คุณพ่อ Full Time ยามจำเป็น

         ช่วงที่หนูมนได้ 7 เดือนกว่าๆ คุณย่ามีนัดหาหมอ ต้องกลับไปเชียงรายประมาณ 1 สัปดาห์ แม่ก็ปรึกษากับคุณพ่อว่าจะเอายังไงกันดี จะเอาหนูไปไว้กับคุณยายที่ลพบุรีดีมั้ย เหมือนคราวที่แล้ว ที่ต้องไปอยู่กับคุณยายเพราะคุณย่าไปหาหมอ ตอนนั้นหนูไปอยู่ 4 วัน แค่วันแรกหนูมนก็ร้องไปแล้ว 2 ชั่วโมง  พ่อกับแม่สงสารหนูมาก  แม่เองก็อยากให้หนูไปอยู่กับคุณยาย เพราะแม่ไม่อยากลางานบ่อยๆ แล้วดูตารางเวลาแล้วคุณพ่อก็ต้องไปศาลเกือบทุกวัน แม่คงลางานทั้งอาทิตย์มาเลี้ยงหนูไม่ได้ จริงๆ แล้วพ่อเคยหยุดเลี้ยงหนูอยู่ที่บ้านทั้งวันมาแล้ว แต่คราวนี้พ่อต้องพาหนูไปทำงานด้วยแม่เลยเป็นห่วง แต่ยังไงก็ตามคุณพ่อก็ยืนยันจะเลี้ยงหนูเองให้ได้ ไม่ยอมส่งไปลพบุรีเพราะสงสารหนู  พ่อเคยบอกกับแม่คราวที่ส่งหนูมนไปอยู่กับคุณยายที่ผ่านมา “ต่อไปนี้เราจะไม่แยกจากลูก จะไม่ส่งลูกไปเลี้ยงที่อื่น จะไม่ทำให้ลูกรู้สึกเหงาหรือว่าขาดเรา”

 

วันจันทร์แม่ลาป่วยได้ แต่วันอังคารแม่ติดงานจริงๆ แล้วพ่อก็ต้องไปศาลที่นครสวรรค์ ต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืด พ่อกับแม่เลยไปขอความช่วยเหลือจากแม่ปุ้ยแม่ของพี่นพ (ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับเรา) มาช่วยเลี้ยงหนูมนในวันอังคารโดยจะมีอาแอมอยู่ด้วย วันจันทร์แม่ปุ้ยเลยมาศึกษาดูงานการเลี้ยงหนูมน 1 วันเต็ม มาพร้อมกับพี่นพ ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี เพราะหนูเคยอยู่กับแม่ 2 คน ทั้งวันมาแล้ว เลยชิล ชิล แต่พอวันอังคารแม่ต้องตื่นแต่เช้ากว่าเดิม เพราะต้องทำกับข้าวให้หนู และอาแอม หนูมนตื่นแต่เช้าอีกตามเคย (05.20) แม่ก็ต้องทำกับข้าว พ่อก็ต้องอาบน้ำ แต่งตัวไปทำงาน เลยให้อาแอมอุ้มปรากฎว่าหนูมนร้องไห้บ้านแทบแตก พ่อต้องรีบอาบ รีบแต่งตัวอย่างเร็วที่สุด เพราะเสียงร้องของหนู แม่เองก็รีบทำกับข้าว เตรียมนม เตรียมของใช้หนู พอพ่อเสร็จเรียบร้อยก็ต้องรีบไป เพราะจะได้รีบไปรีบกลับ ทีนี้ล่ะถึงตาแม่อาบน้ำบ้าง แม่ก็ให้อาแอมอุ้มหนูไปเล่นบนห้องนอน ส่วนแม่ก็อาบน้ำ หนูมนก็ร้องไห้ครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง แม่ต้องออกจากห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัวเป็นระยะๆ หนูมนร้องไห้เยอะมากๆ แม่รู้สึกว่าแม่ไม่เคยเห็นหนูร้องไห้อย่างนี้เลย รู้สึกใจไม่ดี คิดว่าวันนี้แม่คงไม่ได้ไปทำงานแน่เลย หนูร้องไห้จนตัวสั่น เหมือนคนเสียใจมาก เหมือนกลัวว่าแม่จะทิ้ง แต่แม่ก็ต้องตัดใจไปทำงาน เพราะมีแพลนว่าต้องลาวันจันทร์หน้าอีกวัน (เพราะคุณพ่อต้องไปชัยนาท) ถ้าไม่ไปทำงานวันนี้อีก จะดูว่าลาเยอะเกินไป พอแม่ปุ้ยมาถึงบ้าน แล้วก็มีคุณยายของพี่โฟโต้ มาที่บ้าน เพื่อมาช่วยดูหนูมน แม่ก็เลยขึ้นรถแท็กซี่ออกมาทำงาน ในใจก็เป็นห่วงหนู แต่เห็นว่ามีคนอยู่เยอะ เผื่อหนูจะเพลินกับการเล่นกับพี่โฟโต้ และพี่นพอาจลืมร้องไห้ แต่ไม่เป็นเช่นนั้น หนูร้องไห้ทันทีที่แม่ออกมาจากบ้าน (คุณยายโฟโต้บอกแม่) แล้วก็ร้องจนหลับไป พอสักพักก็ร้องอีก แม่สงสารหนูมาก อดทนหน่อยนะลูกรัก เดี๋ยวคุณพ่อก็กลับมาแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นเราก็จะได้เจอกันแล้ว

 

            ประมาณบ่าย 2 คุณพ่อก็กลับมาถึงบ้าน คุณพ่อเล่าว่าพอจอดรถก็ได้ยินเสียงหนูร้องลั่น พ่อรีบไปอุ้มหนู หนูก็เงียบทันที แล้วสถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้น แม่ค่อยหมดห่วงหน่อย...เฮ้อ

 

            พอตอนเย็นหนูกับอาแอมและคุณพ่อมารับแม่ที่ทำงาน หนูมนทำท่าทางดีใจมากที่เจอแม่ แม่เองก็ดีใจมากที่เจอหนู หนูรีบโผเข้าหาแม่ ซุกไซร้กินนมใหญ่เลย แล้วก็หลับไป สงสัยจะเหนื่อยกับการร้องไห้

 

            วันจันทร์ อังคารผ่านไป ทีนี้ล่ะ วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ เป็นหน้าที่ของคุณพ่อ ที่ต้องดูแลหนูทั้งวัน แต่คุณพ่อไม่ได้อยู่บ้านตลอดทั้งวัน คุณพ่อต้องไปศาล ไปติดต่อธุระหลายที่ ทุกที่ที่พ่อไปก็พาหนูไปด้วย (สมใจคุณพ่อแล้วซินะ คุณพ่อเคยบอกกับแม่ว่าถ้าลูกโตอีกหน่อยจะเอาลูกไปศาลด้วย คราวนี้ ได้พาไปสมใจเลย) จริงๆ แม่ไม่อยากให้พ่อพาหนูขึ้นรถไปทุกที่ แม่เป็นห่วงหนูกลัวจะลำบาก เป็นห่วงพ่อกลัวว่าเจ้าหน้าที่ที่ศาลจะว่า (หากหนูร้องไห้) แต่คุณพ่อยืนยันว่ายังไงก็ต้องพาหนูไปด้วย ไม่สนว่าใครจะว่ายังไง พ่อพูดว่า “ร้องไห้แล้วทำไม ก็ลูกเรา ถึงจะร้องก็ลูกเรา” ฟังแล้วซึ้ง....  อาแอมเล่าให้ฟังว่าไปถึงศาล อาแอมอุ้มหนูแล้วหนูร้องงอแง พ่อซึ่งกำลังเขียนเอกสารก็ต้องอุ้มหนูมือหนึ่ง อีกมือหนึ่งก็เขียนไปด้วย แล้วเวลาอยู่ในรถ ปกติถ้าไปกับแม่เราจะนั่งเบาะหลังกัน แต่พออาแอมต้องอุ้มหนู ก็ต้องไปนั่งข้างหน้าข้างคุณพ่อ เพราะต้องนั่งใกล้ๆ เอามือจับพ่อไว้ (สงสัยจะกลัวพ่อหาย) พอตอนเย็นหนูกับพ่อก็มารับแม่ที่ห้างแฟชั่นฯ เป็นอย่างนี้ทั้ง 3 วัน แค่ผ่าน 3 วันนี้ไปได้ก็โอเคแล้ว 

                          

 

            ช่วงเวลาที่ผ่านมาแม่ว่ามันเป็นบททดสอบของครอบครัวเราเลยเพราะในชีวิตครอบครัวมันก็ต้องมีอุปสรรค หรือความยากลำบากเกิดขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะผ่านมันไปได้หรือไม่ เราจะแก้ปัญหานั้นได้รึป่าวและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พ่อกับแม่คิดถึงความรู้สึกของหนูก่อนทุกครั้ง สุดท้ายพ่อกับแม่ก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้และนาทีนี้ต้องยกความดีให้คุณพ่อที่แสดงสปิริต ดูแลหนูเป็นอย่างดีเป็นทนายพ่อลูกอ่อน เป็นคุณพ่อfull timeในยามจำเป็น เป็นsupper dadที่น่ารักที่สุด

 

             

 

           

 

          

**พ่อกับแม่รักหนูมนที่สุดในโลกหนูเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อกับแม่นะคะ**

 



 

 

 




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 9:36:26 น.
Counter : 729 Pageviews.  

หนูมน 7 เดือน

            มนนี่ของแม่ 7 เดือนแล้ว หนูน่ารักน่าชังขึ้นทุกวัน ภารกิจของแม่ในแต่ละวันก็เหมือนเดิม แต่มีเพิ่มก็คือ ทำอาหารให้หนูกิน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แม่มีความสุขมาก อาหารที่หนูกินแม่ได้เลือกสรรอย่างดี ทำด้วยความตั้งใจ สุดฝีมือเลยก็ว่าได้
            แม่เริ่มให้หนูทานข้าวครบ 3 มื้อ เนื่องจากเวลาหนูเห็นพ่อ กับแม่กินข้าว หรือกินอะไรก็แล้วแต่ หนูจะทำท่าทางแบบว่าอยากกินบ้าง พ่อเลยบอกให้แม่ป้อนข้าวหนู 3 มื้อไปเลย ไหนจะผลไม้ระหว่างวันอีก (กินเก่งเหมือนแม่เลย อิอิ)
ทุกวันอาทิตย์แม่จะทำน้ำซุปไว้ให้หนู ใส่ถุงแช่ช่องแข็งไว้สำหรับ 7 วัน ส่วนประกอบก็มีแครอท หัวไชเท้า และข้าวโพดหวาน จะได้น้ำซุปหอมหวานมาก แล้วทุกวันตอนเช้าแม่จะหุงข้าวหอมมะลิ (ที่ปู่กับย่าปลูกเองกับมือ) แล้วใส่น้ำซุปที่แม่ทำไว้ ใส่ฟักทอง + ไข่แดง + บล็อกโคลี่ บางครั้งก็ใส่เนื้อปลาช่อน หรือตับบด เอาทั้งหมดรวมกันแล้วทำเป็นโจ๊กให้หนู มนนี่คงจะชอบมาก กินมื้อละ 2 ช้อนโต๊ะ หมดเกลี้ยง (สงสัยจะอร่อย) 

                           


             สำหรับพัฒนาการของหนู ก็ยังไม่คลานอยู่ดี แต่คืบได้ไกลกว่าเดิม นั่งเองได้บ้าง แม่รู้สึกว่าหนูซนมากขึ้น ไม่ค่อยอยู่นิ่ง (นี่ขนาดยังคลานไม่ได้นะ ถ้าคลานได้ เดินได้จะขนาดไหน) ครั้งแรกที่หนูเล่น AWG เมื่อตอน 6 เดือน หนูยังไม่ค่อยเดินเลย แต่ตอนนี้ หนูจะชอบวิ่งไปรอบๆ แม่รู้สึกว่าหนูจะเล่นเยอะขึ้น อุปกรณ์ ของใช้ในบ้าน ทุกอย่างเป็นของเล่นหนูไปหมด เวลาแม่แต่งตัวให้หนูหลังอาบน้ำ หนูจะชอบคว่ำ กลิ้งไปกลิ้งมา มือก็คว้าของไปทั่ว จับอะไรได้ก็เอามาอมไปซะทุกอย่าง (เดือนนี้แม่รู้สึกหนูมือไวมากๆ ) อ้อ ! แล้วชอบดึงผมด้วย (สงสัยคิดว่าเป็นผมแม่ของเล่น)


            ในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์พ่อกับแม่พาเริ่มพาหนูออกนอกบ้านมากขึ้น พาหนูเดินเล่นในหมู่บ้านบ่อยๆ เพื่อให้หนูเริ่มคุ้นเคยกับการที่ต้องเจอคนเยอะ แม่ชอบเวลาที่พาหนูออกไปข้างนอกพร้อมพ่อโอ๋ เพราะทำให้รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวมากขึ้น รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

**แม่รักมนนี่มากนะคะ สุดที่รักของแม่**




 

Create Date : 13 มีนาคม 2555    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 9:20:01 น.
Counter : 638 Pageviews.  

หนูมน 6 เดือน

                 ต่อไปนี้แม่จะเรียกหนูว่า “มนนี่” แล้วนะ เพราะเริ่มเรียกติดปากแล้ว ตอนมนนี่ได้ 5 เดือนครึ่ง แม่ก็เริ่มให้หนูกินกล้วยครูด กินฟักทองบดราดนมแม่ กินส้มวันละ 2 กลีบ แต่ดูท่าทางมนนี่จะชอบฟักทองมากกว่า เพราะกินหมดทุกที แต่ถ้าเป็นกล้วยจะเหลือเยอะ แล้วเวลากินส้มนะ มนนี่จะทำท่าทางเหมือนส้มเปรี้ยวมาก ทำตาหยี หน้าตาแปลกๆๆ ตลกดีอ่ะ พ่อโอ๋ก็จะบอกว่ากินนะลูก มันมีประโยชน์ วิตามินซีสูง (ลูกจะเข้าใจมั้ยเนี่ย) และแม่สังเกตว่ามนนี่เริ่มกินน้ำเปล่าได้มากขึ้นแล้ว เพราะที่ผ่านมามนนี่ไม่ชอบน้ำเปล่าเอาซะเลย สงสัยจะไม่อร่อย

 
                 อาการติดแม่ของมนนี่ยังเหมือนเดิม ตอนเย็นเวลาแม่จะทำกับข้าว แค่ทอดไข่นะ แม่ก็ทอดไป มนนี่ก็ร้องไห้ไป (กดดันตลอด) จนย่าบอกว่าไม่ต้องทำแล้วมาเอาลูก (มีลูกก็ดีเหมือนกันนะ มีคนทำให้กินตลอด อิอิ) แม้กระทั่งเวลาแม่จะกินข้าว รู้สึกเลยอ่ะว่าไม่อิ่มบ้างละ เคี้ยวข้าวไม่ละเอียดบ้างล่ะ รีบกินข้าวจนไม่ได้กินน้ำบ้างล่ะ เพราะมนนี่ร้องไห้จะให้แม่อุ้มตลอด พ่ออุ้มก็แล้ว ย่าก็แล้ว ยังเอาไม่อยู่ บางทีก็ร้องกรี๊ด ๆๆ จนแม่ต้องรีบอิ่ม อะไรจะรักแม่ขนาดนี้ แต่ก็ดีนะ แม่รู้สึกว่าหนูรักแม่มาก รักแม่คนเดียว อิอิ

                             


                พัฒนาการของมนนี่ที่เพิ่มเติมคือ กระดื้บได้ โก่งก้น(ทำท่าจะคลาน) ชอบคว้าของยัดใส่ปาก (จริงๆ ก็ชอบเอาของใส่ปากตั้งแต่ 4 เดือนแล้วหละ แต่ช่วงหลังนี่ไวมาก เผลอไม่ได้เลย) แล้วอีกอย่างในท่าคว่ำสามารถยกลำตัวเปลี่ยนทิศทางได้แล้ว (เก่งจังลูกแม่) อีกเรื่องที่แม่ชอบที่สุดคือ ตอนเช้าหลังตื่นนอน มนนี่จะถ่ายเป็นเวลา ประมาณ ตี 5 ครึ่ง – 6 โมง แล้วเวลาแม่บอกให้มนนี่อึ แม่จะทำเสียงบิ้วอารมณ์ (อารมณ์เบ่ง) แล้วมนนี่จะอึออกมาในเวลาไม่นาน แม่ชอบมาก รู้สึกระบบขับถ่ายลูกดี ไม่เคยท้องผูกเลย แล้วเหมือนกับมนนี่เข้าใจในสิ่งที่แม่บอกด้วยอ่ะ


                เดือนนี้มนนี่ได้ของเล่นใหม่ 1 ชิ้น และเป็นของเล่นที่ดูเป็นเรื่อง เป็นราวที่สุดที่แม่เคยซื้อ เพราะตอนนี้หนูเริ่มกระดื้บๆ ได้แล้ว ชอบคว่ำ ชอบหงาย กลิ้งไป กลิ้งมา แม่เลยอยากหาอุปกรณ์หรือเครื่องทุ่นแรง ให้คุณย่าบ้าง พอดีป้าศิ แม่น้องแอล ซื้อ Around We Go ให้น้องแอลเล่น แม่เลยสอบถามข้อมูลมา และบวกกับหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็เลยสรุปว่า ซื้ออันนี้แหละ เล่นได้ยันโต ถ้าย่าต้องเข้าห้องน้ำ หรือทำธุระส่วนตัวสักแป๊ป ก็แค่จับมนนี่ใส่นั่งไว้ แค่นี่มนนี่ก็ไปไหนไม่ได้ ไม่ต้องกลิ้งให้ตกเบาะ หรือถ้าอีกหน่อยหนูคลานได้ ก็จะคลานไปที่อื่นไม่ได้ สนนราคาก็แพงอยู่สำหรับแม่ที่ไม่เคยซื้อของเล่นให้ลูกเกิน 100 บาท แต่ก็เอา ยังไงน่าจะคุ้ม เพราะแม่ตั้งใจจะให้น้องวินเล่นด้วย แต่ตอนนี้น้องวินยังเล็กอยู่เล่นไม่ได้ มนนี่ก็เล่นไปก่อนละกัน แต่ถนอมๆ หน่อย เพราะต้องส่งต่อให้น้องวินนะลูก
นอกจากของเล่นชิ้นนี้แล้ว พ่อกับแม่ไปงาน BBB ที่ศูนย์สิริกิตฯ ก็ไปช้อบของใช้มนนี่ คือ รถเข็นที่พ่อกับแม่เห็นว่าคงได้ใช้ประโยชน์แล้ว เพราะต้องพาหนูเดินเล่นรอบหมู่บ้าน จะให้อุ้มตลอดก็คงไม่ไหวนะ เด๋วจะไม่รอบหมู่บ้าน (ก็หนูตัวโตแล้วอ่ะ) แม่เป็นคนเลือกรถเข็นคันนี้เอง เพราะเป็นแบบก้านร่ม พับง่าย พกพาสะดวก (ให้พ่อแบก) ราคาไม่แพงมาก เพราะพ่อกับแม่ต้องพาหนูขึ้นเครื่องด้วย เลยคิดว่าอันนี้แหละเหมาะสุด จริงๆ แม่อยากได้อันบางกว่านี้นะ แต่มันปรับระดับไม่ได้อ่ะ แล้วหนูยังนั่งเองไม่ได้เลย ก็เลยต้องเป็นอันนี้แหละลงตัวสุดๆๆ
อ้อ... ยังมีอีกชิ้นที่พ่อกับแม่ซื้ออีก ก็คือเป้อุ้ม เอาไว้ใส่มนนี่เวลาไปข้างนอก ถ้าสถานที่นั้นไม่สะดวกให้ใช้รถเข็น (ไม่รู้จะได้ใช้มั้ย ถ้าไม่ได้ใช้ สงสัยต้องให้น้องวิน เพราะที่บ้านยายขายของ ก็ให้น้าน้องเอาน้องวินใส่เป้ละกัน แล้วขายของไปด้วย) 

                               
            

                    ช่วงนี้พ่อกับแม่เริ่มมีประเด็นถก (แต่ไม่ได้เถียงนะ) กันบ่อยมากก็คือเรื่องการศึกษาของลูก ซึ่งพ่อโอ๋ได้มองการณ์ไกลจะให้หนูเรียนภาษาจีนให้ได้ เพราะคิดว่าอนาคตภาษาจีนจะสำคัญมาก ส่วนแม่ก็มองการณ์ไกลเหมือนกันอยากให้ได้ภาษาอังกฤษด้วย เพราะปี 2558 ไทยจะเข้าร่วมประชาคมอาเซียนแล้ว (กลัวลูกตกเทรนด์) ยังไงก็ค่อยคิดไปละกัน ยังพอมีเวลา แม่รับรองว่าหนูจะได้ในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด (ถึงแม้จะไม่ได้ดีที่สุด แพงที่สุดก็ตาม)

ทำไมแม่รู้สึกรักหนูมากขนาดนี่นะ ไม่น่าเชื่อเลย เลิฟ เลิฟ




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 9:17:34 น.
Counter : 380 Pageviews.  

หนูมน 5 เดือน

                   วันที่ 2 มกราคม 2555 เป็นวันที่หนูมนของแม่ครบ 5 เดือนแล้ว พัฒนาการของหนูมนมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาก หนูมนติดแม่มากขึ้น ถ้าเห็นแม่อยู่ในบ้านเป็นไม่ได้ ต้องส่งเสียงเรียก อู้.... อี้.... เป็นประจำ เคยมีคนบอกแม่ว่าช่วงนี้ลูกจะติดคนเลี้ยง เช่น ย่า หรือยาย แต่กับหนูมนไม่เลย ติดแม่มากๆๆๆ เวลาแม่จะกลับบ้านที ต้องแอบเข้าข้างบ้าน แล้วรีบขึ้นไปอาบน้ำ ล้างขวดนม แบบว่าทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แล้วค่อยลงมาให้หนูมนเห็น มาเล่นกับหนูมน เพราะถ้าหนูมนเห็นแม่ก่อน หนูมนจะร้องไห้ เพราะอยากให้แม่มาอุ้ม แม่ก็จะไม่เป็นอันทำอะไรเลย

 

                             


                  หนูมน ตอน 5 เดือน ยังคลานไม่ได้ แต่คว่ำนี่พลิ้วเลย วางหนูมนกับเบาะแป๊บเดียว หนูมนก็จะคว่ำทันที ต้องคอยดูตลอด เพราะกลัวหนูมนตกเบาะ ช่วงนี้พ่อกับแม่ต้องพูดประโยคนี้กับหนูมนบ่อยๆ “หนูมนนิ เอาอีกแล้ว จะคว่ำไปไหนเนี่ย” คือหนูชอบคว่ำมากๆๆ ไม่สนใจว่าจะเป็นตอนไหน ไม่เว้นแม้กระทั่งในกะละมังอาบน้ำ เวลาแต่งตัวใส่เสื้อผ้า หนูมนจะคว่ำตลอดเวลา พ่อกับแม่เลยตั้งชื่อให้หนูว่า “มนนี่” แล้วก็เรียกติดปากเป็นประจำ กลายเป็นชื่อฝรั่งซะงั้น (ชื่อในวงการ 555)


                พ่อของหนูมนอยากให้แม่พูดภาษาอังกฤษกับหนู แม่เองก็ไม่ค่อยมั่นใจ ไม่เคยพูดกับเด็กเล็กขนาดนี้ ส่วนคุณพ่อชอบพูดผิดๆ ทำให้แม่ต้องคอยแก้ไขตลอด เพราะกลัวลูกจะจำผิดๆ แม่เห็นความพยายามของคุณพ่อที่อยากให้หนูเก่งภาษา ก็เลยเริ่มพูดกับหนูมากขึ้น เช่น เวลาอาบน้ำ แต่งตัว อ่านนิทานภาษาอังกฤษให้หนูฟัง แต่ก็ยังไม่บ่อยมาก แม่สัญญาว่าจะทำให้มากขึ้นกว่านี้ ตอนนี้แม่ขอทำการบ้านเพิ่มก่อน เพื่อที่หนูจะได้ไม่จำแบบผิดๆๆ

รักลูกที่สุด




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 9:04:18 น.
Counter : 506 Pageviews.  

หนูมนกับการมาหาหมอผิวหนัง

             วันนี้พ่อกับแม่พาหนูมนมาหาหมอผิวหนัง ที่ร.พ.จุฬา เนื่องจากหนูมนมีรอยแดงที่แก้มทั้ง 2 ข้าง คอ และด้านหลังต้นคอก็แดง พ่อโอ๋กลัวหนูมนผิวไม่สวยเลยไปปรึกษาคุณหมอขอยามาทาดีกว่า


              ตอนเย็นพ่อกับย่าพาหนูมนมาที่ทำงานแม่เป็นครั้งแรก มารับแม่แล้วไปหาหมอด้วยกัน เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงานอยากเห็นหนูมนมาก หลังจากเจอกันครั้งสุดท้ายตอนแม่คลอดหนูมนได้ 2 วัน พ่อโอ๋จอดรถรอแม่อยู่หน้าตึก พอหนูมนเห็นหน้าแม่ก็ยิ้มใหญ่เลย ย่าบอกว่าตอนนั่งรถมาหนูมนไม่ยอมกินนมขวดเลย งอแงด้วย แต่พอหนูมนเห็นหน้าแม่ ก็ทำท่าอยากจะกินนม แม่เอาหนูมนมาอุ้ม ก็ทำท่าซุกไซ้จะกินนมให้ได้ (ลูกแม่รู้เวลาจริงๆ )

                                    


               ถึงร.พ. ประมาณ 17..30 รอไม่นานคุณพยาบาลก็เรียกคิวหนูมน พอคุณหมอเห็นหนูมนก็บอกว่า “ลูกสาวผิวไม่สวยเลย” คุณหมอบอกว่าหนูมนผิวแห้งมากๆ (ย้ำด้วยว่าแห้งมาก) คุณหมอก็ถามแม่ว่าอาบน้ำให้หนูมนยังไง เช็ดตัวแล้วทาอะไรบ้าง แม่ก็เล่าให้คุณหมอฟัง แล้วคุณหมอก็แนะนำว่าให้หนูมนอาบน้ำเปล่า ให้ใช้สบู่เหลวน้อยที่สุด แล้วทาโลชั่นสำหรับผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย คุณหมอเลยสั่งยาให้หนูมน เป็นยาทาที่แก้ม ทาคอ แล้วโลชั่นยูเซอรีนฝาแดง พร้อมกับจดชื่อสบู่เหลวที่ต้องไปซื้อที่ร้านยาข้างนอกให้คุณพ่อไปซื้อ รวมค่าใช้จ่าย ประมาณ 1200 บาท

             หลังจากนั้นแม่พาหนูมนมาพบคุณหมออีก3-4 ครั้ง จนครั้งสุดท้าย คุณหมอบอกว่า"เด็กเล็กก็เป็นแบบนี้แหล่ะค่ะ คุณแม่ เค้ากำลังสร้างเนื้อ สร้างกระดูก คุณแม่ต้องคอยเช็ดทำความสะอาดให้เค้าบ่อยๆ หมอนัดอีกที 1 เดือนละกัน ลูกคนแรกก็เงี้ยแหละ" หลังจากนั้นคุณพ่อก็บอกให้คุณย่าทำความสะอาดคอหนูมน ให้คุณย่าใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้ตอนกลางวัน เช็ดบ่อย ๆ แล้วช่วงเที่ยง ถ้าร้อนมากๆ ก็เปิดแอร์ให้หนูมน ได้ผลจริงด้วย คอหนูมนดีขึ้นเยอะเลย แม่เลยไม่ทายาให้หนู แม่ไม่อยากให้หนูใช้ยาเยอะเกินไป

รักลูกมากจริงๆ ลูกรักของแม่




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2554    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 9:13:02 น.
Counter : 740 Pageviews.  

1  2  3  4  
 
 

Naphak_bee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Naphak_bee's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com