หนูมน 9 เดือน

                        

 

 

 

                        หนูมนของแม่ 9 เดือนแล้ว พัฒนาการของหนูตั้งแต่ตอน ก่อน 9 เดือน ไม่กี่วัน หนูก็เริ่มคลานให้แม่เห็นแล้ว พ่อกับแม่ตื่นเต้นมาก ลุ้นอยู่ว่าหนูจะคลานมั้ย หรือว่าจะเดินเลย (ถืงแม้จะคลานช้าไปหน่อย แต่ก็ยังดี) พอหนูครบ 9 เดือน ก็เริ่มคลานเก่งขึ้น  และต่อมาไม่ถึงอาทิตย์ ก็เริ่มเกาะยืน แต่ไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่ หลังจากนั้นพัฒนาการหนูไปเร็วมาก คลานเก่งขึ้น ไวด้วย แถมชอบขึ้นบันได ชอบเกาะยืน พอยืนได้แล้วก็จะยิ้ม หัวเราะ ท่าทางดีใจ ที่แม่ชอบมากคือ หนูมนเข้าใจคำว่า “Bird” และ “an airplane” เวลาแม่พาหนูมาเดินเล่นรอบหมู่บ้าน ถ้าถามว่า Where is a bird? หรือ Where is an airplane? หนูจะมองขึ้นบนฟ้าทันที  ในขณะที่เวลาอยู่กับย่า ย่าจะถามว่า” ไหน นก อยู่ไหน” หนูมนก็จะมองหาเหมือนกัน แสดงว่าหนูมนเข้าใจว่า Bird กับนก คืออย่างเดียวกัน   ไม่เสียแรงที่พร่ำสอน แต่แม่ก็ยังแอบขึ้เกียจอยู่ ยังสอนศัพท์ได้ไม่เยอะ เพราะบางครั้งหนูดูไม่ค่อยให้ความร่วมมือเลยอ่ะ แม่เลยรู้สึกท้อ แต่แม่สัญญา ว่าจะพยายามมากว่านี้นะ เพราะหนูโตขึ้นทุกวันแล้ว เด๋วจะสายเกินไป

 

           

 

ตอนกลางคืนเวลาดูดนมแม่ แม่รู้สึกว่าหนูชอบให้แม่ร้องเพลงกล่อม เพราะร้องทีไร หนูจะหลับตาพริ้ม แล้วก็หลับในที่สุด แม่ก็ร้องแต่เพลงภาษาอังกฤษ ง่ายๆ  (หวังว่าหนูจะร้องได้เมื่อตอนโตนะ)

 

             

 

            ช่วง 9 เดือน คุณย่ากลับเชียงราย ถึงคิวคุณยายที่ต้องมาเลี้ยงหนูมน วันแรก หนูมนไม่ยอมให้คุณยายอุ้ม อาจเป็นเพราะลืมหน้าคุณยาย แต่พอผ่านไปวันนึง ได้อยู่กับยายทั้งวัน ก็เริ่มดีขึ้น ชอบเล่นกับยายมากขึ้น

 

 

 

            จากที่คุณย่ากับแม่พยายามสอนให้หนูมน บ๊าย บาย / ตบมือ / ส่งจูบ ตั้งแต่ตอน 5-6 เดือน แล้วก็สอนมาตลอด แต่ก็ไม่สำเร็จ ก็มาสำเร็จเอาตอนเดือนนี้แล่ะ คุณยายพยายามสอนทุกครั้ง สอนบ่อยๆ แล้วหนูมนก็ยอมทำตามที่บอก สิ่งที่แรกที่ทำได้คือ บ๊าย บาย แต่สิ่งที่ท่าทางจะสอนยากก็คือ ให้สวัสดี มือแข็งมาก พอจับมือทำ ก็โกรธ ดึงมือออกซะงั้น

 

 

 

            ทุกวันนี้ แม่พยายามอ่านนิทานให้หนูฟัง แต่หนูก็ยังไม่สนใจ  ชอบฟังเพลงมากกว่า พอแม่หยิบหนังสือมาจะอ่าน หนูก็จะดึงไปแล้วเอาไปเล่น แล้วก็โยนทิ้ง เป็นอย่างนี้ทุกที สงสัยแม่ต้องจำนิทานให้ได้ แล้วเล่าให้หนูฟังโดยไม่ต้องอ่าน จะลองดู ซิว่าหนูจะฟังมั้ย 

 

           

 

               ส่วนเรื่องอาหารการกินของหนู แม่ทำข้าวให้หนูแบบไม่เละมากเพราะสังเกตว่าหนูเริ่มเคี้ยวได้ดีขึ้นเมนูอาหารในแต่ละวันก็เปลี่ยนไปไม่ให้หนูเบื่อแต่จากที่ดูเหมือนหนูมนไม่ชอบกินผักโขมสงสัยแม่จะใส่เยอะไปหน่อย

 

 

 

               ตอนหนูครบ 9 เดือน แม่ต้องไปงานแต่งงานน้าวรรณ ที่ตรัง แม่เลยถือโอกาสชวนพ่อไปเที่ยว แล้วพาหนูไปด้วย แล้วก็จะได้ไปเยี่ยมคุณอาเจที่พัทลุง ด้วย เพราะอาเจก็ใกล้จะคลอดแล้ว

 

 

 

วันขึ้นเครื่องบิน แม่ตื่นเต้นกว่าหนูซะอีก เพราะลุ้นว่าหนูจะงอแงมั้ย กลัวหนูจะหูอื้อ จนร้องงอแง แต่ก่อนจะขึ้นเครื่องบิน มีเรื่องน่าตื่นเต้นกว่านั้นซะอีก ก็คือ “กลัวตกเครื่อง” เนื่องจากก่อนวันเดินทาง พ่อมีธุระ ไหนจะต้องไปส่งคุณย่าตอนเย็น ก็เลยแทบไม่มีเวลาเตรียมตัวมาก ๆ (จริงๆ ก็เป็นความผิดแม่เองที่ไม่ได้เตรียมของให้หนูให้เรียบร้อย) ตอนกลางคืนแม่ก็เอาเสื้อผ้าของหนู ของใช้ เสื้อผ้าพ่อกับแม่ ประมาณว่าเอามากองๆ ไว้ก่อน เด๋วค่อยใส่กระเป๋า พอเช้าวันรุ่งขึ้น แม่อุตส่าห์ตื่นตั้งแต่ ตี 4 มาทำอาหารให้หนู อาหารให้คุณพ่อ เตรียมเก็บกระเป๋า คุณพ่อก็ใจเย็น มัวแต่กินข้าว รดน้ำต้นไม้ เหลือบดูเวลาอีกที ก็จะ 7 โมงแล้ว (ซึ่งเครื่องออก 09.00 ต้องไปถึงอย่างน้อย 08.20) ไหนจะต้องอาบน้ำให้หนู แล้วพ่อกับแม่ก็ต้องผลัดกันไปอาบน้ำ ไหนจะต้องป้อนข้าวหนูไปด้วย เก็บของไปด้วย พอคุณตาข้างบ้านที่คุณพ่อนัดไว้ให้ไปส่งสนามบินมารอหน้าบ้าน แม่เลยตัดสินใจให้พ่อบอกคุณตาไปเลยว่าไม่ไปแล้ว จะให้เงินแกก็ได้ เพราะดูจากสภาพการณ์แล้ว คุณตาขับไป เราตกเครื่องแน่ เพราะคุณตาขับช้า แล้วเราก็คงไม่กล้าไปเร่งแกมาก พ่อเลยต้องเอารถไปเอง แล้วไปจอดสนามบิน ระหว่างทางรถก็ติดมาก เพื่อนๆ ของแม่ก็โทรมาตามกันใหญ่เลย เพราะกลัวครอบครัวเราจะไปไม่ทัน คุณพ่อก็เหยียบเต็มที่ คุณลุง 9 ที่จะไปตรังด้วย ต้องมารอรับหนูกับแม่ตรงประตูทางเข้า เพื่อมาขนของให้แม่ พาแม่ไปโหลดกระเป๋า (เพราะแม่ได้เช็คอินออนไลน์ไว้แล้ว) แล้วคุณพ่อก็ต้องขับรถไปหาที่จอด แต่พอมาถึงตรงประตูทางเข้าแม่ค่อยโล่งหน่อย เพราะยังไงก็ทันแล้ว สรุปมาถึงเคาน์เตอร์ประมาณ 08.15น. ฉิวเฉียดจริงๆ ส่วนคุณพ่อไม่ต้องเช็คอินแล้ว ก็เข้าไปข้างในได้เลย

 

 

 

                ตอนกำลังจะเข้าไปใน Gate แม่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเอานมของลูกที่ชงแล้ว กับขวดน้ำ (ซึ่งเตรียมไว้สำหรับให้หนูกินระหว่างเดินทาง ลืมจนได้ แล้วขวดนมที่เอามาก็มีแค่ 3 ขวด พลาดจนได้  ไม่เป็นไร กินเต้าไปแล้วกัน ช่วงที่ต้อง x-Ray แม่กับหนูสามารถเดินเข้าไปได้เลย น้ำ กับนมที่เตรียมไว้ ก็เอาเข้าไปได้เลย เพราะเป็นของเด็ก (ตอนแรกคิดว่าเป็นของเหลวแล้วจะไม่ให้ขึ้นเครื่องซะอีก) 

                               

 

 

 

ช่วงเวลาก่อนขึ้นเครื่องหนูมนก็ดูปกติ ไม่งอแงเท่าไหร่ เพราะงีบหลับมาตอนระหว่างทางมาสนามบิน แต่พอขึ้นเครื่องแล้ว หนูมนก็แผงฤทธิ์จนได้ เพราะงอแงง่วงนอน และไม่ยอมดูดขวด จะดูดเต้าให้ได้ ก็มีส่งเสียงร้องเป็นระยะ แม่เลยต้องยอมให้หนูดูดเต้า เขินอ่ะ เพราะคนที่นั่งด้านในก็ผู้ชาย แถมยังลืมผ้าบังให้นมมาอีก (ประสบการณ์ที่น่าจดจำจริงๆๆ) ลืมโน่น ลืมนี่ ของลูกเยอะแยะ รู้สึกเลยว่าเราต้องพร้อมกว่านี้ คุณพ่อยังมาพูดอีกว่า ดีแล้วจะได้เป็นบทเรียน ว่าครั้งต่อไปต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง  (แม่ว่าพ่อควรบอกตัวเองมากกว่าเนาะ )พอหนูมนได้ดูดนมแล้วก็หลับไป มาตื่นอีกทีก็ตอนถึงตรังแล้ว 1 ชั่วโมงบนเครื่องก็ผ่านไปได้ด้วยดี ก่อนเข้าโรงแรมเรามาที่บ้านน้าวรรณก่อน แวะมากินข้าว หนูมนก็ดูร่าเริงดี เพราะได้คลานเล่น ได้กินข้าว เมื่อมาถึงโรงแรม พอแม่วางหนูบนเตียงเท่านั้นแหละ  หนูท่าทางจะชอบมาก คลานไปทั่วเลย ประมาณว่าได้เป็นอิสระซะที อึดอัดมานาน

                             

 

 

 

หลังจากเสร็จงานแต่งงานน้าวรรณ แม่พาหนูไปจ.พัทลุง เพื่อไปเยี่ยมอาเจ หลังจากสอบถามเส้นทาง สรุปว่าเราต้องนั่งรถตู้ไปจ.พัทลุง ไปลงหน้าศาลากลางจังหวัด เรา 3 คน เดินออกจากโรงแรม เพื่อจะหารถไป บขส. แต่ถามจากคนแถวนั้นแล้วไม่มีรถสองแถวผ่าน นอกจากจะต้องนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างไป แม่คิดทันทีไม่เอาอ่ะ กลับไปโรงแรมเหอะ ให้โรงแรมเอารถไปส่ง แต่พ่อหนูกลับบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก นั่งแปปเดียว แต่แม่กลัวอ่ะ ไม่ชอบนั่งมอเตอร์ไซด์แบบนี้ กลัวตก กลัวหนูมนจะตกด้วย แล้วก็ยิ่งต่างถิ่นแบบนี้ กลัวอ่ะ แต่ความคิดนึงก็แวบขึ้นมาในสมอง พ่อเคยซื้อหนังสือมาให้แม่อ่าน เป็นหนังสือที่สอนวิธีการเลี้ยงลูก มีบทหนึ่งที่ผู้เขียนแนะนำว่าต้องให้ลูกรู้จักความลำบาก รู้จักการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย อยู่ได้โดยไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก แม่ก็เลยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ว่าไปก็ไป แค่นี่เอง ลูกคนอื่นเค้ายังนั่งได้เลย (จริงๆ แล้วที่แม่บอกพ่อว่าไม่ได้ ไม่นั่ง ไม่ใช่เพราะห่วงหนูคนเดียว แต่เป็นเพราะแม่ห่วงความรู้สึกของแม่เอง ที่ไม่ชอบความลำบาก อยากสบาย แต่แม่ไม่อยากให้หนูนิสัยเสียแบบแม่ แม่เลยต้องฝืนความรู้สึกตัวเอง) พ่อเรียกมอเตอร์ไซด์ 2 คัน คันแรก พ่อนั่งแล้วอุ้มหนูด้วย อีกคันก็แม่นั่งตามไป ระหว่างทางแม่มองหนูตลอด เป็นห่วงหนู กลัวลมจะแรงไปมั้ย พ่อก็เอาผ้าอ้อมคลุมหัวหนูไว้ หนูก็ทำตาปริบๆๆ แบบว่าโดนลม คนขับก็ไม่ได้ขับเร็วมาก แต่ก็ไม่ช้าอ่ะ พ่อเรามาถึง บขส. เราก็ซื้อตั๋วขึ้นรถตู้ ระหว่างทางหนูก็หลับตลอดทาง คงเป็นเพราะรถวิ่งโยกไปโยกมา หนูเลยหลับเพลิน ทั้งขาไปและขากลับ

 

 

                   

 

 แต่พอขากลับ ต้องรอขึ้นรถตู้นานหน่อย แดดก็ค่อนข้างร้อน หนูมนก็นอนหลับ (แม่สงสารหนูมาก ไม่เคยพาหนูมาลำบากอย่างนี้ ทุกทีไปไหนก็รถส่วนตัวตลอด แต่คราวนี้ผจญภัยกันตลอดทาง แม่ได้แต่พยายามบอกตัวเองว่า ชีวิตก็ต้องเป็นอย่างนี้แล่ะ จะสบายตลอดไม่ได้ ต้องอดทน ต่อไปหนูมนต้องเจออะไรอีกเยอะ) พอได้ขึ้นรถตู้หนูมนก็หลับสนิทตลอดทาง หลังจากลงรถตู้แล้ว  ฝนก็ตกปรอยๆ ร่มก็ไม่มี (พร้อมมาก....) พ่อมองเห็นรถสองแถวอยู่เลยไปถามว่าผ่านโรงแรม... มั้ย คนขับบอกว่าไม่ผ่าน แต่จะไปส่งให้ เรา 3 คน คนขับใจดีมาก เห็นแม่อุ้มหนูก็รีบมากางร่มให้ เรา 3 คน ขึ้นรถสองแถว ซึ่งทั้งคันมีเรา 3 คน พ่อ แม่ ลูก นี่ก็เป็นครั้งแรกของหนูเช่นกัน หนูมนมองข้างหลังตลอด เพราะเห็นรถหลายคันขับตามมา (แบบว่าในระยะใกล้ชิด) มาตรังคราวนี้ เรียกว่า ครบทุกรสชาติ

 

 

ขากลับจากตรังมากทม. เครื่องดีเลย์ไปเกือบชั่วโมง จนหนูมนเริ่มงอแง เพราะง่วงนอน พอได้ขึ้นเครื่องก็ร้องจะกินนม แม่ก็ให้หนูดูดเต้าอีกตามเคย จนเครื่อง Take off เรียบร้อย พ่อกับแม่ก็ค่อยสบายใจหน่อย พอผ่านไปแค่ 30 นาที หนูดันตื่นซะงั้น แบบว่าที่ผ่านมาแค่งีบอ่ะ  เอาหล่ะทีนี้ทำไงดี ก็พยายามหาของให้หนูเล่น หนูมนก็หยิบอันนั้น อันนี้มาเล่น แล้วก็โยนทิ้งมั่ง แบบว่าซนอ่ะ ไม่อยู่เฉยเลย แม่ก็ได้แต่ขอให้ถึง กทม.เร็วๆ เพราะกลัวหนูจะเบื่อ เด๋วงอแงอีก เล่นไปซักพัก ก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างทางเดินออกมาหนูมนคนจะตื่นตา ตื่นใจ มองไปทั่วเลย แม่รู้และว่าหนูอยากจะให้แม่อุ้มเดิน ตอนอยู่บนเครื่องคงอืดอัด อยากเดิน อยากคลาน

 

 

 

              พอกลับมาถึงบ้าน หนูมนก็ดิ้นจะลงให้ได้ พอแม่วางปั๊บ หนูมนก็คลานใหญ่เลย แล้วก็หัวเราะ สนุกสนาน ประมาณว่าดีใจจังถึงบ้านแล้ว

 

 

 

สรุป การเดินทางครั้งนี้ หนูมนถือว่าผ่านบททดสอบความอดทนได้ระดับหนึ่ง เพราะเวลาที่หนูง่วง อยากนอน หนูก็งอแงไม่มาก ไม่ถึงกับโวยวาย คงเป็นเพราะมีพ่อกับแม่ไปด้วย สภาพร่างกายหนูมนแข็งแรงดี ไม่มีซึม แต่ที่สำคัญคือ บทเรียนของพ่อกับแม่ ที่ต้องเตรียมตัวมากกว่านี้  ต้องพร้อมมากกว่านี้ แต่มันก็ทำให้เรารักกันมากกว่าเดิม เห็นใจกันมากกว่าเดิม พ่อกับแม่โชคดีที่มีหนูมน นะคะ

 

 

 

 

 




Create Date : 03 กรกฎาคม 2555
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 9:53:50 น. 0 comments
Counter : 380 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 
 

Naphak_bee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Naphak_bee's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com