จากกรณีเกิดกระแสข่าวลือแพร่สะพัดไปในสังคมออนไลน์ ว่า
พื้นที่บริเวณสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขตรอยต่อ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี และ อ.วังม่วง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นเขื่อนคันดินความยาวประมาณ 4,800 เมตร เกิดรอยแตกร้าวเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวบ้านและผู้ที่ได้พบเห็น
นอกจากนั้น ยังมีข่าวด้วยว่า บริเวณสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเป็นถนน พบรอยแตกร้าวมีความลึกประมาณ 30 เซนติเมตร เป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร
โดยความกว้างยาวรอยแยกมีขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตร ซึ่งมีการคาดเดาว่าเป็นผลจากการระบายน้ำออกจากเขื่อนอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับน้ำฝนในฤดูน้ำหลากที่จะมาถึง เป็นเหตุทำให้พื้นที่ของเขื่อนป่าสักฯ ในขณะนี้เริ่มแห้งขอด และถึงแม้ว่าจะพบรอยแตกร้าวบนสันเขื่อน แต่หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวเที่ยวชมบนสันเขื่อน และยังเปิดให้ใช้เป็นเส้นทางสัญจรอยู่ต่อไป เกี่ยวกับข้อวิตกกังวัลดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 มี.ค. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผวจ.ลพบุรี และนายบุญชอบ หอมเกษร ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากได้ตรวจสอบตลอดแนวสันเขื่อนป่าสักฯ แล้ว
พบว่ารอยร้าวดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างหลัก กม.ที่ 4 - 4.5 ระยะทางประมาณ 500 เมตร ซึ่งพบว่ามีรอยร้าวเป็นแนวยาวหลายแห่ง แต่ไม่ต่อเนื่องกัน โดยมีรอยร้าวยาวช่วงละประมาณ 8 - 20 เมตร รอยร้าวมีความกว้างประมาณ 3 5 เซนติเมตรและลึกประมาณ 5 - 15 เซนติเมตร
สำหรับรอยร้าวดังกล่าวเกิดเฉพาะ "พื้นผิวถนน" บนสันเขื่อนป่าสักฯ เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับตัวสันเขื่อนป่าสัก ซึ่งในการดำเนินการก่อสร้างนั้นได้ก่อสร้างตามมาตรฐาน มีความแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักและปริมาณน้ำได้เป็นอย่างดีในปริมาณที่กำหนด
นายฉัตรชัย ผวจ.ลพบุรี กล่าวกับสื่อมวลชนหลังจากที่ได้ตรวจสอบตามแนวสันเขื่อนป่าสักฯ ว่า
จากการตรวจสอบเชื่อว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปตามสภาพ เนื่องจากถนนบนสันเขื่อนป่าสักฯ ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งผิวของถนนก็จะต้องมีอายุการใช้งานและรอยร้าวนั้นก็อยู่บริเวณไหล่ถนนบนสันเขื่อนป่าสักฯเท่านั้น ก็ต้องขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ให้ความสนใจและขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนได้รับทราบความเป็นจริงตามที่ชี้แจงด้วย
ขณะที่นายบุญชอบ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กล่าวว่า
พื้นผิวการจราจรที่มีรอยร้าวนั้นได้ใช้งานมากว่า 10 ปีแล้ว จึงทำให้เกิดการแตกร้าวเป็นจุดๆ ช่วงปลายของสันเขื่อนป่าสักฯ โดยทุกปีก็จะตรวจสอบและมีการดำเนินการซ่อมบำรุง ส่วนตัวเขื่อนป่าสักฯ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญก็ตรวจสอบทุกปี อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ยังไม่ได้เข้ามาซ่อมแซมถนนจึงทำให้ประชาชนที่เดินทางมาชมความสวยงามของเขื่อนป่าสักฯ เข้าใจผิดว่า จะส่งผลกระทบกับตัวเขื่อนป่าสักฯ โดยสันเขื่อนป่าสักฯ นั้นมีความสูง 36.5 เมตร ด้านบนกว้าง 10 เมตร
สำหรับปริมาณน้ำที่เก็บกักอยู่ในตัวเขื่อนป่าสักฯในวันนี้มี 373 ล้านลบ.ม.หรือร้อยละ 47 พร้อมกับได้มีการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนวันละ 3.7 ล้าน ลบ.ม. ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
| 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [
