แค่เปลี่ยนวิธีคิด ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่เรื่องยาก (ครูหนุ่ย)
 
 

ชวนเพื่อน ๆ ติดตามภาษาอังกฤษวันละคำครับ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ 

ผมห่างหายจากการเขียน blog มานาน 
เนื่องจากติดภาระกิจเรื่องเรียน
ขณะนี้เรียนจบแล้ว จึงพอมีเวลามากขึ้น

ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปใช้ facebook เพื่อการสื่อสารที่รวดเร็วและคล่องตัวยิ่งขึ้น
หากเพื่อน ๆ สนใจติดตามภาษาอังกฤษวันละคำ เข้าไปกด like ได้ที่
www.facebook.com/Engtoday 
แล้วเจอกันนะครับ ^^




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 11 กรกฎาคม 2555 11:40:29 น.   
Counter : 3067 Pageviews.  


ขอฝากผลงานหนังสือเล่มแรกของผมด้วยนะครับ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน


จากที่ได้มีโอกาสขีด ๆ เขียน ๆ ใน blog แห่งนี้มานานพอสมควร ผมก็ได้มีโอกาสเขียนหนังสือเป็นเล่มแรกในชีวิต ชื่อ "แค่เปลี่ยนวิธีคิด ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่เรื่องยาก" ซึ่งเนื้อหาก็เป็นแนวที่ผมถนัด คือเกี่ยวกับประสบการณ์ และวิธีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ผมเขียนขึ้นมาใหม่ในสไตล์กวน ๆ เหมือนเดิม


ผมขอขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้กันมาตลอดและเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้น และหวังว่าเพื่อน ๆ คงจะช่วยกันอุดหนุนและให้กำลังใจเช่นเดิม หากอ่านแล้วถูกใจกรุณาช่วยบอกต่อ แต่ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบ ก็เงียบ ๆ ไว้ อย่าบอกนะ ว่ารู้จักกับผม อายเขา ^_^

หาซื้อได้ที่ร้านซีเอ็ดและร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปครับ



//www.se-ed.com/eShop/Products/Detail.aspx?No=9786167067032

สารบัญ

เรียนภาษาอังกฤษไปทำไม


ภาษาอังกฤษง่าย ภาษาไทยยาก


แปลเปลี่ยน


ภาษาอังกฤษอยู่รอบตัว


สอบเก่ง เรียนเก่ง ภาษาอังกฤษเก่ง


โง่ภาษาอังกฤษ


เด็กนอก อังกฤษก็ไม่ได้ ไทยก็ไม่ชัด


ไปเป็นหนุ่มออสซี่


ใครผิดใครถูก


นักสร้างสถานการณ์


ซอมบี้: เพลงรักแห่งปี


ดูหนังซาวด์แทร็คแล้วไม่คุ้ม


ผิดเป็นครู ถูกก็เป็นครู


โลกกว้างใย


พจนานุกรมขนมชั้น


ฝรั่งพูดเร็ว ฟังไม่ทัน


พูดไม่ได้หรือยังไม่ได้พูด


อ่านได้แต่แปลไม่ออก


รักการเอน


ไม่รู้จะเขียนอะไร


ทุกคนมีสิทธิ์ออกเสียง (ให้ถูกต้อง)


ศัพท์สน


ไวยากรณ์: สำคัญหรือรุงรัง




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2552   
Last Update : 27 ธันวาคม 2552 6:15:33 น.   
Counter : 635 Pageviews.  


เกร็ดภาษาอังกฤษ 31

คำศัพท์ง่าย ๆ ที่เรารู้จักกันดี แต่หากเราศึกษาให้ลึกซึ้งก็มีเรื่องราวน่าสนใจไม่น้อยเลย เช่นคำว่า like


like เป็นกริยาที่ต้องมีกรรม (transitive verb) หมายความว่า “ชอบ” เรามักจะต้องบอกด้วยว่าเราชอบอะไร เช่น I like pop music. (มุกพี่โนสเขา) เพราะฉะนั้นจะบอกว่าชอบอะไร ก็ใส่กรรมลงไป I like you. “คุณ” ก็เป็นกรรม (หรืออาจจะเป็นกรรมของคุณที่ถูกผมชอบ ^_^) นอกจากจะบอกว่าชอบอะไร ชอบใคร แล้ว เรายังสามารถบอกว่าชอบทำอะไร ได้ด้วย แต่อยู่ดี ๆ เราจะเอากริยามาใส่หลัง like เลยไม่ได้ ต้องมี to นำหน้า หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็น กริยาที่เติม ing เสียก่อน ดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า


I like ice cream. (ice cream เป็นกรรม)


I like to eat ice cream. (บอกว่าชอบทำอะไร ใส่ to ด้วย)


I like eating ice cream. (ถ้าไม่อยากใส่ to ก็เติม ing ที่กริยาก็ได้)


เมื่อได้หลักการแบบนี้แล้วก็ลองฝึกแต่งประโยคโดยเปลี่ยนกรรมและกริยาไปเรื่อย ๆ เช่น I like to watch TV. I like watching TV. He likes to speak English. He likes speaking English.

นอกจะทำหน้าที่เป็นคำกริยาแล้ว like ยังเป็นคำบุพบทได้ด้วย แต่ความหมายก็จะเปลี่ยนไปเป็น “เหมือนกับ” เช่น “He eats like a pig!” “She runs like the wind.” เพราะฉะนั้นเวลาแต่งประโยคต้องดูให้ดีว่าจะใช้ like ในฐานะอะไร เช่น ถ้าจะบอกว่าฉันชอบหมา ก็ต้องแต่งว่า “I like a dog.” ไม่ใช่ “I am like a dog.” ฉันเหมือนหมา


like ที่เป็นบุพบทนี้ มักจะใช้กับ linking verbs (กริยาที่แสดงประสาทสัมผัสทั้งหลาย เช่น look, taste, sound, feel, seem โอกาสหน้าจะเล่าเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้งนะครับ) เช่น เพื่อนผมบอกว่าพ่อหน้าเหมือนเขา เอ๊ย เขาหน้าเหมือนพ่อ “He looks like his father.” หรือโฆษณานมที่ผมยกตัวอย่างไว้ว่า “It tastes like real milk because it is.” หรือที่คุณสามีชอบบ่นว่ามีเมียเหมือนมีแม่เพิ่มมาอีกคน กินเหล้าก็บ่น สูบบุหรี่ก็บ่น มีเมียน้อยก็บ่น จะบ่นอะไรกันนักกันหนา (จริง ๆ แล้วน่าเตะผ่าหมากมากกว่าน่าบ่นเนอะ) ก็อาจจะบอกว่า “You sound like my mum.” นับวันยิ่งเหมือนแม่เข้าไปทุกที เมียก็อาจจะบอกว่า ใครกินนมฉันก็นับเป็นลูกทั้งนั้นแหละ (ยืมมุกตลกคาเฟ่มาเล่นอีกแล้ว ^_^)

likely (adj.) แปลว่า “อาจจะเกิดขึ้น” แม้คำนี้จะลงท้ายด้วย ly ก็ตาม แต่ดันทำหน้าที่เป็น adj. เพราะฉะนั้นเวลาใช้ก็ต้องใช้กับ v.to be (ย้ำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จำได้เอง) ข้อสังเกตก็คือ คำที่ลงท้ายด้วย ly ไม่ใช่ adv. เสมอไปนะครับ เช่น friendly บางคำแม้ไม่ได้ลงท้ายด้วย ly ก็เป็น adv. ได้ เช่น fast (ไม่มี fastly ในโลกนี้นะครับ) เช่นเดียวกับ คำที่ลงท้ายด้วย able ก็ไม่ใช่ adj. เสมอไป เช่น vegetable นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กฎส่วนใหญ่มีข้อยกเว้น อาจจะมีอยู่กฎเดียวที่ไม่มีข้อยกเว้นคือ ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่ว่ายากดีมีจน ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน (สาธุ)


likely (adv.) อ้าว เมื่อกี้ยังบอกว่า likely เป็น adj. ตอนนี้กลับมาเป็น adv. อีกแล้ว นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คำหนึ่งคำ หน้าตาเหมือนกัน อาจทำได้หลายหน้าที่ คนเราก็เหมือนกัน อยู่ที่โรงเรียนก็ทำหน้าทีนักเรียนที่ดี อยู่บ้านก็ทำหน้าที่ลูกที่ดี อยู่กับแฟน ก็ทำหน้าที่แฟนที่ดี เราจะเห็นว่าแม้หน้าที่จะเปลี่ยนไป แต่ความดียังคงเดิม เช่นเดียวกับ likely ที่เป็นทั้ง adj. และ adv. สองคำนี้แม้ทำหน้าที่ต่างกัน แต่มีความหมายเหมือนกัน (อุตส่าห์โยงจนได้ ^_^) วิธีแต่งประโยคก็เลยต่างกัน เช่น “คุณรมยาณี จะไปหาลูกสาวที่ออสเตรเลียปีหน้า” ก็อาจจะแต่งได้ว่า


“It is likely that Rommayanee will visit her daughter in Australia next year.” (ใช้เป็น adj. ก็ต้องใช้กับ v. to be ย้ำอีกแล้ว)


“Rommayanee will likely visit her daughter in Australia next year.” (ใช้เป็น adv. ก็ขยาย กริยาอีกตัวหนึ่งได้เลย)


like-minded (adj.) หมายถึงคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน คิดเหมือน ๆ กัน คำนี้เป็น adj. ที่พิเศษหน่อยคือ มักจะเอาไปไว้หน้าคำนาม โดยเฉพาะ people เช่น ผมเขียนหนังสือเพื่อให้คนที่สนใจในเรื่องคล้าย ๆ กันได้อ่าน “I wrote my books for like-minded people.”


likeable/likable (adj.) สะกดได้ทั้งสองอย่าง อันแรกเป็นแบบอังกฤษ อันหลังเป็นแบบอเมริกัน หมายถึง คนนิสัยดี เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น เช่น น้องหม่อง ทองดี เด็กชายไร้สัญชาติ (ผมไม่ชอบคำนี้เลย ฟังดูโหดร้ายจัง แต่ก็ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี) เป็นลูกของแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ต่อสู้จนได้สิทธิ์เดินทางออกนอกประเทศไปแข่งเครื่องบินกระดาษพับ ไม่ว่าการแข่งขันครั้งนั้นจะยิ่งใหญ่หรือไม่เพียงใด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ (ที่เขาไม่มีสิทธิ์แม้จะเรียกว่าเป็นประเทศของเขา) มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากกรณีนี้ก็คือ คนที่ไม่ใช่คนไทย (ตามกฎหมาย)บางคน รักประเทศไทยมากกว่าคนไทย (ตามกฎหมาย) บางคนเสียอีก ด.ช.หม่อง จึงเป็นเด็กที่มีแต่คนชื่นชอบ “Mong Tongdee is a likeable boy.”


likewise (adv.) หมายถึง ทำเหมือนกัน เช่น “I told my students Mong Tongdee’s story and told them to do likewise.” ผมเล่าเรื่องของ ด.ช.หม่อง ทองดี ให้นักเรียนฟัง และบอกให้ทำตามอย่าง (ผมหมายถึงให้รักประเทศไทยเหมือนเขานะครับ ไม่ใช่ให้ไปพับเครื่องบิน ^_^)




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2552 6:45:07 น.   
Counter : 909 Pageviews.  


เกร็ดภาษาอังกฤษ 30

คราวที่แล้วผมได้เล่ากิจกรรมยามว่างจากเรียนให้อ่านกันไปแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้จะพาออกไปเที่ยวนอกบ้านบ้างนะครับ แน่นอนว่าผมก็จะพยายามสอดแทรกคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่าสนใจเช่นเคย


นอกจากดูโทรทัศน์ ฟังเพลงแล้ว เมื่อมีโอกาส ผมก็มักจะออกไปเดินเล่นเที่ยวชมบ้านเมืองอยู่เสมอ เพราะมาถึงที่นี่แล้วต้องสำรวจให้คุ้ม ก่อนออกจากบ้านก็ต้องดูพยากรณ์อากาศก่อน (weather forecast) เหมือนที่ผมเคยเล่าไปแล้วว่าสภาพอากาศที่นี่ค่อนข้างแปรปรวน คนจึงสนใจติดตามการพยากรณ์อากาศกันมาก เพราะมีผลต่อการใช้ชีวิต อย่างน้อยก็มีผลต่อการแต่งตัวออกจากบ้าน มีวันหนึ่งผมได้ยินเขาพยากรณ์ว่าวันนี้จะมี “a shower or two” ฟังครั้งแรกก็งงเหมือนกันว่ามันหมายความว่าอะไร จึงมาถึงบางอ้อว่า สำนวน a … or two หมายถึง a few นั่นเอง เช่น I will be there in a minute or two.


พอออกจากบ้านก็ต้องขึ้นรถสาธารณะ ระบบตั๋วที่นี่เป็นแบบเหมาจ่าย จะซื้อเป็นแบบ 2 ชั่วโมง ทั้งวัน ทั้งสัปดาห์ ทั้งเดือน หรือทั้งปีก็ได้ (เหมือนที่เคยเล่าไปแล้วเช่นกัน) ซื้อแล้วจะนั่งกี่ครั้งก็ได้ ใช้ได้ทั้งกับ tram, bus, train ฟังแล้วดูดีใช้ไหมครับ แต่ความสะดวกก็แลกมาซึ่งค่าตั๋วที่แพงมาก จึงเกิดกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ต่อต้านไม่ยอมซื้อตั๋ว เรียกว่าพวก fare evaders พวกนี้จะต้องหูไวตาไว คอยระวังพวกนายตรวจ ถึงแม้โอกาสที่จะโดนตรวจตั๋วมีน้อยมาก แต่ถ้าโดนจับก็โดนปรับหนักพอสมควรเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงดีกว่าครับ


เมื่อเรามีตั๋วถูกต้องแล้วก็เอาไป validate ที่เครื่อง แล้วก็หาที่นั่ง เมื่อนั่งอยู่ตรงไหนก็ควรนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ควรเปลี่ยนที่ไปมา เพราะเราอาจโดนข้อหา discrimination หรือ racism ได้ เช่น ตอนแรกนั่งอยู่กับคนผิวดำ พอมีที่อื่นว่าง เราก็ไม่ควรย้ายที่ เพราะเขาอาจจะรู้สึกว่าเรารังเกียจเขา (ทั้ง ๆ ที่เราแค่อยากนั่งสบาย ๆ ) ประเด็นนี้เป็นเรื่องอ่อนไหว (sensitive) มากสำหรับประเทศที่มีคนหลากหลายเชื้อชาติมาอยู่ร่วมกัน (cosmopolitan) ทำให้เกิดสังคมหลากวัฒนธรรม (multicultural) คนที่นี่จึงพยายามให้ความเท่าเทียมกันไม่ว่าคุณจะเป็นคนชาติไหน ผิวสีอะไร (อย่างน้อยก็ในทางกฎหมาย ส่วนในทางปฏิบัติ มันก็มีบ้างเป็นธรรมดา) ส่วน discrimination กับ racism มีความหมายต่างกันเล็กน้อย racism หมายถึงพวกที่เห็นว่าชาติตัวเองดีกว่าชาติอื่น รังเกียจชนชาติอื่น ส่วน discrimination มีความหมายกว้างกว่า ไม่จำกัดแค่การกีดกัดด้านเชื้อชาติ อาจจะเป็นด้านเพศ (ไม่ยอมรับผู้หญิงเข้าทำงาน) อายุ รสนิยมทางเพศ (กีดกันเพราะเป็นเพศที่ 3) ฯลฯ


พอไปถึงห้างสรรพสินค้า เดินดูของไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ซื้อ (window-shopping) ก็ไปพบเห็นภาษาอังกฤษน่าสนใจอีกแล้ว เขาบอกว่า “No rain checks apply” อันนี้มีที่มาจากเมื่อก่อน พอการแสดงถูกยกเลิกเพราะฝนตก คนดูที่ซื้อตั๋วไปแล้วก็จะได้ rain check เมื่อการแสดงกลับมาแสดงได้อีก (วันหลัง) เราก็เอาเจ้า rain check นี่แหละใช้แทนตั๋วเข้าไปดูการแสดงได้เลย เมื่อนำมาใช้กับห้างสรรพสินค้าก็หมายถึง เมื่อมีการโฆษณาไปทางสื่อต่าง ๆ ว่าสินค้าประเภทนั้น ๆ ลดราคา แต่พอลูกค้ามาซื้อ สินค้าดันหมด บางห้างก็จะให้ rain check เพื่อรับประกันว่า เมื่อมีของในสต๊อก ลูกค้าสามารถกลับมาซื้อได้ในราคาที่ได้โฆษณาไว้ ดังนั้นหากเขาเขียนว่า “No rain checks apply” ก็หมายความว่า หมดแล้วหมดเลยนั่นเอง แต่ที่แน่ ๆ ทุกห้างจะบอกว่า “Terms and conditions apply” นั่นคือ ราคาที่ลดนี้มีเงื่อนไขนะ พิมพ์ตัวเล็ก ๆ หาอ่านกันเอาเอง ^_^




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2552 6:42:53 น.   
Counter : 632 Pageviews.  


เกร็ดภาษาอังกฤษ 29

พอไม่ได้สอนนาน ๆ ก็พาลนึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี เพราะที่ผ่านมาผมมักเขียนประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน มานึก ๆ ดูก็น่าจะลองเขียนเกี่ยวกับคำศัพท์ที่ผมพบเห็นในชีวิตประจำวันที่นี่ ซึ่งเป็นภาษาที่เจ้าของภาษาเขาใช้กันจริง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็น่าสนใจและคงเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้าง


เวลาว่างจากการเขียนงาน หนึ่งในสิ่งบันเทิงอันน้อยนิดที่ผมมีคือ โทรทัศน์ นอกจากจะฝึกให้ชินกับสำเนียงแบบออสซี่แล้ว จะได้มีเรื่องไปคุยกับคนอื่นด้วย รายการที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็น reality TV (ออกเสียงว่า รีอ๊าลิ่ถี่) มีหลายรายการที่เอาของอเมริกันมาฉาย เช่น Wife Swap (สลับภรรยากัน เอ่อ...ไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ), So you think you can dance (ประกวดเต้นแล้วให้คนดูโหวต) หรือซื้อลิขสิทธิ์เขามาทำเช่น Australia’s got talent (ให้มาแสดงความสามารถอะไรก็ได้แล้วให้คนดูโหวต) หรือรายการออสซี่ทำเองอย่าง Battle of the choirs (คำนี้ออกเสียงว่า ไคว์เอ่อ หมายถึงร้องเพลงประสานเสียง) บางรายการบ้านเราก็ซื้อลิขสิทธิ์มาทำเหมือนกัน เช่น Big Brother มีรายการหนึ่งที่ผมชอบดู ชื่อรายการ The farmer wants a wife พลางคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเมืองไทยซื้อลิขสิทธิ์ไปทำคงจะตั้งชื่อว่า “ชาวนา...หาเมียยยย” ^_^ ดู ๆ ไป รายการแบบนี้น่าจะเหมาะกับฝรั่งดี เพราะเขากล้าที่จะแสดงความรู้สึกตรง ๆ จนบางครั้งก็ขัดแย้ง (ซึ่งธรรมชาติของคนไทยไม่ค่อยชอบความขัดแย้ง...มั้ง) นอกจากนี้ก็จะเป็นพวก Series ต่าง ๆ ข่าว หนัง (เก่า ๆ) เกมส์โชว์บ้างประปราย สรุปว่า ทีวีบ้านเราสนุกกว่าเยอะครับ


หันไปดูโฆษณาทางทีวี ขอยืนยันเลยว่าบ้านเรากินขาดครับ โฆษณาที่นี่ขายของกันตรง ๆ เลย ไม่ค่อยอ้อมค้อมเท่าไหร่ บางชิ้นก็พยายามให้ขำ แต่ผมดันไม่ขำ (ผมอาจจะดูไม่เข้าใจเองก็ได้) แต่ผมดันไปขำโฆษณานมยี่ห้อหนึ่ง เขาบอกว่า “It tastes like real milk…because it is.” อืม...บอกทำไมเนี่ย


ผมได้คำศัพท์จากการดูโทรทัศน์เยอะเลยครับ ศัพท์บางคำดูเผิน ๆ เหมือนจะรู้จัก หรือเดาได้ แรก ๆ ก็ไม่สนใจจะเปิดดูความหมายจริง ๆ ของมัน แต่หลัง ๆ พยายามเปิดบ่อย ๆ เพราะบางครั้งมันก็ไม่เป็นเหมือนที่เราคิดครับ อย่างคำว่า priceless ถ้าวิเคราะห์ตามรากศัพท์ที่คุณครูสอนมา price=ราคา less= ไม่มี รวมกันก็น่าจะแปลว่าไม่มีค่า แต่จริง ๆ คำนี้แปลว่า มีค่ามากจนประเมินค่าไม่ได้ครับ อีกคำนึงลองเดาดูสิครับว่า ingenious แปลว่าอะไร...ดูเผิน ๆ จะสับสนกับคำว่า genius ใช่ไหมครับ สรุปแล้วว่าคำนี้แปลว่า ฉลาด ล้ำลึก ครับ ส่วนคำว่า dirt cheap ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับสกปรกเลย แต่แปลว่า ราคาถูกมาก ๆ ครับ


ยังมีอีกหลายคำที่ผมสังเกตเห็นตามข้างทางเช่น บ้านว่างให้เช่าจะเขียนว่า For lease หรือ To let (คำนี้เห็นครั้งแรกนึกว่าห้องน้ำซะอีก) ถ้าแถวไหนห้ามจอดรถจะเขียนว่า Tow away zone หมายถึงถ้ามาจอดตรงนี้จะโดนลากรถไป อย่าสับสนกับคำว่า throw away อันนี้แปลว่า โยนทิ้ง (แต่เอ...ความหมายคล้าย ๆ กันแฮะ) ส่วน Toll Free หมายถึง โทรฟรี ครับ (เอ่อ...ออกเสียงพ้องกันโดยบังเอิญ) toll หมายถึงค่าธรรมเนียม เราจะพบสำนวนนี้ตามกล่องผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้ลูกค้าโทรร้องเรียน สอบถามได้ฟรีไงครับ


ที่นี่เรียกลูกเกดว่า sultana เรียกออร์เดิร์ฟ (อาหารทานเล่นก่อนอาหารหลัก) ว่า entrée (อองเทร่) เรียกอาหารที่สั่งกลับบ้านว่า takeaway ครับ คราวนี้เอาไว้เท่านี้ก่อนนะครับ คราวหน้าจะมาเล่าเรื่อง rain check, discrimination, a shower or two และอื่น ๆ ให้อ่านกันนะครับ It sounds interesting because it is (hopefully).





 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2552   
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2552 6:40:14 น.   
Counter : 559 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  

กลับมาแล้วเหรอ เก่งมาก ๆ เลย
 
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ขอฝากผลงานหนังสือเล่มแรกด้วยนะครับ "แค่เปลี่ยนวิธีคิด ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่เรื่องยาก" Photobucket
[Add กลับมาแล้วเหรอ เก่งมาก ๆ เลย's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com