All Blog
รัฐธรรมนูญ : กรรมาธิการจะถูก "ตบหน้า" ถ้าไม่ฟังเสียงประชาชน
....................หายไปนาน ตั้งแต่สงกรานต์ ปีใหม่ไทยๆ เหตุเพราะ เครื่องคอมพังสนิท ไปให้ช่างฟิตก็ไม่ได้ เลยต้องหยุดรอเงิน เพื่อหาเครื่องใหม่ซึ่งก็ได้เครื่องคุณภาพเล็กๆ ดีกว่าเดิมนิดหน่อย..อิอิ.. แล้วก็จะได้แสดงความคิดเห็น บน blog นี้ต่อไป.......
..................
....

เรื่องรัฐธรรมนูญ ยังคงต้องเป็นเรื่องที่ควรสนใจต่อไปสำหรับคนไทย เพราะรัฐธรรมนูญเป็นแม่บทของกฏหมายของประเทศ เป็นกฏหมายสูงสุด

ถึงจะสูงสุดแต่ก็ถูกฉีกทิ้งมาหลายครั้งหลายหน ซึ่งคนเข้าฉีกมาล้มเลิกยังผิดกฏหมายข้อหา กบฎ มีโทษถึงประหารชีวิต แต่ก็ออกกฏหมายรัฐธรรมนูญชั่วคราวมานิรโทษกรรมไปเรียบร้อย หมดโทษไปพร้อมกับมีรัฐธรรมนูญชั่วคราว

ช่วงนี้เป็นช่วงรับความฟังความคิดเห็นขององค์กรต่างๆ และประชาชนในรัฐธรรมนูญ ฉบับร่าง

เสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยมากมายดังขรมไปหมดจากสื่อต่างๆ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญไม่ดี ส่วนดีก็มีมาก แต่เสียงที่คัดค้าน มาจากกลุ่มและผู้คนที่ไม่เห็นด้วยในประเด็นของตน

ต่างคนต่างพูดประเด็นไม่เห็นด้วยของตน จนมีแต่ประเด็นไม่เห็นด้วยเยอะแยะไปหมด เพราะประเด็นที่เห็นด้วยก็ไม่มีใครเอามาพูด

ที่มีน้ำหนักที่คณะกรรมาธิการต้องตะแคงหูฟังอย่างตั้งใจ คือองค์กรศาลที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ความสำคัญแก่ศาลค่อนข้างมาก ออกมาบอกไม่เห็นด้วยอยู่หลายประเด็น เช่น ให้ศาลมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องในองค์ประชุมแก้วิกฤติชาติ ไม่เห็นชอบเข้าไปเป็นกรรมการสรรหา สว.ฯ

ซึ่งศาลมองเห็นว่าเป็นเรื่องการเมือง ที่จะทำให้ศาลมัวหมองและถูกข้อครหาในภายภาคหน้า ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ศาลได้ และประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นในศาล

เรื่องการบัญบัญญัติให้ใส่คำว่า "ศาสนาพุทธ" เป็นศาสนาประจำชาติ

องค์กรที่ไม่ได้กำหนดไว้ให้ร่วมคิดร่วมให้คำเสนอแนะอย่างเป็นทางการ อย่างองค์กรของพระสงฆ์ แต่ดูเหมือนว่า องค์กรนี้รวมทั้งแนวร่วมที่เรียกว่าองค์กรชาวพุทธ กำลังเคลื่อนไหวอย่างเอาจริงเอาจังที่ต้องการให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

พระสงฆ์องค์เณร ระดับเถระชั้นผู้ใหญ่มีสมณศักดิ์ระดับเจ้าคุณและพระคุณเจ้าหลายพันรูปออกมาเดินขบวน ขี่ช้าง ขี่ม้า ยังกับไปออกทัพจับศึก และมานั่งชุมนุมขอให้ใส่ในรัฐธรรมนูญด้วยว่า "ให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ"

องค์กรทหารเห็นไปประชุมสัมนากันก็บอกว่า ไม่เห็นด้วยกับมาตรา 68 ที่ให้มีองค์กรแก้ไขปัญหาวิกฤตชาติ แต่เห็นด้วยให้ใส่ มาตรา 299 ที่ถือว่าเป็นมาตรานิรโทษกรรม ทหารที่ยึดอำนาจ

มาตรา 299 ที่ถือว่าเป็นการนิรโทษกรรมการยึดอำนาจ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

ซึ่งไม่แปลกอะไรที่ทหารจะเห็นด้วยเพราะเป็นผู้ยึดอำนาจ แต่ว่า ศาล กับเห็นตรงข้ามว่าไม่ควรบัญญัติไว้ เพราะได้นิรโทษกรรมไปตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเรียบร้อยแล้ว

แต่ละองค์กรที่ถูกกำหนดให้ ต้องเสนอแนะแสดงความเห็นและส่งความเห็นไปให้สภาร่างรัฐธรรมนูญก็กำลังทะยอยกันคิดกันเสนอแนะ

แต่ก็แปลก ทั้งๆที่กรรมาธิการก็บอกให้องค์กรต่างๆ และประชาชนแสดงความคิดความเห็นในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ

แต่พอศาลแสดงความไม่เห็นด้วย ที่ให้ศาลเข้าไปมีส่วนมากเกินไปในบางเรื่อง

คณะกรรมาธิการยกร่าง อย่างนายวิชา มหาคุณ ก็ออกมาในทำนองต่อว่าศาลว่า จะให้ศาลมีวิสัยทัศน์ออกมาอยู่กับสังคมโลกภายนอก ไม่ใช่นั่งอยู่แต่บัลลังก์ ยังมีคำพูดอีกหลายคำที่แสดงในทำนองต่อว่าศาล

พระสงฆ์ระดับเถระมีสมณศักดิ์และองค์กรชาวพุทธ เรียกร้องให้บัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ก็ออกมาพูดในทำนองดูแคลนพระเสียอีก

ก็ตอนนี้หรือไม่ว่าตอนไหน การร่างรัฐธรรมนูญก็ถือว่าเป็นของคนไทยทุกคน ทุกคนทุกภาคส่วนก็ควรมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น

คณะกรรมการจะเอารึไม่เอาเห็นด้วยรึไม่เห็นด้วยกับการแสดงความคิดเห็นก็ควรจะรับฟัง ไม่ต้องออกมาตอบมาโต้อะไร ถึงเวลาก็เอาไปพิจารณา ไปแปรญัตติ

ถ้าจะให้เป็นฉบับประชาชนก็ต้องฟังเสียงประชาชน ว่าประชาชนต้องการให้รัฐธรรมออกมาแนวไหน

ไม่ใช่ออกมาข่มมาขู่ ว่าถ้าไม่ผ่านจะเกิดการนองเลือด การนองเลือดหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ประชาชนแต่อยู่ที่คนถืออาวุธ ถ้าไม่ใช้อาวุธกับประชาชน มันจะนองเลือดได้อย่างไร

ถ้าไม่ผ่าน ก็แสดงให้เห็นชัดๆ ยังไงล่ะว่าประชาชนเขา "ตบหน้า" สั่งสอนให้รู้สำนึก ว่าคณะกรรมาธิการและ สสร. ไม่ฟังเสียงประชาชน

แล้วถ้าประชาชน "ตบหน้า" สั่งสอน สสร. แล้ว คมช. ดันไปเอาร่าง เฮงซวยซังกระบ๊วย มาแก้ไข ทั้งที่ มันมีปี 2540 ที่ถือว่าเป็นฉบับประชาชนอยู่แล้ว

ถ้าจะสวนกระแสและดันทุรังอย่างนั้น คมช. คงจะถูกประชาชน "ตบหน้า" เข้าให้ด้วย และถ้าจะเอา ปืนเอารถถัง มายิงประชาชน นั่นคงหนี"นองเลือดไม่พ้น"

ก็ทั้งๆที่เปิดรับฟังความคิดเห็น ทั้งๆ มีหลายภาคส่วน บอกให้แก้ไขให้มันตรงกับความกับคิดเห็น ก็ไม่แก้ไข มีแต่ออกมาตอบโต้

ก็ทำไมรับฟังแล้วแก้ไขให้มันตรงกับความต้องการของประชาชนและภาคส่วนที่เขาแสดงความคิดเห็น ก็จะไม่มีใครออกมาต่อมาต้าน มันก็จบ

หรือกรรมาธิการยกร่าง และ สสร. เองนั่นแหละ "ต้องการให้มันนองเลือด"

อย่ามาอ้างเลยว่าไปรับฟังเสียงประชาชนทั่วประเทศทุกจังหวัดมา ที่ไปรับฟังมาแต่ละจังหวัดน่ะ ไปฟังใครมา ประชาชนในจังหวัดเขารับรู้การไปรับฟังแค่ไหน



Create Date : 05 พฤษภาคม 2550
Last Update : 5 พฤษภาคม 2550 16:10:08 น.
Counter : 548 Pageviews.

1 comments
  
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก้อเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องเหล่าบรรดาทหาร ให้มีกินมีใช้ไปตลอดชีวิตไงเล่า
โดย: หมั่นโถว (nufanie ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:22:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

50youngnum
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



  •  Bloggang.com