วีรกรรมประถมปลาย กับโรงเรียนใกล้บ้าน ภาคสาม
ภาคนี้ก็เป็นเรื่องราวภาคสุดท้ายแล้ว กับวีรกรรมสมัยประถมปลายของเรา จริงๆ ก็มีเด็ดกว่านี้อีกนะ แต่มันเสี่ยงกับความมั่นคงของตัวเอง ก็เลยต้องตัดอกตัดใจคัดออกน่ะ เราว่าที่เราจะเล่าต่อไปนี้ ก็เด็ดสำหรับรุ่นเราแล้วล่ะ
ลงเรือน้อยลอยวน
เรื่องนี้มีอยู่ว่า พวกเราได้มีโอกาสเรียนวิชาช่างไม้ และงานปั้น ซึ่งได้รับความเอื้อเฟื้อสถานที่จากคณาจารย์ในสถาบัน แล้วก็เรียนหล่อพิมพ์ทำงานเซรามิกซ์ คราวนี้ที่อาคารเรียนก็จะมีสระบัว...เรื่องราวมันก็เลยเกิดขึ้น สระบัวมีสะพานเล็ก แล้วก็มีดอกบัวสาย...ซึ่งเค้าว่ากันว่า ถ้าสระไหนที่เลี้ยงบัวสายได้ สระนั้นจะค่อนข้างลึก เราก็มีความเชื่ออย่างนั้น แต่ไม่วายลงไปพายเรือเล่นกัน แล้วเรือเค้ามีไว้ให้เหรอ ทำไมเค้าเสี่ยงจัง ทิ้งเรือไว้ให้เด็กเล่น.... โปรดอย่าเข้าใจเขาผิดๆ อันนี้ร้องเป็นเพลงเลย ความจริงแล้ว เรือมันไม่ได้อยู่แถวนั้นหรอก แต่พวกเพื่อนๆ ของเรามีความพยายามมาก ย้ายเรือพาย ที่อยู่ในหนองนกเป็ด มาประจำไว้ที่สระบัว ที่อาคารเซรามิก ไกลไม่หยอกเลยแหละ พวกเราก็พายเล่นกันอย่างสนุกสนาน จากสนุก ก็กลายเป็นคะนอง...เป็นอันว่าจะพายเข้าเทียบที่ตรงไหน ก็จะถูกมือดี เรียกว่าตีนดี จะถูกกว่า ถีบหัวเรือส่งออกมา เป็นเหตุให้เรือล่ม จี๋โดนงูกัด มุกตัวเปียก ...ต๊อกต้องเป็นหมดจำเป็นฉีดยากันบาดทะยักให้จี๋ วันนั้นอลหม่านกันไปหมด
เซรามิก, น้ำสลีฟ และครูฝึกสอนผู้น่าสงสาร
คิดแล้วก็รู้สึกสงสารครูฝึกสอนคนนั้นยิ่งนัก ไม่รู้ทำกรรมอะไรไว้เลยได้มาสอนพวกเรา แล้วพวกเรามันก็ไม่ธรรมดากันอยู่แล้วน่ะนะ ในคาบเรียนครูก็แนะนำถึงดินที่จะเอามาเทในแบบพิมพ์ว่า เค้าเรียกกันว่าน้ำสลีฟ เค้าจะเอาชิ้นงานที่ไม่ดี แล้วยังไม่ได้เผาเนี่ยะ มาแช่ไว้ในอ่าง แล้วคงมีการเติมสารอย่างอื่นด้วย แต่ครูเค้าไม่ได้พูดถึง แล้วอยู่มาวันนึง พวกเราก็มาเล่นที่โรงเรียนกัน แล้วก็มีความคิดว่าทำไมพวกเราไม่มาทำงานกันต่อละ เทพิมพ์ไปได้ซักพัก น้ำสลีฟก็หมด ... ด้วยความร้อนวิชาพวกเราก็จัดการทำน้ำสลีฟเอง... มันก็ไม่ได้มีอะไรมากอะนะ แค่เอาดินมาเช่น้ำ ก็ครูเค้าบอกแค่นี้ก็แค่นี้ แต่ก่อนที่อะไรๆ มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ...อาจารย์ผู้ใหญ่ ผู้ปราบมาร ก็เข้ามาที่ตึก แล้วถามว่าใครเปิดประตูให้ ...ใครอนุญาตให้เข้ามา ใครสอน ครูคนนั้นเลยซวยไป เพราะพวกเราอ้างชื่อของครูด้วยความภูมิใจว่าตัวเองเป็นศิษย์มีครู โดยไม่ได้สำเหนียกเลยแม้แต่นิดว่า ตัวได้นำมาซึ่งความเดือดร้อนให้ครูซะแล้ว...
เกาเสื่อเพื่อกลบเสียง...จากอวัยวะเบื้องล่าง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อพวกเราต้องไปเข้าค่ายลูกเสือกันที่ค่ายหนองจิก... สนุกปนน่ากลัว ที่น่าประทับใจสุดๆ สำหรับเรา คือ พ่อกับแม่เราขนของเข้าไปเยี่ยมแบบออกนอกหน้า...ขนขนมมาเพียบ แล้วก็ผ้าห่มแบบกลัวว่าลูกชั้นจะหนาวตาย อะไรประมาณนั้นน่ะ เอ้า จะออกนอกเรื่องอีกแล้ว...แบบว่ามันต้องมีกันบ้างใช่ม้า ต่อเลยนะ พอตกกลางคืน เค้าก็มีการแยกโซนนอน เด็กผู้หญิงนอนฝั่งนึง เด็กผู้ชายอีกฝั่งนึง...และแล้วความลับของต่ายขาวก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไปเมื่อบาสเพื่อนรักได้เอามาแฉ...อยากฟังกันแล้วใช่ม้า สองมือล้วงกระเป๋า สองเท้าก้าวเข้ามาเลย... คืนนั้นเป็นคืนที่ค่อนข้างจะหน้า ...บาสนอนไปสักพักก็ได้ยินเสียงเกาเสื่อดังแกรก แกรก... ดังมาจากไหนหว่า ฟังดีๆ แล้วก็เลยรู้ว่ามาจากเพื่อนรักที่นอนอยู่ถัดกันนี่เอง อยากจะสะกิดถามใจจะขาดว่ามึงเกาทำไมวะ...แต่แล้วความจริงก็ฟ้องออกมา เสียงตดที่ดังแทรกออกมาจากเสียงเกาเสื่อ หรือจะพูดให้ฟังง่ายๆ ก็คือ ต่ายเกาเสื่อมาตั้งนาน แต่พอตด ดันหยุดเกา เพราะมัวแต่ลุ้นเสียงที่จะดังออกมา เรื่องมันก็เลยแดง... ล้อกันไม่เลิกเลย เอากลับไปล้อจะยังจำได้อยู่มั้ยน้าาาาา
ลาวกระทบไม้
อันนี้น่าจะตอนอยู่ป.หก โรงเรียนของเราก็ได้รับเกียรติจากสถาบันแม่อีกแล้วครับท่าน เค้าให้ส่งการแสดงเข้าร่วมใน งานวันเด็ก...การแสดงในวันนั้นคือลาวกระทบไม้ ไอ้เราก็คาดหวังกันอย่างเต็มที่เลยว่าเราน่าจะได้รำกับเค้าด้วย...แต่หลายๆอย่างในชีวิต มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิดเสมอไป พูดง่ายๆ ก็คือว่า เราได้ร่วมการแสดงจริง แต่เป็นคนนั่งกระทบไม้ สงสัยว่าหน้าตาเราคงลาวไม่พอ (ไม่ได้รำ แล้วพาลครับท่าน) ...การการแสดงนี้คือ รำลาวกระทบไม้นี่นา คิดดูสิ ว่าเด็กตัวเล็กๆ อย่างเราจะรู้สึกน้อยใจขนาดไหน ที่ในห้องมีคนเรียนยี่สิบเอ็ดคน หญิงสิบคน...เค้าให้เรากับจี๋กระทบไม้ คู่กับเจมส์ แล้วก็ใครอีกคนเราจำไม่ได้แล้ว เราก็กระแทกไม้ซะแรงเชียว แบบว่าพาลน่ะ คิดถึงตอนนั้นแล้วเสียวแทนนะ ถ้าแบบว่ากระทบพลาดเนี่ยะ คงตาตุ่มแตกกันล่ะ แต่โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรไป กาแสดงก็เลยสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
กว่าเราจะว่ายน้ำเป็น
เท้าความก่อนว่า ก่อนหน้าที่เราจะว่ายน้ำได้เก่งเหมือนปัจจุบันนี้ เราก็ได้ไปเรียนกับโรงเรียนเมื่อตอนป.สี่ แต่ดันกระโดดลงไปในส่วนที่ค่อนข้างลึก กินน้ำไปหลายอึก...กว่าจะทะลึ่งขึ้นมาจับขอบสระได้ แล้วหลังจากวันนั้นเราก็รู้สึกขยาด บอกพ่อว่าไม่ไปว่ายน้ำแล้วนะ พ่อก็บอกว่าจะหาครูสอนให้...แต่เราก็ยังดื้อ ไม่เอา สุดท้ายก็ยกเลิก พอจะหัดช่วงป.สี่ขึ้นป.ห้า เราก็ดันป่วยเป็นคางทูมควบกันกับคออักเสบ ทำให้เราต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้านตลอดช่วงปิดเทอมสามสัปดาห์ สรุปง่ายๆ ก็คือ งวดนั้นเพื่อนบ้านทุกคนก็ว่ายน้ำกันเป็นหมด ยกเว้นเราคนเดียว แต่เราก็ไปว่ายน้ำที่สระพละ อยู่นะ แบบงูๆปลาๆ น่ะ ท่าแรกที่ว่ายได้รู้สึกว่าจะเป็นกบแบบเขียดน่ะ หัดเองก็อย่างเงี้ยแหละ ต้องทำใจหน่อย ในที่สุดเวลาที่เราว่ายน้ำได้จริงก็มาถึง...ช่วงปิดเทอมป.ห้า เราก็ได้สมัครเรียนอีกครั้งนึง งวดนี้เราเป็นพี่ชั้นโตที่สุด น่าอายจริงๆ พี่ป. ห้า เรียนว่ายน้ำกับน้องสี่ขวบ...แต่ก็ดีนะ มันเป็นแรงฮึด น้องทำได้ เราก็ต้องทำได้ แล้วก็โชคดีด้วยที่ได้ อ.สิงห์ ...สอนแบบตั้งใจ เราก็เลยว่ายน้ำเป็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วเกมส์ที่พวกเราชอบเล่นที่สุดคือ เก็บหิน หมาเน่าลอยน้ำ แล้วก็เล่นเป็นจระเข้ ค่อยๆ ไหนเอาหัวดิ่งลงสระ สนุกดี
เรื่องราวสมัยประถมจบลง ... แต่เรื่องราวมัธยมกำลังจะเริ่มขึ้น ... อย่าลืมติดตามล่ะ
Create Date : 24 ตุลาคม 2548 | | |
Last Update : 23 เมษายน 2554 13:19:21 น. |
Counter : 523 Pageviews. |
| |
|
|
|