอดปลอบใจที่โรงพยาบาล
เป็นตอนเดียวที่ริต้า-โฬมแสดงได้ดีกว่าที่คุณเขียนไว้



โดย: ชม IP: 202.12.74.74 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:13:37:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่มดมีฤทธิ์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์ (บ๊วย)
นักเขียนบทละครโทรทัศน์

เจ้าของบทประพันธ์...>>>>>
ทาสรัก สวรรค์สร้าง
เพลงรักข้ามภพ
สู่แสงตะวัน อธิษฐานรัก
ดั่งดวงตะวัน เพียงผืนฟ้า
กลิ่นแก้วกลางใจ เปลวไฟในฝัน

ผลงานเขียนบท...>>>>>
บ่วง ทวิภพ สาปภูษา
ดั่งดวงตะวัน กลิ่นแก้วกลางใจ
เปลวไฟในฝัน หัวใจช็อคโกแล็ต
คลื่นรักสีคราม เล่ห์รตี

ผลงานกับละลิตา ฉันทศาสตร์โกศล ...>>>>>
ทางผ่านกามเทพ สามีตีตรา สายรุ้ง
ยอดชีวัน สามี บังเกิดเกล้า
หนึ่งในดวงใจคือเธอ สี่ไม้คาน
เลื่อมสลับลาย พรหมไม่ได้ลิขิต
ก้านกฤษณา ปลาหนีน้ำ ฯลฯ

ผลงานกับ ช่างปั้นเรื่อง...>>>>>
รักในม่านเมฆ เพียงผืนฟ้า ปิ่นมุก พลิกดินสู่ดาว อุ่นไอรัก
เบญจาคีตาความรัก รุ่งทิพย์ ต่างฟ้าตะวันเดียว
ปิ่นไพร ฯลฯ




Friends' blogs
[Add แม่มดมีฤทธิ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.