หนูมน 11 เดือน

                                                                

                  หนูมนของแม่ 11 เดือนแล้ว พัฒนาการของหนูมนในเดือนนี้ แม่ว่าหนูรู้เรื่องมากขึ้นเยอะเลย สอนให้ทำอะไรแค่ครั้ง 2 ครั้งก็จำได้ และทำตามได้เร็วด้วย เช่น แม่สอนให้หนูยกมือขึ้น แม่สอนแค่ 2 ครั้ง หนูก็ทำตามทันที และหลังจากนั้นพอพูดปุ๊ปหนูก็ทำโชว์ทันที น่ารักจังลูกแม่ เดือนนี้หนูมนตั้งไข่เองได้แล้ว แต่ไม่ค่อยจะอยากทำเท่าไหร่ ชอบเกาะแล้วยืนมากกว่า พอเกาะยืนได้แล้วก็เดินได้แค่ 2-3 ก้าวก็นั่งลง แม่ลุ้นอยากให้หนูเดินได้ภายในขวบจังเลย ไม่รู้จะสมหวังรึป่าวน้า  

 

            อีกพัฒนาการหนึ่งของหนู ที่เล่นเอาทุกคนในบ้านต้องมีการเคลื่อนไหวกันตลอด คือ หนูชอบคลานเข้าไปในที่แคบๆ ชอบมุดใต้โต๊ะ นั่งอยู่ใต้เก้าอี้ ชอบรื้อของ (ที่สูง) ชอบขึ้นบันได ชอบซ่อนตัวอยู่ในผ้าม่านปกติก็ซนอยู่แล้ว แต่เดือนนี้แม่ว่าหนูคล่องกว่าเดิม ที่หนูไม่อ้วนคงเพราะเหตุนี้ เพราะเล่นขยับกายตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลากินข้าวก็ยังไม่ยอมอยู่นิ่งเลย      

                                                                        

 

                แต่ที่แม่ชอบมากที่สุดคือ หนูมนจะสวัสดีเวลาอยากให้ใครทำอะไรให้ หรือเวลาขอของจากใคร เวลาหนูมนอยากให้คุณยายอ่านหนังสือให้ฟัง ก็จะหยิบหนังสือลากมา วางตรงหน้า แล้วยกมือสวัสดีคุณยาย พอคุณยายอ่านจบ หนูก็สวัสดีอีก ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ จนคุณยายขี้เกียจอ่าน การเฝ้าดูพัฒนาการของหนูในแต่ละวัน มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งนะ   

 

 ในช่วงเดือนนี้มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งกับหนูมนและกับแม่ เรื่องแรกคือ แม่ต้องย้ายที่ทำงานจากคลองเตย ไปประจำที่สนามบินสุวรรณภูมิ และต้องทำงานแบบเข้าเวร คือ เข้า 9 โมงเช้า ออก 3 ทุ่ม และเข้า 3 ทุ่ม ออก 9 โมงเช้า (ทำ 2 วัน หยุด 2 วัน) ก็ดูเหมือนจะได้อยู่กับหนูมนมากขึ้น แต่ในวันที่แม่ต้องเข้า 3 ทุ่ม วันนั้นแม่จะรู้สึกเหนื่อยมาก เพราะทั้งวันไม่ได้นอนเลย (เพราะแม่ไม่ค่อยชอบนอนกลางวันอยู่แล้ว) เลยทำให้เวลาเข้าเวรกลางคืน รู้สึกเพลียและง่วงมาก และต้องออกมาตอนเช้าของอีกวัน กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบ 11 โมง จริงๆ ตอนเข้าเวรจะมีช่วงเวลาให้ไปนอนแต่ก็นอนได้แค่ช่วงสั้นๆ เพราะกว่าจะนอนหลับได้ (ไม่ชินที่นี่น่า) จะได้นอนอีกทีก็ตอนกลับบ้านแล้ว ประมาณบ่าย 2 บ่าย 3 โน่น และนอนได้แค่ 1-2 ชม.เท่านั้น พอได้ยินเสียงหนูมนร้อง หรือเล่น ก็ทำเอาแม่ไม่อยากนอนต่อแล้ว เอาไว้นอนกลางคืนทีเดียวเลยละกัน ต่อไปคงต้องหัดนอนกลางวันซะแล้ว

 

            การทำงานของแม่ที่ต้องเข้าเวรแบบนี้ ทำให้ทุกคนในบ้านต้องปรับตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ เช่น คุณพ่อของหนูถ้าวันที่แม่ต้องเข้าเวรเป็นวันธรรมดาตอนกลางคืน คุณพ่อต้องไปส่งแม่ที่สนามบิน แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อที่บ้าน บางครั้งกลับมาแล้ว ถ้าหนูมนตื่น แล้วร้องงอแง คุณพ่อก็ต้องอุ้มและกล่อมให้หนุมนหลับสนิทก่อน จึงจะทำงานต่อได้ แล้วค่อยให้คุณย่านอนกับหนูมน เพราะตอนกลางคืนเหมือนหนูมนจะรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้นอนด้วย ก็จะตื่นบ่อย แล้วจะร้องงอแงทุกครั้ง ทำให้คุณพ่อต้องนอนดึกมากกว่าเดิม เฮ้อ...สงสารพ่อโอ๋เหมือนกันเนาะ แต่ทำไงได้อ่ะ แล้วตอนเช้า (ซึ่งแม่ยังไม่เลิกงาน) ก็เป็นหน้าที่ของคุณพ่อที่ต้องอาบน้ำให้หนูก่อนออกจากบ้าน ต้องล้างขวดนม เตรียมขวดนม เตรียมน้ำ ให้หนูมน (ซึ่งเดิมเป็นหน้าที่ของแม่) แต่คุณพ่อต้องมาทำแทนชั่วคราว

 

วันที่แม่ต้องเข้าเวรกลางคืน คุณพ่อก็จะมีหน้าที่ดูแลหนูมนในตอนเย็น คือ พาหนูมนเดินเล่น กินข้าว อาบน้ำ แต่งตัว แล้วพาหนูมนเข้านอน พอ 20.30 คุณพ่อจึงจะไปรับแม่ที่สนามบิน  (ให้คุณย่านอนอยู่กับหนู) พอแม่มาถึงบ้าน ก็อาบน้ำแล้วรีบมานอนกับหนูมนต่อ เพื่อให้คุณย่าไปนอนพัก ส่วนคุณพ่อถ้ามีงานก็ทำงานต่อ  กิจวัตรของบ้านเราก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง

 

             ช่วงแรกๆ ที่แม่เข้าเวรคุณย่าสามารถอยู่กับหนูมนตอนกลางคืนได้ ในช่วงที่คุณพ่อไปส่งแม่ที่สนามบิน (หลังจากคุณพ่อกล่อมหนูหลับแล้ว) แต่พอถึงคราวคุณยายมาอยู่หนูมนกลับงอแงซะงั้น ร้องไห้ตั้งแต่พ่อออกจากบ้าน จนกระทั่งพ่อกลับมาถึงบ้าน คุณพ่อเลยต้องเอาหนูไปด้วย แบบว่าหลับบนรถเลย พอถึงบ้านก็อุ้มมาหลับต่อที่เตียง คุณพ่อบอกว่าตอนแม่เข้าเวรช่วงแรกๆ ก็ดูไม่มีปัญหาอะไร แต่พอช่วงหลังๆเหมือนหนูมนรู้เรื่องมากขึ้น รู้ว่าแม่ไม่อยู่ เลยงอแง ตอนกลางคืนตื่นแทบทุกชั่วโมง ตื่นแล้วลุกขึ้นมานั่ง อุ้มก็เงียบ แต่พอวางก็ร้อง บางครั้งต้องอุ้มกันหลายชั่วโมงกว่าจะหลับสนิท ทำเอาคุณพ่อ กับคุณยายแทบไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว    

             ส่วนอาหารการกินของหนูมน แม่ยังคงทำให้หนูเหมือนเดิม ถ้าเป็นวันที่แม่เข้าทำงานตอนเช้า ทุกอย่างก็เหมือนเดิม คือทำให้หนูก่อนออกจากบ้าน แต่ถ้าวันไหนที่ต้องเข้ากลางคืน แม่จะทำข้าวต้มไว้ให้หนูตอน 6 โมงเย็น (ก่อนแม่ไปทำงาน) พอมันหายร้อนแล้วค่อยเข้าตู้เย็น และบอกให้คุณย่าเอามาอุ่นให้ตอนเช้า อย่างน้อยก็ให้หนูกินข้าวต้มมื้อเช้าก่อน พอแม่ออกเวรแล้วค่อยมาทำมื้อกลางวันกับมื้อเย็นให้หนูอีกครั้ง  ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะแม่อยากทำให้หนูด้วยตัวเอง และอีกอย่าง ก็ไม่อยากให้คุณย่ากับคุณพ่อต้องมายุ่งยากในตอนเช้า เพราะคุณพ่อเองก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน เดี๋ยวจะกลายเป็นคุณย่าต้องมารับบทหนัก วิธีนี้จึงลงตัวที่สุด

 

             โดยรวมก็ไม่มีปัญหาอะไร ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี แค่แม่รู้สึกเหนื่อยและเพลียบ้าง แต่พอกลับมาเห็นหน้าหนูก็หายเหนื่อยทันที จนเดี๋ยวนี้ต้องนอนพร้อมกับหนูตอนบ่าย เพราะไม่ไหวแล้ว ง่วงมาก บางทีหนูก็ Active เหลือเกินกว่าจะนอนได้ก็ปาไป เกือบ 4 โมงเย็น แม่แทบจะง่อยเปลี้ยกันเลยทีเดียว  เฮ้อ ..........สู้ สู้ 

 

                อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับหนูมนคือ หนูมนเป็นโรคลำไส้อักเสบ เกิดจากติดเชื้อไวรัสซื่งติดมาจากคุณพ่อ เรื่องมีอยู่ว่าคุณพ่อมีอาการอาหารเป็นพิษแล้วมีไข้ วันที่เป็นวันแรกแม่ต้องเข้าเวรกลางคืนแล้ววันนั้นหนูมนงอแง คุณพ่อต้องอุ้มตลอด พอวันรุ่งขึ้นคุณพ่อไปหาหมอ หมอบอกว่าที่คุณพ่อเป็นเกิดจากการติดไวรัสร่วมด้วย ซึ่งสามารถติดต่อกันทางลมหายใจ และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หนูมนติดจากคุณพ่อ หนูมนมีอาการเบื่ออาหาร อาเจียน ถ่ายประมาณ 6-7 ครั้งต่อวัน แต่ไม่มีไข้ กินนมได้ปกติ มีซึมนิดหน่อย แต่แม่ว่าหนูก็ยังดูซนอยู่ดีนะ 555 แต่พ่อกับแม่เนี่ยสิเป็นห่วงหนูสุดๆ พาไปหาหมอตั้ง 2 ครั้ง เพราะอยากให้หนูหายเร็วๆ กลับมากินเก่งเหมือนเดิม เพราะช่วงนี้โรคมือ เท้า ปาก ระบาดด้วย พ่อกับแม่พาหนูมนไปหาหมอ ได้ยาแก้อาเจียน เกลือแร่ แล้วก็นมสำหรับเด็กท้องเสียมา คุณหมอบอกว่าโชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก ถือว่าเป็นเด็กแข็งแรง ไม่มีอาการอิดโรย เพียง 2 วัน อาการท้องเสียก็หาย แต่แม่อยากให้หนูกินเก่งเหมือนเดิมเร็วๆ จัง

                                                                       

           นี่ก็เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่ง ที่แม่รู้สึกว่าเป็นครอบครัวมากขึ้น รู้สึกอบอุ่นเวลาที่เราอยู่กันพร้อมหน้า ทั้งสนุกเวลาที่เล่นกับหนู เวลาที่หนูมนหัวเราะ หรือยิ้ม มันเป็นสีสันที่ทำให้บ้านไม่เงียบเหงา เหมือนอย่างที่ใครหลายๆ คนพูดว่า ลูกเป็นสิ่งพิเศษที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวให้สมบูรณ์ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงแม้มันอาจจะมีความเหน็ดเหนื่อยเข้ามาปนบ้าง  แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเป็นความทุกข์ หรือบางครั้งอาจมีบ้างที่พ่อกับแม่ต่างก็เหนื่อยจนมีถกเถียงกันบ้าง หงุดหงิดใส่กัน แม่ยอมรับว่าแม่อารมณ์ร้อน มองปัญหาเล็กๆ เป็นเรื่องใหญ่เสมอ (เป็นอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว มาดีขึ้นก็เพราะมีหนูมนเนี่ยแหละ) และโชคดีที่คุณพ่อเข้าใจแม่ คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ทำให้ครอบครัวเราผ่านปัญหา อุปสรรคมาได้ จนตอนนี้พ่อกับแม่คิดว่าคงไม่มีปัญหาใดจะยิ่งใหญ่กว่าการเลี้ยงหนูมนให้ดีที่สุด ทุกอย่างโฟกัสไปที่หนูมน (แต่คุณพ่อแอบมีโฟกัสไปที่น้องหนูมนด้วย 5555 แม่ว่ารอไปก่อนเถอะ แม่อยากเลี้ยงหนูมนให้เต็มที่ซะก่อน) ตอนนี้เข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อกับแม่แล้ว ว่าทุกลมหายใจเข้าออกมีแต่ลูก มันเป็นยังไง  

 

           ทุกวันนี้แม่กับพ่อพยายามทำสิ่งที่แม่กับพ่อคิดว่าดีที่สุดเพื่อหนู ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถ้าหนูโตขึ้น หนูจะชอบมั้ย จะรู้สึกดีหรือพอใจรึป่าว แต่ขอให้หนูรู้ไว้เพียงว่าทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับหนูนับแต่นี้ไป มันเกิดจากความรัก และความหวังดีที่แม่กับพ่อมีให้หนู นะจ๊ะ หนูมนลูกรัก

 

                                                    




Create Date : 06 กรกฎาคม 2555
Last Update : 23 กรกฎาคม 2555 0:02:59 น. 0 comments
Counter : 667 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 
 

Naphak_bee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Naphak_bee's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com