==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 
FAQ #7

ผมทำงานที่ระยองครับมีความสนใจงานด้านนี้ในระดับสูงแต่ไม่มีโอกาส ผมมีโอกาสได้รู้จักพี่ที่เป็นครูฝึกที่ เชฟรอนสงขลา 2 คนสมัยที่เราฝึกอบรม วิทยากร CONFINE SPACE SAFETY TRAINNER ที่ระยอง ผมลืมแนะนำตัวครับผมชื่อ xxx เพื่อนเรียกว่า xxx จบ xxx ทำงานเป็น Operator + Board man 13 ปีเป็น Safety 1 ปี ตอนนี้อยู่ xxxx ระยอง ผมสนใจมากครับ ..ถ้าพี่มีรายละเอียดในการสมัครผมขอรบกวนพี่ด้วยครับ

เท่าที่คุณให้ข้อมูลมาสั้นๆ ผมเดาเอาว่าคุณน่าจะอยู่ในส่วนของระบบความปลอดภัยนะครับ ถ้างั้นเนี่ย มีกลุ่มบ.เดียวที่ผมแนะนำให้ทำคือ บ.น้ำมัน เพราะอีก 3 กลุ่มบ.ที่เหลือ ไม่ค่อยมีโครงสร้างงานในส่วนนี้ที่ก้าวหน้า เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไร ลองสมัครไปตามบ.น้ำมันดูนะครับ เพราะเขาต้องการคนทางด้านนี้อยู่พอควร ทั้งในส่วนที่ต้องออกไปนอกชายฝั่งและส่วนที่ทำอยู่บนฝั่ง แม้กระทั้งในออฟฟิตที่กทม. ไหนๆคุณก็รู้จักคนในเชฟรอนสงขลาตั้งสองคน ก็ลองโทรฯไปถามไถ่ดูก็ได้นี่ครับ อย่างน้อย ถ้าไม่มีตำแหน่งว่าก็เป็นการไปบอกว่าาเราสนใจนะ มีอะไรให้เรียกด้วย แล้วก็ส่งถามด้วยว่าถ้าจะส่งใบสมัครไป ต้องส่งไปที่ไหนยังไง ถ้าบ.น้ำมันทั่วไป โดยมากมีเว็บ ส่งไปตามเว็บรับรองมี HR อ่านแน่ๆ เพราะเดี๋ยวนี้เขาให้ความสำคัญกับการติดต่อสื่อสารโดยทางเน็ทมากขึ้น



ผมอ่านเข้าไปเจอบล็อคที่เกี่ยวกับเรื่อง offshore แล้วเจอเมลพี่บอกว่าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับ offshore อะคับเจออยากมาถามพี่สักเล็กน้อย ไม่ทราบถ้าผมจะไปทำงานเป็นช่างไฟฟ้าบน offshore นั้น หรือ fpso fso นั้น จะต้องทำอย่างไรบ้าง ผมเคยทำงานเป็นผู้ช่วยช่างไฟฟ้าในเรือส่งสินค้าของ xxx มา1 คอนเทรค ตอนนี้ก็มี ปก ของเหลวในระวางแล้ว ไม่ทราบว่าผมต้องมี ปก อะไรเพิ่มอีกปะคับ แล้วไม่ทราบว่าผมต้องไปมีประสบการณ์การอยู่เรือ tanker ก่อนปะคับ หรือว่าต้องทำอย่างไรบ้างคับ แล้วอีกอย่างคับ โทอิก ต้องเท่าไรคับ

อืม ... ถ้าจะเป็นช่างไฟฟ้าต่อไปบนเรือ ผมก็ว่าคุณก็มาถูกทางแล้ว ในส่วน Offshore installations (เหมารวมทั้งเรือทั้งแท่น) แบ่งตามเจ้าของได้ 2 ประเภท ส่วนแรก บ.น้ำมันเป็นเจ้าของ เช่น แท่นผลิต FPSO FSO และอีกกลุ่มคือเจ้าของไม่ใช่ บ.น้ำมัน ไปเช่าเขามา เจ้าของจึงเป็นเจ้าของเดิม เช่น FPSO หรือ FSO บางลำ เรือสนับสนุนต่างๆ ดังนั้นคุณสามารถสมัครงานไปได้ทั้ง 2 ส่วน บ.เจ้าของเรือนั้น ผมไม่ทราบจริงๆว่ามีบ.อะไรบ้าง บ.น้ำมันก็เห็นๆทราบๆกันอยู่ เข้าไปดาวโหลดเอาในห้องสมุดผมก็พอได้ ส่วนคุณสมบัติว่าต้องได้ประกาศณียบัตร และประสบการณ์อะไรบ้าง นั้นผมไม่ทราบเหมือนกันครับ เพราะอยู่คนล่ะงานกัน แล้วก็โทอก ผมก็ไม่ทราบว่าต้องการเท่าไร แต่ล่ะบ.คงมีมาตราฐานที่ต่างกัน แต่ถ้าคุณเข้าไปดูในเว็บโทอิกก็คงพอได้ความรู้คร่าวๆมังครับว่าระดับไหนควรได้เท่าไร



ผมได้รับการติดต่อสัมภาษณ์กับ Weatherford ในตำแหน่ง Application engineer ผมจบ วิศวอิเล็ก xxx ตอนนี้ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน เกรด 2.74 TOEIC 710 ผมอยากรู้ว่าดังนี้นะครับ -ตำแหน่งนี้ มันทำเกี่ยวกับอะไรครับเหมือน Field engineer ที่Schlumberger หรือเปล่าครับที่ผมหารายละเอียดคร่าวๆมา - ในรอบแรกนี้จะเจอคำถามเทคนิคหรือทั่วไปครับ แล้วเค้าจะดูอะไรบ้าง,ส่วนใหญ่ที่พี่สัมภาษณ์มาคนที่ไม่ได้จะพลาดยังไงบ้างครับ

เกรดก็โอเคนะ พอผ่านได้บวกกับดีกรีวิศวxxx ก็คิดว่าเรื่องการศึกษาขั้นต่ำน่าจะผ่าน บ.นี้เป็นบ.ใหญ่ 1 ใน 4 ของตระกูล Service company มีสินค้าและบริการหลากหลาย นั่นหมายความว่า คุณเข้าไปแล้ว ถ้าไม่ชอบสินค้าหรือบริการหนึ่งก็สามารถขอย้ายไปทำอย่างอื่นได้ตามจังหวะโอกาสและความสามารถ

ตำแหน่งนี้ไม่เหมือน Field engineer ที่ Schlumberger นะครับ ผมถามคนใน Weatherford ให้แล้วว่า ตำแหน่งนี้เอาไปทำอะไร คือมันเป็นของ product line หนึ่งในหลายๆอย่างของบ.นี้ ชื่อว่า completion การทำ completion คืออะไร อ่านได้ในเว็บนี้

//www.glossary.oilfield.slb.com/Display.cfm?Term=completion

อุปกรณ์ต่างๆที่บ.นี้ขายและให้บริการก็คืออุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในงาน completion เอาคร่าวๆนะ พอขุดหลุงลงไปแล้ว มันก็เป็นหลุมเปลือยๆผนังเป็นหิน เราต้องเท่าท่อกรุ (casing) ลงไปเสียบ (บทที่ 7) แล้วอัดซีเมนต์(บทที่ 3) ลงไปในช่องว่างระหว่าผนังด้านนอกของท่อกรุกับผนังหลุมที่เป็นหิน ตอนนี้เราก็ได้หลุมๆนึงที่ชะโงกลงไปดูแล้วมันมีผนังหลุมเป็นเหล็ก กระบวนการจากนี้เป็นต้นไปเราเรียกว่า completion ซึ่งเราจะเอาท่อที่เล็กกว่าที่เราเรียกว่า tubing หรือท่อผลิต (OD 2 7/8" หรือ 3 1/2") ใส่ลงไปในท่อกรุ ในท่อผลิตนี้ก็จะมีอุปกรณ์สารพัดติดลงไปด้วย เช่น พวกวาว์ลต่างๆ กลไกเยอะแยะ ไม่ใช่ท่อๆอย่างเดียว อธิบายไม่หมดในนี้

งาน application eng ก็จะเข้าไป วิเคราะห์ คำนวน จัดหา ให้ความเห็น เกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆที่ติดกับท่อผลิตนี้แหละ ซึ่งอาจจะรวมไปถึงท่อกรุด้วย เป็นงานในออฟฟิตซึ่งอาจจะต้องออกไปทำในสนามเป็นบางครั้งบางคราว

ด้วยวุฒิและเกรดที่คุณจบมา ผมแนะนำว่าตำแหน่งนี้ดีมากแล้ว เพราะ 1 คุณได้เข้าวงการ 2 บ.ใหญ่ เลือกไปทำอย่างอื่นได้ถ้าไม่ชอบ 3. บ.มั่นคง มีนโยบาย HR แนวอนุรักษ์ (คือไม่เคี่ยวมาก) ผมแนะนำว่าพยายามเข้าให้ได้ แล้วอ่าน 8 บทที่ผมให้ไป เพื่อที่จะได้รู้รอบกับงานกว้างๆด้านอื่นด้วย แล้วก็แสดงภูมิให้หน.รู้เป็นระยะๆเมื่อมีโอกาส ว่าเราศึกษาและอ่านเพิ่มเติมเสมอๆนะ (พิมพ์ออกมา เอา Highlight ทาๆ แล้ววางไว้บทโต๊ะทำงาน อะไรแบบนี้ แต่ต้องอ่านจริงๆด้วยนะ)

ส่วนเรื่องการสัมภาษณ์ ผมว่าเจอคำถามทั้ง 2 อย่าง ทั้งทั่วๆไปและเทคนิคแน่นอนครับ แต่เขาก็รู้ว่าคุณเพิ่งจบและไม่มีประสบการณ์ เขาไม่ถามอะไรที่เฉพาะหรอก โดยมากนะ ถ้าเป็นผม ผมจะถามเรื่องที่เด็กจบใหม่ควรรู้ดีที่สุด นั่นคือ วิทยานิพนธ์ กับ วิชาที่คุณเกรดดีๆ นั่นแหละ (ดูจาก CV และ transcript ถ้าไม่ได้ระบุในนั้นก็ถามเอาดื้อๆ)

นอกนั้นผมก็จะถามปัญหาเชิงวิศวกรรมง่ายๆพื้นๆ พวก ความสัมพันธ์ระหว่าง แรง ระยะทาง ความเร็ว ความเร่ง กำลัง (basic mechanic) อีกหมวดหนึ่งที่พวกเราในวงการใช้บ่อยคือ เรื่อง ความสัมพันธ์ ระหว่าง ความดัน อัตราการไหล ปริมาตร รูปทรง ความหนาแน่น ฯลฯ (basic fluid mechanic) ซึ่งผมถือว่าวิศวกรทุกสาขาควรรู้ อีกอย่างที่พวกเรามักจะมองหาในตัวผู้สมัครคือ สิ่งที่ผมเรียกว่าสามัญสำนึกทางวิศวกรรม ไม่เชิงความถนัดทางวิศวกรรมที่เราเคยสอบกันสมัยโน้น แต่เป็นอะไรที่ออกไปทางแนวความคิดที่ว่าอะไรเป็นไปได้หรือไม่ได้ในทางวิศวกรรม โดยที่ไม่ต้องใช้การคำนวน หรือ คิดเลขในใจนิดหน่อย หรืออาจจะใช้เหตุผลทางวิศวกรรมง่ายๆพื้นๆในการสนับสนุนคำตอบ อะไรทำนองนี้

คงจะเตรียมตัวยากสำหรับส่วนนี้นะครับ เป็นอะไรที่ต้องสั่งสมตกตะกอน ช่างซัก ช่างสังเกตุ (ช่าง)ขี้สงสัย ตั้งคำถาม หาคำตอบ ด้วยตัวเองมาแต่เด็กๆ แต่ก็ยังไม่สายถ้าจะเริ่ม สารพัด "ช่าง" เหล่านี้

ผู้สมัครส่วนใหญ่ที่พลาดก็มักจะพลาดตรงที่ตื่นเต้นจนเกินไป อาจจะเก่ง อาจจะเกรดดี แต่ถ้าสติไม่อยู่กับตัว หรือ คิดลึกไปก็อาจจะพลาดได้ อย่าลืมว่าจุดประสงค์ของการสัมภาษณ์งานไม่ได้ต้องการประเมินความรู้ความสามารถทางวิชาการ แต่เป็นการพูดคุยประเมินด้านอื่นๆที่ไม่ได้ให้ข้อมูลไว้ใน CV หรือ transcript หรือ เป็นการตรวจสอบข้อมูลใน CV กับ transcript ว่าตรงกับความเป็นจริงหรือเปล่า เช่นใน CV คุณบอกว่าเคยทำโน้นทำนี่ เขาอาจจะให้คุณอธิบายเพิ่มว่าทำยังไง หรือ คุณบอกว่าภาษาอังกฤษ ทักษะการพูด ระดับพอใช้ ทักษะอ่าน ระดับดี ก็อาจจะมีการตรวจสอบกันพอเป็นน้ำจิ้มระหว่างสัมภาษณ์เป็นต้น

ก็ประมาณตัวอย่างคร่าวๆจากประสบการณ์ผมเท่านั้นนะครับ ผมก็ไม่ได้จบ HR หรือทำมาด้านนี้โดยตรง แนวคิดในเรื่องนี้ก็อาจจะผิดพลาดก็ได้ เอาว่าเป็นความเห็นของผมคนเดียวก็แล้วกัน ... ขอให้โชคดีนะครับ



ผมทำงานด้าน engineering มา 2 ปีกับอีก 1 เดือน ทำตำแหน่ง piping engineer ตั้งแต่จบใหม่แล้วครับ ผมจบปี 2007 จบวิศวกรรมเกษตร(มี ใบ กว.เครื่องกล) xxxครับ ไม่ทราบว่าผมจะมีโอกาสไปทำงานด้าน drilling (อยากทำมากครับ) หรือ reservoir ของพวก offshore ไหมครับ แล้วพี่มีอะไรจะแนะนำผมไหมครับ ขอบคุณมากครับ ผมแนบ CV มาให้พี่ดูคร่าวๆด้วยครับ

ผมดู CV ให้แล้วครับ ด้วยเกรดและสาขาที่จบมาคงยากนะครับ เพราะทาง drilling มีแต่บ.น้ำมันเท่านั้นที่รับ พวกนี้ก็สวยเลือกได้ เล่นตัวเสียด้วย แต่ก็ไม่ยากเกินไปถ้าลองส่งใบสมัครไปดู ไม่ได้เสียหายอะไร โดยเฉพาะบ.น้ำมันขนาดเล็ก แน่นอนพวกนั้นชอบแบบ มาม่า plug & play แต่พอรับพวก plug&play (ที่ราคาแพง) มาแล้ว อาจจะทำงานไม่ทัน เพราะงานเยอะ หรือไม่ยอมทำงานจุกจิก อาจจะต้องการผู้ช่วย(ราคาถูกหน่อย) ก็จะมีตำแหน่ง associate หรือ assistant อะไรทำนองนี้พอให้ได้ฝึกวิทยายุทธสำหรับเด็กใหม่ ไปดูรายชื่อบ.น้ำมันในไทยได้ที่ห้องสมุดผม หรือ ในเว็บกรมเชื้อเพลิงฯ ก็ได้ครับ

แต่ถ้าอยากก้าวกระโดด คุณเองก็เพิ่งทำงานได้สองแค่ 2 ปี (หวังว่าสมองคงยังไม่ฝ่อ) เรียนต่อดีไหมครับ ลองไล่อ่าน FAQ เก่าๆของผมดู มีข้อมูลเรื่องเรียนต่อพอสมควร ... โชคดีนะครับ

ปล. ถ้าด้วยวุฒิปัจจุบันและประสบการณ์ ตาม CV ทำทาง reservoir (วิศวกรรมแหล่งผลิต) ยากมากครับ เพราะเป็นวิศวกรรมเฉพาะด้านจริงๆ



ผมชื่อ xxx พึ่งเรียนจบวิศวเครื่องกล จาก xxx เกรดเฉลี่ย 3.10 คะแนน TOEIC 855 ครับ ได้สมัครงานไว้กับทาง Schlemberger และได้รับการติดต่อให้เข้าไปสัมภาษณ์รอบแรกกับทางบริษัทนี้ ไม่วันที่ 23 ก็ 24 มิถุนายน ( เรื่องวัน ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าน่าจะเป็นวันใดวันหนึ่งใน 2 วันนี้ครับ เดี๋ยวทางบริษัทจะโทรมายืนยันอีกที ) ในตำแหน่ง Field Engineer โดยเจ้าหน้าที่ให้ผมเตรียมตัวเรื่องการแนะนำตัว การหาข้อมูลของบริษัท เพื่อนำมาใช้สัมภาษณ์

ผมจึงอยากขอคำแนะนำจากพี่ในเรื่องการสัมภาษณ์งานครั้งนี้ครับ ว่าควรเตรียมตัวอย่างไรอีกบ้าง มีเทคนิคอะไรบ้าง แนวคำถามที่ใช้จะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วกระบวนการคัดเลือกจะมีกี่ขั้นตอนครับ ผมกังวลเรื่องภาษานิดหน่อยครับ เรื่อง Reading Listening หายห่วงครับ แต่ Speaking เวลาพูด ผมจะไม่ถึงกับคล่องมากนัก มีติดขัดเล็กน้อย แต่ก็สามารถสื่อสารได้ในระดับหนึ่ง


ยินดีด้วยครับที่อย่างน้อยก็ได้เรียกเข้าไปสัมภาษณ์ ดูจากชื่อชั้นสถาบัน วุฒิ เกรด ภาษาฯ ก็น่าจะผ่านคุณสมบัติขั้นต่ำได้ไม่ยาก เนื่องจากคุณก็ไม่ทราบว่าจะเป็นวิศวกรสนามด้านไหน บ.นี้มีวิศวกรสนามหลายด้าน แต่ที่ขึ้นชื่อก็ไม่กี่ด้าน เรื่องการแนะนำตัวผมให้เป็นเรื่องของคุณเองที่จะต้องเตรียมก็แล้วกันครับ โดยมากเขาก็จะให้เวลา 5-10 นาทีแนะนำตัวเอง เป็นการลดความประหม่าตื่นเต้นในการใช้ภาษาอังกฤษ วิธีลดความตื่นเต้นที่ได้ผลที่สุดคือ ร่างคำพูดแล้วซ้อมครับ ซ้อมไปเรื่อยๆจนคุณหลับเอาไปฝันนั่นแหละครับ คราวนี้ในที่ร่างควรจะมีอะไรก็แล้วแต่คุณ เอาให้จบใน 10 นาทีเป็นพอ แต่ที่ควรมีในบทคือ ชื่อ นามสกุล อายุ (เพศคงไม่ต้องถ้าดูแล้วไม่ก่ำกึ่ง ฮ่าๆ แซวเล่นน่ะ) ม.ที่จบ สาขาที่จบ หัวข้อวิทยานิพนธ์ คุณวุฒิหรือประกาศษณียบัตร(ถ้ามี) กิจกรรมที่ทำในคณะ งานอดิเรก ความสามารถพิเศษ ที่เหลืออยากจะฝอยอะไรก็ฝอยไป

ส่วนข้อมูลบ. ผมแนะนำให้ไปดูในเว็ย //www.slb.com โดยคร่าวๆคือบ.นี้อยู่ในกลุ่ม service company ให้บริการหลายๆสินค้าและบริการ มีจุดเริ่มมาจาก สองพี่น้องชาวฝรั่งเศษ ชื่อ คอนราด และ มาร์แชล ชลัมเบอเจอร์ (อ่าน ชะ ลัม เบอ เจ นะครับ อย่าไปออกเสียงเป็น ชะ ลัม เบอเก้อ ล่ะ) กี่ปีมาแล้วก็ช่างเหอะ ผมเองก็ลืมไปแล้ว สองพี่น้องเนี่ยทำมาหากินโดยสำรวจแหล่งแร่ทองแดง วิธีในสมัยก่อนคือ เอาแบตเตอรี่มาลูกหนึ่ง สายไฟยาวๆมาสองเส้น แท่งทองแดงสองแท่ง(electrode) กับ มิเตอร์วัดความต้านทานไฟฟ้า 1 อัน (กัลวานอมิเตอร์ที่ใช้ทำแล็ปพวกเราตอนม.ปลายนั่นแหละ)

เอาแท่งทองแดงปักจึ๊กลงไปในดินลึกๆ ห่างกันสัก 300-700 เมตร ในพื้นที่ที่แม่มดหมอผีเดาว่าน่าจะมีสินแร่ทองแดง หรือ ซินแสบอกว่าฮวงจุ้ยดี ปล่อยไฟจากแบตเตอรี่เข้าไป วัดความต้านทานของดินระหว่างขั้วทองแดง สองขั้วนั้น เบสิกๆมากๆเลย ตรงไหนความต้านทานต่ำ ตรงนั้นมีสินแร่ที่นำไฟฟ้า จดบันทึกไว้ แล้วทำเป็นแผนที่การนำไฟฟ้าในบริเวณนั้นออกมา (Earth conductivity contour maping) ก็จะรู้ว่าขุดตรงไหนจะมีโอกาสเจอทองแดงมากที่สุด

อ้าว ... แล้วมันเกี่ยวกับต้นกำเนิดบ.นี้ตรงไหน ...

วันดีคืนซวยคืนหนึ่ง สองเกลอพี่น้องไปเจอหลุมน้ำมันร้างหลุมหนึ่ง (สมัยก่อน การขุดน้ำมันไม่มีวิทยาศาสตร์นะครับ ไสยศาสตร์ล้วนๆ ฮวงจุ้ยมั่ง ไม้สามง่ามมั่ง มนต์คาถามั่ง ว่ากันไป) ก็เลยปิ๊งไอเดียว่าปกติเราวัดความนำไฟฟ้าของโลกในแนวราบลองวัดแนวดิ่งดูไหม ว่าแล้วคนพี่(หรือเปล่าก็ไม่รู้ เล่าเอามัน)ก็เอาแท่งทองแดงแท่งนึงปักลงไปปากบ่อ คนน้องเอาอีกแท่งหย่อนลงไปก้นหลุม แล้วสาวสายไฟขึ้นมาที่ล่ะหน่อยๆ กะว่าจะบันทึกความลึกของหลุมกับค่าความนำไฟฟ้าแล้วเอามาพล๊อตเป็นกร๊าฟ (conductivity vs. depth) ที่ไหนได้ คนพี่ดันลืมต่อขั้วแบตฯ แต่คนน้องดันสาวสายไฟขึ้นมา คนพี่ก็ตั้งหน้าตั้งตาจดค่าเข็มกัลวานอมิเตอร์ยิกๆ พอคนน้องสาวแท่นทองแดงขึ้นมาถึงปากบ่อ หันมาดู อ้าว พี่ตูไม่ได้ต่อขั้วแบตฯ อ้าวแล้วเอ็งจดอะไร คนพี่ก็บอกว่า ก็เข็มมันกระดิกตูก็จดซิว่ะ

นี่ครับ ... หลายๆศาสตร์ก็ถูกค้นพบโดยบังเอิญ เหมือนสองพี่น้องชลัมเบอร์เจอร์ ค้นพบทำการวัดค่าปิโตรฟิสิกส์ของหลุมน้ำมันขึ้นเป็นเจ้าแรกของโลก กร๊าฟนี้เรียกว่า SP log ย่อมาจาก Spontaneous Potential นั่นคือ ชั้นหินมีความพรุนที่แตกต่างกัน เรียงกันเป็นชั้นๆหนาบ้างบางบ้าง คราวนี้ในชั้นหินมันก็มีน้ำที่ละลายเกลือชุ่มอยู่ นึกออกหรือยังว่าสองคนนั่นไปเจออะไรเข้า เจอแบตเตอรี่ธรรมชาติไงครับ มีเซลเป็นชั้นๆ มีสารละลายเกลือนำไฟฟ้า (electrolite) มี ขั้วทองแดง (electrode) ก็ที่คนน้องหย่อยลงไป กับที่คนพี่ปักอยู่ปากบ่อไง มีกัลวานอมิตอร์ ครบวงจรไฟฟ้าพอดี โป๊ะเช๊ะ

คราวนี้นึกออกหรือยังว่า จากค่าที่วัดได้มันจะบอกว่า ชั้นหินไหนเป็นชั้นอะไร (ซึ่งในสมัยก่อนไม่มีวันรู้) พอบวกกับความรู้ทางธรณีวิทยาว่าชั้นหินอะไรอุ้มน้ำมัน ชั้นหินอะไรไม่อุ้มน้ำมัน ชั้นหินอะไรกักหรือไม่กักน้ำมัน ทำให้การขุดน้ำมันเป็นวิทยาศาสตร์และแม่นยำมากขึ้น

จากนั้นสองคนนี่ก็เริ่มประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือที่วัดค่าทางธรณีฟิสิกส์อื่นๆอีกมากมายเช่น ความต้านทานไฟฟ้า ความพรุน(porosity) ความหนาแน่น ค่ารังสีแกมม่าตามธรรมชาติ ฯลฯ แน่นอน ก็ตั้งบ.ขึ้นมารับจ๊อบ ชื่อ บ.ชลัมเบอเจอร์ (สงสัยเถียงกันไม่จบเรื่องเอาชื่อใคร เอานามสกุลมันซะเลย) การที่วัดค่าทางธรณีฟิสิกส์โดยใช้สายไฟฟ้าหย่อนเครื่องมือลงไปก้นหลุมดังว่า เราเรียกว่า wireline logging หรือ electric logging คนที่ออกไปทำงานชิ้นนี้เราเรียกว่า wireline field engineer คนที่ตามไปเป็นลูกมือเรียก wireline field operator สีประจำบ.คือสีน้ำเงินที่มีโทนเป็นของตัวเอง เรียกว่า SLB blue น้ำเงินหม่นกว่าท้องฟ้าแต่สว่างกว่าน้ำทะเล แน่นอนที่สุด วิศวกรกลุ่มนี้จะเป็นสินค้าหลักของบ. พูดง่ายๆก็ลูกเมียหลวงว่างั้นเหอะ

ในภายหลังบ.นี้ได้ขยายกิจการครอบคลุมไปในทุกๆบริการของการขุดหลุมน้ำมัน เช่น

Directional Drilling (ซื้อ Anadrill สีประจำบ.เดิม แดง) ไปดูในบทที่ 8 ในตำราในห้องสมุดผม
Cementing (ซื้อ Dowell สีประจำบ.เดิม ส้ม) บทที่ 3
Testing (ซื้อ Flopetro สีประจำบ.เดิม เขียว) และอื่นๆอีกมากมาย ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็น SLB blue ไปหมดแล้ว

ถ้าเขาถามคุณว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับบ.นี้บ้างก็บอกไปว่าเป็น บ.service company ให้บริการครบวงจรในการขุดสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เช่น wireline logging, directional drilling หรือ cementing เป็นต้น ศัพท์ของบ.นี้เขาเรียกว่า product line

ไม่ว่าคุณได้ทำ product line ไหน ผมว่าดีทั้งนั้น เพราะบ.นี้เป็นบ.ที่ลงทุนทางด้านการฝึกอบรมคนที่ดีมากๆที่หนึ่งในหมู่ service companies ด้วยกัน แต่ก็ใช้งานคนคุ้มมากๆเช่นกัน ผมก็แจ้งเกิดกับที่นี่เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้วในฐานะ wireline field engineer จึงค่อนข้างรู้เรื่องบ.มากหน่อย

ขบวนการคัดเลือก ผมไม่ทราบจริงๆว่ากี่ขั้นตอน เพราะผมก็ออกมานานมากแล้ว ขบวนการคัดเลือกมันก็เปลี่ยนไปตามนโนบายและความต้องการของบ.ในช่วงเวลานั้นๆ หลักใหญ่ๆที่ผมว่าไม่น่าจะเปลี่ยน คือ ข้อเขียน 1 รอบ สัมภาษณ์ 2 รอบ รอบแรกทั่วๆไปกับ HR รอบสองกับ Product line manager ตามด้วย Preschool 1 เดือน School 3-4 เดือน Post school 1 เดือน แล้ว break out test (สอบทำงานจริง) ขั้นตอนเซ็นต์สัญญาไม่รู้อยู่ช่วงไหน มันเปลี่ยนไปเรื่อย สมัยผม เซ็นต์ก่อน Preschool

เรื่องภาษา คุณได้ TOEIC ตั้ง 855 เด็กสมัยนี้พูดภาษาอังกฤษฉอดๆ พูดไปเถอะครับ เขารู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่เรา กล้าพูดเป็นพอ อย่าไปเกร็งเรื่องไวยากรณ์มาก ผมว่าคุณหายห่วงประเด็นนี้ได้ ถ้าฟังไม่ชัดก็ให้เขาพูดใหม่ Sorry sir/mam May you repeat your question please? ประโยคหากิน เอาไปใช้ได้เลย จำได้เลาๆว่าตอนผมโดนสัมภาษณ์สมัยนู้นโดนให้พูดอธิบายขั้นตอนการถอดเปลี่ยนยางรถยนต์เป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็คามคำถามอะไรเบสิกๆทางวิศวกรรมนี่แหละ นิดๆหน่อยๆ ที่เหลือก็ฝอยเรื่องของตัวเอง

ถ้าคุณเล่าเรื่องที่มาบ.ที่ผมฝอยให้ฟังข้างบนนั้น ผมว่าคนสัมภาษณ์ก็ประหลาดใจแล้วครับว่าทำไมรู้ละเอียดจัง อ้อ ไอ้เจ้า SP log ที่ plot ด้วยมือของสองพี่น้องเนี่ย ตอนนี้เอาตั้งโชว์ไว้ที่พิพิธภัณฑ์ชลัมฯที่ปารีส ผมไม่รู้ว่าในเว็บไซด์ชลัมฯมีโชว์หรือเปล่า แล้วก็ไม่รู้ว่าในเว็บมีเล่าประวัติหรือเปล่าด้วย

สัมภาษณ์เสร็จแล้วได้ความว่าไงก็อย่าลืมอีเมล์มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

ปล. ไปอ่านเรื่อง wireline field engineer ใน FAQ#1 นะครับ จำได้ว่าตอบแม่คนนึงที่ลูกได้เป็น wireline field eng ของที่นี่เหมือนกัน ประมาณว่าแม่อยากรู้ว่าลูกไปทำมาหากินอะไร ดีเป็นบ้าเลย 20 ปีก่อน แม่กับพ่อผมไปส่งผมที่ดอนเมือง ให้เงินติดตัว 5000 บาท บินไปออสเตรเลียคนเดียว (ครั้งแรกในชีวิตที่ขึ้นเครื่องฯด้วย) ไปเข้ารร.ภาษาอังกฤษของชลัมฯนี่แหละ คือคนที่พูดไม่เป็น บ.จะส่งให้เรียนก่อน 3 เดือน ก่อนเข้า preschool พ่อกับแม่ไม่เคยรู้ว่าผมไปทำมาหากินอะไร อวดไปทั้งซอยว่าลูกฉันได้ไปเมืองนอก ฮ่าๆ (อ้อ คงเดาได้ว่าภาษาอังกฤษผมห่วยแตกขนาดไหนตอนนั้น เพราฉะนั้น คุณ TOEIC 855 หายห่วง)



อายุ 27 จบวิดวะไฟฟ้ากำลัง xxx ตอนนี้ทำงานอยู่ xxx เงินเดือนประมาน xxx เพิ่งได้ทุนเรียนที่ AIT หลักสูตร OTM offshore technology and management มี 3 สาขา ผมสนใจอยู่สองสาขาดังนี้ 1 oil and gas management 2 subsurface engineering พี่ว่าไปทางไหนดีคับที่หางานง่ายเงินเดือนดีๆ

ชอบคำถามแบบนี้จัง ตีกรอบมาชัดเจนดี ไม่ต้องคิดมาก ตอบได้เลยว่าถ้าระยะสั้นๆใกล้ๆคือ subsurface engineering เพราะเป็นทักษะเฉพาะเป็นที่ต้องการ หางานง่ายเงินดี แต่ถ้าระยะยาวที่ต้องดูภาพกว้าง วิเคราะห์เชิงมหภาคที่ต้องไปเกี่ยวเนื่องกับภาคส่วนอื่นๆ และอาจจะต้องดูแลระดับนโยบายนั้น แน่นอนว่า oil and gas management ไปไกลกว่าเป็นใหญ่เป็นโตกว่าแน่นอนครับ



ตอนนี้ผมสมัครไป 2 ที่ คือ บ. B.E.S ตำแหน่ง control system specialist เขาระบุว่าจบ ปวส.ขึ้นไป มีประสบการณ์ตรงด้านนี้ ไม่น้อยกว่า 5 ปี อันนี้เขาระบุว่าเป็นงาน offshore เลย ส่วนอีกที่เป็น บ.halliburton ตำแหน่ง associate maintenance professional อันนี้ระบุว่าไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ แต่คล้ายๆกับว่าต้องฝึกงานที่ศูนย์ที่สงขลาก่อน ถึงจะได้ไป offshore

ผมมองภาพงานไม่ออกว่ามันงานด้านนี้เป็นอย่างไร มันเป็นแบบซ่อมพวกอุปกรณ์บนแท่นหรือเปล่า แล้วมันประจำอยู่แท่นใดแท่นหนึ่ง หรือว่าไปเรื่อยๆแล้วแต่งาน โอกาสก้าวหน้ามีมาก น้อยแค่ไหน

อีกเรื่องคือ บ.อื่นๆเขายังไม่เปิดรับพนักงาน แบบนี้เราส่ง CV ไปรอเลยดีไหม หรือว่า คอยดูว่าเขาเปิดเมื่อไหร่ถึงส่งไปดีครับ


- ที่ BES น่าจะเป็นงาน Technician นะครับ พวกซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่ใช้ระบบควบคุมต่างๆซึ่งก็มีหลากหลายระบบและบริษัท ผมเอาก็ไม่ทราบว่า BES เป็นบ.เจ้าของระบบหรือเป็นบ.จัดหาแรงงาน คิดว่าเป็นงานแบบไปหลายๆแท่นนะครับ ไม่ได้ประจำที่แท่นในแท่นหนึ่ง คือเป็นพวกขาจรน่ะครับ

ส่วนงานที่ บ.halliburton ตำแหน่ง associate maintenance professional ผมเดาว่าเป็นงานใน workshop ที่สงขลานะครับ เป็น ช่างซ่อมเครื่องมือต่างๆที่ใช้ทำงาน Offshore น่ะครับ บ.คงสอนงานให้ พอเป็นแล้วเชี่ยวชาญแล้วบ.คงให้เลือกว่า จะโตใน workshop หรือ จะไปเป็นคนใช้งานเครื่องมือที่ offshore หรือจะเป็นคนไปซ่อมเครื่องมือที่ Offshore

เปรียบเทียบกับบ.รับเหมาช่วงงานตอกเสาเข็มสร้างบ้านก็ได้ เขารับคุณไปเป็นช่างซ่อมปั้นจั่นในบ.เขา

พอคุณซ่อมเป็นซ่อมเก่ง คุณก็มีทางของเขา 3 ทาง (ถ้าบ.ไม่มีนโยบายคุณก็มีสิทธิ์ขอได้อยู่ดี ถ้าขอไม่ได้คุณก็ย้ายบ.เพราะถึงตอนนั้นคุณก็เก่งแล้ว)

1. เป็นผู้เชี่ยวชาญการซ่อมปั้นจั่นที่ในบ.เอง อาการหนักๆมาก็ส่งกลับสนง.ใหญ่ใหคุณซ่อม งานสบายกลับบ้านเจอหน้าลูกเมียทุกวัน เงินน้อย

2. ออกไปซ่อมหน้าไซด์งานสร้างบ้านของลูกค้าซึ่งโดนกดดันด้วยเวลาที่ต้องทำให้เสร็จ เพราะปั้นจั่นเสีย ลูกค้าคงต้องมีการปรับบ.ให้เช่าปั้นจั่นถูกป่ะ งานกดดัน เงินดี ไม่จากบ้านทีล่ะนาน ที่ไหนมีปัญหาก็ไป ไม่ค่อยซ้ำหน้างาน(แท่น)

3. เรียนรู้ ฝึกหัดการขับ และออกไปเป็นคนขับปั้นจั่นหน้างานซะเลย - จากบ้านนาน เงินดี แต่พักนาน ทำอาชีพเสริมได้ คงไปซ้ำหน้างานเดินๆ(ประจำแท่นใดแท่นหนึ่ง)

เปรียบเทียบน่ะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าบ.จะเอาคุณไปซ่อมบำรุงเครื่องไม้เครื่องมืออะไร ผมแนะนำให้อดทนทำที่ Halliburton อย่างน้อย บ.ก็ใหญ่มั่นคง ระบบการฝึกอบรมพัฒนาดี และมีทางไปภายในได้มากกว่า

โดยมากก็ส่ง CV ไปรอไว้ก็ได้นี่ครับ ไม่ต้องรอให้ตำแหน่งว่าง โดยมากบ.ใหญ่ๆจะมีระบบฐานข้อมูลที่ดีอยู่แล้ว ส่งไปเขาก็จัดเข้าระบบหมวดหมู่ในฐานข้อมูล ถ้าเขาประกาศรับน่าจะแปลว่าไม่มีตัวเลือกที่ดีพอในฐานข้อมูล

หวังว่าคงเห็นภาพบ้างนิดหน่อยก็ยังดี มีอะไรหรือได้ทำที่ไหน ก็พูดคุยเล่าสู่กันฟังได้ ผมจะได้รู้ว่าที่ผมแนะนำไปมันถูกผิดอย่างไร เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นด้วย ไม่งั้นผมก็ไม่รู้ว่าผมแนะนำถูกหรือผิด เดี๋ยวก็แนะนำคนอื่นเข้ารกเข้าพงกันไปหมด (ฮ่าๆ)



อยากทราบว่า นักศึกษาทุนปิโตรเลียม เวลาที่ไปอบรบ หรือ คอร์ส Trainning เค้ากับอบรม กับ TPTI หรือปล่าว แล้ว TPTI บุคคลทั่วไปไปอบรมได้หรือปล่าว.............แล้วถ้าไปอบรม แล้วนำ certificate มาสมัครงาน......มันช่วยได้เยอะหรือปล่าว.....

TPTI เกิดขึ้นโดยคนไทยในวงการกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมาจากทั้งภาคราชการเก่าและเอกชน มองเห็นว่ามีบ.ต่างชาติมากมายที่ทำมาหากินด้านการจัดอบรมการทำงานในด้านบริหาร และ เทคนิด ต่างๆมากมาย ซึ่งโดยมากจะเป็นทักษะ หรือ ศาสตร์เฉพาะในการทำงานในวงการสำรวจและผลิตปิโตรฯ คนกลุ่มนี้จึงริเริ่มจัดตั้งบ.ขึ้นมาซึ่งก็คือ TPTI นี่แหละครับ TPTI มีผู้เชี่ยวชาญประจำเป็นพนักงานจำนวนหนึ่ง และก็มีเครือข่ายที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญในแต่ล่ะสาขาที่ต้องการ แล้วก็มองหาความต้องการในวงการฯว่าน่าจะจัดหลักสูตรอะไรออกมาดี เหมือนกับ บัณฑิตวิทยาลัย หรือ รร.กวดวิชา ลองเปิดหน้า classify บางกอกโพส์ตดูก็ได้ครับ มีหลายๆที่เปิดกัน บัญชีบ้าง กฏหมายบ้าง ทำอาหาร ผสมคอกเทล MBA MM วิชาการบริหารชื่อแปลกๆ ฯลฯ

มองหาโอกาสเปิดคอร์สที่คิดว่าคนจะมาสมัครกันเรียนเยอะๆ ถ้าผู้เชี่ยวชาญที่เป็นพนักงานประจำมีศักยภาพและชื่อเสียงพอในด้านนั้นๆก็เอามาสอนเอง 3 วัน 5 วัน 7 วัน นานแค่ไหนก็ว่าไป แต่ถ้าคนในไม่มีก็จ้างคนนอกที่คิดว่าน่าจะดึงดูดคนมาเรียนได้ ถามว่าในแง่ของเนื้อหาทั้งในแนวลึกและแนวกว้างยอมรับ เมื่อเทียบกับ บ.ต่างประเทศที่เปิดให้บริการอย่างเดียวกัน มันก็คงต้องพัฒนากันต่อไป แต่ค่าเรียนมันก็ไม่แพง แถมไม่ต้องเสียค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรม ไปเรียนกันถึงเมืองนอก ก็คงจะพอได้ลูกค้าบ้าง

จำเป็นต้องบอกที่มาที่ไปของ TPIT นี้ประกอบการตอบคำถาม อย่าเพิ่งรำคาญนะครับ

"นักศึกษาทุนปิโตรเลียม" ผมเข้าใจว่าคุณหมายถึง น.ศ.ที่ได้ทุนให้ศึกษาวิชา "ปิโตรฯ" ในมหาวิทยาลัยใดมหาวิทยาลัยหนึ่ง และผมอนุมานต่อว่าเป็นทางต้นน้ำ (upstream) ถ้าเป็นการศึกษาในมหาวิทยาลัย ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่ง TPTI นี่ครับ เหมือนคุณได้ทุนเรียนต่อทางบัญชีที่ม.แห่งหนึ่ง คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปเรียนกับสถาบันเอกชนที่อ.ต่างๆออกมาเปิดหลักสูตรอิสระระยะสั้นตามหน้าหนังสือพิมพ์นี่ครับ

บุคคลทั่วไปก็อบรมได้ครับ มีตังค์ก็พอ

ช่วยได้ในการสมัครงานหรือเปล่า ... ผมเปรียบเทียบแบบนี้ดีกว่า ระหว่าง ก. คนจบ ป.ตรีวิชาบัญชี กับ ข. คนที่ไม่ได้เรียบบัญชีมา แต่ผ่านหลักสูตรระยะสั้นเฉพาะสาขาทางบัญชี 5 วันบ้าง 10 วันบ้าง หรือแม้แต่ 3 เดือน คนไหนน่าจะได้รับการพิจารณามากกว่ากัน ถ้ามี 2 คน ก. ข. ให้เลือก แน่นอน ก. ซิครับ แต่ถ้า ไม่มีก. มายื่นใบสมัคร มีแต่ ข. กับ ค. ซึ่ง ค. ไม่ได้จบบัญชี และไม่เคยรู้เรื่องบัญชีเลย ยังงี้ ใครจะได้งาน ก็ต้อง ข. ซิ จริงไหม แล้วในชีวิตจริงเราก็ไม่รู้ว่าใครมายื่นใบสมัครบ้าง ผมจึงไม่อาจจะฟันธงว่า certificate จากการอบรมระยะสั้นจะมีประโยชน์ในการหางานหรือเปล่า

TPTI หรือ หลักสูตร เสริมต่างๆที่เห็นในหน้า classify นั้น จุดประสงค์คือสำหรับคนในวงการนั้นๆมาเพิ่มศักยภาพ หรือ ทบทวนทักษะ เฉพาะทางในสาขาที่เขาทำงานหรือรู้อยู่แล้ว มากว่าจะเป็นที่ที่ให้คนไม่เคยรู้จักงานด้านนั้นๆเลยมาเรียนเพื่อจะเอาไปทำงาน

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ เพราะปัจจุบัน ความต้องการแรงงานเฉพาะทางสูง และการศึกษาภาคปกติในระบบไม่สามารถตอบสนองได้เพียงพอ เช่น ไม่มีมหาวิทยาลัยเรียนกันโดยตรง ที่จะเป็นแอร์โฮสเตส พนักงานต้อนรับภาคพื้นของสายการบิน ผสมคอกเทล โปรแกรมคอมพิวเตอร์เฉพาะทาง การบริการสินค้าคงคลังของสารเคมีที่เป็นพิษ กฏหมายศุลกากร ฯลฯ คนที่ไม่มีความรู้เลยก็สามารถไปเรียนแล้วก็เอาไปทำงานได้เลย เฉพาะตรงนั้นๆที่เรียนมา ถ้าไม่มี คุณ ก. (ในตัวอย่างข้างต้นของผม) มายื่นใบสมัครแข่งด้วยนะครับ

หวังว่าที่ผมพล่ามมาข้างบนนี้คงตอบคำถามคุณนะครับ ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ถามมาอีกได้ครับ



ผมเองตอนนี้ก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว เรียนทางด้านการสำรวจทางน้ำ Hydrographic survey อยากถามว่าบริษัทที่มีแท่นส่วนใหญ่เค้ามีทีมสำรวจกันเองหรือว่าจ้างบริษัทอื่นในการสำรวจครับ

บ.ที่มีแท่นหรือให้เช่าแท่นจะจ้างบ.อื่นมาทำ survey ครับ มีหลายบ.มาก ผมจำได้ชื่อเดียว เพราะมันชนะประมูล ที่บ.ผมจ้างชื่อ fugro บ.พวกนี้จะเข้ามาทำงานตอนช่วงจะย้ายแท่นครับ เขาจะสำรวจเรื่องความมั่นคงของพื้นทะเลที่จะเอาแท่นขุดหรือ platform ไปตั้ง คุณคงรู้ขั้นตอนดีกว่าผมว่าทำไงกันมั่ง บ.ผมก็ซื้อเอาข้อมูลตรงนั้นมาประกอบการตัดสินใจวางตำแหน่งแท่นครับ ส่วนทางบ.นำมันก็จะมีทีมสำรวจอยู่ไม่กี่คนหรอกครับแต่ไม่ได้ทำการสำรวจ แต่เอาไว้กันบ.รับเหมาสำรวจแหกตาน่ะครับ คือมีไว้ตรวจสอบมันอีกทีนั่นแหละ พูดง่ายๆ ให้วิศวกรอย่างพวกผมไม่ตรวจมันก็โดนมันแหกตาเอาเท่านั้นเอง



จบวิศวะไฟฟ้ากำลังที่ xxx เกรด 2.8 TOEIC 670 คือตอนนี้ทำงานอยู่บริษัท xxx ได้เงินเดือนประมาณ xx KB ประสบการณ์ 4 ปี อนาคตก้อน่าจะไปได้เรื่อยๆ งานมันชิวๆอะครับ (แอบเบื่อ - -")ผมสมัครเรียนที่ AIT สาขา OTM (Offshore Technology & Management) แต่ยังไม่ได้เริ่มเรียนอยากถามพี่ว่า

1) ควรไปเรียนดีไหม หรือว่าผมควรไปสมัครกับ บริษัทพวกนี้โดยตรงเลย เพราะถ้าเรียน ต้องใช้เงินประมาณ 500 KB ผมได้ทุนรัฐบาล 50 % (Total cost = 1 MB) และต้องเรียนประมาณ 2 ปี ผมอายุ 27 ปีแล้วด้วย


เรื่องของเรื่องคุณต้องดูที่จุดหมายในชีวิตคุณว่าคุณจะไปทำมาหากินอะไร คุณชอบทำอะไร แต่ถ้าคุณชอบด้วย มันก็ยิ่งดีใหญ่ อายุ 27 ก็เท่ากับผมเมื่อผมกลับจากเร่ร่อนขายแรงงาน กลับมาเรียนโทฯมธ. เรียนใหม่ก็ไม่เห็นแปลกที่อายุเท่านี้ ถ้าคุยเรื่องเงิน ถามว่าคุ้มไหม คุณจบวิศวฯก็ลองดีดลูกคิดดูว่าคุ้มไหม คิดว่าเป็นโครงการลงทุน 2.5 ปี (ตามอายุหลักสูตร ผมไม่รู้ว่าเท่าไร เผื่อไม่จบตามเวลาอีก 25% อิอิ) คุณรู้ตัวแปรหมดแล้วนี่ เงินเดือนปัจจุบัน + โบนัส + เงินเดือนขึ้น (ถ้าทำที่นี่ต่อไปไม่เรียน) ไม่ต้องคิดค่ากินอยู่ เพราะไงๆก็ต้องกินต้องอยู่ ไม่ว่าทำงานหรือเรียนจริงป่ะ ต้นทุนคุณก็รู้ 500KB ใช่ป่ะ ค่าเงินตามเวลา(time value of money)ไม่ต้องคิดหยุมหยิม โครงการระยะสั้นแบบนี้ไม่มีผลเท่าไร แต่คิดค่าดอกเบี้ยเงิน 500KB ด้วยนะ เพราะถ้าเป็นเงินเย็นไม่ได้กู้มาก็ต้องคิดค่าเสียโอกาสถ้าเอาไปทำอย่างอื่นตีซะ 4.5% ต่อปีก็ได้ (return กองทุนต่างๆ) ถ้ากู้มาก็คิดดอกเงินกู้ไปเต็มๆเลย เอ ... คุ้นๆว่าผมเคยคำนวนเป็นตุ๊กตาไว้ให้น้องคนก่อนที่ถามเรื่องนี้แล้ว ช่วยๆย้อนกลับไปดูข้างบนหน่อยก็ดี ตัวแปรอะไรที่ยังไม่รู้ อ้อ เงินเดือนคนในวงการถ้าจบใหม่จากที่นี่ใช่ป่ะ มันก็ตั้งแต่ 35K ไปยัน 50K แหละ เอาแบบชิวๆไปคำนวนก็สัก 40K ก็ได้ แต่มันขึ้นเร็วนะ ทำไปสัก ไม่ถึง 5 ปีย้ายงานสัก 1 ครั้ง ก็ขึ้น 6 หลักแล้ว (ถ้าไม่ทุเรศจนเกินไปนะ) คราวนี้คุณก็จะหาจุดคุ้มทุนได้ว่ากี่ปี ปล. ถ้าคุณจบวิศวแล้วหาจุดคุ้มทุนง่ายๆแค่นี้ไม่เป็น ผมจะไปฟ้องอ.คุณ อิอิ (ผมรู้จักคนเยอะนะจะบอกให้)

2) ผมเลือกเรียนด้าน subsurface engineering พี่คิดว่าเหมาะมั้ย เพราะผมจบไฟฟ้ามาไม่ตรงมันฉีกไปเลย แต่ว่าผมคิดว่าน่าจะหางานง่าย - -" อนึ่งกลัวว่ามันจะยากเกินไปมั้ย กลัวไปไม่ไหวเหมือนกัน หรือ ผมควรเรียนภาพกว้างๆอย่าง Oil and gas managment แบบไหนเหมาะกว่าครับพี่แนะนำหน่อยนะครับ

นี่ๆ คุณฉีกไปตั้งแต่คิดว่าจะมามือเปื้อนน้ำมันแล้วครับ (ผมเองก็จบไฟฟ้ากำลังเหมือนคุณแหละ) subsurface engineering vs. Oil and gas managment มันก็ดีไปคนล่ะอย่าง แต่ถ้าเลขและฟิสิกส์คุณไม่ไหวจริงๆมันก็น่ากลัวนะถ้าจะไปเรียน subsurface engineering ดูจากเกรดคุณผมว่าคุณเรียนได้นะ เอ้า สู้หน่อยซิน้อง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เรียนทุกอย่างที่อยู่ใต้ดิน ส่วน oil & gas management ก็ชัดในตัวครับ ผมไม่รู้ตลาดแรงงานด้านบริหารเท่าไร มันก็คงบริหารไปเฉพาะทางประมาณ IT management Hospital management education managemeet ฯลฯ เอา MBA ธรรมดาๆมาทำแทนก็คงไหว แต่ก็ต้องหัดเอาอีกหน่อยมัง ผมเดาเอาแบบคนรู้น้อยน่ะ แต่ในระยะยาว ก็น่าจะดีคือสบายเมื่อปลายมือ แต่ subsurface คงออกแนวๆวิศวกรรมจ๋า เงินเดือนช่วงแรกน่าจะดีกว่า เพราะเป็นที่ต้องการ

3) อนาคตหลังจากจบมาจะเป็นยังไงก้อคงอีกสองปีข้างหน้า ช่วยชี้แนะด้วยครับ ส่วนความฝันผม คือ อยากให้ครอบครัวอยู่อย่างสุขสบายอ่ะครับ ผมมาทางนี้ถูกแล้วใช่ไหมหรือว่ามันเสี่ยงไปกับสถานะผมตอนนี้

ไปดูในห้องสมุดของผม มีวิเคราะห์เรื่องอนาคตอุตสาหกรรมน้ำมัน ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะ ยังไปได้อีกไกลกว่าจะมีพลังงานทดแทนที่เป็นรูปธรรม อย่างน้อยก็รุ่นหลานผมแหละ ถ้าอยากให้ครอบครัวสุขสบาย ผมว่ามันคนล่ะเรื่องนะครับ เศรษฐกิจในครัวเรือนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสุขสบายในครอบครัวเท่านั้นนะครับ (อย่าหลงทาง) แต่ผมก็เข้าในคุณนะครับ ในฐานะคนที่ต้องรับผิดชอบปากท้องและค่าใช้จ่ายของครอบครัว อย่างน้อยมันก็ต้องมีพอกินแหละ มันถึงจะสุขสบายได้ เอาว่า คุณเรียน subsurface เถอะ อย่าไปเป็น management และ แล้วค่อยไปเรียน MBA ะรรมดาๆภาคค่ำอีกใบ ปีครึ่งก็จบแล้วใบนั้น ชิวๆ คราวนี้คุณก็รู้เรื่องบริการ + เทคนิค ซำบายๆ

ไม่รู้ว่าผมตอบคำถามคุณบ้างหรือเปล่า ... โชคดีนะครับ
ได้เรียนแล้วเป็นไง อย่าลืมเล่าสู่กันฟังนะครับ



อยากทราบชีวิตการทำงานในแบบนี้อ่ะครับ ไม่ทราบว่าจะมีปัญหากับครวบครัวมั้ยครับ เพราะว่าต้องออกไปทำงานไกล แล้วพี่มีวิธีจัดการยังไงไม่ให้มีปัญหาครับ รบกวนขอเคร็ดลับหน่อย WorK-Life Balancing ^^

ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล <== คลิ๊ก

ไปอ่านดูข้างบน เผื่อจะได้ไอเดียบ้าง

ก. ถ้ายังไม่มีแฟน หรือ ยังไม่แต่งงาน อันนี้ง่ายหน่อย คือ เลือกคนที่เขารับชีวิตแบบนี้ได้(ซิว่ะ)

ข. ถ้าแต่งไปแล้ว ก็ต้องขออนุมัติก่อน ถ้าไม่อนุมัติก็ยากหน่อย มีเคือง แต่ไม่น่ามีปัญหา เคล็ดลับคือ ทำให้เขาเชื่อใจ(ซิว่ะ) ทำให้เชื่อใจไม่ยาก แค่ทำให้เนียน เอ๊ย แค่พูดคำไหนให้เป็นคำนั้น บอกไปกับใครไปไหน ไปกี่โมงกลับกี่โมง ตรงเวลาที่บอก ชิวๆ ... ถึงปลายทางแล้วโทรฯรายงานตัว จ๊ะจ่า นิดหน่อยก็สบายแล้ว เดี๋ยวนี้มีไฮสปีดเต็มไปหมด ลงทุนโน้ตบุ๊คตัว กล้องตัว msn เห็นหน้าเห็นตา สบายมาก หายเงี่ยน เอ๊ย หายเหงา ฮ่าๆ เอาน่า พูดเล่นให้สบายใจ ไม่มีปัญหาหรอก ส่วนมากมันขึ้นกับพฤติกรรมกับประวัติศาสตร์(และเวรกรรม)ที่คุณมีมา(และทำไว้)กับเธอมากกว่า เวลากลับจากทะเลก็ต้องให้เวลาลูกเมียเต็มที่ อาจจะกันเวลาตัวเองนิดหน่อย สัก 2-3วัน ไปเมากับเพื่อน ไปซื้อของ หรือ ทำงานอดิเรกบ้าง คนเรามันต้องมีเวลาส่วนตัว จริงไหม ตกลงกันให้เรียบร้อย อย่างที่ 21/21 ก็คุยกันเลย ใน 21 วันที่พัก ฉันขอ 4 วัน อีก 17 วันให้เธอกับลูกเต็มๆ ตัวอย่างเฉยๆนะ ไปแบ่งเวลากันเอาเอง เงินทองก็เปิดเผยกันหน่อย ได้อะไรเท่าไร ผู้หญิงเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากให้เราจริงใจด้วยเท่านั้นเอง ... เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ อาแมน



ตอนนี้ผมรอทุนจากบริษัทที่ร่วมโครงการกับ AIT อยู่อ่ะครับคือเป็นทุน 100% เรียน 1 ปี + ฝึกงานต่างประเทศ 3 เดือน เช่น PTTEP,Chevron,Pearl Oil etc. อยากทราบว่าถ้าเขาเรียกสัมภาษณ์พี่มีแนะนำที่ลิ้งตรงไหนมั้ยครับ คือแบบว่าจะไปขอทุนเค้าต้อง ทำยังไงมั่ง หรือว่าคำถามที่น่าจะถาม รวมถึงคำตอบที่ควรตอบ อะไรแบบนี้อ่ะครับ ประมาณว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

จะไปขอทุนเค้าต้อง ทำยังไงมั่ง ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จซิครับ เอ๊ย ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ทุนแด่น้องผู้หิวโหย ผมว่าไอ้ครึ่งหนึ่งที่คุณควรทำ คุณกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว เพราะมันเป็นอดีต นั่นคือ "เกรด กับผลงานต่างๆในหน้าที่การงานที่แสดงถึงความพยายามประสบความสำเร็จของคุณ" แต่นั่นแปลว่าอะไรครับ แปลว่า คุณสามารถทำวันนี้ให้ดี เอาไว้ใช้หากิน ใช้ขอทุนหรือขอโอกาสอย่างอื่นได้ในอนาคตใช่ป่ะ เพราะปัจจุบันมันก็คืออดีตของอนาคต (งงป่ะ) คล้ายกับทำความดีกับแฟนตุนไว้เยอะๆ เวลาเราพลาด(ในอนาคต)จะได้ยก(ลำเลิก)มาใช้ขอโอกาสกลับตัวได้ไง อิอิ

เอาล่ะครึ่งนึงคุณแก้ไขไม่ได้ ก็ช่างมัน มาสนใจอีกครึ่งนึงดีก่า คุณต้องเตรียมตัวให้ดีว่า คุณรู้จักมักจี่กับงานที่คุณจะทำ จะขอทุนไปเรียนเพื่อจะทำในอนาคต โดยมากบ.ที่ให้ทุนมักจะผูกมัดตกเขียวคุณไว้เลย เพราะเขาขาดคนที่มีความรู้ด้านนั้น ข้อดีคือ คุณเรียนฟรี มีงานทำแน่นอน ประกันอนาคตถ้าตลาดน้ำมันเปลี่ยนไป ข้อเสียคือ ถ้าตลาดน้ำมันราคาขึ้น ค่าแรงขึ้นคุณก็หมดโอกาสเร่ขายตูดเอ๊ยขายตัว อย่างน้อยก็ในช่วงระยะปีที่ผูกมัดกันเอาไว้

คราวนี้คิดถึงใจเขา(บ.ที่จะให้ทุน)ใจเรา เขาต้องการคนแบบไหนที่จะให้ทุน ถ้าคุณเป็นผจก.ฝ่ายให้ทุน(มีสิทธิ์เลือกคนรับทุนและรับผิดชอบผลที่ตัวเองเลือก) คุณจะเลือกคนแบบไหนที่เลือกไปแล้ว VP human resource ไม่โซ้ยตูดคุณ หรือเรียกคุณไปด่าทีหลัง ...

1. ข้อแรกเลย มันต้องมีปัญญาเรียนให้จบ แล้วตูจะไปรู้ได้ไงว่ะ ดูจากผลการเรียนรวมที่ผ่านมาของมันซิ อันนี้คุณก็กลับไปแก้ไม่ได้ ไม่แฟร์นี่หว่า เกรดเฉลี่ยมันรวมวิชาที่ไม่เกี่ยวด้วย พอดีตอนนั้นมาวไปหน่อย เกรดไม่สวย แต่เขาก็ดูเกรดรายวิชาได้นี่นา ถ้าไม่มีวิชาเกี่ยวเนื่อง เขาก็ดูวิชาหลักในสายวิชาที่คุณเรียนมาก็ได้ เพราะถ้ามันเรียนไฟฟ้ากำลังแล้ววิชาไฟฟ้ากำลังเพียวๆมันจะทำไม่ได้ดีเลยแล้วมันจะไปอะไรกิน อะไรแบบนี้ (วิชาอื่นอ้างได้ว่าตูไม่ชอบนี่นา เลยเกรดไม่ดี)

2. ข้อต่อมาสำมะคัญไม่น้อยไปกว่าปัญญา หรือ กำลังสมอง นั่นคือ คุณมีจิตใจและความมุ่งมั่น ที่จะไปต่อให้จบไหม อันนี้ก็ดูจากประวัติและสัมภาษณ์ได้ ทำงานอะไรนานๆ ทนฝ่าอุปสรรคอะไรได้ไหม เคยล้มเลิกแผนงานอะไรโดยไม่มีเหตุสมควรหรือเปล่า

เขาไม่ถามตรงๆหรอก อาจจะถามอ้อมๆ ระวังให้ดี ประมาณว่า เอ๊ะ ทำไมทำงานที่นี่ได้แค่ 6 เดือนเอง ทำไมออก ถ้าคุณให้เหตุผลว่า ไม่ชอบไม่คิดว่างานเป็นแบบที่เข้าใจไว้ เขาก็สวนเปรี้ยง(ในใจ)เข้าให้ว่า ไม่รู้จักทำการบ้าน แบบนี้ตูให้ทุนไป มิแย่หรือ

... ครอบครัวเป็นไง ตอนเรียนจะเอาเงินที่ไหนส่งค่าเทอมลูก ค่าเทอมกิ๊ก เขาอาจจะถามถึงตรงนี้ ถ้าเราไม่เตรียมตอบไว้อย่างกระจ่างใสชัดแจน เขาอาจจะไม่มั่นใจว่าคุณจะเรียนได้จนจบเพราะต้องออกมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวซะก่อน

หรือประเภทอกหักแล้วทำอะไรไม่เป็น เขาอาจจะถามอะไรที่ดูไม่เกี่ยวเลย เช่น มีแฟนไหม คบมานานหรือยัง เมื่อไรแต่ง ทะเลาะหนักๆกันบ่อยไหม แล้วทำไงตอนทะเลาะกัน มีงานอดิเรกไหม ถ้ากลุ้มๆหรือเครียดทำอะไร ระวังคำถามที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวให้ดี

บางทีก็แกล้งโดนกวนตีนกดดันซะงั้นแหละ ดูว่าเราจะโดนดูถูกได้ไหม มันเหมือนไป audition คัดตัวดารานั้นแหละ ต้องหัวไว้คิดไว มองข้ามช๊อต นึกให้ออกว่าคำถามนั้นจริงๆแล้วจุดประสงค์ของคำถามคืออะไร

3. จบแล้วมันจะเป็นคนทำงานได้หรือเปล่า หรือมันเก่งแต่เรียน ทำงานไม่เป็น ตรงนี้จะเป็นเหมือนสัมภาษณ์รับคนทำงานไปในตัว 2 in 1 เพราะให้ทุนแล้วก็ต้องรับคุณทำงาน ดูว่าทำงานเป็นทีมได้ไหม หัวไวไหม เข้ากับคนได้ไหม ไม่ใช่เดินไปทางไหน วงแตกฮือ อยู่ก๊วนไหนหัวหน้าก๊วนตายเรียบทุกที (คุกไหมตู จะไปการเมืองเรื่อย ฮ่วย)

คำถามที่น่าจะถาม ทุนนี่ผูกมัดไหม มัดแน่นแค่ไหน กี่ปี จบแล้วให้ไปทำงานอะไร ที่ไหน ถ้าต้องใช้ทุนทีหลังกี่บาท ถามแบบนี้ไม่ได้แปลว่าเราเล็งใช้ทุนแล้วชิ่ง มันแปลว่าเรารอบคอบ(โว้ย) คนที่ไม่ถามนะซิ คนที่สัมภาษณ์จะมองว่า อะไรกัน ไม่รู้จักคิด เงื่อนไขระหว่างเรียนเป็นไง เช่น เกรดห้ามต่ำกว่าเท่านั้นเท่านี้กี่เทอม หรือ เทอมเดียวกลับบ้าน ไปเลย

จำไว้อย่างว่า คนที่ไม่รู้จักรักษาสิทธิผลประโยชน์กันชอบธรรมให้ตัวเองแล้ว คนนั้นไม่มีวันที่จะดูแลพิทักษ์ผลประโยชน์อะไรให้บ.หรอก ประมาณว่า ถ้าตัวมันเองมันยังไม่รักไม่ดูแล แล้วมันจะไปรักไปดูแลแมวที่ไหนได้

คำตอบที่ควรตอบ ไม่รู้แฮะ ตอบให้เขามั่นใจว่าตูไปรอด เรียนจบทำงานให้พระคุณท่านได้แน่ๆ ทุกเรื่องเป็นเรื่องรอง ผมเตรียมแผนไว้หมดแล้วระหว่างเรียน ทั้งการจัดแบ่งเวลา จัดสรรเงินทองให้ตัวเองเรื่องการเรียน ให้ลูกเมียและกิ๊ก

ให้เขาเห็นว่าเราเป็นคนมีระเบียบแบบแผน วางแผนล่วงหน้าในชีวิตอนาคต มีแผนสำรอง แผน1 แผน2 ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นล่ะจะทำไง หยิบยืมใครได้ เปิดวงเงินกู้โอดีเตรีมวไว้ หรือ เตรียมขอยืมพ่อแม่พี่น้อง ฯลฯ พูดง่ายๆว่า ให้เขาเห็นว่าเราเป็น man of the plan

ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง กินอิ่ม นอนหลับ เซ่นไหว้บรรพบุรุษ (เกี่ยวป่ะเนี่ย) แต่งตัวดีๆ อย่าให้มีกลิ่นปาก นั่งอย่าสุดเก้าอี้ อย่าพิงพนัก หลังตรง ไม่อนุญาติหรือเชิญให้นั่ง อย่านั่ง อันนี้ทั่วๆไปน่ะ

จริงจังหน่อยก็ได้ คุณต้องทำการบ้านไปให้ดีว่า บ.เขาทำมาหากินอะไร จบ.ปริญญานี้แล้วไปทำอะไรให้เขาได้ ในส่วนไหน ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่รู้ คนสัมภาษณ์คุณก็อาจจะยังไม่รู้หรือรู้คร่าวๆเพราะมันตั้งปีครึ่งข้างหน้าโน้น แต่ก็ต้องมีความน่าจะเป็นล่ะ ไม่ใช่ว่าให้ทุนเรียน subsurface แล้วเอาคุณไปนั่งปั้นหม้อหรือขับเรือ มันก็ไม่ใช่ ใช่ป่ะ

มันก็มีไม่กี่อย่างหรอก ไม่ขุดหลุม (well construction) ก็ติดตั้ง platform อันหลังนี่ผมไม่ทราบ เพราะไม่เคยทำ แต่ถ้า well construction คุณไปดาวโหลด 8 บทในห้องสมุดผมมาพิมพ์แล้วฉีกต้มน้ำอ้อยกิน 3 เวลาหลังอาหาร ได้เลย รับรองกระจ่างเรื่อง well construction อย่างน้อยคุณก็รู้แง่นึงล่ะ คนสัมภาษณ์อาจจะประทับใจก็ได้ว่าไอ้นี่รู้จักทำการบ้าน ใส่ใจ

จำเรื่องปัจจัยที่จะประสบความสำเร็จในน่าที่การงานได้ป่ะ แสดงให้เขาเห็น มี 4 อย่าง ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ไปหาความหมายเอาเอง เอาเคยเอาไปนำเสนอเป็นเคล็ดลับการทำงานให้ฝรั่งฟัง มันปรบมือกันใหญ่ งงว่าผมไปเอามาจากไหน เพราะผมย่อเป็น LCDs มันก็ไอ้ 4 ข้อนี่แหละ ตูรู้มาตั้ง 2552 ปีแล้ว Harvard business school ของยูน่ะ จิ๊บๆ

นอกเรื่องไปไกลเลย จะบอกว่า ให้เขาเห็นว่าเรา เอาจริง มานะพยายาม และ มีแผนมีศักยภาพที่จะไปให้ถึง คือเลือกให้ทุนผมแล้วนายคุณไม่มาโซ้ยตูดคุณที่หลัง แถมเลื่อนตำแหน่งให้คุณอีกต่างหาก

อ้อ ดูวิชาที่จะเรียนไปด้วยว่ามีเรียนกี่วิชาอะไรบ้าง ปีไหน คร่าวๆวิชาเหล่านี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร ถ้าไปหาหนังสือมาอ่านคร่าวๆพลิกๆดูได้จะดีมาก อย่าลืมบอกคนสัมภาษณ์ด้วยล่ะว่าผมไปอ่านดูมาแล้ว เรียนนั่นเรียนนี่ ไม่ยาก ผมพอเข้าใจได้สบายมาก

จบดีกว่า ยาวแล้ว



เนื่องจากบางทีผมอาจจะติดธุระไม่สามารถ ตอบทางนี้ หรือ แม้แต่จะเข้าเว็บดูบล๊อกตัวเอง ดังนั้นสำหรับคำถามที่จะต้องเอาไปใช้ในการสัมภาษณ์งานควรโพส์ตไว้ล่วงหน้านิดนึงนะครับ ระบุวันที่ต้องไปสัมภาษณ์ได้ก็จะดี เพราะผมจะได้ตอบให้ก่อนในกรณีที่มีเข้ามากันทีเดียวหลายๆคำถาม (Prioritization) ถ้าทิ้งเบอร์ติดต่อกลับไว้ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าผมเปิดเจอแล้วคุณต้องไปสัมภาษณ์พรุ่งนี้ ผมคงตอบไม่ทันคุณอ่านแน่ๆ ผมจะได้โทรฯไปคุยด้วยเลย แต่ถ้าไม่ด่วนอะไรผมก็จะใช้ช่องทางนี้สื่อสารกันก็แล้วกันนะครับ

อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12 FAQ #13

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว


Create Date : 11 มิถุนายน 2552
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:45:35 น. 21 comments
Counter : 2743 Pageviews.

 
ผมแวะ มาหาครับ ผมคยที่เคยบอกว่าจะเรียนที่ AIT ตอน ป.โท น่ะครับ ตอนนี้ขึ้นปี 4 แล้ว พยายามทำเกรดอยู่ครับ ไว้มีปัญหาอะไรจะเข้ามารบกวนนะครับ


Ps. ขอให้พี่และครอบครับมีความสุขมากๆ ครับ ขอบคุนมากๆ สำหรับคำแนะนำ ครับ


โดย: Pongpatch IP: 124.121.90.18 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:19:53:11 น.  

 
รบกวนอีกทีครับ เผอิญ ผมจะ Download ตำราต่างๆ ในห้องสมุดน่ะครับ แต่หลังจากโหลดเส็ดแล้ว มันเปิดไม่ได้น่ะครับ รบกวนพี่ช่วย check ให้หน่อยนะครับ มีแค่ file Oil เท่านั้นที่ดูได้


โดย: Pongpatch IP: 124.121.90.18 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:20:02:36 น.  

 
ติดตามอ่าน FAQ ครับ
น่าสนใจริงๆ


โดย: ติดตาม IP: 202.28.25.69 วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:15:31:36 น.  

 
ตอบคุณ Pongpatch
ผมลองดาว์โหลดเองก็ได้นี่ครับ เดี๋ยวจะลองใหม่อีกที เอางี้ไหมครับ ขออีเมล์หน่อยซิครับ ผมจะจะแนบไฟล์ไปให้เลย ชัวร์ดี ส่งอีเมล์เปล่ามาที่ nnookk@hotmail.com ก็ได้ครับ


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:10:10:29 น.  

 
ตอนนี้ ผม Download file และ สามารถเปิดได้แล้ว ครับ


Ps. ขอบคุนมากๆ ครับ


โดย: Pongpatch IP: 192.168.4.56, 58.137.54.56 วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:11:13:48 น.  

 
ขอโทดครับ เผอิญ โหลดแล้วเปิดได้แค่ Chap 3 น่ะครับ ไว้ผมจะส่ง e-mail เปล่าไปให้นะครับ


โดย: Pongpatch IP: 192.168.4.56, 58.137.54.56 วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:11:16:38 น.  

 
อยากให้พี่วิเคราะห์โปรไฟล์ให้หน่อยค่ะ ว่ามีโอกาสได้สัมภาษณ์งานกับบริษัทด้าน E&P บ้างไม๊? เนื่องจากสมัครงานไปเยอะมากกับบริษัทน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น Service Company หรือ Oil Company แต่มีเรียกสัมภาษณ์แค่ที่เดียว แล้วก็ไม่ได้ด้วย เนื่องจากเตรียมตัวไปไม่ดี ตกรอบสอง (น่ากระโดดถึบหน้าตัวเองนัก) ตอนนี้ทำงานกับบริษัทที่ไม่ใช่ด้านน้ำมันอยู่ค่ะ แต่ไม่ค่อยชอบเลย ใจมันอยากจะอยู่แต่ที่แท่น ตากแดดตากลม รู้ตัวว่าเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ แล้ว โปรไฟล์ตัวเองต่ำมาก แต่ก็ไม่น่าจะต่ำขนาดจนไม่มีบริษัทเรียกสัมภาษณ์เลย


จบป.โทด้านวิศวกรรมปิโตรเลียมโดยตรง
แต่เกรดไม่ถึง 3.10 จบป.ตรีด้านวิทยาศาสตร์เคมี จากพระจอม TOEIC 840
ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงาน เรียนอย่างเดียว

พอจะมีใครสนใจบ้างไม๊คะ? (น้อยใจนะ)


โดย: ชีวิต IP: 58.9.42.65 วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:19:52:02 น.  

 
ตอบคุณ ชีวิต

ดูจากข้อมูลเบื้องต้น ต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่างแล้วล่ะครับ ยังไงมาหลังไมค์ดีกว่าครับ ส่ง CV กับ จม.สมัครงาน ที่ใช้สมัครไปที่ว่าเยอะๆมาให้หน่อยครับ ทางอีเมล์นะครับ nnookk@hotmail.com


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:20:11:05 น.  

 
ส่งเมล์ไปให้พี่แล้วนะคะ
ถ้าไม่ได้รับยังไง พี่มาตอบไว้ที่บล็อกก็ได้ค่ะ

จะเข้ามาดูบล็อกพี่บ่อย ๆ ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ


โดย: ชีวิต IP: 125.27.35.186 วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:16:33:48 น.  

 
คุณชีวิตครับ ผมยังไม่ได้เลยครับ (28/6 11:40) ไม่ทราบว่าใช้อีเมล์ว่าอะไรครับ


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:11:41:46 น.  

 
รู้แล้วว่าทำไม พี่ไม่ได้รับ

ตอนนี้คงได้รับแล้วนะคะ

(28/6 21:18)


โดย: ชีวิต IP: 58.10.9.212 วันที่: 28 มิถุนายน 2552 เวลา:21:18:48 น.  

 
คุณชีวิตครับ ดีกว่าผมอีก ผมยังไม่มีใครเรียกเลย เห่อๆ

แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ ผมเชื่อว่าผมจะต้องได้เหยียบแท่นสัก

วันแน่นอน


โดย: chance hunter IP: 192.168.182.29, 58.8.146.254 วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:35:23 น.  

 
แอบส่งเมล์ไปถามคุณพ่อน้องเฟิร์นนะครับ รบกวนหน่อยกะลังตัดสินใจอยู่ครับ ขอบคุงนะคับ

nutyazz@hotmail.com

ปล.โชคดีมากที่ผมเจอคนแบบพี่ ใจดีจิงๆ


โดย: Nut@Yazz IP: 110.49.51.172 วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:47:47 น.  

 
"แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ ผมเชื่อว่าผมจะต้องได้เหยียบแท่นสักวันแน่นอน"

ชื่นชมคุณ chance hunter นะครับ

"ทางพันไมล์ เริ่มต้นที่ก้าวเดียว"
A journey of ten thousand miles begins with one step
คำขวัญส่วนตัวของผมเวลาที่ต้องเผชิญอะไรที่(ดูเหมือน)เป็นไปไม่ได้

สู้ๆนะครับทุกๆคน


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:31:28 น.  

 
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณมากๆครับ สำหรับความรู้ และ ความฮามากมายที่ได้จาก คุณพ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร ทีนี้ก็ขอรบกวนถามว่า
1.ตอนนี้ผมอายุ 32 ครึ่งแล้ว ช้าไปไหมครับที่จะเริ่มงานบนแท่นขุดเจาะ
2.จบ อสบ.ไฟฟ้ากำลัง มศว.เกรด 2.78 ทำงานด้าน Automation ,การออกแบบและติดตั้งทางไฟฟ้ามา 7 ปีครับ ที่บริษัทปัจจุบันที่เดียวครับ ภาษาอังกฤษ พอใช้ (กำลังจะไปสอบ Toeic อยู่ครับ) ด้วยวุฒิ และ ประสบการณ์ดังกล่าว พอจะมีโอกาสเข้าไปในตำแหน่งไหนบ้างครับ
ขอขอบคุณล่วงหน้าที่ตอบคำถามนะครับ ขอให้ คุณพ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร และครอบครัวมีความสุขนะครับ
ขอบคุณครับ


โดย: bank IP: 58.10.93.196 วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:22:26 น.  

 
ตอบคุณ bank

ไปที่ FAQ#8 นะครับ ล้นบล๊อกอีกตามเคย


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:43:06 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่แบ่งปันนะครับ
ผมเพิ่งได้ลงวงการน้ำมัน มา 8 เดือน
เริ่มทำเมื่ออายุ 30 ปี
เพิ่งพันเทปพันเกลียวถูกวิธีก็ที่นี่แหละ
เด็ก 25 สอนให้

เรียนงานเหงื่อ
เหงื่อออกมาก รู้มาก






โดย: joke IP: 222.123.180.122 วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:0:58:52 น.  

 
ถึงคุณที่อยากทำงานแท่นนะครับ

ไม่ต้องคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวนะครับ

มันอยู่ความพยายามจริงจริง

ลองหาข้อมูลดู แล้วลองสมัคร

อายุหรือประสบการณ์ อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่รับคุณ

แต่ถ้าคุณไม่ยื่นสมัครไม่ได้แน่นอนครับ

เห็นมีคนท้อหลายคน

ลองเข้าเวบ //www.expetroleumhatyai.com

มีงานเยอะครับ



โดย: joke IP: 114.128.152.5 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:18:22:35 น.  

 
ขอบคุณ คุณ joke มากๆครับ สำหรับคำแนะนำและกำลังใจครับ ผมคุ้นๆว่ามีกลุ่มคนที่ทำงานด้านนี้ที่หาดใหญ่ เพิ่งเจอเว็บไซด์นี่แหละ ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวจะเอาลิงค์ไปไว้ในห้องสมุดของผม (ไม่ลงทุนหาอีกตามเคย อิอิ)

ชื่นชมทัศนคติคุณ joke นะครับ เรียนงานเล็กๆกับเด็กรุ่นน้อง ได้อย่างไม่เคอะเขิน และชอบที่บอกว่า "เหงื่อออกมากรู้มาก" ชีวิตบนนั้นมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ สรรพวิชาที่ผมได้มาก็ roughabout roughsneck นั่นแหละเป็นครู


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:21:19:15 น.  

 
ขอส่ง CV.ให้คุณพ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทรช่วยดูและให้คำแนะนำด้วยครับ


โดย: Ton IP: 125.27.95.108 วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:39:06 น.  

 
ตอบคุณต้น - ส่งมาเลยครับ ที่ nnookk@hotmail.com


โดย: พ่อน้องเฟิร์นและน้องภัทร (Nong Fern Daddy ) วันที่: 15 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:50:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.