Love to Eat , Drink , Travel
บล็อกนี้เน้นเขียนรีวิวร้านอาหารเท่านั้น
|| อยากชวนเราไปรีวิว เมล์มาที่ skylab.bkk@gmail.com
|
|||
รีวิวร้าน Davinci Caffe ซอยอารีย์ ร้านอร่อยผสานศิลปะ
ชื่อร้าน : Davinci Caffe ดาวินชี คาฟเฟ่ ซอยอารีย์
รายการอาหาร : อาหารไทยกึ่งฟิวชั่น กาแฟสด ขนมเค้ก เวลาเปิดบริการ : 11.00 -21.00 (ปิดวันจันทร์) ที่ตั้งร้าน : ใกล้ๆบ้านอารีย์ ซอยอารีย์1 สามเสนใน พญาไท กรุงเทพ, กรุงเทพมหานคร พญาไท Thailand พิกัด GPS : 13° 46' 43.03" N 100° 32' 34.21" E วันนี้ขอนำพาไปย่านซอยอารีย์อีกครั้งนึง สำหรับผมซอยอารีย์ ถือว่าเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ที่มีความหลากหลายมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพเลย เพราะอยู่ในโซนพื้นที่ธุรกิจ มีชุมชนบ้านคนอยู่มาก+คอนโดสร้างใหม่ ซึ่งไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่นี้นิยมอยู่คอนโดใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้น และก็ชอบอยู่ใกล้กับแหล่งชอปปิ้ง แหล่งร้านอาหารด้วย ก็จึงเป็นข้อดีทำให้เกิดร้านอาหารใหม่ๆ หลากหลายแบบเป็นช้อยท์ให้ลูกค้าได้เลือกหาของ อร่อยๆทานได้ง่ายขึ้น วันนี้พามา รีวิวร้านอาหารเปิดใหม่ในซอยอารีย์ 1 ชื่อร้านว่า Davinci Caffe (ดาวินชี คาฟเฟ่) เป็นร้านอาหารไทยกึ่งฟิวชั้น+กาแฟสด+เค้กอีกนิดหน่อย แต่บรรยากาศภายในร้านน่าสนใจมาก พิกัดร้าน Davinci Caffe ร้านอยู่ในซอยอารีย์ 1 ใกล้กับโครงการบ้านอารีย์ (Banana Family Park) ถ้ามา BTS ลงสถานีอารีย์ ออกประตู 1 แล้วเดินไปทางตึกเอ็กซิมแบงค์ ทางเข้าจะอยู่ระหว่างตึกเอ็กซิมแบงค์และปั๊มเอสโซ่ เดินทะลุโครงการบานาน่า แฟมิลี้พาร์ค ออกมาจะทะลุเข้าซอยอารีย์ 1 ได้แล้วถัดไปอีก 10 เมตรก็จะเจอร้านดาวินชีแล้ว หากขับรถมาก็ให้เข้ามาในซอยอารีย์ 1 เข้ามาอีกประมาณ 300 เมตร จะเจอร้านอยู่ฝั่งซ้ายมือ จอดรถหน้าร้าน หรือไปจอดในโครงการบ้านอารีย์ก็ได้ อันนี้ไปก็อปรูปแผนที่มาจากเฟสร้าน แต่ดูยากไปนิด (แผนที่ออกแนวอาร์ท) หน้าร้าน Davinci Caffe ตกแต่งร้านน่ารักทีเดียว ชื่อเต็มว่า Da Vinci Caffe Art & Restaurant มันต้องเกี่ยวกับงานศิลป์แน่ๆ ร้านเปิดเวลา 11.00 - 21.00 น.(ปิดวันจันทร์) มี Free Wifi ด้วย นี้ไงละ มันเกี่ยวกับงานศิลป์จริงๆ เพราะนอกจากเป็นร้านอาหารแล้วร้านยังเปิดสอนศิลปะสำหรับเด็กอีกด้วย ในชื่อของ Academy of Art เข้ามาในร้าน พบว่าร้านขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ตกแต่งร้านสีสันสดใส มีชิ้นงานศิลป์หลากหลายอย่างวางไว้ภายในร้าน ตรงส่วนหน้าจะเป็นเคาร์เตอร์สั่งกาแฟ ถ่ายลิสต์ราคากาแฟสดให้ดูแบบเต็มๆ ราคาโอเคเลยในย่านอารีย์นี้ 45-70 บาท การจัดโต๊ะ ตกแต่งร้านนี้ ก็ดูเก๋ดี เข้าไปด้านใน ก็มีผลงานศิลปะ ทั้งรูปวาด งานปั้น วางไว้อย่างมีสไตล์ โต๊ะอาหารอีกมุมนึง หน้าห้องครัว มุมนี้ก็ตกแต่งเก๋ดี ออกแนวๆ Vintage ส่วนมุมตรงนี้ ร้านบอกว่าเป็นโซนเอาไว้สอนศิลปะเด็กๆ ซึ้งจะมีคอร์สสอนวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นคอร์สเล็กๆ สอนศิลปะขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กๆ ติดตามคอร์สใหม่ๆได้ที่เฟสบุ๊คของสถาบัน มาดูอาหารและเครื่องดื่มที่ไปลองกันดีกว่า แก้วแรกเป็นเมนู Signature ของร้านชื่อว่า Davinci's Caramelo เป็นกาแฟปั่นใส่คาราเมล ปั่นออกมาค่อนข้างนุ่มกำลังดี ได้รสความหอมหวานของคาราเมล ในราคา 70 บาท แก้วนี้ Mix berry Smoothie [65 บาท] จัดเต็มเบอร์รี่หลายอย่างรวมกันไว้ในแก้วเดียว ลองชิมเข้าไปออกรสหวานเปรี้ยว ค่อนข้างแน่นเนื้อจริงๆ และตามมาด้วย 2 แก้ว Italian Soda ได้แก่ Apple Soda และ Strawberry Soda แก้วละ 55 บาทเท่ากัน มาที่อาหารกันต่อ ร้านนี้ขายอาหารไทยกึ่งๆฟิวชั่น ทั้งอาหารจานเดียว และเป็นกับข้าวก็มี ในราคาย่อมเยา เริ่มเมนูแรกกับ "ปอเปี๊ยะทอดโฮมเมด" [69 บาท] ตามด้วย "ปีกไก่ทอดกระเทียม" [69 บาท] เป็นส่วนของปีกกลาง หั่นเป็น 2 ท่อนให้เหลือกระดูกแกนกลางแค่อันเดียวในแต่ละชิ้น แล้วค่อยไปชุบแป้งทอด กรอบนอก นุ่มใน หอมกระเทียม อร่อยกำลังดี ต่อด้วย "ต้มยำไข่เจียว" [89 บาท] เมนูนี้ทางร้านแนะนำ ตอนแรกก็ดูว่าไม่น่าจะมีอะไรพิเศษมากมาย แต่พอได้ชิมรสชาติ แล้วอร่อยกลมกล่อมจริงๆ ตัวน้ำซุปต้มยำก็ไม่เผ็ดมาก ค่อนข้างเน้นนม ออกรสครีมมี่ แล้วใส่ไข่เจียวเข้าไป ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยทีเดียว เมนูนี้ก็เป็นซิกเนเจอร์ของร้านอีกจาน "ยำดาวินชี " เป็นยำที่ใส่เห็ดมาหลายอย่างมากๆ ทั้งเห็ดหลืนจือขาว-ดำ เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนูขาว-หูหนูดำ เห็ดนางฟ้า พร้อมกุ้งตัวโตและหมู-หมึก เป็นจานที่ชอบที่สุดในวันนี้เลย กับราคาเบาๆ 79 บาท ของโปรดอีกจานกับ "ไข่เจียวหมูสับ" [40 บาท] ร้านนี้ทอดไข่เจียวได้ฟูๆกำลังดี กิบกับซอสพริกศรีราชานะสุดยอด โดยรวมถือว่าราคาอาหาร ที่ร้านดาวินชี คาฟเฟ่ นี้ถูกมากกับราคาประมาณนี้ในย่านอารีย์ เลยถ่ายเมนูอาหาร มาแชร์ให้เห็นหน่อยว่า ถ้าหิวๆขึ้นมาก อยากกินอาหารไทยง่ายๆ ในราคาเซฟๆ ร้านดาวินชี น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เมนูอีกด้าน ตบท้ายด้วยขนมหวานซะหน่อย จริงๆร้านมีขนมไทยๆแบบเฉาก๊วยและกระท้อนลอยแก้วด้วย แต่ว่าไม่ได้สั่ง พอดีมาเห็นตู้เค้กข้างๆเคาเตอร์กาแฟมันดูน่ากินกว่า เลยสั่งในตู้ลองซะหน่อย อันแรกคือ "Lady Marmalade" [35 Baht] เป็นเยลลี่สีส้มด้านล่าง ใส่วิปปิงครีมด้านบน รสออกหวานๆเปรี้ยวๆ ส่วนจานนี้เป็น "Mocha Almond Cake" เค้กกาแฟมอคค่า ท็อปปิ้งด้านบนด้วยอัลมอนด์สไลด์ อร่อยหวานมันกันทีเดียวละ [80 baht] ก่อนกลับได้คุยกับเจ้าของร้าน บอกว่าร้านใช้กาแฟของ Lee Hu Doichang Coffee ซึ้งเป็น Subbrand ของกาแฟดอยช้างอีกที กาแฟปลูกในแหล่งเดียวกัน โรงงานที่ทำก็ที่เดียวกัน แต่เพียงแยกแบรนด์ออกมาเท่านั้นเอง ซึ้งเขาบอกว่า Lee Hu เป็นทายาทของเจ้าของกาแฟดอยช้างอีกทีนึง ที่ร้านนี้ก็มีกาแฟคั่วแล้วของ Lee Hu จำหน่ายเป็นถุงๆด้วยเช่นกัน (เขาว่าตอนนี้ในกทม. ยังมีไม่กี่ร้านที่เอากาแฟแบรนด์นี้มาชงขาย) สรุปโดยรวมร้าน Davinci Caffe - อาหารอร่อย ทานง่ายๆ ราคาคุ้มค่ามาก - การตกแต่งร้านสวยดี มีสไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว ออกแนวอาร์ทๆ - กาแฟสด หอมอร่อย ราคาโอเค แถมใช้ของดีจากดอยช้างมาชงอีกด้วย - ขนมหวานก็ใช้ได้ แต่ยังมีให้เลือกไม่มากนัก (รู้สึกว่าพวกเค้กรับมาขายอีกทอดนึง) - การเดินทางสะดวก เพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS อารีย์ - หากขับรถมาอาจต้องหาที่จอดรถกันหน่อย หน้าร้านต้องหาจังหวะดีๆอาจพอมีที่วางจอดได้ (เป็นถนนในซอย) หากจอดรถในโครงการบ้านอารีย์มีเสียค่าจอดด้วย แต่แนะนำว่าสามารถเนียนๆไปจอดได้ที่ฝั่งตรงข้ามร้าน ซึ้งเป็นศูนย์มะเร็งกรุงเทพ เห็นว่ามีพื้นที่จอดรถค่อนข้างเยอะดี ดูข้อมูลร้าน Davinci Caffe เพิ่มเติมที่เฟสบุ๊คร้าน รีวิวร้านอาหารและกาแฟน่านั่ง be3 cafe ย่านเลียบด่วนรามอินทรา
ชื่อร้าน : be3 cafe (be-bebe cafe)
รายการอาหาร : กาแฟสด, สปาเก็ตตี้ ,อาหารจานเดียว, PannaCotta, Bouchee, Cream Cornet เวลาเปิดบริการ : 10.00 - 22.00 น. ที่ตั้งร้าน : ซอยประดิษฐมนูธรรม 3 ถนนเลียบด่วนรามอินทรา วังทองหลาง กทม., กรุงเทพมหานคร วังทองหลาง Thailand พิกัด GPS : 13° 46' 32.43" N 100° 36' 21.43" E -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- วันนี้ขอมารีวิวร้านอาหารและกาแฟน่านั่งชิลล์ อีกแห่งย่านถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา แถวๆซอยประดิษฐ์มนูธรรม3 ร้าน be3 cafe หรือ บีเบบี้ คาเฟ่ พิกัดของร้าน be3 cafe ก็คือถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา ร้านอยู่ในซอยประดิษฐ์มนูธรรม 3 ทางเข้าหมู่บ้านกลางเมือง ถ้าขับรถมา ก็จะสังเกตุว่าผ่าน Index Living mall >> โรงเหล้าแสงจันทร์>> ปั๊มแก็สLPG >> ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 3 เข้าซอยมาแค่ 20 เมตร ก็เจอเลยอยู่ด้านซ้ายมือ (ขออนุญาตก็อปปี้ผ่านที่ร้านจากเว็บ www.be-bebe.com มานะครับ) ด้านหน้าทางเข้าร้าน be3 cafe ครับ โซน Outdoor ของร้าน be3 cafe บรรยากาศดูร่มรื่น สบายๆ จากต้นไม้และการแต่งร้านโทนเขียว-น้ำตาล มุม Outdoor อีกมุมหนึ่ง โซนด้านในครับ เป็นห้องแอร์ ตกแต่งร้านสวยงามดี ร้าน be3 cafe หรือ บีเบบี้คาเฟ่ นี้เป็นส่วนหนึ่งของร้านขายอุปกรณ์สำหรับแม่และเด็ก be bebe Store ซึ้งเป็นโชร์รูมสินค้าอยู่ติดกันเลย ขายอุปกรณ์หลากหลายค่อนข้างครบวงจรสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และของใช้-ของเล่นสำหรับเด็กเล็กๆ จริงๆร้านนี้เหมือนเปิดให้คุณพ่อ-คุณแม่ ที่มาเลือกซื้อของ ได้มาแวะพักผ่อนกับลูกน้อยที่ร้านได้ตลอดทั้งวัน ลองแว็บไปดูโชร์รูม bebebe ร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับเด็ก มีของหลากหลายจริงๆ กลับมาต่อกันที่เมนูอาหารของร้านกัน ร้านนี้มีขายหลายอย่าง ทั้งกาแฟ ขนมหวาน สปาเก็ตตี้ ก๋วยเตี๋ยว อาหารจานเดียวทานง่ายๆ ก็มี ลิสต์ราคากาแฟสด ส่วนใหญ่ราคาอยู่ในช่วง 50 - 90 บาท มีทั้งชา-กาแฟ-สมู๊ทตี้-มิลล์เช็ค มาดูเมนูอาหารกัน เมนูมีอาหารหลากหลายดี เช่นซุป ,แซนวิช , Appetizerของทานเล่น, สลัดและยำ ประเภทเส้นๆก็มีให้เลือกหลายอย่างเหมือนกัน พาสต้าก็มีให้เลือก 7-8 อย่าง ก๋วยเตี๋ยวอีก 5-6 อย่าง น่ากินๆทั้งนั้นเลย เมนูข้าวผัด อาหารจานเดียวก็มีนะ กาแฟลองสั่ง Caramel Macchiato มาครับ ร้านนี้ใช้แก้วทรงสูง กาแฟหอมๆลงไปผสมกับนมสดด้านล่าง อร่อยดี แก้วนี้ 90 บาท อีกแก้วเป็น Cookie and Cream Frappe 115 Baht แก้วนี้ฟินมาก ปั่นมาได้เนื้อนุ่มเนียนกำลังดี อาหารมาเริ่มที่ Appetizer กันก่อนอย่าง ซุปครีมผักโขม&เห็ด [100 baht] ตัวซุปเข้มข้นกำลังดี มีเห็ดเข็มทองผสมอยู่ด้วยในถ้วย ปอเปี๊ยะทอดไส้เผือก เมนูทานเล่นอีกจาน ทานง่ายๆ [85 baht] อีกจานเป็น ปีกไก่ทอด มีตะไคร้สับเป็นเส้นๆทอดกรอบโรยหน้ามาด้วย ปีกไก่หนังกรอบดี ไม่อมน้ำมันเลย [85 Baht] จานนี้คือ ข้าวผัดแฮมหมูทอดกรอบ [135 Baht] ข้าวผัดกับแฮมผสมกับผัก3สี เสิร์ฟพร้อมกับหมูทอดกรอบ (คล้ายๆหมูทงคัตสึเลย) มาพร้อมน้ำสลัดเทาซันไอซ์แลนด์ ลองประเภทเส้นๆบ้าง สั่ง สปาเก็ตตี้แซลมอนพิงค์ซอส [180 baht] เป็นสปาเก็ตตี้ที่ราดด้วยแซลมอนผสมกับซอสสีชมพูเข้มข้นๆ หนืดๆหน่อย รสชาติเยี่ยมเลย ไม่เคยทานเมนูนี้ที่ไหนมาก่อนเหมือนกัน คงเป็นเมนูคิดเองของทางร้าน ถือว่าอร่อยใช้ได้เลยครับ อีกจานเป็น สปาเก็ตตี้ต้มยำทะเล [180 Baht] จานนี้รสชาติร้อนแรงมากทีเดียว ใครชอบกินเผ็ดๆแนะนำครับ จัดเต็มซีฟู๊ดมาเต็มจาน ทั้งกุ้ง หมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ มาแบบชิ้นเบิ้มๆทั้งนั้นเลย อาหารคาวจานสุดท้ายที่สั่งมา จานนี้ชอบที่สุดเลย "ยำสลัดซีฟู้ด" [195 Baht] เป็นทั้งยำและสลัดไปในตัว ผักใส่มาหลากหลายดีทั้งกรีนคอรัล เรดคอรัล แอปเปิ้ล หอม มะเขือเทศ โรยหน้าด้วยกุ้ง หมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์(ตัวใหญ่มว๊ากก) และมีเห็ดชิตาเกะกะเห็ดเข็มทองชุบแป้งทอดอีกด้วย น้ำยำรสออกเปรี้ยวๆไม่เผ็ด ทานไปคำแรกรสชาติน้ำยำเหมือนก๋วยเตี๋ยวลุยสวนเลย โดยสรุปชอบจานนี้มากๆเอาไปเลย 5ดาว อร่อย และวัตถุดิบบอกได้เลยว่าสดมาก สั่งสมูทตี้มาเสริมอีกแก้ว Mixed Fruit Smoothie [80 Baht] ออกรสเปรี้ยวๆหวานๆ ช่วยดับความเผ็ดร้อนของจานสปาเก็ตตึ้ต้มยำทะเลได้ดีทีเดียว หลังจบอาหารคาวไปแล้ว นั่งคุยกับน้องไปเรื่อยๆ มาหยิบดูเมนูของหวาน เจอน่าทานอีกหลายเมนูเลย ร้านนี้ขนมหวานน่าลองหลายอย่าง เพราะมีทั้ง Panna Cotta , Cream Cornet , Bouchee และ Pancake จานนี้ Cream Cornet เป็น Pastry อย่างนึงคล้ายๆพายกรอบมาม้วนเป็นโรลด้านในสอดไส้ครีมต่างๆ ร้านมี 3 ไส้คือ Vanilla , Caramel, Chocolate เลยสั่งมาลองอย่างละอัน (ร้านขายเป็นเซ็ท 3 อัน 95 บาท) อันนี้เรียกว่า Bouchee บูเช่ เป็นเหมือนพายกรอบรูปโคน แล้วสอดไส้หน้าต่างๆ [ 4Pcs/ 95 Baht] ร้านมีให้เลือก 4 ไส้พอดี เลยลองสั่งมาลองอย่างละอันเลย ไส้ต่างๆเรียงซ้ายไปขวาดังนี้ [ไส้แฮม,ไส้แซลมอน,ไส้ทูน่าไข่กุ้ง, ไส้ปูอัดไข่กุ้ง] มาต่อกันที่ขนมหวานลุคไฮโซนิดๆที่เรียกกันว่า พันนาคอตต้า ร้านมีให้เลือกหลายแบบเหมือนกัน ลองจัดมา 2 รสก่อน จานนี้คือ Mango & Peach PannaCotta [115 Baht]จัดแต่งจานมาสวยมาก ด้านล่างของตัวเนื้อพันนาคอตต้าเป็นเหมือนแครกเกอร์บดละเอียดแล้วเอามาอัดเป็นฐานแบนๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสมะม่วงน้ำดอกไม้สุก ให้มาราดเอง ราดซอสมะม่วงแล้ว น่ากินฝุดๆ พันนาคอตต้าแบบนมสดกินกับผลไม้รสออกเปรี้ยวๆหวานๆ เข้ากันดีจริงๆ อีกจานสั่งมาเป็น Matcha Panna Cotta [115 Baht] พันนาคอตต้ารสชาเขียวเข้มข้นสไตล์มัทฉะ เสิร์ฟมาพร้อมกับวิปครีม และน้ำเชื่อมวนิลลาให้มาราดเองเหมือนเดิม เมนูนี้อร่อยฟินสุดๆ เนื้อนุ่มเนียนมากๆ หอมกินชาเขียวอ่อนๆ (ส่วนตัวชอบมัทฉะอยู่แล้วด้วย) กินลืมอ้วนกันไปเลย ใครมาแถวๆเส้นเลียบด่วนรามอินทรา - ประดิษฐ์มนูธรรม - ลาดพร้าว ลองแวะร้าน be3 cafe ดูนะครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ทั้งกาแฟ อาหารคาว ขนมหวาน มีทีเด็ดหลายอย่างเลยทีเดียว สนใจอยากดูเมนูอาหารเพิ่มเติม ลองไปที่เฟสของร้านได้เลยครับตามลิงค์ รีวิวร้านอาหารเวียดนาม ไซง่อน ริมไทร สุขุมวิท65 ร้านอร่อนที่ซ่อนตัวในกรุงเทพ
⁞ ชื่อร้าน : ไซง่อน ริมไทร Saigon Rimsai Vietnamese
รายการอาหาร : อาหารเวียดนาม,แหนมเนือง,กุ้งพันอ้อย,ขนมเบื้องญวน, เวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวัน 11.00 - 22.00 น. ที่ตั้งร้าน : กลางซอยสุขุมวิท 65 พระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม, กรุงเทพมหานคร วัฒนา Thailand พิกัด GPS : 13° 43' 16.91" N 100° 35' 29.12" E ------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เข้าหน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว วันนี้เลยขอพาไปรีวิวร้านอาหารเวียดนาม รสชาติตราตรึงใจอีกร้านนึงในย่านถนนสุขุมวิท ร้านนี้เป็นร้านที่แอบซ่อนตัวเงียบๆอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 65 แต่ก็มีหลายๆคนบอกต่อกันมาว่า ต้องมาลองให้ได้นะ ผมเลยไม่พลาดที่จะแวะมาลองความอร่อยกันในรีวิวนี้ ร้านอาหารเวียดนามไซง่อน ริมไทร [Saigon Rimsai] เป็นร้านที่เปิดมาหลายปีแล้วเหมือนกัน และก็มีคนแนะนำมาหลายคนว่าให้มาลองชิมอาหารของร้านนี้ดู เพราะเขาปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทย มีเมนูเด็ดๆแนะนำหลายรายการเลยทีเดียว (ขออนุญาตก็อปภาพแผนที่มาจาก FB ร้านไซง่อน ริมไทร มาลงไว้นะครับ) พิกัดของร้าน Saigon Rimsai นี้อยู่ในซอยสุขุมวิท 65 ถ้ามาทางรถไฟฟ้า BTS ซอยนี้จะอยู่ระหว่างสถานีเอกมัย และสถานีพระโขนง ลงสถานีไหนก็ได้แล้วต่อมอไซค์วินบอกเข้ามาในซอยสุขุมวิท 65 วิ่งมาตามทางเรื่อยจะเจอบ้านสีขาว-เขียว มีต้นไม้เยอะๆ ถ้าขับรถมาเอง ก็เข้าได้ 2 ทางคือ สุขุมวิท 65 วิ่งมาเรื่อยๆประมาณ 500 เมตรกว่าๆ ก็จะเจอร้านอยู่ขวามือ หรือถ้าเข้าอีกทาง จะเข้ามาทางซอยปรีดี พนมยงค์ 15 วิ่งจากปากซอยเข้ามาประมาณ 200 เมตรกว่า ก็จะเจอร้านอยู่ซ้ายมือ ทางเข้าร้านประมาณนี้ ขับรถเข้ามาเรื่อยๆ สังเกตได้ไม่ยาก เข้ามาจะเห็นเป็นบ้านโทนสีขาว-เขียว ดูร่มรื่น สบายๆ บริเวณด้านหน้าทางเข้าร้านไซง่อน ริมไทร ร้านนี้เปิดเวลา 11.00 - 22.00 น. แต่ตอนที่ผมกะน้องเข้าไปทานพอดีเป็นช่วงบ่ายๆของวันธรรมดา เลยยังไม่มีลุกค้าคนอื่นเลย ก็เลยเดินเล่น สำรวจร้านไปรอบๆตอนคอยอาหาร ตรงนี้คือโซนด้านนอก Outdoor ของร้าน มีอยู่ 2-3 โต๊ะ แต่บรรยากาศดูร่มรื่น ผ่อนคลายดีจริงๆ เข้ามาโซนด้านในเป็นห้องแอร์ เจอมุมนี้เข้าไป สาวๆเห็นเป็นต้องกรี๊ดแน่ เพราะจัดตกแต่งเป็นมุมวอลเปเปอร์ลายดอกไม้สีโทนชมพูดดูอบอุ่น ผสมกับหมอนลายการ์ตูนน่ารักๆ หลากหลายทีเดียว อีกมุมนึง ด้านในร้านไซง่อน เมนูอาหารของร้านครับ เมนูอาหารมีอยู่ประมาณ 4-5 หน้า แต่ละเมนูดูน่าทาน ทั้งนั้นเลย อาหารที่สั่งทะยอย มากันแล้ว เริ่มที่จานแรกเลย "ขนมจีนเครื่องหมูย่าง" [125Baht] เป็นขนมจีนมาพร้อมกับหมูย่างหันสไลด์มาเป็นชิ้นๆและหมูยอ โรยหน้าด้วยถั่งลิสงบด และราดน้ำเครื่องปรุงสูตรของร้าน เวลาทานก็คลุกให้เข้ากัน ออกรสเปรี้ยวๆ-ผัดๆหน่อย ทานคู่กับผักสด ให้มาโถใหญ่เลย มาต่อกันที่เมนู "กุ้งพันอ้อย" ไม้ละ 65 บาท เป็นกุ้งบดผสมเครื่องปรุงรส เอามาพันกับชานอ้อย แล้วชุปเกล็ดขนมปังเอาไปทอด จนได้หน้าตาประมาณนี้แหละ เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่ลวก และน้ำจิ้มเนื้อกจาม (เจ้าของอธิบายว่าเป็นน้ำจิ้มทำจากแครอท-ไชเท้า-ถั่วลิสง รสออกหวานๆ เป็นน้ำจิ้มประจำร้านที่ทานคู่กับหลายๆเมนูเลย ถือว่าเป็นน้ำจิ้มสารพัดเมนูที่ต้องมีทุกโต๊ะ) ลองแหวะให้ดูเนื้อในกัน จะเห็นชานอ้อยด้านใน เวลาทานก็ตักน้ำจิ้มเนื๊อกจาม ราดแล้วทานคู่กับเส้นหมี่ลวก จริงๆจะบอกว่า ถ้าไม่เป็นคุณหนูมากนัก ก็แนะนำให้หยิบชานอ้อยมาแทะ-ดูดน้ำอ้อยต่อเลย อร่อยมว๊ากกๆ ต่อกันที่เมนูที่ถ้ามาแล้วไม่สั่งเมนูนี้ ก็ถือว่ามาไม่ถึงร้าน "แหนมเนือง" 165 Baht เมนูนี้จริงๆ เป็นเมนูที่ทุกคนจะคิดถึงเวลาที่มาทานอาหารเวียดนามกันอยู่แล้ว ตัวหมูแหนม ของที่นี้รสชาติเข้มข้นมาก หอมกลิ่นเครื่องเทศ เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงหลากหลาย เช่น กล้วยดิบ แตงกวา สัปปะรด มะม่วง กระเทียมโทน ต้นหอม พริกขี้หนู แต่ที่เด็ดสุดก็คือ ตัวน้ำจิ้มราด นี้รสเด็ดสุดจริงๆ ผมว่าเคยทานมาหลายร้านแล้ว แต่มาเจอน้ำจิ้มแหนมเนืองร้านนี้ มันหอม เข้มข้น และรสชาติอร่อยจริงๆ Recommend เลยครับ ถ้ามาร้านไซง่อน ริมไทร ห้ามพลาดเมนูนี้ ต่อกันด้วยเมนู "ปูกระเบื้อง" [135 Baht] เป็นปูบดผสมเครื่องปรุงต่างๆ ทำออกมาเป็นแผ่นๆแล้วตัดมาเป็นชิ้นสามเหลี่ยม ทานคู่กับน้ำจิ้มแครอท (เนื๊อกจาม) เหมือนกัน มาต่อกันที่เมนู "ขนมเบื้องญวนต้นตำรับ" [140 Baht] เมนูนี้สำหรับผมค่อนข้างคุ้นเคย เพราะเคยทานตั้งแต่เด็กๆตามงานประจำปีของวัดใกล้บ้าน จะมีขนมเบื้องญวน มาขายประจำทุกปี ลักษณะจะเห็นเป็นเหมือนไข่ทอดกรอบห่ออยู่ด้านนอก ส่วนด้านในเป็นไส้ที่รวมส่วนผสมหลากหลายผัดเข้าด้วยกัน ราดน้ำจิ้ม ลองเปิดดูไส้ข้างในกัน มีทั้งกุ้ง หมูยอ ผัดมากับพวกเห็ดหูหนู แครอท ถั่วงอก และอีกหลายๆอย่าง ตักน้ำจิ้ม ออกรสหวานๆหน่อยมาราด รสอร่อยใช้ได้ครับ อาหารคาวจานสุดท้ายที่สั่งมาคือ "ปอเปี๊ยะสดไส้กุ้ง" [140 Baht] เป็นจานสุดท้ายแบบเบาๆ ตัวแป้งห่อ เหนียวนุ่มกำลังดี ข้างในมีกุ้ง (จริงๆมองจากข้างนอกก็เห็นตัวกุ้งเด่นชัดอยู่แล้ว) หมูยอ แครอท ผักกาดหอม ผักอื่นๆอีก ทานคู่กับน้ำจิ้มแครอท หรือเนื๊อกจามนั้นเอง ปิดท้ายด้วยของหวานสุดฮิตของร้าน "ไอศกรีมกล้วยหอมทอด" [50 Baht] เป็นกล้วยหอมเอามาชุปแป้งทอด โรยด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมอีก 1 สกู็ป ทานคู่กันถือเป็นของหวานปิดท้ายที่อร่อยมากๆ มีน้ำผึ้งใส่กาเล็กๆ มาให้เพิ่มความหวานกันอีกด้วย ราดมากน้อยแล้วแต่ความชอบ (จริงๆจะบอกเผลอมือไปหน่อย ราดซะเกือบหมดกาเลย เลยหวานซะ) ตัดให้ดูชิ้นกล้วยหอมข้างใน แอบเห็นของหวานอีกอย่างน่าทาน เลยสั่งมาลองอีกถ้วย "สาคูแคนตาลูป" [50 Baht] เม็ดสาคูเม็ดเล็กๆ สีเขียวๆ มาพร้อมแคนตาลูปหั่นเป็นลายดอกไม้ รสชาติพอได้ครับ ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย ใครอยากมาลองทานอาหารเวียดนาม รสชาติแบบถูกปากถูกลิ้นคนไทยแน่นอน แนะนำต้องมาลองกินร้านไซง่อน ริมไทร สุขุมวิท 65 นี้เลย รายละเอียดตามนามบัตรร้านเลยครับ ร้านมีโปรโมชั่น ทานอาหารครบทุกๆ 500 บาท จะได้แสตมป์ 1 ดวง ครบ 10 ดวงใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารได้ 500 บาท สรุปโดยรวมร้านไซง่อน ริมไทร - อาหารเวียดนาม ที่รสชาติถูกลิ้นถูกปากคนไทย - ราคากลางๆ บางเมนูสูงไปนิดหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ว่าใช้วัตถุดิบที่ดีกว่าเจ้าอื่น - ตกแต่งร้านสวยดี บรรยากาศร่มรื่น เหมาะสำหรับมาเดทกับสาว(ที่รักสุขภาพ) หรือพาผู้หลักผู้ใหญ่มาเลี้ยง รับรองท่านต้องถูกใจแน่ๆ - ข้อเสีย ถ้าไม่เคยมาร้านนี้มาก่อน ครั้งแรกจะหายาก เพราะดันไปอยู่ในซอยลึกเหมือนกัน - ถ้ามีรถขับจะสะดวกหน่อย ขับรถไปได้เลย แต่ถ้าไม่มีรถก็แนะนำมาทาง BTS ลงเอกมัยแล้วต่อมอไซค์วิน (อย่าเดินมานะ มันไกลเกิน) - ร้านรับบัตรเครดิต เมื่อทานเกิน 1000 บาทขึ้นไป ถ้าไปสั่งกันไม่มาก พกเงินสดไปด้วยนะ ร้านอาหารเวียดนามไซง่อน ริมไทร เบอร์โทรศัพท์ : 02-714-2207 เวลาเปิด-ปิด : 11.00 - 22.00 น. ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่เฟสบุ็คร้านด้านล่างนี้เลย รีวิวร้านสเต็กและไวน์ Wholly Cow [Steak Wine Cigar] อารีย์2 พญาไท
ชื่อร้าน : Wholly Cow [Steak Wine Cigar] อารีย์ซอย 2
รายการอาหาร : steak salad spaghetti , wine-beer-cocktail เวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวัน 10.30-14.30 และ 17.30-22.30น. ที่ตั้งร้าน : อารีย์ซอย 2 ตรงข้ามเยื้องกับสำนักงานเขตพญาไท ใกล้รถไฟฟ้า BTS อารีย์, กรุงเทพมหานคร พญาไท Thailand พิกัด GPS : 13° 46' 43.41" N 100° 32' 27.72" E ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- วันนี้ขอพามารีวิวร้านสเต็ก ย่านซอยอารีย์ 2 ร้านโฮลลี่คาว Wholly Cow Restaurant Wine & Cigar Bar ร้านนี้เปิดมาได้ประมาณครึ่งปีกว่าๆแล้วได้มั่งครับ จริงๆย่านซอยอารีย์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งรวมร้านอาหารเดิร์นๆ ชิลล์ๆที่มีความหลากหลายของประเภทอาหารให้เลือกมากมายอีกแห่งนึงเลยนะ ใครชอบหาร้านอาหารใหม่ๆอร่อยๆ ทานต้องไม่พลาดมาตระเวนชิมย่านนี้กันครับ พิกัดของร้าน Wholly Cow Restaurant นี้อยู่ในซอยอารีย์ 2 ถ้ามาสะดวกสุดน่าจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอารีย์ ประตู 2 แล้วเดินเท้าหรือนั่งมอไซต์วินมาร้านก็แป็ปเดียวเท่านั้น ถ้าขับรถมา ก็วิ่งมาจากถนนพหลโยธิน เลี้ยวเข้าซอยราชครู (พหลโยธิน 5) แล้ววิ่งมาตามทางแล้วเลี้ยวเข้ามาซอยอารีย์ 2 (ทางวันเวย์) ถ้าขับรถมาก็จอดรถในร้านได้เลย (แต่ที่จอดรถของร้านน้อยไปหน่อย) ถ้าเต็มก็ไปจอดริมถนนหน้าร้านก็ได้เช่นกัน หน้าร้าน Wholly Cow ถ่ายด้วยกล้องมือถือครับ Noiseเยอะไปหน่อย แต่บรรยากาศข้างในสวยดี เข้าไปดูกัน ภายในร้านตกแต่งสวยดี ผนังเป็นอิฐสีน้ำตาลแดง อีกฝั่งเป็นไม้ ให้ความรู้สึกคลาสสิคดีจัง บรรยากาศภายในร้าน Whollycow อีกมุมนึงครับ ผมว่าร้านนี้ถ้าพาสาวมาออกเดท นะเหมาะเลย บรรยากาศสวีทได้กำลังดี เพราะทุกโต๊ะจะมีแก้วใส่เทียนเล็กๆไว้ด้วย บรรยากาศโดยรวมดีมาก เปิดเพลงสากลแนวแจ็สเบาๆ แต่วันนี้ผมมากับกลุ่มเพื่อนก็เฮฮาปาร์ตี้ ได้เหมือนกัน บริเวณบาร์เครื่องดื่ม ร้านนี้จัดแสงไฟ Lighting ได้ค่อยข้างดีทีเดียว ชอบจัง เมนูอาหารของร้านครับ มีเมนูยังไม่เยอะมาก ประมาณ 3-4 หน้า แต่คิดว่าคงคัดเมนูเด็ดๆมาขาย มาถึงโต๊ะ เจ้าหน้าที่ก็เสิร์ฟขนมปังกับเนย ก่อนเลย ตามจำนวนคน เริ่มต้นกันที่ซุปกันก่อน ชามนี้ "ซุปข้นกุ้ง Lobster Bisque" ใช้กุ้งล็อบสเตอร์ซะด้วย สีส้มเข้มข้นหอมกำลังดี [150 Baht] ซุปอีกชามที่สั่งมา "ซุปครีมหน่อไม้ฝรั่ง Asparagus Soup" สีเขียวๆอย่างงี้แหละ รสชาติเฉยๆนะสำหรับผม [100 Baht] ต่อกันที่ "Caesar Salad" ร้านบอกว่าใช้ผักออกานิคซ์ด้วย สด กรอบ กำลังดี [180 Baht] สลัดจานนี้ไม่มีเนื้อสัตว์เลย แต่ถ้าอยากทานแบบมีเนื้อสัตว์ด้วย ก็มีเมนุอื่นๆให้เลือกอีกหลายอันนะ ทั้งสลัดปลาแซลมอน ซีซาร์สลัดไก่ย่าง สลัดร็อกเก็ตกับหอยเชลล์ Appetizer อีกเมนูนึงคือ "หอยเชลล์พันเบคอน" หอยเชลล์ตัวใหญ่ๆ ปรุงเครื่องปรุงมารสชาติกำลังดี ห่อด้วยเบคอนออกรสเค็มๆหน่อย ขนาดชิ้นกำลังพอดีคำ เป้นจานเรียกน้ำย่อยที่ดีอีกจาน [280 Baht] จานนี้ "หมึกชุบแป้งทอด หรือ Calamari" หมึกเคี้ยวหนึบหนับกำลังดี ไม่เหนียวเกินไป สุตรแป้งทอดของร้านก็ใช้ได้ ทานคู่กับซอสสีครีม ไม่แน่ใจเรียกว่าซอสอะไร ทาร์ทาซอสรึเปล่า? มาที่จานทีเด็ด ผมชอบมากๆก็คือ "สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า" สูตรของร้านนี้ทำออกมาได้เข้มข้น และหอมชีสมากๆ ด้านบนท็อปปิ้งด้วยเบคอนทอดกรอบ เคี้ยวกรุบๆกำลังดี ใครชอบกินคาโบนาร่าแบบข้นๆหนืดๆหน่อย ต้องมาลองครับ ของร้าน Wholly Cow นี้ได้ใจไปเลยเต็มๆ [190 Baht] จริงๆ เมนูสปาเก็ตตี้ของร้านนี้มีสิบกว่าเมนูเลยนะครับ หลากหลายดี มีทั้งสปาเก็ตตี้เส้นดำ และเส้น angel hair ด้วย มาเข้า Main Dish กันบ้าง จานแรกเลย "Pork Chop with Mushroom Sauce" พอร์คช็อปของที่นี้ ชิ้นใหญ่กำลังดี กริลล์มาสุก ลายสวยมากๆ เสิร์ฟคู่กับซอสเห็ด พร้อมมันฝรั่งและผักบร็อคเคอรี่และแครอท [250 Baht] ต่อกันด้วย "ขาหมูเยอรมันทอดกรอบ" ชิ้นใหญ่เหมือนกันนะ แต่วันนี้มากันหลายคนเลยซัดกันเรียบเหลือแต่กระดูก เสิร์ฟมาพร้อมกับซาวเคร้าท์(ผักกะหล่ำปลีดอง)โรยด้วยเบคอนกรอบ และมีมันบดนุ่มๆ ตักมาให้ทานคู่กัน ติดใจเลยละ ครั้งหน้ามาต้องสั่งอีกแน่นอน [600 Baht] จัดเต็มกันต่อที่ "ซีโครงแกะย่าง Grilled Lamb Chops" [550 Baht] มาแบบชิ้นขนาดกำลังดี 2 โครง เสิร์ฟพร้อมมิ้นซอส สีเขียวๆ และมันฝรั่งทอด กับผักบร็อคโคลี่และแครอท ต้องยอมรับว่าที่นี้ ปรุงซี่โครงแกะได้แบบไม่มีเหม็นคาวเลย เพราะเคยไปทานบางร้าน ยังมีติดกลิ่นคาวๆของเนื้อแกะอยู่ แต่ของร้านนี้กินได้จนหมดเกลี้ยงโดยไม่มีเหม็นคาวเลยสักนิด มาต่อที่สเต็กไฮไลท์ของร้านกัน "Melt Rib Eye" เนื้อริบอาย โคขุนออสเตรเลีย เป็นสเต็กในตระกูลที่ร้านเรียกว่า Melt-in-your-Mouth (หรือเนื้อที่ละลายในปากนั้นเอง) ย่างออกมาลายของเนื้อสวยน่ากินมากๆ ราคา 650 บาท อาจจะดูราคาแพงไปซะหน่อย แต่ถ้าได้ลองมาชิมนะครับ จะบอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ มันละลายนุ่มลิ้นจริงๆ มาดูฝั่งเครื่องดื่มกันบ้าง ที่นี้มีเครื่องดื่มหลากหลาย ทั้งเบียร์นานาประเทศ ไวน์นำเข้าหลากหลายแบรนด์ และยังมีค็อกเทลอีกมากมาย ลองสั่งค็อกเทลสูตรพิเศษของร้านมาลอง แก้วนี้ชื่อ WhollyCow Cocktail เป็นค็อกเทลสูตรซิกเนเจอร์ของทางร้าน ด้านบนเป็นค็อกเทลน้ำสีฟ้า มีแอลกอฮอล์พอควร ออกรสเปรี้ยวมะนาวนิดๆ ส่วนด้านล่างเห็นเป็นสีแดงๆคือ วุ้นเจลาตินผสมเหล้าวอดก้าเข้าไปด้วย ดีกรีกำลังดีเลย เวลาดื่มแก้วนี้จะมีช้อนมาให้ตักวุ้นเจลาตินทานพร้อมกันไปด้วย [280 Baht] ถ้าชอบดื่มเบียร์ ของร้านนี้ก็มีเบียร์นานาชาติ มาเยอะมาก ผมดูไปรู้จักอยู่ไม่กินยี่ห้อเอง ใครชอบลองกินเบียร์แปลกๆ หายากๆ มาร้านนี้มีให้เลือกหลากหลายแน่นอน และแวะมาดูห้องไวน์ซะหน่อย เพราะร้านนี้เขาเน้นขายไวน์ด้วย ถึงขนาดสร้างห้องเก็บไวน์กันเลยทีเดียว เจ้าหน้าที่บอกเราว่าไวน์ต้องเก็บในอุณหภุมิที่เหมาะสม และที่ร้านมีไวน์ให้เลือกมากมายหลายแบบ หลายยี่ห้อ หลายประเทศ ถ้าไม่ถนัดเรื่องไวน์ เลือกไม่ถุกว่าจะดื่มอะไรดี ปรึกษาเขาได้ครับ เท่าที่ได้คุยกัน เจ้าหน้าที่ร้านนี้ Expert พอสมควรเลยละ เขาสามารถแนะนำไวน์ที่เหมาะกับสเต็กจานที่คุณสั่งได้ เลือกได้ตามบัดเจ็ตที่เรามีเลย ไวน์บนเชลฟ์ จัดเรียงสวยๆ ใส่ไฟแสงสีฟ้าๆ มันได้บรรยากาศดีจริงๆ หลังจากไปเดินชมห้องไวน์แล้ว ก็กลับมาต่อกันที่ขนมหวานกันบ้าง ร้าน Wholly Cow มีขนมหวานปิดท้ายให้เลือกอยู่ประมาณ 5-6 อย่าง เลยลองสั่ง 2 อันนี้มาดู หน้าตาน่าทานทีเดียวละ อันแรกเลย "Chocolate Souffle" ช็อกโกแลต ซูฟ์เฟล [160 Baht] ตัวเนื้อช็อกโกแลตเสิร์ฟมาในถ้วยร้อนหน่อยๆ ด้านในมีช็อกโกแลตเหลวๆผสมอยู่ด้วย ทานคู่กับไอศกรีมวนิลาเย็นๆ มันเข้ากันดีจริงๆ ให้ตายเหอะ ส่วนขนมอีกจานเป็น "เครปราดซอสส้ม" Crepe Suzette [180 Baht] เครปแผ่นนิ่มๆ 2 แผ่น ราดด้วยซอสส้มออกรสเปรี้ยวหวานกำลังดี ทานคู่กับไอศกรีมวนิลา มันช่วยตัดรสชาติได้ดีและไม่เลี่ยนเลย ได้ยินว่าไอศกรีมของร้านก็เป็นโฮมเมด ทำเองอีกด้วย เมนูนี้รับรองสาวๆชอบกันแน่ๆ ติดใจไอศกรีมโฮมเมดของร้าน เลยสั่งเฉพาะไอศกรีมมากิน กันอีกคนละถ้วย (ถ้วยละ 60 บาท) รสชาติดีทีเดียว เข้มข้น หอมหวาน กำลังดี สรุปโดยรวม ร้าน Wholly Cow Restaurant Wine & Cigar Bar 1. ร้านตกแต่งดูดี มีคอนเซ็ป มีสไตล์เป็นของตัวเองชัดเจนดี 2. เหมาะสำหรับคู่รัก (ออกเดท) , สำหรับกลุ่มเพื่อนสังสรรค์ปาร์ตี้กัน หรือมาฉลองในโอกาศพิเศษต่างๆ 3. อาหารมีให้เลือกหลากหลายดี โดยเฉพาะพวกเครื่องดื่มมีครบทั้งไวน์ เบียร์ ค็อกเทล วอดก้า และอื่นๆอีก 4. ถึงร้านจะชื่อ Wholly Cow แต่ก็ไม่ได้มีแต่เนื้อวัวนะ หมู ไก่ กุ้ง ปลา หมึก ก็ยังมีขายด้วยเช่นกัน 5. ช่วงกลางวัน มี Lunchset ด้วย ราคาในช่วง 190-390 บาท ข้อดีคือรวมชา/กาแฟ และของหวานประจำวันเข้าไปแล้ว Wholly Cow Restaurant Wine & Cigar Bar เบอร์โทรศัพท์: 02-6198177-8 ที่ตั้ง: ร้าน Wholly Cow อยู่อารีย์ซอย 2 ตรงข้ามเยื้องกับสำนักงานเขตพญาไท ใกล้รถไฟฟ้า BTSอารีย์ พิกัด: 13.779506,100.541379 เวลาเปิด-ปิด : เปิด 2 ช่วง 11.30-14.30 และ 17.30-22.30 น. การเดินทาง : รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอารีย์ ประตู 2 แล้วเดินเท้าหรือนั่งมอไซต์วินมาร้านก็แป็ปเดียวเท่านั้น ถ้าขับรถมา วิ่งมาจากถนนพหลโยธิน เลี้ยวเข้าซอยราชครู (พหลโยธิน 5) แล้ววิ่งมาตามทางแล้วเลี้ยวเข้ามาซอยอารีย์ 2 (ทางวันเวย์) สนใจลองเข้าไปดูข้อมุลเพิ่มเติมร้านได้ที่ //www.facebook.com/whollycow.bangkok รีวิวร้านอาหารสมุทรสาคร Verde Montana พระราม2 มหาชัย
ชื่อร้าน : Verde Montana เวอร์เด้ มอนทาน่า
รายการอาหาร : อาหารยุโรป ไทย จีน +ไวน์ เบียร์เยอรมัน เวลาเปิดบริการ : เปิดทุกวัน 10.30-22.00 น. ที่ตั้งร้าน : ถนนพระราม 2 ขาออก มหาชัย สมุทรสาคร (อยู่ก่อนถึงPorto Chino 1 KM.), สมุทรสาคร Thailand พิกัด GPS : 13° 34' 27.47" N 100° 17' 50.48" E คร่าวนี้ขอพาไปชิมอาหารยุโรป สไตล์สเต็ก สปาเก็ตตี้ สลัด กันบ้างในย่านถนนพระราม2 มหาชัย สมุทรสาคร ร้านที่รีวิววันนี้ชื่อร้านว่า Verde Montana (เวอร์เด้ มอนทาน่า) พิกัดของร้านนี้อยู่เส้นพระราม2 ขาออก เลยจากมหาชัยเมืองใหม่ไปประมาณ 2.5 KM ร้านจะอยู่ก่อนที่จะถึงห้างใหม่ Porto Chino ซักประมาณ 1 กิโลเมตรน่าจะได้ เข้าไปข้างในจะเห็นเป็นเหมือนบ้านสไตล์ล็อกโฮม หลายๆหลังอยู่ เพราะว่าเจ้าของร้านนั้นเขามีบริษัทรับสร้างบ้าน Loghome อยู่ด้วยนั้นเอง สไตล์บ้านแบบนี้ส่วนมากจะฮิตแถวๆยุโรป เป็นบ้านไม้สนทั้งหลัง ให้อารมณ์ออกแนวคาวบอยๆ ดูคลาสสิคดีจัง บรรยากาศดูร่มรื่นดีมาก วันนี้มาร้านตอนช่วงเย็นๆ ลูกค้ายังไม่ค่อยมี เลยเดินสำรวจดูรอบๆเล็กน้อย ร้านนี้แบ่งโซนร้านได้ชัดเจนดี หลังแรกเป็นโซนทานอาหารมีทั้งแบบ indoor และ Outdoor เดินเข้าไปอีกนิดจะมีสำนักงานสภาอุตสาหกรรม จ.สมุทรสาคร อยู่ในพื้นที่นี้ด้วย และติดๆกันก็เป็นห้องคาราโอเกะ (เรียกว่าบ้านราคาโอเกะน่าจะเหมาะกว่า) ที่เห็นในรูปนี้คือห้องคาราโอเกะทั้ง 2 หลัง ขนาดบ้านไม่ใหญ่นัก แต่พอเป็นบ้านสไตล์ล็อกโฮมแล้วทำให้ดูน่าสนใจขึ้นมากเลย ขออนุญาติผจก.ร้านเข้าไปแวะชมด้านในสักหน่อย บรรยากาศภายในห้องคาราโอเกะครับ จุคนได้ประมาณ 10-20 คนสบายๆเลย ได้อารมณ์ยังกะไปเที่ยวเขาใหญ่กันเลยละ สอบถามค่าห้องคาราโอเกะดู ที่นี้คิดราคาเหมา 1000 บาท/4 ชั่วโมง ดูสภาพห้องทั้งทีวี เครื่องเสียง ลำโพงยังดูใหม่ๆอยู่่เลย เดินออกมาต่อกันด้านหน้าร้านจะมีบ้านอีกหลังเล็กๆเป็นมุมร้านกาแฟสด ชื่อว่า VerdeCoff ก็มีครบทั้งกาแฟสด, ชาเชียว, โกโก้, สมู็ทตี้ ภายในร้านกาแฟ เวอร์เด้คอฟฟ์ นั่งจิบกาแฟในนี้ได้ชิลล์กำลังดี สั่ง Loghome Mocha มาชิมครับ แก้วนี้ราคา 50 บาท รสชาติกลมกล่อมหอมโกโก้หน่อยๆตามสไตล์มอคค่านั้นแหละ ของน้องชายสั่ง Loghome Latte ดูสีสันน่ากินกว่ามอคค่าแก้วเราซะอีกแหนะ [50 บาท] จบจากโซนร้านกาแฟ เราก็เดินมายังโซนร้านอาหารกันต่อ อย่างที่บอกที่นี้มีทั้ง Indoor และ Outdoor เลือกนั่งได้ตามใจชอบ โซนข้างนอกอีกมุมหนึ่งครับ มุมสวนเล็กๆ ข้างๆร้าน มุมนี้น่ารักมากเลย ด้วยสไตล์ของร้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่อนข้างมากอย่างงี้ เลยได้ยินว่ามีคนมาใช้สถานที่จัดงานแต่งงาน กันที่นี้บ่อยๆ เพราะร้านใหญ่พอสมควรเลย เอาละ เดินมาชมด้านในบ้านล็อกโฮมกันต่อ ภายในเป็นห้องแอร์ จำนวนโต๊ะไม่เยอะเท่าโซนด้านนอก แต่บรรยากาศก็ถือว่าโอเคเลยละ มาดูเมนูกัน ที่นี้มีเมนูอาหารน่าทานๆ เยอะมากๆเลย และไม่ได้ขายแต่แค่อาหารยุโรปพวกสเต็ก สลัด สปาเก็ตตี้เท่านั้น ยังมีอาหารไทย อาหารจีน ส้มตำ ข้าวเหนียวก็มีขายเหมือนกัน เมนูเลยมีให้เลือกเยอะมากๆ เริ่มกันที่ซีซ่าสลัด Caesar Salad มาเสิรฟแบบจานใหญ่พอสมควร ผักหลากหลายมากๆมีไข่ต้มและเบคอนกรอบ เป็นท็อปปิ้ง เสิร์ฟน้ำสลัดแยกมาตั้งหากด้วย น้ำสลัดของที่ร้านรสชาติหวานเปรี้ยวกำลังดี [170 Baht] ต่อกันด้วยซุปครีมเห็ด (Mushroom Cream Soup) น้ำซุปหอมกลมกล่อม รสชาติอรอ่ยใช่ได้เลย [80 baht] แต่เสียดายที่ความข้นน้อยไปหน่อย ส่วนตัวผมชอบซุปครีมที่ข้นๆกว่านี้อีกหน่อย ต่อกันอีกจานด้วยสปาเก็ตตี้ คาโบนาร่า (Spaghetti Carbonara) ของที่ร้านทำมารสเข้มข้นมากทีเดียว ใส่เห็ดและเบคอนกรอบมาด้วย ใครชอบทานคาโบนาร่า มาร้านนี้ต้องสั่งครับ ไม่ผิดหวัง [170 Baht] ต่อกันที่จานอร่อยถูกใจผมอีกจานนึง ชุดไส้กรอกเยอรมัน (German Sausage set) เสิร์ฟไส้กรอกมา 2 แบบ ชิ้นใหญ่พอสมควรเลย พร้อมกับเครื่องเคียงเป็นซาวเคร้าท์(กะหล่ำปลีดอง)และมันบดเนื้อเนียนนุ่ม 1 ก้อนและผักสลัดอีกนิดหน่อย ในราคาเพียง 180 บาทถือว่าคุ้มค่ามากๆครับ มาต่อกันที่สเต็กจานหลักถูกใจในมื้อนี้อีกเมนู Pork Chop ซอสพริกไทยดำ มาแบบชิ้นใหญ่มาก หมูไม่เหนียว หั่นง่าย ทานสบาย ชอบตรงน้ำซอสสูตรพริกไทยดำของที่นี้ อร่อยถูกใจจริงๆ เมนูนี้ราคา 250 บาท แต่ชิ้นใหญ่อร่อยถูกใจ เอาไป 5 ดาวเลย ปิดท้ายอาหารคาวด้วยส้มตำไทยอีก 1 จาน (แบบว่าเห็นโต๊ะข้างๆสั่งข้าวเหนียวส้มตำมาทาน เกิดน้ำลายไหลอยากกินบ้าง ซะงั้น) รสเผ็ดพอสมควร [70 บาท] ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง ไอศกรีมชาเขียวถั่วแดง เสิร์ฟไอติมมา 2สกู๊ปพร้อมกับโป๊ะถั่วแดงบดมาด้านบน [45 Baht] แต่ปิดท้ายจริงๆกันด้วยเบียร์เยอรมันอีกขวด ร้านนี้ขายเบียร์เยอรมันด้วยครับมีหลายยี่ห้อ แต่เน้นๆมาที่ยี่ห้อ ERDINGER มีเกือบทุกแบบเลย อย่างขวดในภาพนี้เป็นแบบ Alcohol Free แต่จริงๆมันก็มีแอลกอฮอลล์อยู่นิดหน่อยแหละ แต่น้อยมากๆแค่เพียง 0.4% เท่านั้น สรุปโดยรวม ร้านเวอร์เด้ มอนทาน่า พระราม2 ถือเป็นร้านที่น่าสนใจอีกร้าน จุดเด่น - บรรยากาศดี ร้านมีหลายโซนให้เลือกนั่งได้ - อาหารหลากหลายดี เพราะมีทั้งแบบยุโรป อาหารไทย อาหารจีน กาแฟสด เบียร์ ไวน์ - ตกแต่งร้านสไตล์ทรงยุโรป แบบบ้านไม้ล็อกโฮม ทำให้ดูแปลกตาไปจากร้านอาหารทั่วๆไป - ราคาอาหารถือว่าปานกลาง เริ่มต้นที่ 80 บาท ไปถึง 200-300 บาท แล้วแต่ประเภทอาหาร - มีห้องคาราโอเกะส่วนตัว เครื่องเสียง+ทีวี ยังดูใหม่ๆอยู่เลย - ราคาอาหารรวมแวตแล้ว ไม่มี++ อะไรอีก จุดด้อย - อาจจะไกลไปหน่อย สำหรับคนที่อยู่ย่านอื่นๆ เพราะร้านอยู่ชานเมือง แถบมหาชัย - ถ้ามาครั้งแรกจะหาร้านยากนิดหน่อย เพราะต้องวิ่งเส้นคู่ขนาน หลังขับออกจากมหาชัยเมืองใหม่ ร้านเวอร์เด้ มอนทาน่า TEL: 034-441405 เวลาเปิดปิด: 10.30 - 22.00 น. ทุกวัน ดูข้อมูลร้าน Verde Montana เพิ่มเติมที่เฟสบุ๊คร้าน |
New skylab
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ชอบกิน ชอบลองอาหารใหม่ๆ ร้านอาหารอร่อยๆ Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |