วิปัสสนา เหมือนหรือต่างจาก โยคะสมาธิ
นับจากนี้ ข้อเขียนทั้งหมด จะเกิดขึ้นจากการเริ่มเข้าอบรม ครูโยคะ รุ่น 10 ของทางสถาบันโยคะวิชาการ ทั้งนี้ เราจะได้เรียนรู้จิต และ ความคิด ที่มองโยคะ แตกต่างจากช่วงต้นของผู้เขียนที่เริ่มฝึก ว่ามีความแตกต่างทางด้านความคิด และ มุมมองต่อโยคะ อย่างไร
ต้นทางเกิดจากไปร่วมอบรม ธรรมะและโยคะ เพื่อผู้ป่วย ของครูดล โดยในช่วงครึ่งเช้าเป็นการอบรมโดย พระอธิการครรชิต อกิณจโน วัดป่าสันติธรรม จ.ชัยภูมิ มาแสดงธรรมและวิธีปฎิบัติการเจริญสติภาวนาตามแนวทางหลวงพ่อเทียน ซึ่งจะใช้การเคลื่อนไหวของแขนมาช่วยในการกำหนดรู้อย่างมีสติ ซึ่งเป็นแนวทางที่หลวงพ่อเทียนได้ค้นพบ และทุกคนสามารถที่จะฝึกฝนได้ด้วยตนเอง
ซึ่งพระอาจารย์จะนำฝึก และแนะแนวทางในการฝึกห้อย่างถูกต้อง อย่างมีสติ และ ปฏิบัติได้จริง และขณะที่ฝึก พระอาจารย์ก็ได้อธิบายถึง วิปัสสนา ว่าให้ลองกำมือแล้วคลายออก เพื่อเป็นการรู้ และ ปล่อย นั้นคือวิปัสสนา ทันใดนั้นเอง เราก็คิดไปถึงเกร็งคลาย 8 จุดของโยคะ ว่ามันจะเหมือนกันหรือเปล่าน่ะ
ซึ่งโดยตัวเอง ก็ไม่ใช่คนธรรมะเท่าไหร่ ฝึกนั่งสมาธิวิปัสสนา แบบระดับเทพ ก็ไม่เคยไป ด้วยว่ากลัวตัวเองจะไม่รู้ แล้วจะเข้าใจผิด ก็เลยส่งเมล์ถามเพื่อน ๆ ดีกว่า เพราะเพื่อนครูรุ่นนี้ ออกจะธรรมะกันสุด สุด วิ่งรอกฝึกสมาธิวิปัสสนา ยิ่งกว่าดูหนังดูละครกันอีก
เลยเป็นที่มาของเมล์ ดีดี ที่อยากจะให้ได้อ่านกัน เพราะผู้มาตอบ ล้วนให้ความเข้าใจที่กระจ่างได้อย่างชัดเจน
เมล์ประเด็นคำถามเริ่มต้นจาก ตัวเรา อย่างตรงไปตรงมา Sent: Sun, November 21, 2010 8:44:41 AM Subject: [Yoga Teacher 10] คำถาม เนื่องจาก ไม่รู้ และอยากรู้ ถ้าการวิปัสสนา แปลตามตรง คือ การเห็นชัดเจน หรือ เห็นแจ้ง ดังนั้นแล้ว โยคะ ก็คือวิธีการทำ วิปัสสนา อย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่นเกร็ง 8 จุด ถ้าเราพิจารณาให้ลึกกว่า แค่เราคลายกล้ามเนื้อ เพราะในขณะที่เราเกร็งแล้วคลาย นั้นทำให้เราเห็นกายเรา ใจเราชัดเจนขึ้น ก็คือการวิปัสสนาอย่างหนึ่ง ได้หรือไม่ อยากได้ความเห็นน่ะคับ
เมล์แรกที่ตอบมาเป็นของเพื่อน เปิ้ล ที่มี Mileage ในการนั่งสมาธิวิปัสสนามาอย่างยาวนาน Sent: Sunday, November 21, 2010 6:27 PM To: โยคะ 10 Subject: RE: [Yoga Teacher 10] คำถาม เนื่องจาก ไม่รู้ และอยากรู้
ถูกค่ะ พี่หนึ่ง ภาษานักปฏิบัติ เรียก การกำหนดอริยาบทย่อย คือ พี่ก็มีสติ ตามดู ตามรู้กายขณะปฏิบัติ ฝึกดูบ่อยบ่อย จิตก็จะละเอียดขึ้น คือ ทุกการกระทำ ถ้าทำอย่างมีสติ และพิจารณา ตามดูดตามรู้ ถือเป็นการกำหนดได้ทั้งหมด
เมล์ที่สองจาก ครูกวี มาช่วยไขความกระจ่างเพิ่มมากขึ้น
เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2553, 8:35, เขียนว่า: ชอบที่พวกเราคุยกันจัง
ขอเสนอความเห็นด้วยนะ
ผมเองก็ยังไม่ได้แม่นหลักการ เพียงขอแชร์เท่าที่ตนเองสรุปกับตนเอง
โยคะ พุทธ มาจากอินเดีย มีทั้งที่เหมือน และ ที่ต่างกัน
ที่เหมือน ทั้งคู่ ให้ความสำคัญเรื่อง ทุกข์ เรื่อง อนิจจัง ให้ความสำคัญเรื่อง จิต
ที่ต่าง โยคะเชื่อว่า จิตเป็นต้นเหตุของทุกข์ เราควรบังคับจิตให้นิ่ง จนไม่มีการรับรู้ เมื่อไม่รู้ก็ไม่ทุกข์
เจ้าชายสิทธัตถะ เรียน และฝึกตามนั้น จนสามารถบังคับจิต จนไม่รู้ (ไม่ทุกข์) ได้ แต่ครั้น หยุดบังคับ มันก็ยังกลับมาทุกข์เหมือนเดิม
จึงขวนขวายต่อ พิจารณา ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ จนเกิดปัญญาหยั่งรู้ว่า สาเหตุของทุกข์ คือ การยึดมั่นในความเป็นตัวตน (อัตตา) ต่างหาก การบังคับจิต ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ อย่างถาวร การ ละความยึดมั่นในตัวตน ต่างหาก จึงจะเป็นการพ้นทุกข์ได้อย่างยั่งยืน เจ้าชายสิทธัตถะเป็น พระพุทธเจ้า เพราะค้นพบ หลักการนี้ (อริยสัจจ 4) เจ้าชายสิทธัตถะ ค้นพบสิ่งที่ อาจารย์ พราหมณ์อื่นๆ ยังไม่พบคือ อนัตตา
อ้อ อย่าไปมองว่า อริยสัจ เป็นเรื่องยาก ของสูง เข้าไม่ได้ เอื้อมไม่ถึง ท่านบอกชัดเจน ว่า มนุษย์ มีศักยภาพ ที่จะ เข้าใจ เข้าถึง อริยสัจ ได้
แล้วคนๆ นึง จะเข้าใจ อริยสัจ ได้อย่างไร ท่านแนะนำว่า ให้เห็นตามความเป็นจริง โดยละเอียด วิ หมายถึง วิเศษ ละเอียด ปัสสนา ทัศนะ หมายถึง เห็น ทีนี้ จะเห็นอย่างละเอียด ต้องอาศัยจิตที่สงบระดับกลางๆ จิตไม่สงบ มองไม่เห็น จิตนิ่งเกินไป ก็ไม่เกิดการรับรู้ จิตสงบระดับกลางๆ เอาไว้ใช้ ปฏิบัติวิปัสสนา จิตสงบระดับกลางๆ นี้ พระพุทธเจ้า ใช้คำว่า สมถะ
สมถะ (ของพุทธ) กับ สมาธิ (ของโยคะ) มีความคล้ายกันในบางประเด็น ต่างกันในบางประเด็น คล้ายกันคือ พัฒนาจิตเหมือนกัน ทำไปเรื่อยๆ จิตจะละเอียดลงๆ จิตจะมีกำลังมากขึ้นๆ
ต่างกันคือ เป้าหมายของสมถะ เพื่อให้จิตนิ่งพอจะเห็นความจริงแท้ของธรรมชาติ ว่า กายนี้ ไม่ใช่เรา อย่าไปยึด ว่าจิตนี้ อารมณ์นี้ ไม่ใช่เรา อย่าไปยึด เป้าหมายของสมาธินั้น เพื่อให้จิตนิ่ง จนไม่ "รู้" อะไรเลย ไม่เห็นอะไรเลย ไม่มีอะไรมากระทบได้เลย
ตอบคำถามหนึ่ง ถ้าเราทำอาสนะ แล้วรู้สึกถึงร่างกาย รู้สึกได้ถึง อารมณ์จิตใจ หมายความว่า จิตเรา ไม่ฟุ้งซ่านออกนอก หมายความว่า จิตเรา มีความตั้งมั่นพอที่จะรู้ ภายใน เริ่มเป็นสมถะ เป็นมากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่ว่า เรารู้ได้ชัด ละเอียด มั่นคงแค่ไหน
แต่ในวินาทีที่ หนึ่ง กดข่มจิต บังคับจิต ให้มันเป็นไปในความปรารถนาที่ตนเองต้องการ เช่น รู้สึกดี รู้สึกสงบ มีความสุข และขอจม แช่ อยู่ในความสุขนั้น วินาทีนั้น หนึ่งกำลังไปเส้นทางโยคะ ไปสู่สมาธิของโยคะ
และถ้าในวินาทีนั้น หนึ่ง กำลัง "แค่รู้" รู้เฉยๆ รู้โดยไม่แทรกแซง ไม่ปรุงเพิ่ม ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย เช่น รู้ว่า อ้อ นี่กล้ามเนื้อตึงอยู่ นี่คลายอยู่ แค่นั้น เช่นรู้ว่า อ้อ นี่จิตกำลังรู้อยู่ กำลัง เกิดความชอบ เกิดความไม่ชอบ แค่นั้น จนเห็นว่า กายนี้ ใจนี้ ล้วนเสื่อม (ทุกข์) กายนี้ ใจนี้ ล้วนไม่เที่ยงแท้ แน่นอน (อนิจจัง) กายนี้ ใจนี้ เป็นไปตามเหตุ ผล ทางธรรมชาติ (ไม่ได้เป็นไปตาม ความอยาก ไม่อยากของฉัน) จนเห็นว่า ทุกอย่าง มันเพียง "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" ก็เรียกว่า หนึ่งกำลังทำวิปัสสนา รูปธรรมที่หนึ่งยกมานั้น ดีนะครับ ถือว่า เป็นต้นทาง ฝึกต่อเนื่องไปเรื่อยๆ คอยรับรู้ผล ประเมินผลไปเรื่อยๆ ตรวจทานกับ ทฤษฎี คำสอน ก็จะไปถึงเป้าหมาย
เมล์สุดท้าย จาก พี่อ๊อด เจ้าแม่วิปัสสนา ที่มายกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
Date: Mon, 22 Nov 2010 09:38:19 +0700 Subject: Re: [Yoga Teacher 10] meditation & vipassana
แบ่งปันเรื่องเล่าจากพี่คนหนึ่ง พอดีเพิ่งได้คุยกัน พี่เขาเป็นครูโยคะเหมือนกันแต่ตอนนี้บอกว่าอยู่กับตัวเองมาก ใช้เวลาในการไปปฏิบัติธรรม และถักหมวกถวายให้พระป่า พี่เขาบอกว่าการถักหมวกช่วยให้มีสมาธิแต่เริ่มรู้สึกจมดิ่งลงไปจมแช่ในความสุข บางทีถักไปถึงตี 2 ตี 3 ไม่ง่วงเลย ดื่มด่ำกับความสุข ปีิติที่จะได้ทำของถวายพระ เนื่องจากช่วงอากาศหนาวกำลังมาเยือน และมีพระป่าที่ท่านต้องเดือดร้อนกับการปฏิบัติเนื่องจากอากาศหนาวเหน็บ พอได้นำหมวกไปถวายก็อิ่มใจ กลับมามีแรงถักต่ออีกไปเรื่อย ๆ รู้ว่าตอนนี้จมดิ่งในสุข (เหมือนเข้าฌาน) ไม่อยากพบหน้าใคร ไม่อยากพูดคุยกับใคร เก็บตัวอยู่ในบ้าน แต่ก็รู้และพยายามถอนตัวออกมาสู่ความเป็นจริงของโลก (วิปัสสนา) พี่เขาบอกว่าไม่ง่ายเหมือนกันเพราะมันสุขจนอยากจะดิ่งเข้าไปทุกที
เข้าใจว่าครูโยคะหลายคนมักจะดิ่งเข้าสมาธิได้เร็วและถนัด เป็นเส้นทางที่คุ้นชิน บางคนนั่งได้นานเป็นหลายชั่วโมง ไม่เจ็บไม่ปวดแต่ไม่รู้ตัวเลยก็มี เลยเก็บมาแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ
หวังว่าทุกคนอ่านแล้วจะเป็นประโยชน์กับตัวเองน่ะ ถนนมีหลากหลาย แต่ทุกถนนแห่งธรรมะ มุ่งหน้าเพื่อการหลุดพ้น ถ้วนทั่ว
ข้อเขียนนี้ ผู้เขียน ๆ ขึ้นเพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้ในวิถีโยคะแบบดั่งเดิม หากท่านเห็นว่ามีประโยชน์กรุณาช่วยกันแบ่งปันต่อไปทาง ออนไลน์ แต่กรุณาอย่าดัดแปลง หรือ กรุณาอย่านำไปลงในสื่ออื่น ๆ แต่อย่างใด ขอบคุณครับ
Create Date : 17 ธันวาคม 2553 |
| |
|
Last Update : 17 ธันวาคม 2553 14:41:31 น. |
| |
Counter : 2042 Pageviews. |
| |
|
|