HK-MACAU ฮ่องกง มาเก๊า ตาม ๆ เขาไปแบบไม่ต้องคิดไร 20-22 Sep 2009

ทริปนี้ เที่ยวแบบตาม ๆ เขาไปเลย ไม่ต้องคิดไรมาก ไปไหนไปกัน จนถึงตอนนี้ก็จำอะไรแทบไม่ได้เลย Smiley

วันแรก -> ข้ามไปฮ่องกง, Peak Term, ดูแสดงเลเซอร์

จำได้ว่าเครื่องเราขึ้นลงที่มาเก๊า แล้วก็อาศัยรถฟรีในคาสิโน Venetian เพื่อไปลงเรือไปฝั่งฮ่องกง นอนที่ฮ่องกง นี่คือภาพภายในเรือที่เรานั่ง

เข้าที่พักเราก็ออกไปตะลอน ๆ กัน

รถเมล์ 2 ชั้น สัญญลักษณ์ประจำเกาะฮ่องกง

ทางขึ้น Peak Term

คนรอขึ้นรถรางเยอะมาก ๆ

ถึงแล้วบนสุด วิวสวยมาก

ขึ้นมาแล้ว ก็นั่งร้านกาแฟชิว ๆ ดื่มด่ำบรรยากาศซะหน่อย

ตอนเย็นเราก็นั่งเรือไปริมฝั่ง เพื่อดูการแสดงเลเซอร์ ไฟล์ภาพเราหายไป เสียดายมาก ๆ Smiley

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันที่สอง 21 Sep -> Ngong Ping Village , Citygate Outlet

วันถัดมา เราจะไปไหว้พระใหญ่กันที่ นองปิง ระหว่างทางเจอวัดนี้ เลยเข้าไปชมสักนิดนึง

นี่คือลักษณะอาคารบ้านเรือนของคนฮ่องกง ที่เป็นตึกระฟ้า สามารถเห็นได้ทั่วไปทั้งเกาะ

ว่าจะนั่งกระเช้าขึ้นนองปิงซะหน่อย ดันปิดซ่อม Smiley ก็เลยต้องนั่งรถขึ้นไปแทน นึกว่านั่งรถอยู่ทางเหนือ คล้าย ๆ กันเลย แล้วเราก็มาถึง

คู่นี้ได้กลับมาแต่งงานกันในปี 2011 Smiley

ขนมร้านนี้ขึ้นชื่อ  เพราะงั้นต้องลอง Smileyแต่จำชื่อร้านไม่ได้แล้วอ่ะ แต่คุ้น ๆ ว่าน่าจะชื่อร้าน Honeymoon dessert

ฝนกำลังจะตก เราเลยไม่ได้ขึ้นไปบนองค์พระใหญ่ และต้องรีบตีตั๋วรถกลับลงมาข้างล่าง ระหว่างรอรถ ฝนก็ตกลงมาทันที Smiley 

พอลงมาเราก็เลยแวะกินข้าวเย็น พร้อมกับชอปปิ้งกันที่ห้าง Citygate Outlet ซะเลย ของถูกดี++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันสุดท้าย 22 Sep -> Macau, Venetian, Ruin of St' Paul Church (โบสถ์เซ็นพอลล์) , เซนาโด้สแควร์

วันนี้ต้องข้ามกลับมาเที่ยวฝั่งมาเก๊า ส่วนกระเป๋าเราก็ใช้บริการฝากไว้ที่ Venetian ประหนึ่งว่าเราเป็นลูกค้ามาเล่นคาสิโนของเขา Smiley 

เสร็จแล้วเราก็เดินออกไปเที่ยวหน้าตาเฉย ไปที่โบสถ์เซ็นพอลล์ กันก่อนเลย

  พอมองหันกลับไปจะเจอ เซนาโด้สแควร์

หลังจากชอปปิ้งที่นี่เสร็จ เราก็กลับมาเที่ยวใน Venetian กันสักหน่อย

 

มีเรือบริการสำหรับใครที่อยากนั่งเรือ พร้อมคนพายและร้องเพลงไปด้วย

ลากันไปด้วยแสง สี เสียง ยามค่ำคืนของมาเก๊า




 

Create Date : 26 กันยายน 2554    
Last Update : 27 เมษายน 2555 15:24:06 น.
Counter : 546 Pageviews.  

JAPAN ญี่ปุ่น รอบ 2 (Nagoya-Gifu-Kgyoto) ในฤดูร้อน 10-20 Jul 2008

ไปหาอดีตคุณแฟนที่บ้าน(น้องชายแฟน) ซึ่งอยู่ที่กิฟุ ก็ต้องนั่งเครื่องไปลงที่นาโกย่า แล้วต่อรถไฟฟ้าจาก Central Japan International Airport Nagoya ไปลงที่ Meitetsu Gifu ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 55 นาที ค่ารถประมาณ 1,310 เยน สะดวกดี แล้วก็ให้อดีตคุณแฟนมารับที่สถานีกิฟุ

ดิฉันแอบซุกมะม่วงน้ำดอกไม้จากเมืองไทย 3 ลูกเป้ง ๆ ไปในกระเป๋าเดินทางด้วย อยากให้น้องชายแฟนได้ชิม Smiley  พอผ่านต.ม. เราก็ชวนคุยซะเลย จะได้ไม่ตรวจมาก Smiley ผ่านมาได้อย่างฉลุย 

ไปญี่ปุ่นหน้าร้อน ขอบอกว่าร้อนม๊าก มาก เข็ดเลย ต่อไปจะไม่มาหน้าร้อนอีกแล้ว

ทริปนี้ส่วนใหญ่จะอยู่บ้าน และเที่ยวแถบ ๆ นั้นเป็นหลัก ไม่ค่อยได้ไปไหนมากมาย เหมือนมาพักผ่อนเลย มีไปเที่ยวเกียวโต 1 วัน ซึ่งที่เที่ยวในเกียวโตส่วนใหญ่จะเป็นวัด มาดูวัดที่ไปเที่ยวกันคร๊า Smiley

วัดน้ำใส หรือวัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera) สาเหตุที่เรียกว่า "วัดน้ำใส" ก็เนื่องมาจากมีน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำ 3 สาย ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไหลมาจากเทือกเขา วัดนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 788

มาดูรูปกันว่าวัดสวยงามขนาดไหน เริ่มจากทางเข้าวัดเลย

วัดนี้ต้นไม้เยอะดี และจุดเด่นอยู่ที่การสร้างวิหารริมเชิงเขา ซึ่งใช้ไม้ซุงขนาดใหญ่ประมาณ 130 ต้น ซ้อนกันขึ้นไปเป็นฐาน ซึ่งใช้วิธีการเข้าลิ่ม ไม่ได้ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว ทำให้ทึ่งและเสียวได้เหมือนกัน นึกเล่น ๆ ถ้าไม้มันผุ จะทำไงเนี่ยะ Smiley

มีเรื่องเล่าประเพณีเก่าแก่ ....ประเพณีการโดดระเบียง ว่ากันว่า สมัยก่อนใครกระโดดจากระเบียงสูงแห่งนี้ลงไปยังพื้นเบื้องล่าง แล้วยังรอดชีวิตอยู่ได้ จะอธิษฐานขอสิ่งใดล้วนสมปรารถนา (Smiley นู๋ขอสละสิทธิ์ละกัน) แต่ปัจจุบันประเพณีดังกล่าวได้รับการยกเลิกไปแล้ว

ขอนางแบบแชะบ้างนะคร๊า ที่เมืองไทยใส่แบบนี้เข้าวัดไม่ได้นะคร๊า แต่ญี่ปุ่นเขาไม่ถือ ก็มันร้อนอ่ะ

จากระเบียงมองลงไปจะเห็นธารน้ำ 3 สายที่มีความเชื่อว่า หากใครได้ดื่ม

น้ำสายที่ 1 จะประสบความสำเร็จด้านการศึกษา 
น้ำสายที่ 2 จะสมหวังในความรัก 
น้ำสายที่ 3 จะมีสุขภาพแข็งแรง

 

 วัดซังจูซังเกนโด (Sanjusangendo Temple) น้องชายแฟนรู้ว่าเรานับถือเจ้าแม่กวนอิม เลยแนะนำวัดนี้ว่าต้องไปให้ได้ เพราะที่วัดนี้จะมีเจ้าแม่กวนอิมพันมือ เป็นพันองค์เลย ขลังมาก ๆ ถ้าจำไม่ผิดห้ามถ่ายรูปภายในวัด เราก็ได้แต่รูปถ่ายภายนอกมา วัดนี้จะเป็นวิหารในสวนหิน

วัดทอง (Kinkakuji Temple) หรือวัดอิคคิวซัง ซึ่งก็คือวัดที่เราเห็นในการ์ตูนเรื่องนี้นั่นเอง แต่เสียดาย เราไปไม่ทัน เขาปิดแล้ว แงแง Smiley เสียดายอ่ะ โกรธแฟนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลย Smiley 

ในแผนที่ ปราสาทสีทองนั่นแหละ เป้าหมายของเรา แต่ไปไม่ทัน

ด้วยความที่ออกจากบ้านช้า เลยทำให้เที่ยวได้แค่ 3 วัดนี้แหละ พอเริ่มเย็น ก็เริ่มหิวแล้ว ไปหาของกินกันบ้างดีกว่า ตรงนี้จะเป็นโซนอาหารทั้งแถบ อยู่ริมน้ำ (อะไรก็ไม่รู) Smiley

 

ตามมาดูในซอยกันเลยคร๊า มีแต่ร้านอาหารละลานตา เลือกไม่ถูกเลย

เอ๊ะ กินร้านนี้ดีไหมน๊ะ

หลังจากกินอิ่มแล้ว ก็ขอชอปปิ้ง ซื้อของฝากน้องชายแฟนซะหน่อย เพราะไปอาศัยอยู่บ้านเขา ต้องมีของติดมือไปบ้าง Smiley ของฝากจากญี่ปุ่นไปฝากคนญี่ปุ่นจ้า SmileySmiley น่าอร่อยอ่ะ อยากกินเองด้วย 5555

คนนี้เลย ที่เราแอบไปซุกหัวนอนบ้านเขา (น้องชายแฟนนะ)

เขาเปิดร้านอาหารอยู่ใกล้ ๆ บ้าน ทำอาหารอร่อยม๊าก มาก Smiley  เลยได้ไปฝากท้องที่ร้านเขาหลายครั้ง เกรงจายจัง อยู่ก็ฟรี กินก็ฟรี (จะจ่ายเงินเขาก็ไม่ยอมรับ) เล่นกับหมาบ้านเขาก็ฟรี Smiley หมาน่ารักอ่ะ พาไปวิ่งเล่นทุกวันเยย มาดูอาหารร้านเขาบ้างดีกว่านะ

เมนูเซตกลางวัน อร่อยอ๊ะ SmileySmiley  (ไม่ยอมรับเงินเราอีกแล้ว)

ดูเขาทำไข่ม้วนพอดี เมื่อก่อนจะคิดว่าไข่ม้วนทำให้แบน ๆ แล้วมาม้วน ๆ ทีหลัง น่าจะทำง่าย แต่พอดูเขาทำแล้ว จริง ๆ ทำยากมากอ่ะ ต้องม้วนจากในกะทะตอนทำเลย

ส่วนมื้อเย็น เขาก็เชิญเรามาทานอาหารที่ร้านเขาอีก อาหารเย็นอร่อยอีกแล้วอ่ะ โดยเฉพาะปลาต้มซีอิ๊วนี้ อร่อยม๊าก มาก ไม่เคยกินที่ไทยเลย แฟนบอกว่า ปลาชนิดนี้แพงมาก (จริงป่าวหว่า Smiley) ชื่อ ฮิเมได

หอยเชลล์ตัวเคื่องมาก ๆ อร่อยได้อีก

ปลาย่างเกลือ ย่างกันเห็น ๆ ตรงเคาเตอร์เลย

ทุกอย่างที่อยู่บนเคาเตอร์ เขาก็ตักมาให้ชิมหมด

กินไปอีกหลายอย่างมากเลย ก็มันอร่อยอ่ะ แต่พอลูกค้าเริ่มเยอะ ก็ไม่กล้าถ่ายรูปแล้ว จนตบท้ายด้วยขนมหวาน Smiley

ตั้งใจว่าคราวนี้แหละ จะต้องจ่ายเงินให้ได้ Smiley แฟนบอกว่าเธอจ่ายไม่ไหวหรอก มื้อนี้แพงนะ ที่กินไปอ่ะหลายพันเลย แป่ว Smiley  น้องชายแฟนก็บอกไม่เป็นไร เลยไม่รู้จะทำยังไง ก็กินฟรีอีกเช่นเคย 555 พอกลับมาเมืองไทย ก็เลยซื้อของฝากส่งไปให้เขาที่ญี่ปุ่น เป็นน้ำใจแทน

ขอบคุณคร๊า คุณพ่อครัวที่แสนใจดี

 และก็อดีตคุณแฟนด้วย ขอบคุณที่รักกันมาหลายปี

วันถัดมา คุณแฟนก็ได้เชิญเพื่อน ๆ ที่ทำงานในร้านอาหารน้องชายมาร่วมทานอาหารที่บ้าน เราก็เลยไปชอปปิ้ง เตรียมตัวทำอาหารเย็นกัน ชอบถนนแถวบ้านเขาดูร่มรื่นดี

คนญี่ปุ่นจะใช้รถเล็ก ๆ กันเป็นส่วนใหญ่

คุณแฟนก็ทำอาหารไทย ๆ ให้ทานเลย ต้มยำกุ้ง แบบไม่เผ็ดมาก Smiley เพราะเราทำอาหารไม่เป็น

หน้าตาผู้ร่วมดินเนอร์ ทุกคนน่ารัก เป็นมิตรมากมาย ส่วนเราก็หน้ามันมาจากในครัวเลย Smiley

และลูก ๆ ของ 3 คนนี้ อิอิ

กินเสร็จ ก็เอาพลุไฟเล็ก ๆ มาเล่นกัน ไม่ได้เล่นพลุแบบนี้มานานมากแล้ว

 

วันรุ่งขึ้น เราก็ไปอควาเรียมกัน เพราะไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดี Smiley น้องชายแฟนน่ารักมาก ทำอาหารกลางวันใส่กล่องมาให้พวกเรากันด้วย

เจอสัตว์ข้างนอกก่อนเลย

ส่วนข้างในจะมีสัตว์น้ำเพียบ

วันอื่น ๆ ก็มีไปนาโกย่าบ้าง แต่ไม่ได้เอากล้องไปด้วย นอกนั้นก็เที่ยวเล่นแถว ๆ นั่นเอง ร้อนมากมาย จนแทบไม่อยากไปไหนเลย แต่บ้านเมืองเขาน่าอยู่จริง ๆ ผู้คนก็น่ารัก มีที่นิดนึงเขาก็ปลูกข้าวกันด้วยนะ ตอนเย็น ๆ เราก็จูงหมาออกมาวิ่งเล่น ชีวิตมีความสุขจัง หมาชื่อ ซาบะ Smiley 555 สงสัยมันว่ายน้ำเก่ง 

ลากันไปด้วยภาพสนามบินนาโงย่าละกันคร๊า ซึ่งเป็นสนามบินที่ถมทะเลสร้าง ทำให้เวลาเครื่องแลนดิ้ง มันจะเหมือนลงทะเล Smiley

 

 

สัญญากับตัวเองว่า ถ้าคราวหน้าไปญี่ปุ่นรอบที่ 3 จะต้องไป เจแปน เอลฟ์ หรือกำแพงหิมะให้ได้ Smiley




 

Create Date : 26 กันยายน 2554    
Last Update : 27 เมษายน 2555 15:24:42 น.
Counter : 3519 Pageviews.  

VIETNAM เวียดนาม เสียงแตรในโฮจิมินห์ 13-16 Jun 2008

ทริปนี้เกิดได้ เพราะกำลังนั่งกินมื้อเย็นกับเพื่อน ๆ  แล้วอยู่ ๆ พี่ที่รู้จักกันก็โทรมาชวน "ไปเที่ยวเวียดนามไหม ที่พักฟรี" แค่ได้ยินคำว่าฟรี ปากก็ตอบตกลงทันที แบบไม่ต้องคิดเลย Smiley  ทำให้เกิดทริปใจง่ายนี้ขึ้นมา

เนื่องจากพี่ที่ชวน เคยทำงานที่บริษัทนี้ และเมื่อไปเปิดสาขาที่เวียดนาม ก็จะมีพนักงานไทยไปอยู่ประจำที่เวียดนาม โดยเช่าบ้านพักอยู่รวมกัน ดังนั้นพวกเราก็เลยได้อนิสงค์ไปขออาศัยพักฟรีด้วย อิอิ

ทริปนี้เป็นทริปที่ชิว ๆ มาก แบบเดินตามไปอย่างเดียว ไม่ต้องคิดไรมาก เพราะมีพวกพี่ ๆ พาเที่ยว เป็นทริปที่ภาพไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เพราะภาพหายไปเยอะ Smiley

เดินทางด้วยแอร์เอเซียเช่นเดิม ประเดิมด้วยภาพ ลุงโฮ ก่อนเลย ให้รู้ว่ามาถึงเมืองนี้แล้ว 

โฮจิมินห์เต็มไปด้วยมอเตอร์ไซด์ และเสียงแตร อยู่ตลอดเวลา แต่ก็แปลกดี ไม่มีทะเลาะ และชนกันเลย

ผู้คนที่นี่ตื่นเช้า และขยันมาก อาหารที่นี่ก็อร่อย หรือพี่เขาพาเราไปแต่ร้านอร่อยๆ ก็ไม่รู้ 

ส่วนกาแฟเวียดนามเราชอบมาก ๆ ร้านกาแฟที่นี่ จะเหมือนแนวพาครอบครัวมาปิคนิคกันเลย มากันทั้งครอบครัว ลูก ๆ ก็มานั่งเล่นกันในร้านกาแฟ

เจอเครื่องชั่งน้ำหนัก แบบนี้ แปลกดี

พี่พามาร้านกาแฟ เบเกอรี่ ร้านนี้ สวยอ่ะ ถ้ามาเองไม่กล้าเดินเข้ามาหรอก เพราะทางเข้า น่ากลัวโคตร ๆ เหมือนทางเข้าตึกร้างเลย แต่พอเข้ามาเจอร้าน สวยอ่ะ Smiley

หลังจากนั้น เราเดินทางไปพิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum)

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รวบรวมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในสมัยสงคราม รูปถ่ายของสงคราม ภาพผู้คนที่เสียสละชีวิต บาดแผล และความเจ็บปวดของชาวเวียดนามที่ต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางกระสุนปืน และชีวิตที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน มาตลอดเวลานับสิบ ๆ ปี ขอบอกว่าออกมาแล้วจะอ้วก ไม่คิดอยากจะมาอีกเลย

 

วันถัดมา เราก็ซื้อ One day tour ไปวัดก๋าวได๋, อุโมงค์กู๋จี และชมโรงงาน (จำไม่ได้แล้วว่าเป็นโรงงานทำอะไร)

วัดก๋าวได๋ (Cao Dai Temple) วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขต Tay Ninh ห่างจากตัวเมืองโฮจิมินห์ ไปประมาณ 100 กม. โดยวัดนี้จะเป็นศูนย์รวมของผู้ที่นับถือ “ลัทธิก๋าวได๋” ในโฮจิมินห์

ภายในมีประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอยู่

จากนั้นก็ไปต่อที่อุโมงกู๋จี ซึ่งเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่มีความยาวถึง 200 กิโลเมตรซึ่งขุดโดยพวกเวียดกงเพื่อหลบหนีการทำลายจากระเบิดเชื้อเพลิง (นาปาล์ม) ของทหารอเมริกัน ทางเดินภายในอุโมงค์นั้นจะมีความกว้างสูงไม่ถึง 1 เมตร ภายในอุโมงค์แห่งนี้นั้นก็มีทั้งห้องประชุม ห้องบัญชาการ ห้องนอน โรงเรียน โรงพยาบาล ห้องครัว เปรียบเสมือนเมืองๆ นึงเลย

ไฮไลท์ของการมาชมอุโมงค์กู๋จี ก็คือพานักท่องเที่ยวทดสอบการเดินภายในอุโมงค์เป็นระยะทางสั้นๆ ซึ่งอุโมงค์สาธิตที่เตรียมไว้ ได้ทำการขยายขนาดและปรับพื้นทางเดินเพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยวแล้ว เสียดายภาพหายไปหมด Smiley

เสร็จแล้วก็ขอประลองฝีมือความแม่นยำ ด้วยปืนอาการ์ (มั้ง จำไม่ได้แล้ว)

 

วัดถัดมา ไปอดีตทำเนียบประธานาธิบดีบ้าง

ไปรษณีย์กลางของโฮจิมินท์ ไปรษณีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่เวียดนามยังอยู่ในการปกครองของฝรั่งเศสช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ผู้ออกแบบไปรษณีย์แห่งนี้คือ Gustave Eiffel สถาปนิกระดับโลก ด้วยศิลปะแบบโกธิค

โบสถ์ใกล้ ๆ ไปรษณีย์

ส่วนชอปปิ้งของฝาก ต้องมาที่ตลาดเบนถัน แม่ค้าหลายร้านพูดไทยได้ด้วย

ลากันด้วยภาพผลไม้ที่เวียดนาม ขอบอกว่าผลไม้แต่ละอย่างลูกใหญ่กว่าเมืองไทยมาก ๆ





 

Create Date : 26 กันยายน 2554    
Last Update : 27 เมษายน 2555 15:25:08 น.
Counter : 798 Pageviews.  

1  2  

katjang
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




RewriteRule ^category/(.+)$ http://www.yourblog.com/$1 [R=301,L]
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add katjang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.