เล่าประเด็นจุดกำเนิดต้มยำกุ้งแบบคร่าว ๆ

จากตอนแรกที่คิดว่าจะเขียนเรื่องบ้านมือสองก่อน พอคิดไปคิดมาก็อยากเขียนเรื่องนี้ก่อนซะงั้นเพราะมันมีผลกระทบรอบด้านเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งผลของมันยังกระทบต่อคนไทยจนถึงตอนนี้เลยทีเดียว ก่อนอื่นต้องขอโทษที่หยุดเขียนนานไปนิสนุง เนื่องจากผมรอหาหนังสือเล่มหนึ่งมาทำเป็นเกร็ดท้ายบทความทุกครั้งไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะจบหนังสือเล่มนี้และอาจหาเล่มอื่นที่น่าสนใจมาเพิ่มเติมต่อ โดยหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเกี่ยวกับความคิดแนวสุขนิยม ชื่อสุขกันเถอะเรา ผมคิดว่าคงมีคนเคยอ่านมาแล้ว แต่ถ้าไม่เคยอ่านผมขอแนะนำครับ ให้ติดตามอ่านไปเรื่อยๆ ครับ ผมจะขอย้อยไปลงให้อ่านตั้งแต่บทความแรกเลยนะครับ เริ่มบทความกันเลยดีกว่าครับ

อย่างที่รู้กันว่าวิกฤตต้มยำกุ้งที่เกิดขึ้นช่วงปี 40 มาจากการฟองสบู่แตก เอแต่ทุกคนรู้มั้ยครับว่าฟองสบู่ที่แตกมันแตกได้อย่างไร หรืออะไรคือฟองสบู่ แล้วอยู่ ๆ ทำไมคนไทยเป็นหนี้มากมาย ผมคิดว่าคงมีคนรู้อยู่แล้วมากเลย เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นดังแต่ผมก็ยังอยากจะเขียนต่อไป ไม่ใช่เป็นการอวดความรู้อะไรนะครับ แต่มันเป็นจุดต่อเนื่องกับประเด็นที่ผมอยากให้ทุกคนรู้ ซึ่งอาจจะเป็นการร่ายยาวสักหน่อย แต่กับคนที่สนใจผมว่ามันสนุกและ น่าสนใจดีที่จะได้รู้ในมุมมองของคนเพิ่มขึ้นอีกสักคนเกี่ยวกับเรื่องนี้

เรามาพูดถึงเรื่องฟองสบู่กันดีกว่าครับ ไม่ใช่ถูสบู่นะครับ ฟองสบู่คือเงินนั่นเองครับ จะเรียกว่าเงิน, ทุน หรือ หนี้ก็คงได้ครับ แล้วทำไมเงินมันจึงแตกอะครับ อันนี้เนื่องมาจากเงินเฟ้อของประเทศไทยช่วงนั้นครับที่ทั้งจีดีพี และเงินเฟ้อขึ้นต่อเนื่องอย่างสูงผิดปรกติติดต่อกันหลายปี ช่วงนั้นคือช่วงที่ใคร ๆ ก็พูดถึงกันว่าเศรษฐกิจดีมาก นั่นคือยุคน้าชาติ ช่วงนั้นใคร ๆ ก็บอกว่าหาเงินง่ายมาก ราวกับว่ามีเงินตกอยู่ตามพื้นซะงั้น ธนาคารช่วงนั้นปล่อยเงินกันสบาย หลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ก็คุ้มบ้างไม่คุ้มบ้าง บางมูลหนี้มีหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่ถึง 20% เลย โดยเฉพาะพวกส.ส และพรรคพวกบางคนถึงกับไม่มีหลักทรัพย์อะไร หรือหาหลักทรัพย์ที่ดูมีค่าไม่เจอกับเลยทีเดียว ประกอบกับช่วงนั้นได้ออกกฎหมายการเงินฉบับนึง ซึ่งทำให้สามารถนำเงินเข้าออกประเทศได้อย่างอิสระ ช่วงนั้นกระแสจะให้ไทยเป็น Hub การเงินโลกมาแรง สุดท้ายก่อนจะเป็น Hub การเงินโลกก็กลายมาเงินหนี้ต่างประเทศมหาศาล เนื่องจากเงินกู้ต่างประเทศดอกเบี้ยถูกกว่าบ้านเรามาก เพราะช่วงนั้นดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 15-18% เจ้าหน้าที่แบงค์แนะนำลูกค้าให้กู้เงินนอกเพราะดอกเบี้ยถูก และตัวเองได้ค่าคอมด้วย บริษัททั้งใหญ่และเล็กในบ้านเราเลยเป็นหนี้เงิน USD กันมากเพราะอยากได้ดอกเบี้ยถูกกัน ส่วน บริษัทไฟแนน และทรัสต์ที่ไปก่อนหน้านี้ทั้ง 57 ไฟแนนท์ที่ทำให้ตลาดหุ้นโดนถล่มแทบทลายไม่ได้ไปเพราะค่าเงินบาทลอยตัวครับ มันไปก่อนหน้านั้นแล้ว ที่มันไปเนื่องมาจากฟองสบู่ที่เริ่ม ๆ จะแตกนี่ละครับ เนื่องจากเงินของไฟแนนและทรัสต์ส่วนใหญ่ไม่ใช่เงินของเจ้าของเค้าหรอกครับ มันคือเงินของคนฝากเงินที่หวังดอกเบี้ยสูง ๆ ส่วนไฟแนนและทรัสต์ก็ต้องนำเงินจำนวนนั้นไปปล่อยกู้แข่งขันกับพวกแบงค์ทั้งหลายที่ปล่อยกู้ให้ใครง่าย ๆ แข่งกันเองอยู่แล้ว และยังจากเหตุเงินเฟ้อช่วงน้าชาติอีกที่ปรับเปลี่ยนนิสัยการใช้จ่ายเงินของคนไทยในช่วงนั้นให้เฟ้อกระจายไปอีก และอีกเหตุก็มาจากพวกนักการเมืองที่บังคับซูเอี๋ยกับเจ้าของ หรือเจ้าหน้าที่ไฟแนน หรือทรัสต์ต่าง ๆ ให้ปล่อยเงินกู้พวกตนหรือพรรคพวกตนง่าย ๆ โดยมีหลักประกันต่ำมาก ๆ เจ้าของไฟแนนพวกนี้จะรู้ตัวก่อน ล้มบนฟูกกันเป็นแถบ ๆ ปล่อยให้คนฝากและคนกู้รับเคราะห์ไป

ที่ว่าคนฝากรับเคราะห์คงพอทราบไม่ต้องอธิบายอะไรมากว่ารับเคราะห์ยังไง ส่วนคนกู้ที่รับเคราะห์ก็เพราะคนกู้มันไม่ใช่มีแต่พวกเลว ๆ เท่านั้น ยังมีคนดี ๆ ในจำนวนที่มากกว่าทำโครงการเพื่อหวังว่าธุรกิจตนจะประสบความสำเร็จ รันโครงการไป 20% บ้าง 40% บ้าง บางคนถึง 80-90% ไปละจะเสร็จ จะขายได้แล้วแต่ไฟแนนถูกปิด ระงับการให้เงิน และยึดหลักทรัพย์ทุกตัว ใครก็ทำโครงการไม่ได้ เหมือนถูกหวยเลขล็อค ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นคนแทงหวยแต่ไม่ใช่ตอนถูก เรากลับกลายเป็นเจ้ามือต้องเป็นคนจ่าย โครงการถูกระงับ ติดแบล็คลิส ติด NPL แต่ละคนคงงงไปเลยละ ในตอนนั้นผลกระทบส่วนใหญตกอยู่กับพวกคนที่ทำโครงการตอนนั้น ผู้รับเหมา อสังหาริมทรัพย์ รองลงมาก็พวกพนักงานที่ถูกเลย์เอ๊าท์ พอไปรวมกับตอนเงินบาทลอยตัวก็เลยการเป็นต้มยำกุ้งอย่างที่เห็น

ผมว่าเรื่องมันชักจะยาวละเดี๋ยวต่อภาค 2 ดีกว่าเดี๋ยวจะเบื่อซะก่อน เกริ่นนิดหน่อยว่าภาคสองจะโยงมาเกี่ยวข้องกับพวกอสังหาริมทรัพย์ละ พวกปรส., บบส., บสท., บสก.,กรมบังคับคดี อะไรพวกนี้ละ

ต้องการให้ปรับปรุงอะไรยังไงก็ได้ครับ สอนได้เลยครับมือใหม่ครับ มีคำถามคอมเม้นท์ได้นะครับ ถ้าตอบได้จะตอบให้ครับ สำหร้บอีเมล์ก็ numsodonsales@gmail.com ครับ



มุมสุขกันเถิดเรา (แนวความคิดสร้างความสุขในชีวิตที่ไม่ต้องรอแม้วินาทีเดียว)

เริ่มตอนที่2 กันแล้วครับจะยาวกว่าตอนแรกมาก เริ่มเลยละกันนะครับ

ตอนที่2 ให้ผ่านพ้นไปทีละวัน

ตอนที่ 2.1 เมื่อชีวิตมันหนักหนา

เมื่อชีวิตมันหนักหนาสาหัส คุณมีชีวิตต่อไปอย่างไรกันครับ
เมื่อคุณเศร้าสลด คุณยึดเหนี่ยวจิตใจตัวเองได้อย่างไรกันครับ อย่างโดดเดี่ยวหรือ หัวใจแตกสลาย..

คุณจะจัดการปัญกาทั้งหลายทั้งปวงของคุณได้เช่นเดียวกับตอนที่คุณไต่เขาอยู่เท่านั้นละครับ...

เมื่อคุณไปปีนเขาแล้วคุณเกิดติดอยู่บนผม คุณย่อมพุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับชั่วขณะนั้นทันที!
คุณจะลืมอนาคตไปสิ้น ความพยายามทั้งหมดของคุณจะมุ่งไปที่ก้าวถัดไปของคุณเอง และก็ก้าวถัด ๆ ไป ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว
จนในที่สุด คุณก็ปีนป่ายเขาได้สำเร็จ

กลยุทธ์เดียวกันนี้ก็ใช้ได้กับชีวิตประจำวันครับ
ในยามที่สิ่งต่าง ไ ดูเลวร้ายสุด ๆ คุณจงพุ่งสมาธิของคุณใส่ใจอยู่กับชั่วขณะปัจจุบันนั้น
คุณค่อย ๆ จัดการกับปัญหาไปทีละอย่าง คุณก้าวไปได้ก้าวหนึ่งแล้ว คุณเริ่มเชื่อมั่นในตนเองขึ้นมาเล็กน้อย...จากนั้นก็ก้าวต่อไป และก้าวต่อไปอีกเรื่อย ๆ
ในที่สุด คุณก็พบว่า สิ่งที่เลวร้าวที่สุดนั้นได้จบลงแล้ว

หากคุณกังวลเกี่ยวกับ
1. ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องทำในเดือนหน้า หรือ
2. ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณอาจทำพลาดในปีหน้า
คุณอาจกลายเป็นบ้าได้ครับ!

แต่คุณรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ไปทีละวันได้นี่ครับ
และเมื่อไรก็ตามที่รู้สึกว่า 24 ชั่วโมงก็ยังหนักหนาเกินไป ก็จัดการให้มันผ่านพ้นไปทีละห้านาทีก็แล้วกันครับ

พูดง่าย ๆ คือ

ทั้งหมดที่คุณทำได้คือ พยายามให้ดีที่สุดจนกว่าจะถึงเวลานอน แล้วให้วันพรุ่งนี้ดูแลเรื่องราวในวันพรุ่งนี้เองครับ


Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2555 18:08:02 น. 1 comments
Counter : 467 Pageviews.  

 
ทดลองเม้นครับ


โดย: หนุ่มโสด onsales วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:21:16:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนุ่มโสด onsales
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add หนุ่มโสด onsales's blog to your web]