พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบผลการศึกษาโครงการการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จ.เลย ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) เสนอว่า รัฐบาลจะเดินหน้าสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง โดยจะแบ่งใช้งบประมาณออกเป็น 3 ปี ปีละ 200 ล้านบาท มูลค่า 633 ล้านบาท

โดยยืนยันผลการสำรวจความเห็นจากหลายหน่วยงาน การรับฟังเสียงจากประชาชนในพื้นที่ ชาวบ้าน ภาครัฐ นักธุรกิจ ภาคเอกชน พบว่า มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สามารถสร้างรายได้มหาศาล สร้างงานเพิ่มขึ้นให้กับคนในพื้นที่ และจะทำให้นักท่องเที่ยวมีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากจะมีความสะดวกสบายในการเดินทางขึ้นภูกระดึง

อย่างไรก็ตามในส่วนผลกระทบสิ่งแวดล้อมและปัญหาที่ตามมานั้น ได้มีการศึกษาเรื่องนี้เป็นอย่างดี

และเห็นว่าถ้าสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง จะสามารถควบคุมปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นมาได้ สำหรับการสร้างครั้งนี้จะใช้เทคโนโลยีใหม่จากต่างประเทศ โดยการเจาะหลุม ไม่มีการตัดต้นไม้ ใช้พื้นที่ในการสร้างฐานกระเช้าแค่ 1 ไร่เท่านั้น ส่วนจุดที่ตั้งจะอยู่ในหุบเขาที่ไม่บดบังทัศนียภาพของภูกระดึง

ขณะที่คณะกรรมการอยู่ระหว่างรอลุ้นผลการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ถ้าอีไอเอผ่าน คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปีในการสร้างกระเช้า และยืนยันว่า ขณะนี้มีคนเห็นด้วยมากถึง 99 เปอร์เซ็นต์

ส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ไม่เห็นด้วยกับโครงการ โดยระบุว่า เป็นการทำลายธรรมชาติ และเสน่ห์ของภูกระดึง ที่มีสัญลักษณ์เด่นคือการปีนป่ายเขาสูงชันเกือบ 9 กิโลเมตร เพื่อพิชิตลานหินกว้างบนยอดภูเขา ซึ่งบางรายกล่าวว่า หากมีความชัดเจนเรื่องการก่อสร้าง ก็พร้อมไปรวมตัวกันที่บริเวณทางขึ้น เพื่อคัดค้านอย่างถึงที่สุด