images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

คนแบบที่เราอยู่ด้วยยาก

เหนื่อยใจจัง กลับบ้านก็เหนื่อย กลับมาบ่นในนี้ดีกว่า เผื่อจะมีใครมานั่งเป็นเพื่อน รับฟังและ share ความเหนื่อย เผื่อมันจะบรรเทาความเหนื่อยใจลงบ้าง

ไม่อยากแบกปัญหากลับบ้าน แต่การวางก็ไม่อาจวางได้หมด ถึงได้บอกว่าต้องฝึกอีกเยอะมากนะคะ

ในที่ทำงานมีคนหลายประเภท นอกจากน้องสมอ ที่เคยเล่าไปแล้วว่าทำให้ฉันอ่อนอกอ่อนใจ ก็ยังมีคนประเภท 'ข้าใหญ่' 'อวดเก่ง' และเบ่งเพราะตำแหน่ง

แปล๊กแปลก ฉันทำงานมาสิบกว่าปีจนบัดนี้มีลูกน้องในความดูแล ฉันยังไม่เห็นอยากจะอวดเบ่ง ใช้อำนาจในทางที่มิชอบเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำให้ลูกน้องอยู่กับเราแบบไม่สบายใจ ประเภทตบหัวแล้วลูบหลัง ยิ่งไม่เคยทำ

มีคนประเภทข้าใหญ่ เบ่งกับคนอื่น และไม่ยอมให้ความช่วยเหลือ ตลอดจนไม่พูดกับคนที่มีตำแหน่งด้อยกว่า จะทำก็ต่อเมื่อคนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันขอ หรือคนที่ใหญ่กว่าสั่งเท่านั้น

คนแบบนี้ ชอบเอาหน้าด้วยนะ เอะอะก็จะ present โดยที่เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น แล้วก็แปลกอีก ที่คนแบบนี้มักจะได้ดี

เจอแบบนี้ ฉันว่าหลายๆคนคงออกอาการเซ็ง

ที่ไหนๆก็คงจะมีคนแบบนี้ คนแบบที่อยู่ด้วยยาก และแทบไม่อยากจะอยู่ด้วย ชื่อเสียงเน่าเหม็นก็ยังไม่คิดจะแก้ไข ไม่รู้ใช้อวัยวะใดทำงานเนอะ นอกจาก 'ปาก' คงไม่ใช้อะไรเลย

อูย ... แรง

เจอมาเยอะน่ะค่ะ อดไม่ได้ที่จะบ่น

คนแบบที่เราอยู่ด้วยยาก มันจะบอกได้ด้วย sense นะคะ ยิ่งหากว่าเราเป็นคนที่ตรงๆ ( แบบฉันนี่แหละ ) ไม่ใช่ตรงแบบว่าโผงผางนะคะ แต่ตงฉินน่ะ ไม่มีเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ถูกคือถูก ผิดคือผิด ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ เราจะอดทนกับคนแบบนี้แทบไม่ได้เลย

ฉันพบว่ามันยากมากๆ กับการต้องอดทนและข่มใจ บางทีเราไม่อยากจะยอมรับ ไม่อยากแม้แต่จะเสวนา ไม่อยากจะอะไรทั้งนั้น แต่ด้วยความที่เราต้องอยู่ในสังคม เราหลีกคนแบบนี้ยากค่ะ สิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องทำใจของตัวเอง เพราะเราแก้ใครไม่ได้เลย

โชคดี ที่วันนี้เป็นวันศุกร์ และฉันควรปิดสวิตซ์ตัวเองเพื่อจบเรื่องราวที่แสนจะรำคาญใจ ในเมื่อเป็นวันศุกร์ อย่างน้อยก็ยังมีเวลาได้พัก ไปทำอะไรที่เราชอบ ก่อนจะกลับไปสู้ใหม่

วันนี้มีน้องคนหนึ่งทำงานเป็นวันสุดท้ายค่ะ เป็นความเปลี่ยนแปลงในอีกจุดของชีวิตซึ่งฉันยังไปไม่ถึง แต่จุดเปลี่ยนเช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นกับเราสักวันอยู่แล้ว แต่จะช้าจะเร็วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อเช้านี้ขณะเดินผ่านหน้าสวนลุม ฉันคิดถึงตัวเองเมื่อห้าปีก่อน วันที่ฉันมาสัมภาษณ์งานแถวนั้น ฉันยังจำภาพตัวเองในวันที่ชีวิตถึงจุดเปลี่ยนอีกจุดได้ดีเลย หัวมุมถนนที่ไม่คุ้น ทางเดินริมถนนเส้นทางใหม่
ที่ในอีกห้าปีถัดมา ฉันยังกลับมาถามตัวเองใหม่ว่า นี่เราเดินบนถนนเส้นนี้มาจะห้าปีแล้วหรือ ทำไมนานจัง...

ไม่นึกว่าห้าปีที่ผ่านไป ในวันนี้ฉันจะเฝ้าครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง ทว่าสเต็ปของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ อาจจะต้องบอกตัวเองให้เข้มแข็งมากกว่าเดิม เพราะแท้จริงไม่มีใครจะอยู่ประคองเราได้ตลอดเวลา

ฉันเองคิดว่าตัวเอง 'แกร่ง' และอยู่ได้ด้วยตัวเองมาเสมอ ประการหลังคงใช่ แต่ประการแรก อาจไม่ 100 % เพราะฉันเห็นตัวเองในวันที่อ่อนแอมาแล้ว แต่ในที่สุดเราก็ผ่านมันมาได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร แต่สุดท้ายสัญชาตญาณของการเอาตัวรอดก็สอนให้เราต้องอยู่

แต่อย่างไร การเอาตัวรอด ก็ต้องใช้ความดีนำทางนะคะ เพราะนี่คือสิ่งที่ฉันศรัทธาและเฝ้าบอกตัวเองอยู่เสมอ สิ่งนี้ให้สติแก่ฉันตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะมีเข็มทิศ 'ความดี' นำทาง

ไม่ว่าจะเจอคนที่เราอยู่ด้วยยากกี่คน กี่แบบ นั่นอาจเป็นบททดสอบ ให้เรายิ่งต้องอดทน แม้ไม่รู้ว่าเราจะต้องอดทนไปถึงไหน แม้ไม่มีใครตอบได้ ผลสุดท้ายใจของเราจะบอกเองค่ะ ว่าขีดความอดทนของเรามันควรจะสิ้นสุดหรือยัง ?

ถ้าเราต้องอยู่ อาจเพราะเบื้องบนประสงค์ให้เราอยู่เพื่อทำแบบทดสอบ ( ยากโคตรๆ ) แต่ถ้าเราต้องไป นั่นก็อาจแปลว่า เราจะไปในที่ที่พระเจ้ากำหนดให้แล้ว

ฉันอาจจะสรุปง่าย แต่ฉันเชื่ออย่างนี้ค่ะ

มีประโยคหนึ่งจากหนังสือ 'รักษ์ชีวิต'
( ไมเคิล เกทส์ กิลล์ เขียน สมลักษณ์ สว่างโรจน์ แปล )
ที่ฉันชอบมาก เขาบอกว่า 'ฉันไปในที่ที่มีความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น' แม้ไม่ได้เป็นคริสเตียน แต่ประโยคนี้กลับทำให้หัวใจชุ่มเย็นอย่างน่าประหลาดค่ะ ยิ่งอ่านทวนซ้ำเท่าไหร่ ฉันยิ่งรู้สึกว่าเราจะไม่โดดเดี่ยวมากขึ้นเท่านั้น

บางที บางสิ่งที่เราไม่อาจ control ได้ ก็เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเรานะคะ

Let it be !!!




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2553    
Last Update : 8 ตุลาคม 2553 23:43:38 น.
Counter : 511 Pageviews.  

ฉันว่าผลสุดท้ายเราจะกลับมาหาสิ่งที่มัน basic อยู่ดีค่ะ

วันนี้ทั้งวัน ฉันนอนอยู่บ้าน เมื่อเช้าตื่นมา ทั้งหายใจไม่ออก มีน้ำมูก ปวดเมื่อยเนื้อตัว และอาจมีไข้ต่ำๆ

หลับไปเพราะยา หลายชั่วโมงในช่วงบ่ายค่ะ ฤทธิ์ยาทำให้ฉันได้พัก
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่หลับ เพราะหลับกลางวันไม่ค่อยได้ เป็นคนแปลกไหมคะ ที่นอนกลางวันไม่ได้

พอตื่น ก็โหย สงสัยเพราะไม่ได้ทานเนื้อสัตว์นั่นเองค่ะ เริ่มทานเจแล้ว
ตั้งแต่มื้อเช้าวันนี้ วันก่อนก็ตุนอาหารเจมาไว้ในตู้เย็นบ้างแล้ว หากคุณทานเจเหมือนกัน ตุนนมถั่วเหลืองไว้บ้างก็ดีค่ะ ฉันชอบดื่ม 'มิว' ไม่รู้ล่ะว่าเจหรือไม่เจ แต่มันอร่อยดี รสชาติไม่เหมือนนมถั่วเหลืองยี่ห้ออื่น

ไม่เคร่งกับตัวเองมากนักค่ะ แต่ละเว้นไม่ทานเนื้อสัตว์ ตั้งใจจะไปให้ถึงสิบวันหรือเกินกว่านั้นอีก ทำทุกปีช่วงเจ และทุกเดือน เดือนละสี่วันหรือมากกว่านั้นที่จะกินมังสวิรัติ

บุญกุศลหากก่อเกิด ขอยกให้เพื่อนร่วมโลกทั้งหมด

..

แวะมาเขียนบล็อกสักหน่อยค่ะ ว่างเว้นมาหลายวัน ถึงใครๆจะเห่อ FB กันหมดแล้ว แต่ฉันยังไม่ปันใจหรอกนะคะ แม้จะไม่ค่อยได้เขียนมากๆเหมือนเก่าก็เถอะ

เรื่องเทคโนโลยีนั้น ฉันไม่ค่อยจะ 'อิน' กับใครเขา พูดแล้วก็อดตั้งข้อสังเกตไม่ได้นะคะ

บางวันไม่ได้ตรวจดูมือถือ แล้วไปแบตหมดในที่ทำงาน พอถามหาว่าใครมีที่ชาร์ต nokia บ้าง โอย ทำไมมันหายากจัง พบว่าคนในที่ทำงานใช้ blackberry หรือไม่ก็ iPhone กันแทบทั้งนั้น อ้าว แล้วใครจะบริจาคที่ชาร์ต nokia ให้ฉันได้ ก็ไม่มีสิคะ

nokia ของฉันไม่ใช่รุ่นเชย เป็น touchscreen แท้ๆ ฟังก์ชั่นหรือก็เยอะแยะ แต่ฉันก็ใช้แค่รับเข้า โทรออก ส่งและรับข้อความ แค่นี้ !

แต่มันก็เชยไปแล้ว เพราะสมัยนี้เขาต้อง BB หรือ iPhone ค่ะ เหมือนกันล่ะ เขาใช้ FB มากกว่า Hi5 แล้วมั้ง

แต่ฉันยังชอบอะไรเดิมๆอยู่ แม้โทรศัพท์ที่มีจะทำอะไรได้หลายอย่าง แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ยังพบว่าตัวเองใช้มันเพื่อทำแค่สิ่งที่ 'เบสิค' ที่สุดที่โทรศัพท์ทำได้ นั่นคือ มีไว้เพื่อเป็นโทรศัพท์เท่านั้นค่ะ

เอ่อ .. เชยเนอะ

แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนนะคะ ในเมื่อตัวเองเป็นคนแบบนี้ ก็พอใจอะไรง่ายๆ การใช้เวลาทุกนาทีไปกับการแชทผ่าน BB ก็ไม่เคยมีในความคิดของตัวเองเลย เวลาเห็นเด็กสมัยนี้หรือหนุ่มสาวสมัยนี้ก้มหน้าก้มตา
แชทอย่างเมามันขณะโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน ( หรือบนดิน ) ก็อดคิดไม่ได้ว่า เขาไม่เมื่อยมือกันมั่งเหรอ (ฮา)

ฉันไม่ได้แอนตี้ แต่หากให้ตัวเองทำแบบนั้นก็คงไม่ ไม่ต่างอะไรกับที่ฉันยังพอใจเขียนบล็อก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ FB มันคงเป็นการใช้แบบต่างกรรมต่างวาระ ฉันว่าผลสุดท้ายเราจะกลับมาหาอะไรที่ 'เบสิคๆ' อยู่ดีค่ะ

ฉันแก้ปัญหาเรื่องหาที่ชาร์ตแบตไม่ได้โดยการเอาสายชาร์ตแบ่งไว้ที่ทำงานอันหนึ่ง ที่บ้านอันหนึ่ง จะได้ไม่ต้องยืมใคร เพราะหากจะให้ไปถอย BB ก็คงไม่ใช่คำตอบหรอกค่ะ

ยังเชยอยู่ (ฮา)

แต่ก็ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ เรามีวิธีของเรา มีความพอใจแบบของเรา
เพราะความสุขของเราไม่เหมือนกัน

และเราไม่จำเป็นต้องเหมือนใครค่ะ !!




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2553    
Last Update : 6 ตุลาคม 2553 19:53:56 น.
Counter : 563 Pageviews.  

ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง ...

เมื่อวานเพื่อนฉันบอกผ่านทาง M ว่ากำลังจะมีความรักครั้งใหม่
เพื่อนคนนี้ เป็นเพื่อนในชีวิตจริงของฉัน เราเป็นเพื่อนกันมาเกินสิบปี

ชีวิตรักของเพื่อนก็ลุ่มๆดอนๆพอๆกับฉันแหละค่ะ เราจะรับรู้เรื่องราวของกันมาตลอด เช่นกันที่มีเซอร์ไพรส์ตลอด หากไม่ได้คุยกันนานๆ
แล้วกลับมาคุย จะมีเรื่องใหม่ให้ตื่นเต้นกันอยู่เรื่อยๆ

ฟากฉัน ฉันอยู่เงียบๆ เรียบร้อยดี ซึ่งเพื่อนก็รู้ว่าที่ผ่านมา ฉันมีใคร ฉันเจออะไร มีใครกี่คนในชีวิต ตอนนี้เป็นอย่างไร อยู่กับใคร เราเล่าให้กันฟังเสมอ

เหมือนว่าเราต่างสัมผัสกันได้ด้วย sense ว่าเดี๋ยวจะต้องมีเรื่องให้ระบายกัน ขณะบางครั้งหากมีเรื่องดีๆ ก็ยินดีเล่าสู่กัน

เมื่อเพื่อนที่มีชีวิตรักลุ่มๆดอนๆ เหมือนกับฉัน กำลังจะมีรักใหม่ ฉันก็ควรยินดี ประโยคเด็ดที่บอกกับเขาคือ 'คราวนี้ให้มันจริงนะแก ขี้เกียจฟังว่าเลิกแล้ว กำลังหาใหม่อีก'

ฉันว่าอย่างนั้นแหละค่ะ เพราะหลังจากเลิกกับอดีตรักสิบปี เขาก็ไมมีใครเป็นตัวเป็นตน แว่วข่าวว่ามีคนนี้ เดี๋ยวๆก็เลิกแล้ว แล้วก็คุยกับคนโน้น เดี๋ยวๆก็เปลี่ยนอีก

'ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง' ฉันไม่ได้ถามเขาหรอกนะคะ นี่ฉันรำพึงกับตัวเอง เพราะเหนื่อยแทนกับรักแบบ มาไว เคลมไว ไปไว 'ไหนบอกว่าจะอยู่คนเดียว' อันนี้ถาม แต่เพื่อนก็หัวเราะแหะๆแล้วก็บอกว่า 'มันเหงานี่โว้ย'

ไม่ตกใจที่ตอบ เพราะเพื่อนเป็นทอม อย่างแมนเลยค่ะ

เขารักๆเลิกๆจนฉันไม่แปลกใจ หลังจากเลิกกับคนที่อยู่กันมาตั้งสิบปี อย่าไปอะไรกับเวลาเลย เห็นไหมคะ สิบปีก็เลิกได้ ไม่ยกเว้นหรอกค่ะ
เวลาไม่อาจเป็นเงื่อนไขในความรักได้ มันมีปัจจัยที่มากกว่านั้น

ทำไมเราอยู่กับคนที่เราอยู่ด้วยบางคน ได้นานขนาดนั้น แต่กับบางเวลา บางคน .. มันอาจจะเพียงไม่นานเลย ไม่นานจริงๆ

ฉันชอบเพลงของปนัดดา ชื่อ short but sweet มันมีความหมายกับฉันในช่วงเวลาหนึ่ง ความรักครั้งนั้น romantic ที่สุดแล้วล่ะ แต่มันก็จบเหมือนเพลง มันไมสั้นเหมือนชื่อหรอกนะคะ ภาพในเพลงมันก็เป็นขาวดำไปแล้ว ยังไงมันก็จบอยู่ดี

เพียงแต่มันอาจจะจบ แบบที่ฉันไม่คาดคิดเท่านั้น

ฉันว่าบางทีเราอาจค้นพบคำตอบเมื่อเวลาผ่านพ้นไปแล้ว

..ใครบ้างนะ ที่อยากรักๆเลิกๆ คงไม่หรอกนะคะ เราอยากอยู่กับความรักดีๆ อยู่กับคนรักที่รักเรา อยากมีรักนิรันดร์ แม้จะรู้ว่ามันไม่มีจริง

เพื่อนบอกว่า คนนี้น่าจะลงตัวกับเขาแล้ว มันรู้ด้วย sense ฉันฟังเพื่อนพูดแบบนี้มาหลายครั้ง แต่ไม่ใช่ด้วยน้ำเสียงและคำพูดแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องมั่นใจมากๆ และหมายมั่นปั้นมือว่า คนนี้แหละที่อยากใช้ชีวิตด้วย

อย่าเร็วนักเลย .. ฉันติง แล้วก็ปราม เพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังร้อน อยากจะเข้าหอเสียวันนี้พรุ่งนี้ แต่ประเด็นมันคือ ความฝันกับความจริง มันคนละเรื่อง

ฉันตกใจกว่าอีก ที่เขายอมถึงขนาดไปตรวจ HIV ทำไมต้องตรวจ การพิสูจน์ความรักระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง จำเป็นต้องยืนยันด้วยผลตรวจเลือดด้วยหรือ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นนะ ถ้าเพื่อนฉันไม่จริง เขาจะยอมทำขนาดนี้ได้ไง พระเจ้าช่วย !

ไม่เป็นไร .. เพื่อนว่า เขาจะลองดูสักครั้ง อย่างน้อยก็ให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาปลอดภัย ( เฮ้อ .. ) เสียงถอนใจดังออกมาจากฟากฉัน ไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากส่ายหัว .. มีแบบนี้ด้วยหรือนี่

เอาเถอะค่ะ อะไรอย่างไรก็ได้ ในเมื่อความรักมีอานุภาพขนาดเอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่แล้ว ฉันก็ได้แต่บอกเขาให้เขาโชคดี

ไม่อยากได้ยินว่าเลิกแล้ว กำลังหาใหม่อีก ..มันเหนือ่ยแทน

'แล้วเพื่อนล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง' นี่เขาถามถึงฟากฉัน แต่เรื่องของฉันหรือคะ มันไม่มีอะไรหรอก มันก็ดำเนินไปของมันอย่างนั้น สุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ ปะปน

ฉันว่าดีร้ายอย่างไร เราก็ต้องทำให้ดีที่สุดนั่นแหละค่ะ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียใจ ว่าเราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง

ใครบางคนบอกฉันว่า ฉันใจร้าย ..

ใครบางคนก็เคยทำให้ฉันรู้สึกว่า ..เขาใจร้าย

ความรักมันมีอยู่เท่านี้ค่ะ ฉันอาจเคยใจร้ายกับใครบางคน แต่มันก็ทำให้ฉันเสียใจไม่รู้จักจบสิ้น ส่วนใครที่เคยใจร้ายกับฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร

ความรักไม่มีเหตุผล การกระทำบางอย่างก็ไม่มีเหตุผล การเลือกรักใครสักคนบางทีก็ไม่มีเหตุผล ...

มันคงเป็นอย่างนั้นจริงๆ !!




 

Create Date : 26 กันยายน 2553    
Last Update : 26 กันยายน 2553 20:27:33 น.
Counter : 542 Pageviews.  

อิ่มบุญ อิ่มใจ แล้วไปกินอาหารเวียตนามใจกลางกรุงเทพฯ

เช้านี้ตื่นเช้าค่ะ หุงข้าว เตรียมไว้สำหรับไปถวายพระ
สายๆ ล้อหมุน หิ้วแกงส้มกับข้าวกล้องที่จัดไว้เป็นชุด แกงส้มเมื่อวานนี้หม้อใหญ่ ตักได้สามถุงพอดี ข้าวกล้องร้อนๆ ตักใส่ถุงเป็นสามถุงเช่นเดียวกัน

ล้อหมุนจากบางพลี ไปวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก เป็นวัดในเมืองที่มีคนไปทำบุญกันเยอะค่ะ

และเป็นวัดที่ในหลวงทรงโปรดเกล้าให้สร้างเพื่อสืบถอดเผยแผ่พระพุทธศาสนา

แวะซื้อน้ำที่เซเว่นปากทางเข้าวัด เป็นอันว่าวันนี้ได้ถวายสังฆทาน ด้วยเครื่องสังฆทานที่ตั้งใจอย่างยิ่ง เพราะทำแกงเอง หุงข้าวเอง มีเพียงน้ำกับนมที่แวะซื้อก่อนเข้าไปถึงวัด

พระท่านรับของสังฆทาน สวดให้พร เรากรวดน้ำ รับพร อุทิศส่วนกุศลให้คุณปู่ คุณยาย คุณย่า และ 'เจ้ากรรมนายเวร'

ออกจากวัดด้วยใจเป็นสุขค่ะ

จริงๆตั้งใจจะทำอย่างนี้บ่อยๆ แต่ที่ผ่านมาแทบไม่ค่อยได้ทำ หากจะทำสังฆทานก็คือการไปซื้อถังเหลืองตามร้านตามห้างเสียมากกว่า

ฟังท่าน ว วชิรเมธี ท่านเคยกล่าวว่า การทำบุญด้วยถังเหลือง บางทีเมื่อพระรับมาแล้ว ท่านไม่ค่อยได้ใช้ เนื่องจากของบางอย่างในถัง หมดอายุไปแล้วก็มี

สังฆทานในความหมายของฉัน ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องหิ้วถังเหลือง หรือไปใช้ถังเวียนในวัด แต่เราน่าจะตั้งใจนำ 'สิ่งนั้น' ไปถวายมากกว่าค่ะ อย่างคราวนี้ฉันทำอาหารไปถวาย มีน้ำกับนมไปด้วย อาหารที่เราปรุง เกิดจากความตั้งใจของเรา เมื่อเราทำก็เป็นสุขแล้ว การได้นำสิ่งที่เราตั้งใจไปถวายพระ เมื่อพระท่านรับ เราก็เป็นสุขอีกขั้น

ฉันถือว่าฉันอิ่มบุญ เพราะฉะนั้นจะขอแบ่งปัน 'บุญ' ให้คนอ่านที่แวะมาอ่านด้วยนะคะ

...

จบจากวัดพระราม 9 ฉันไปทานอาหารเวียตนามแถวๆสุทธิสาร ชื่อร้านจีรพร ร้านนี้มองด้านหน้าเป็นตึกแถว แต่ตัวร้านจริงๆต้องเข้าไปในซอย เมื่อเข้าไปแล้วจึงได้รู้ว่า เป็นร้านเก่าแก่ ที่ซุกตัวอยู่อย่างเรียบร้อย จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นร้านที่ขายดีขั้นเทพ ทั้งๆทีหน้าตาร้านด้านนอกดูธรรมด๊า ธรรมดา

ร้านอยู่ใกล้ๆแยกสุทธิสาร ห้วยขวาง เข้าจากทางถนนรัชดาภิเษกเลยจะง่ายกว่าไปลัดเลาะตามทางลัดข้างหลังค่ะ

วันนี้กินแหนมเนือง ปอเปี๊ยะสด แล้วก็หมูยอ

รสชาติเขาใช้ได้นะคะ เอาเป็นว่าดีกว่าร้านเวียตนามขึ้นห้าง แหนมเนืองไม่หวงหมู ให้มาสองไม้ หมูก้อนใหญ่ๆรสชาติดี หอมแตะจมูก ส่วนปอเปี๊ยะสดเขาก็ของแท้จริงๆ อร่อยกลมกล่อม

กัดเข้าไปทั้งคำแล้วได้รสชาตินะคะ ไม่จืดแม้จะไม่ราดน้ำจิ้ม

ราคาความอร่อย รวม 3 อย่างบวกน้ำกับน้ำแข็งอยู่ที่ 290 บาท จัดว่าไม่ถูกแต่ก็ไม่แพง

ปิดท้าย ด้วยรูปปอเปี๊ยะสดที่ไปกินมาเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่ อ.วัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว นี่สิของแท้ค่ะ .. ร้านเจ๊เง็ก อยู่ที่สี่แยกทางไปโรงเกลือ ร้านอยู่ริมถนน มองเห็นแต่ไกลเลย

ร้านนี้น้ำจิ้มอร่อยมาก หมูอร่อยมาก รสชาติแบบนี้ไม่เคยกินที่ไหนเลย ที่สำคัญ แป้งอร่อยมาก ทั้งแป้งแหนมเนืองและแป้งปอเปี๊ยะสด กินที่ร้านจีรพร ยังไม่สะใจเท่าร้านนี้ เพราะของเขาอร่อยจริงๆ ไม่ต้องให้เชลล์มาการันตี bewae นี่แหละการันตีเองค่ะ เนื้อแป้งบางเฉียบ มองเห็นใส้ในแบบนี้แหละ กินเข้าไปคำแรก ต้องกินคำต่อไปๆทันที แล้วก็หมดไม่รู้ตัวจริงๆ

ย้ำว่ารสชาติหมูในแหนมเนืองของเขาจะออกไปทางหวานนิดๆ ฉันเลยยิ่งชอบ

ถ้าอยากอร่อย ต้องขับรถไปราว 240 กิโล โฮะ โฮะ ... ความพยายามลดลงทันที ไม่มี delivery ผ่านไปรษณีย์เหมือนร้านอื่นเสียด้วย เสียใจจริงๆนะคะ

เก็บมาได้แต่รูป ความอร่อยยังติดปลายลิ้น ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ไปแถวนั้นอีก

ความอาวรณ์มันเป็นอย่างนี้เอง ไม่เว้นแม้กระทั่งกับของกิน (ฮา) !!




 

Create Date : 26 กันยายน 2553    
Last Update : 26 กันยายน 2553 15:04:51 น.
Counter : 674 Pageviews.  

เสพติดความหวาน...

อาทิตย์ก่อนที่แม่มา แม่เอาเครื่องแกงทั้งแกงส้ม แกงเผ็ดมาให้เยอะแยะ แถมกุ้งหางแดงอีกหลายกล่อง รวมถึงเนื้อปูทะเล ( ที่แพงมากๆๆ หากซื้อในกรุงเทพ ) ฉันเลยจะทำแกงส้มกุ้งผักรวม ตั้งใจไปถวายพระพรุ่งนี้

ตอนที่พาแม่ไปโรงพยาบาลตา หู คอ แถวปิ่นเกล้า สัปดาห์ที่แล้วนี่ล่ะค่ะ ได้เจอร้านก๋วยเตี๊ยวลูกชิ้นปลาอร่อยอีกแล้ว เลยตั้งฮั่วเส็งมาหน่อยนึง ชื่อร้านเกี้ยเชง หรือ เกียเชง อะไรทำนองนี้ ร้านเป็นตึกแถวอยู่ริมถนน ดูทันสมัย สะอาดสะอ้าน ลูกชื้นปลาอร่อยมาก เด็ดพอๆกับเตี๋ยวเฮียแถวบางพลีที่ฉันเคยเล่าแล้ว

แม่บอกว่า คนจีนมักจะทำอาหารอร่อย โดยเฉพาะบะหมี่ ลูกชิ้น อะไรทำนองนี้ ก็เห็นจะจริงนะคะ

เดี๋ยวจะทำแกงป่าลูกชิ้นนี่ล่ะ ทานกับขนมจีนเสียหน่อย

หิวตามก็ไม่ว่ากันค่ะ (ฮา)

หลังบ้านมีมะกรูดที่ปลูกเอง พอจะทำทีก็ออกไปเด็ดมาที ไม่ต้องหาซื้อ แกงป่าใส่ใบมะกรูดตบท้าย หอมไปหลายบ้านเลยล่ะค่ะ

...

เมื่อก่อน สมัยอยู่บ้านบางกะปิ บ้านอยู๋ไม่ไกลวัดเท่าไหร่ ตื่นเช้ามาทำอาหารใส่บาตรบ่อย เพราะมีพระมาบิณฑบาตรทุกวัน แต่อยู่บางพลี ไม่มีเลยค่ะ พรุ่งนี้คงจะดีเพราะฉันตั้งใจจะทำอย่างนั้น

แค่คิดก็เป็นสุขแล้วค่ะคุณ


...

เล่าต่อ วันก่อนที่ตรวจสุขภาพเบื้องต้น หมอบอกว่า ฉันเป็นต้อลม
มีเนื้อต้อในตาขาว ด้วยความที่ตาโต โดนแดดโดนลมง่าย หมอแนะนำให้ใส่แว่นกันแดดบ่อยๆ นอกจากนั้นยังตาแห้ง หมอแนะนำว่าให้หยอดน้ำตาเทียมด้วย

แต่หมอบอกว่าต้อลมไม่อันตรายอะไร เรื่องของเรื่องนอกจากต้อลมและตาแห้งต้องหยอดน้ำตาเทียมแล้ว ฉันยังมีปัญหาเรื่องสายตาเอียงและยาว แต่ก็ยังไม่ได้ไปตัดแว่นสักที

อายุเท่านี้แล้ว รู้สึกได้เลยว่าผ่านมาเกินครึ่งชีวิต เรายิ่งพบเจอเรื่องที่
ไม่คาดคิด เรื่องความเสื่อมของร่างกายที่เราหนีไม่พ้นนะคะ

ฉันบอกกับน้องว่าคอยดูผลตรวจเลือดนะ ไม่เบาแน่ๆ เพราะฉันไม่ได้งดดื่มชา ทั้งชาชัก ชาเนส ที่ดื่มแทบทุกวัน บางวันตั้งสองแก้วแน่ะ เครื่องดื่มพวกนี้มีน้ำตาลและครีม แถมนมข้นหวานด้วย จริงๆเราก็รู้ว่าดื่มมากไปมันไม่ดี

แต่มันติดค่ะ จริงๆนะ บ่ายๆหากไม่ได้ดื่มชาชัก ชาเนส อะไรเทือกนี้ มันจะรู้สึกไม่สดชื่นเลย โหยสิ้นดีเลยด้วย

สาวๆออฟฟิศจำนวนมาก หิ้วกาแฟสด หรือชา หรือนมเย็น หรืออะไรทำนองนี้ขึ้นตึกกับแทบทุกคน ไม่เขื่อลองสำรวจดูค่ะ

เรากินหวานกันเยอะนะ เราก็รู้ว่ามันไม่ดี แต่เราก็เสพติดความหวานเข้าไปไม่รู้ตัว พร้อมๆกับเงินที่หายไปวันละสามสิบถึงสี่สิบบาท ถามว่าไม่กินได้ไหม ได้ค่ะ แต่งดได้ไม่กี่วันก็โหยอีกล่ะ

ฉันเคยงดได้ถึงสามเดือน ตอนนั้นจำได้ว่าติดชาเขียวเขาทะลุชุมพรมาก ต้องกินทุกวัน คนขายเห็นหน้าไม่ต้องสั่งกันล่ะ ตอนนี้ก็เหมือนกันค่ะ ติดเนสที คนขายเห็นหน้าก็ไม่ต้องสั่งเหมือนกัน ชงให้เลยแบบรู้ใจสุดๆ

ที่งดได้ตอนนั้นเพราะโรคลำไส้แปรปรวนมันกำเริบ หมอบอกว่าให้งดชา กาแฟ เครื่องดื่มหวานๆทุกชนิด bewae งดได้ เพราะป่วย และไม่อยากทรมาน ไม่อยากรำคาญ ไม่อยากถูก IBS เล่นงาน เดี๋ยวหมอให้ไปส่องกล้องอีก ไม่เอา ไม่เอา

ความป่วยไข้มีอิทธิพลต่อเราเสมอ เอาเข้าจริง เราก็ไม่อยากทรมานด้วยโรคที่มันรุมเร้า หากการงดอะไรบางอย่างจะช่วยได้ เราก็ต้องทำนะคะ แต่ก็มีบ้างที่แอบดื้อ เหมือนเด็กแอบคุณครูกินขนมในห้องเรียนนั่นแหละ ทำไงได้ ยังอยากใจดีกับตัวเองอยู่นี่นา

นับไปนับมา ห้าวันทำงาน ฉันกินชาเนส ชาชัก วันละแก้วสองแก้ว สัปดาห์หนึ่งก็ราวๆ 50-100 บาทเห็นจะได้ อาจจะมองว่าเงินไม่มากสักหน่อย ( หากกินสตาร์บัคส์จะเวอร์กว่านี้ค่ะ ) แต่การตามใจตัวเองแบบนี้ มันก็ไม่ค่อยดีนักหรอกค่ะ

แหม ... รู้ทุกอย่าง แต่อย่าไปสอนใครเลยนะ เพราะรู้ก็ยังทำ อาจเป็นเพราะว่าทั้งวันที่เราทำงาน เราไม่ได้ตามใจตัวเองเลย งานบังคับให้เราต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ พอถึงเวลากิน ก็กินไม่บันยะบันยัง

เขาบอกว่า ฉันกินหวานมากไปแบบนี้ จะไม่ดีต่อตัวเองในระยะยาว ฉันรู้ค่ะ .. แต่มันอดไม่ได้ ฮิๆ นี่ดีว่าขนมหวานอย่างทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ไม่ค่อยจะได้กินนะคะ ไม่อย่างนั้นจะอ้วนให้ดู

น้ำหนักชั่งเมื่อเช้าวันนั้น 50.8 ฉันว่าตัวเองไม่ได้อ้วนนะคะ ฉันเคยหนักมากที่สุด 55 กิโล และคงไปไม่ถึงขั้นนั้นแล้ว เพราะอึดอัด ยิ่งอ้วนยิ่งไม่น่าดู จะใส่อะไรให้ผอมก็คงลำบาก น้ำหนักระดับนี้ รู้สึกดีกับตัวเองค่ะ ดูกระจกแล้วยังแอบยิ้มได้ (ฮา)

แต่เรื่องเสพติดความหวานคงต้องหยวนๆบ้าง ชีวิตขาดน้ำตาลไม่ได่หรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นคงแห้งแล้งน่าดูเลย

คุณว่าจริงไหม...




 

Create Date : 25 กันยายน 2553    
Last Update : 25 กันยายน 2553 9:27:27 น.
Counter : 543 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.