images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 
ดวงดาวดอกไม้ เรื่องยาว ตอนที่ 9

ดวงดาวดอกไม้ ตอนที่ 9

น้ำเสียงของปารวีดูร้อนรนไม่น้อย ขณะที่เธอเองกลับไม่รู้สึกอะไรสักนิด ห้องนอนมีห้องเดียวแล้วจะเป็นไรไป เธอเคยแม้กระทั่งไม่ได้หลับได้นอนเวลาถ่ายละครถึงเช้า แถมบางครั้งยังต้องนอนลำบากลำบนกลางป่าเขา

“อย่าบอกนะว่าคุณกลัวฉันจะนอนไม่ได้อีก” เธอรีบดักคออีกฝ่ายอย่างรู้ทัน นี่ถ้าเธอเกิดเป็นลมเป็นไข้ปวดหัวตัวร้อน ปารวีไม่ยิ่งตายไปเลยหรือ

คิดแล้วก็รู้สึกดีที่สัมผัสได้ว่าปารวีห่วงเธออยู่ลึกๆ

อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ทำหน้าเหรอหราแล้วก็เอามือเสยผมไปมา เห็นเหงื่อที่ไหลลงมาไม่น้อย ช่างน่าสงสาร

“เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ” เธอยิ้มให้กำลังใจ “มาสิคะ ไปดูกันว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง”

ห้องที่เธอกับปารวียืนอยู่นี่เป็นห้องขนาดเล็กที่มีเตียงขนาดสามฟุตอยู่เพียงเตียงเดียว น่าจะกว้างสักสามคูณสามเมตรหากประมาณจากสายตา นี่คงจะเป็นห้องสำหรับแขกเป็นแน่

“นี่ยังดีที่งัดได้ เดี๋ยวลองหาผ้าปูที่นอนกับหมอนในตู้ดูนะคะ”

ปารวีหันมาบอกเธอแล้วก็เปิดตู้ขนาดย่อมที่อยู่ตรงปลายเตียงออก มีเครื่องนอนหมอนมุ้งสำหรับแขกที่ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดในถุงผ้ามีซิปรูดปิด

“แย่หน่อย น้องที่ออฟฟิศบอกว่าเจ้าของบ้านไม่ได้ล็อกบ้านไว้ ให้เข้ามาดูได้เลย แต่ห้องข้างบนดันล็อกหมด”

ปารวีบ่นอุบอิบจนเธออดที่จะขำไม่ได้ เนศรีร้องบอกให้ปารวีส่งผ้าให้เธอ

“ฉันทำให้ค่ะ คุณอยู่เฉยๆดีกว่า”

ปารวีไม่ได้ว่าอะไรต่อจากนั้น เธอมองดูท่าทางกระฉับกระเฉงที่ลงมือปูที่นอนด้วยผ้าที่ส่งให้ หญิงสาวขมวดชายผ้าผ้าปูทั้งสี่มุมก่อนสอดเข้าไปใต้ที่นอนแล้วขึงจนตึง วางหมอนสองใบเคียงกัน น่าทึ่งที่มันถูกปูอย่างเรียบร้อย เนศรีทำอะไรอย่างนี้เองได้ด้วย
หรือ ผู้หญิงคนนี้แปลกดีเหลือเกิน

ตอนที่เจอกันครั้งแรก เธอไม่ได้ชอบขี้หน้า แถมยังท่าทางแสนหยิ่งอะไรนั่นอีก ปารวีจำได้ว่าเธอเรียกเนศรีเองว่า ‘ยายรูปปั้น’ แล้วดูตอนนี้สิ ท่าทางแสนห้าวนั่นไม่ค่อยจะเหลือให้เห็น มีความอ่อนหวานซ่อนอยู่ในตัวของเธอด้วย

ปารวีเพิ่งสัมผัสได้

“ฉันขอไปล้างหน้าล้างตาหน่อย เดี๋ยวมานะคะ เหนียวตัวเหลือเกิน”

ปารวีพยักหน้าให้อีกฝ่าย ถอนใจแรงเมื่อมองดูที่นอนขนาดแค่สามฟุตครึ่ง มันเหมาะสำหรับนอนคนเดียวมากกว่า แล้วคืนนี้จะนอนยังไงนึกไม่ออก ที่สำคัญ เธอจะนอนหลับได้หรือ ไม่คิดเลยว่าจู่ๆต้องมาเจอกับสถานการณ์ที่อ่านไม่ออกแบบนี้


ประตูห้องถูกแง้มออก เนศรีกลับมาแล้วในสภาพใบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะเต็มไปหมด ปารวีที่ส่งผ้าเช็ดหน้าให้หญิงสาวรับไปซับหน้า อดไม่ได้ที่จะลอบมองใบหน้าขาวนวลเกลี้ยงเกลาราวกับเด็กวัยรุ่นนั้น

จะว่าไป ในยามที่ไม่มีอะไรฉาบทาอยู่บนใบหน้า หญิงสาวคนนี้ก็ช่างสวย

ปารวีบอกไม่ถูก ใจเธอเหมือนเต้นไม่เป็นจังหวะ ระยะห่างระหว่างตัวเธอกับเนศรีนั้นใกล้เพียงนิดจริงๆ มันจะเป็นอย่างไรคืนนี้…

เนศรีทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนุ่ม ขณะที่ปารวียืนอยู่ห่างๆอย่างเก้ๆกังๆ … ใกล้จนไม่น่าเป็นไปได้ ฝ่ายนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กซับหน้าอย่างเบามือ รอยยิ้มน้อยๆบ่งบอกอารมณ์ที่ยังเบิกบาน ไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับใครเลย

“แล้วจะยืนอยู่ตรงนั้นทำไมคะ กลัวฉันกัดหรือไง” หญิงสาวหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นท่าทางของปารวีที่ยืนเก้อๆ

“ก็.. ไม่รู้สิ คุณโอเคแน่นะคะ”

“โธ่ คุณนี่ช่างคิดมากจริงๆนะคะ ฉันไม่เป็นไรเสียหน่อย ว่าแต่คุณเถอะ จะยืนอย่างนั้นอีกนานไหมคะ ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้”

เนศรีค่อนเข้าให้บ้าง เธอหมั่นไส้ปารวี คนอะไร ! ทำอย่างกับเธอเป็นตัวอะไรไม่รู้ที่ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้ นี่เธอคือ ‘เนศรี รชานนท์’ นะ ไม่ใช่ผู้หญิงจืดๆ ไร้เส่นห์ที่ไหนหรือไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ที่ปารวีจะต้องแหยง

ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะเกร็งไปถึงไหน ดีล่ะ เป็นอย่างนี้จะแกล้งเสียให้เข็ด

“ก็.. เกรงใจคุณนี่นา คุณเลยต้องมาลำบาก มาอยู่ในบ้านเลอะๆ แถมยังต้องมานอนไม่สบายอีก”

“อ้าว ก็ฉันบอกแล้วไงว่าให้คุณกลับไปรีสอร์ทกับฉันก่อน คุณก็ไม่เอานี่นา แทนที่จะได้ไปนอนสบายๆ แอร์เย็นๆ ไม่รู้ล่ะ เอาฉันมาลำบากแล้วก็ต้องดูแลสิ คิดดูนะ ถ้าฉันไม่มาด้วย คุณก็ต้องอยู่คนเดียว นอนคนเดียวไม่กลัวเหรอ”

ปารวีเบะหน้าอย่างหมั่นไส้บ้าง ‘กลัวตายล่ะ ยายบ้า ฉันน่ะคุ้นกับที่นี่จะตาย ไม่เห็นจะต้องกลัว’ เธอคิดอย่างนี้แต่ไม่ได้พูดออกไป

เนศรีว่าพลางขยับตัวขึ้นบนเตียงด้านในสุด ปารวีเห็นดังนั้นเธอจึงร้องขึ้นมา

“อุ๊ย ไม่ต้องชิดไปในอย่างนั้นหรอกค่ะ เดี๋ยวจะนอนไม่สบาย เดี๋ยวฉันจะนอนข้างล่างเอง”

“ได้ไงละคะ คุณจะนอนบนพื้นเนี่ยนะ ไม่เอา ฉันไม่อนุญาต คุณต้องนอนบนนี้กับฉัน”

เนศรีขมวดคิ้วตึง เธอออกคำสั่งเฉียบขาด จนคนผมสั้นหน้าตูม

“แต่ว่า..”

“ไม่แต่ค่ะ มานี่สิคะ ฉันไม่ยอมให้คุณนอนบนพื้นหรอก คุณจะบ้าเหรอ เดี๋ยวก็ได้หลังหักกันพอดี ถ้านอนไม่พอจะเอาแรงที่ไหนมาจัดการกับรถล่ะคะ”

“แต่คุณจะนอนไม่สบายตัวนะ” เธอแย้งอีก

“ฉันไม่อยากสบาย ขณะที่คุณลำบากหรอกน่า” หญิงสาวหัวเราะคิกคักกับท่าทางเหมือนเด็กดื้อของปารวี

“ฉันไม่นอนดิ้นหรอกน่า คุณไม่ต้องกลัว”

เธอว่าแล้วก็ขยับขึ้นเตียงไป ปารวีเดินไปปิดไฟ ม่านหน้าต่างปลิวไสวด้วยแรงลมที่พัดพรู

ปารวีค่อยๆขยับตัวลงข้างๆ อย่างระแวดระวัง ครู่ใหญ่ถึงจะขยับตัวทีหนึ่ง แต่เธอยังไม่หลับเลย ขณะที่ค่อยๆหันไปมองคนที่นอนข้างๆที่หลับตาแล้ว เนศรีคงหลับไปแล้วจริงๆ ช่างหลับได้ง่ายดายจนน่าประหลาดใจ

ลมที่พัดพรูทำให้อากาศเย็น เนศรีขดตัวเหมือนเด็กน้อย เป็นภาพที่ปารวีเห็นแล้วต้องอมยิ้ม เธอเลาะผ้าห่มที่พับอยู่ปลายเตียงค่อยๆดึงขึนมาคลุมรางบางนั้น

แสงจันทร์นวลผ่องทอดลงมาพอให้มองเห็นวงหน้าสวยผุดผาด ช่างอ่อนหวานอิ่มเอิบ

ใครหนอช่างปั้นมาให้ ขนตาแพนั้นงอนงาม ดวงตากลมโตปิดสนิท ผมยาวดัดเป็นลอนเล็กกำลังงามตามสมัยนิยม ทรวงอกอิ่มที่เคลื่อนไหวตามจังหวะหายใจ แล้วไหนจะยังริมฝีปากอิ่มที่เย้ายวนนั้นอีกเล่า

นี่ถ้าอยู่ในฐานะคนรักกัน เธอคงอดไม่ได้ที่จะเคล้าเคลียทุกส่วนของร่างบางที่อยู่ข้างๆนี้ เนศรีช่างสวยเย้ายวนจนปารวีอ่อนใจ และน่าทนุถนอมเหลือเกินในความรู้สึกของเธอ แต่เธอจะแตะต้องผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร เธอไม่ใช่คนที่ ‘อะไรก็ได้’ แบบนั้น เธอจะทำร้ายทำลายความไว้วางใจที่เนศรีมีให้เธอไม่ได้

ถึงจะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็เถอะ คิดดูสิว่าหากเนศรีไม่ได้คิดอะไรกับเธอ หรือว่าไม่ได้ ‘เป็น’ เหมือนกับเธอล่ะ ความไว้วางใจที่เธอมีให้ปารวีย่อมถูกทำลายย่อยยับ

เนิ่นนานเหลือเกินกว่าที่ปารวีจะบอกตัวเองว่าควรจะหลับได้แล้ว เธอเหลือบตาไปมองร่างบางที่หลับตาพริ้มอยู่ใต้ผ้าห่ม ปารวียันตัวขึ้นเล็กน้อย นั่นทำให้เนศรีหรี่ตาขึ้นมองอากัปกิริยาของอีกฝ่าย ครู่ใหญ่แล้วที่เธอทำเป็นหลับตาแต่ไม่ได้หลับจริง เธอรู้ว่าปารวีเองก็ไม่ได้หลับ ได้แต่นอนเกร็งตัวอยู่อย่างนั้น เธอจึงแกล้งส่งเสียงเหมือนละเมอ

ปารวีตาโต เมื่อรู้สึกว่ากำลังทำให้ร่างบางที่นอนอยู่ใกล้ๆตื่น แต่เหมือนจะแค่ละเมอมากกว่า นั่นทำให้เธอยิ่งเกร็งขึ้นไปอีก จะทำยังไงดีนี่ปารวี ที่นอนนี่ก็เล็กเหลือเกิน ความกว้างแค่สามฟุตครึ่ง กระดิกกระเดี้ยตัวก็แทบลำบาก คิดถึงเตียงนอนของเธอที่คอนโดที่กว้างกว่านี้อีกเท่าหนึ่ง นอนสบายกว่ากันตั้งเยอะ

เฮ้อ... ปารวีถอนใจ ปกติเธอไม่คุ้นชินกับการนอนหงายเลย เธอจะต้องมีหมอนข้างเอาไว้กอดก่าย ไม่ว่าจะพลิกซ้ายพลิกขวา และเธอไม่คุ้นกับการมีใครมานอนข้างๆอย่างนี้มานานแล้ว อย่างน้อยก็สี่ปีที่เธอไม่มีแพรวาเป็นเงานั่นแหละ

เนศรีไม่ละเมอเปล่าเท่านั้น แต่เธอยังแกล้งทำเป็นขยับตัวเบียดชิดปารวีหนักเข้าไปอีก แล้วยังขยับขาและแขนไปกอดก่ายปารวีไว้อีกด้วย

“อุ๊ย ตายแล้ว” ปารวีอุทานเบาๆ ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จู่ๆเนศรีก็ละเมอแล้วมากอดเธอแน่น จะขยับออกอย่างไรล่ะนี่ ถ้าขยับฝ่ายนั้นต้องตื่นแน่ๆ แต่ถ้าไม่ขยับ เธอมิต้องนอนโดยถูกแขนขาเรียวเล็กนี่พาดไปตลอดคืนหรอกหรือ นี่น่ะหรือที่บอกว่าไม่นอนดิ้น ไม่ทันถึงสิบนาทีเลย แขนขาก็มาวางพาดตัวเธอแล้ว จะรู้ตัวบ้างไหมนี่

แต่ก็เอาเถอะ เธอคงต้องนอนนิ่งๆ พลางดึงมือข้างขวาของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้มันพอมีอิสระบ้าง เธอกระเถิบตัวลงเล็กน้อย พลางใช้มือข้างขวาขยับหมอนของตัวเองให้ต่ำลงตาม ร่างบางยังนอนหายใจสม่ำเสมอเหมือนหลับลึก ปารวีเกร็งตัวไปหมด มือข้างขวาของเธอดูเหมือนจะเกะกะไปเสียแล้ว ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน จึงเหวี่ยงมือนั้นไปวางข้างตัวของเนศรีที่นอนตะแคงมาทางเธอ

ครั้นจัดที่จัดทางให้ตัวเองพอจะหลับตาได้แล้ว หญิงสาวถอนใจเนิ่นนานอีกครั้ง แต่ลมหายใจอุ่นๆของเนศรีเป่ารดอยู่ตรงซอกคอเธอ มันอุ่นหวาน และช่างทำให้หัวใจกระเจิดกระเจิง

ปารวีอ่อนใจ เธอได้กลิ่นหอมจากเรือนผมนุ่มที่เกยอยู่บริเวณไหล่ของเธอ มือข้างขวาที่ยังเป็นอิสระเผลอลูบไล้เรือนผมนุ่มอย่างอ่อนโยน เหมือนฟ้าเบื้องบนกลั่นแกล้งเธออย่างไรไม่รู้ ให้เธอมีโอกาสแนบชิดถึงขนาดนี้ แต่ให้เธอต้องยับยั้งชั่งใจ ข่มอารมณ์ความรู้สึกอ่อนไหวไม่ให้มีอิทธิพลเหนือความถูกผิด

คิดไปถึงครั้งแรกที่แนบชิดกับแพรวาในสถานที่เดียวกันนี้ แต่อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นไม่เหมือนกันเสียทีเดียว เธอกับแพรวาในขณะนั้นอยู่ในสถานะคนรัก จะแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างไรก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องนึกถึงอะไรเลย แม้จะขัดเขินอยู่บ้าง แต่ขณะอยู่ในสถานะนั้น มันก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่จะเรียนรู้ไปด้วยหัวใจ

สัมผัสที่บอกว่ารัก และรัก ถูกส่งมอบให้แก่กันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย มันไม่พอเสียด้วยซ้ำ แพรวารักเธอ และเธอก็รักนางหงส์ของเธอนักหนา

แล้วในนาทีนี้เล่า หัวใจเธอเหมือนถูกเขย่าอย่างรุนแรง เพราะร่างบางที่คืบคลานเข้ามาเกาะกุมหัวใจนี่หรือไร ดอกไม้ยามเช้าที่สวยงามเบ่งบานอย่างเนศรี สวยอย่างที่พึงจะสวย .. แต่เธอรู้ดีว่าอะไรควรหรือไม่ควร ในยามนี้ปารวีจึงทำได้เพียงแค่ลอบยิ้ม ปรายตามองร่างบางที่ขดตัวราวกับเด็กน้อยที่เบียดซุกเธอราวกับควานหาไออุ่นก็ไม่ปาน

“หลับให้สบายนะคะคนดี” ปารวีรำพึงในความมืด เธอยินดีที่จะถูกอีกฝ่ายกอดก่ายไว้อย่างนี้ เพียงแค่ให้อีกฝ่ายได้หลับสบายและฝันดี

ขณะกำลังจะกลับตาลง ปารวีรู้สึกว่าร่างบางนั้นขยับเข้ามาชิดเธออีก อากาศเย็นเหลือเกินในคืนนี้ เหมือนจะเป็นใจให้คนสองคนปันไออุ่นให้แก่กัน

เนศรีรู้สึกตัวทุกอย่างว่าปารวีทำอะไร เธอได้ยินแม้กระทั่งปารวีเรียกเธอว่า ..คนดี...
สัมผัสจากมืออุ่นๆของปารวีที่ลูบศรีษะเธอแผ่วเบา ฝ่ายนั้นช่างทนุถนอมเธอ

ปารวีไม่รู้หรอกว่าเธอรู้ตัว และ แอบยิ้มน้อยๆตลอดเวลาขณะความมืดปกคลุมราตรีนี้

…………………………….

แพรวานั่งแปรงผมอยู่ที่หน้ากระจก ขณะที่เสียงเคาะประตูกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ

หล่อนจะใจแข็งเสียอย่าง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมเลิกรา จำใจลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างเสียมิได้ แค่เห็นหล่อนก็อยากปิดประตูแล้วเอาป้าย ‘ห้ามรบกวน’ แขวนไว้หน้าห้องเสียเดี๋ยวนั้น

“มีอะไรไม่ทราบคะ คุณควรจะรู้ว่านี่คือเวลาที่ฉันพักผ่อน” หล่อนเอ่ยโดยไม่ได้มองหน้าร่างสูงที่กำลังยืนเท้าแขนกับประตูแม้แต่น้อย

กษิดิษหน้าเครียด แววตาดุดันขึ้นเมื่อได้เห็นท่าทีที่แสนจะเมินเฉยเย็นชาของภรรยา ที่ยังไมได้กลายเป็น ‘อดีต’ อย่างที่อีกฝ่ายพยายามเหลือเกินที่จะเป็นให้ได้

เขาโกรธอย่างมาก ที่แพรวาบินหนีมาเฉยๆ โดยไม่บอกกล่าว มารู้อีกทีก็เมื่อเห็นตู้เสื้อผ้าที่แทบไม่เหลือผ้าสักชิ้น แล้วไหนจะใบหย่าที่ตั้งใจทิ้งไว้ให้เซ็นอีกต่างหาก มันเกินไปหรือเปล่า

“ต้องขอโทษที่รบกวนคุณ”

แม้ในใจจะขุ่นนัก แต่เขาก็ยังรักษาน้ำเสียงเป็นปกติเอาไว้ จะอย่างไรก็คงยอมให้แพรวาเป็นอิสระไม่ได้ เพราะมันคือหน้าตาของเขา แล้วไหนจะยังฐานะทางการเงินที่ฝ่ายภรรยาเป็นปึกแผ่นกว่าเขาอีก แล้วไหนจะมารดาของเขาเองที่พร่ำขอร้องเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่าให้นามสกุลนี้แปดเปื้อนเป็นข่าวในหน้าซุบซิบไม่ว่าของหนังสือพิมพ์ฉบับใด แต่มันก็หลุดออกมาแล้ว กษิดิษถูกมารดาขอร้องกึ่งบังคับให้รักษาหน้าของสกุลเอาไว้ เป็นความทรมานใจยิ่งกว่าสิ่งใดจริงๆที่ต้องทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมทั้งที่มันไม่เหมือนเดิมมานานนัก

เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แพรวาแทบจะไม่ให้เขาแตะเนื้อต้องตัว ตอนที่บินไปอยู่อิตาลีแรกๆ เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่นานเข้ากลับกลายเป็นว่า อะไรๆไม่เข้ากัน การทะเลาะเบาะแว้งที่เขาเคยคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดากลับไม่ธรรมดา หนักเข้าก็แยกห้องนอน ทานข้าวด้วยกันแทบไม่มีเสียงพูดคุย

กษิดิษตอบไม่ได้ว่าเขาบกพร่องอย่างไรในหน้าที่สามี เหตุการณ์เช่นนี้จึงเกิดขึ้นกับชีวิตคู่ได้ ท่าทีเมินเฉยของภรรยาทำให้เขาต้องหันไปหาความบันเทิงเริงใจจากที่อื่น แล้วมันก็ทำให้เขาเพริดไปได้ไกลเสียด้วย ใครๆก็รู้ว่าเขามีสาวใหม่ๆ เป็นคู่ควงไม่ซ้ำหน้า แม้แต่ภรรยาอย่างหล่อนยังรู้ แต่น่าแปลกที่แพรวาใจกว้างกับเขาเหลือเกิน หล่อนไม่ว่าอะไรเขาสักคำ ไม่หึง ไม่หวง ไม่ยื้ออะไรเลย

คุณหญิงมาลาเป็นฝ่ายเต้นทันทีที่ได้ทราบข่าวว่าแพรวาบินกลับมาแล้ว จัดแจงโทรไปเรียกให้เขากลับมาเมืองไทยทันทีที่ลางานได้ สั่งให้เขามารับหน้าพ่อตาแม่ยาย ในฐานะลูกเขยเขาสามารถเข้านอกออกในบ้านหลังใหญ่ของภรรยาได้โดยชอบธรรม

เข้ามา แล้วก็พบท่าทีเมินเฉยที่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งของแพรวา

กษิดิษขบกรามแน่น เขาต้องข่มความรู้สึกไว้ให้มาก จะกระทบกระทั่งกับแพรวาในบ้านของฝ่ายหญิง ก็ดูจะเป็นการไม่ให้เกียรติกันเกินไปหน่อย

ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ

แพรวาลุกขึ้นเหมือนระวังตัว หันมาประจันหน้าเขา รู้สึกไม่ปลอดภัยแม้นาทีนี้หล่อนจะยืนอยู่ในบ้านของตัวเอง ก็เพราะผู้ชายที่มายืนทำท่าถมึงตึงอยู่กลางห้องนั่นแหละ

“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้วนะคะ ถ้าคุณจะตั้งใจรับฟังความต้องการของฉันเสียบ้าง ก็แค่เซ็นต์ใบหย่าให้ฉัน มันก็แค่นั้น”

หล่อนออกท่ายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ นั่นยิ่งทำเพิ่มอุณหภูมิในใจเขาให้สูงปรี๊ด

“คุณจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ผมไม่ยอม”

กษิดิษปราดเข้ามาคว้าแขนหล่อนไว้เต็มแรง แพรวาไม่ลดละ หล่อนจ้องตาเขาอย่างเอาเรื่อง

“ปล่อยนะคะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายฉันแบบนี้”

“คุณไม่มีเหตุผลเลยนะแพร ทำไมเราไม่ปรับความเข้าใจกันเสียใหม่ แล้วเริ่มต้นกันใหม่”

“ฉันไม่อยากจะอะไรทั้งนั้นค่ะ คุณจะปล่อยได้หรือยัง ฉันอยากมีชีวิตของฉัน อยากใช้ชีวิตที่ฉันปรารถนา ไม่ใช่ชีวิตคุณนายผู้ดีอะไรอย่างที่คุณพยายามจะให้ฉันเป็นนัก”

หางเสียงนั้นสั่นจนรู้สึกได้ อีกเพียงครู่หรอก น้ำตาคงจะไหลได้อย่างง่ายๆเช่นกัน แต่คนอย่างแพรวาจะไม่ยอมอะไรอีกแล้ว หล่อนจะไม่ยอมถูกใครบังคับทั้งนั้น

กษิดิษอึ้งไปอย่างนึกไม่ถึง

“ปล่อยฉันค่ะ” หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบจากร่างใหญ่ที่ยืนขวางนิ่งๆ

“หรือคุณมีใครอื่นงั้นหรือแพร คุณถึงได้เปลี่ยนไปอย่างนี้” น้ำเสียงนั้นเกือบจะกลายเป็นตะคอกแล้ว

“เอ๊ะ คุณมาพูดจาหาเรื่องฉันได้ยังไง”

“ก็คุณทำอย่างนี้ก่อนทำไมล่ะแพร อยู่ดีๆก็ปั้นปึ่ง เย็นชา หนีมาอย่างกับเราไม่ได้เป็นอะไรกัน รังเกียจผมเสียเต็มประดาเลยหรือแพร อย่าลืมสิว่าคุณอยู่ในฐานะเมียของผม เราแต่งงานกันถูกต้อง ใครๆก็รับรู้กันทั้งเมือง”

กษิดิษขมวดคิ้วตึง

“นั่นมันไม่ใช่เหตุผลของฉันค่ะ คุณกรุณารู้เอาไว้ด้วยว่า ฉันเบื่อ ฉันเบื่อชีวิตแบบนี้ คุณได้ยินหรือเปล่า ฉันใช้ชีวิตกับคุณไม่ได้อีกแล้ว ฉันอยากขออิสระคืน แต่ถ้าคุณยังจะดึงดัน ฉันขอบอกคุณเลยว่าเสียเวลาเปล่า”

หญิงสาวปราดมายืนที่ประตู

“คุณไม่มีเหตุผลเลยนะแพร” เขาครวญอย่างน่าเห็นใจ

“คุณไม่เข้าใจก็ช่างคุณ กลับไปเถอะค่ะ ฉันคิดว่าเราไม่ต้องเจอกันเลยก็จะดี ถ้าคุณเซ็นต์ใบหย่าแล้วส่งมาให้ ฉันก็จะขอบคุณและเราจะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”

“ผมไม่เข้าใจคุณเลย”

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังดูอ่อนระโหยเหมือนน่าสงสารเต็มประดา แต่แพรวาไม่อาจจะแปลเป็นอื่นได้ หล่อนไม่ต้องการรับฟังแม้น้ำทั้งห้าที่เขาจะยกมาสาธยายใดๆทั้งนั้นเพื่อจะต่อเวลาหรือยืดอายุ เพราะมันหมดเวลาแล้ว

หล่อนไม่ได้รักเขา แต่หล่อนรักปารวี คนที่หล่อนอยากกลับไปหา ไปซุกซบอยู่ในอ้อมกอด คือผู้หญิงคนนั้นที่หล่อนรักสุดหัวใจต่างหาก

ปารวีจะรู้ไหม ว่าหล่อนทุกข์ทรมานใจเพียงใด หล่อนอยากนักที่จะร่ำไห้ในอ้อมกอดอุ่นๆของคนรัก แล้วก็ปล่อยความรู้สึกทั้งหมดให้พรั่งพรูออกมา ให้สาสมกับสี่ปีที่พรากหล่อนกับปารวีให้แยกจากกัน แม้ไม่มีอะไรชดเชยความรู้สึกผิดทั้งหมดให้กับคนรักได้ แต่ถ้าปารวีรู้ว่าหล่อนเองก็ทุกข์ทนเช่นกัน ปารวีอาจจะเห็นใจหล่อนบ้าง

“ผมจะขอให้ผู้ใหญ่ย้ายผมกลับมาที่นี่” เขายังคงดึงดัน น้ำเสียงนั้นจริงจังราวกับการย้ายกลับจะเกิดขึ้นอย่างง่ายๆในวันนี้พรุ่งนี้

“อย่าเลยค่ะ คุณจะลงทุนขนาดนั้นทำไม ในเมื่อหน้าที่การงานของคุณที่โน่นออกจะใหญ่โต คุณแม่คุณจะยอมหรือคะ และอีกอย่าง ฉันขอยืนยันว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะทำแบบนั้น เพราะไม่มีใครเปลี่ยนใจฉันได้ คุณจะเหนื่อยเปล่า”

เขามองหน้านิ่งๆของหล่อนแล้วอดฮึดฮัดไม่ได้ แพรวากำลังเล่นเกมอะไรที่สั่นประสาทเขาอยู่ ไม่ใช่แค่เขาด้วย แต่แม่และพี่สาวของเขาก็เต้นเป็นเจ้าเข้าไปแล้ว

“คุณนี่แน่จริงๆ นะแพร” เขาขบกรามแน่น

“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะคะ ก็แค่ขอคุณดีๆ ว่าฉันต้องการอิสระ”

“ผมไม่มีวันให้คุณ” เขาประกาศกร้าว และนั่นทำให้หล่อนถึงกับอึ้งที่เห็นท่าทีกร้าวๆของเขา “อยากได้นักใช่ไหม อิสระอะไรเนี่ย ให้ไอ้คนของคุณมาขอผมสิ ไม่แน่ผมอาจจะยกให้ง่ายๆก็ได้”

กษิดิศหัวเราะหึๆ พลางสาวเท้าก้าวออกจากห้องอย่างเจ็บใจ

“จำไว้นะแพร คุณทำอะไรกับผมไว้ ผมไม่ลืมแน่” เขายังไม่วายหันมาบอกหล่อน

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณคราวหน้าคุณจะกรุณามาพร้อมใบหย่า ฉันก็จะไม่ติดใจจำอะไรเหมือนกัน” หล่อนพูดไล่หลังเขา แต่กษิดิษไม่แม้แต่จะหันมามอง แต่แพรวาเดาได้ เขาไม่พอใจมากแน่ๆ และจะไม่ยอมหยุดเพียงแค่นี้

มันไม่ง่ายอย่างที่หล่อนคิดเสียแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนพูดกับเขาเรื่องหย่าแล้วมันไม่จบ เขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายไม่ยอมจบ

แพรวาคิดว่าหล่อนต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้เขายอมจบง่ายๆ และคนอย่างเขา เสียอะไรก็เสียได้

ยกเว้นอย่างเดียวคือการเสียหน้า !!

……………………….


แม้จะยังไม่มีแดด แต่ฟ้าหน้าฝนในวันที่ไม่ฉ่ำฝนก็เปิดสว่างแล้ว ปารวีตื่นเมื่อพลิกม่านออกดู เช้าแล้วสิ…

เนศรียังหลับอยู่ ท่าทางเหมือนหลับสบาย แต่หญิงสาวจะรู้ตัวหรือไม่ว่าได้ซุกตัวติดกับปารวีทั้งคืน ขณะที่ปารวีเองก็เกร็งตัวไปทั้งคืนเช่นกัน เธอได้หลับบ้าง แต่ทุกครั้งที่ลืมตาก็จะต้องหันไปมองดูคนที่นอนข้างๆด้วย เธอยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อมองร่างบางที่นอนขดอยู่ข้างๆราวกับเด็กน้อย

ขณะปารวีดันตัวเองออกมาจากการเกาะกุม ฝ่ายนั้นยังสลบไสลเหมือนหลับลึก เธอนอนไม่ค่อยหลับสนิทก็จริง แต่คงเพราะใจไม่สบายจากหลายๆเรื่อง คงมีเพียงร่างบางนี่เท่านั้นที่ตรึงเธอไว้ยามรู้สึกตัวตื่น ด้วยว่าเธอพะวง กลัวเนศรีจะนอนไม่สบาย

จะทำอย่างไรก่อนดี เธอตื่นเร็วเกินไปหรือเปล่า เช้าแล้วก็จริง แต่แถวนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านมา ชาวบ้านไม่ค่อยมาใช้ทางนี้แล้วหรอก ตั้งแต่มีรีสอร์ทใหญ่ๆผุดขึ้นมา ดูเหมือนรถบรรทุกวัสดุก่อสร้างมากกว่าที่จะวิ่งผ่านทางนี้ เมื่อวานขับเข้ามาเธอก็สวนกับรถเหล่านั้นหลายคัน

ตื่นเช้าเกินไป แต่ก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ละไมที่จะออกไปเดินเล่นริมหาด เธอเลือกที่จะนั่งมองผู้หญิงตรงหน้านิ่งๆ ช่างแปลกที่อารมณ์ร้อนรนถูกเปลื้องออกไปยามเห็นดอกไม้ยามเช้าของเธออยู่ตรงหน้านี้ .. ของเธอหรือ ปารวีส่ายหน้า เนศรีเป็นของใครต่อใครทั่วบ้านทั่วเมืองแหละ ในฐานะนักแสดงชื่อดัง ยกเว้นของเธอ แล้วเธอกับเนศรีเป็นอะไรกันนี่ จึงได้มานอนเคียงข้างกัน ใกล้ชิดเพียงลมหายใจขนาดนี้

คิดไปถึงช่วงเวลาเมื่อคืน เธอเป็นสุขแม้จะหลับไม่สนิท เพราะคนที่นอนอยู่ข้างๆนี่หรือเปล่า ทำให้ห่วงให้แคร์ไปสารพัด

เธอกำลังอยู่ในห้วงความรู้สึกละมุนละไม ใช่หรือเปล่า.. ที่เธออยากจะรักผู้หญิงคนนี้

ปารวีรู้สึกสับสน เธอหันไปมองภาพหญิงสาวที่หลับตาพริ้มอีกครั้ง นึกอะไรบางอย่างออกมาได้ ดินสอกับสมุดสเก็ตซ์ภาพในเป้ถูกดึงออกมาอย่างรวดเร็ว

เธอนั่งลงบนพื้น บรรจงลากเส้นด้วยปลายดินสอ หนักเบา ตวัดไปมา เพียงครู่เดียวกลับปรากฏภาพหญิงสาวหลับตาพริ้มบนกระดาษขาว

ปารวีปิดสมุดลง รู้สึกดีเหลือเกินที่ได้ทำอย่างนี้ เธอจะเก็บภาพนี้เอาไว้ ภาพที่ใครต่อใครอาจจะไม่เคยเห็น

….ความบังเอิญที่ทำให้เจอกัน และวันเวลาพาให้ใกล้กัน มีความจริงอยู่ในใจมากไปกว่านั้น แปลกใจที่มันเกิดโดยไม่รู้ตัว…


จู่ๆ เธอก็นึกถึงเพลงที่ชอบนักชอบหนา

…..อยู่กันห่างแสนไกล กลับมาได้พบเธอ เหมือนดั่งขอบฟ้ามาขีดเส้นทางเอาไว้ ให้เราได้พบกัน…

หญิงสาวคลี่ยิ้ม เธอเขียนเนื้อเพลงนั้นลงไปในสมุดด้วย มันคงบรรยายความรู้สึกของเธอได้ดีกว่าคำพูดไหนๆ ใต้ภาพที่มีหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข

ปิดสมุดลงแล้วค่อยๆเปิดประตูเดินออกไปเงียบๆ ปล่อยให้เนศรีนอนอยู่นี่ก่อน เธอควรจะได้ลงไปจัดการอะไรสักหน่อยกับเจ้ารถคันเล็กที่ทำเรื่องเมื่อวานนี้

แต่ปารวีไม่ทันเห็นว่าคนที่นอนบนเตียงนั้นตื่นมาทันพอที่จะเห็นว่าเธอทำอะไรอยู่ เนศรีลอบเห็นแล้วว่าปารวีจดๆจ้องๆมองเธอ ขณะมือจับดินสอตวัดไปมา เสียงลากเส้นดินสอไวปานลมพัดผ่านบนสมุดเล่มหนานั้น บางคราก็หยุดนิ่ง บางคราสายตานั้นก็ตรึงอยู่กับสมุดนิ่งนาน เธอหรี่ตามองอย่างฉงน ปารวีทำให้เธอรู้สึกดีแม้กระทั่งแค่ฝ่ายนั้นแอบทำอะไรเงียบๆ แต่เพราะมันเกี่ยวกับตัวเธอแท้ๆ

ปารวีไม่ทันเก็บสมุด มันจึงวางอยู่ปลายเตียงให้เธอเปิดดูได้อย่างง่ายดาย แทบทุกหน้ามีตัวหนังสืออะไรมากมาย เธอค่อยๆไล่เปิดมาจนถึงหน้าเกือบสุดท้าย

หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอก เธอตาวาวเมื่อเห็นรูปตัวเองปรากฏอยู่บนกระดาษขาว เป็นเธอที่อยู่ในภาพนั้น ลายเส้นที่รวมกันจนกลายเป็นภาพเธอนอนหลับอย่างเป็นสุข แล้วไหนจะยังตัวหนังสือนั้นอีกเล่า มันบอกได้ไหมว่าปารวีรู้สึกอะไรกับเธอบ้าง

เนศรีแน่ใจแล้วว่าปารวีไม่ได้เฉยกับเธอ

หญิงสาวปิดสมุดลงพร้อมกับรอยยิ้มละไม เธอจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ค่อยๆดูปารวีไปทีละน้อย

เมื่อคืนนี้อีกเล่า ปารวีคงคิดว่าเธอหลับ ฝ่ายนั้นหารู้ไม่ว่าเธอรู้สึกตัวทุกขณะแม้เปลือกตาจะปิดสนิท เธอรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นยามที่มือของปารวีแนบอยู่ใกล้ๆ ไหนจะยังสัมผัสแผ่วเบาที่ลูบเรือนผมยาวสยายของเธอแผ่วเบาราวกับเธอเป็นหญิงสาวของฝ่ายนั้น เธอจำได้แม้กระทั่งว่าปารวีห่มผ้าให้เธอคลายจากความหนาวเย็นอย่างทะนุถนอม

หญิงสาวไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปจริงๆตอนไหน เธอรู้แค่ว่าเป็นสุขมากนักยามได้ซุกตัวเบียดอยู่ใกล้ๆปารวี และไม่หวาดหวั่นอะไรเลย แม้จะอยู่ในที่ที่ไม่คุ้น แต่แค่ได้อยู่ใกล้คนที่เธอแน่ใจแล้วว่า …รัก

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปารวีทำ ช่างอ่อนโยนนุ่มนวล การกระทำของปารวีทำให้เธอบอกตัวเองอย่างมาดมั่นว่า เธอไม่คาใจอะไรอีกแล้วในตัวคนๆนี้

หญิงสาวหลับตาลงอย่างเป็นสุขเมื่อนึกถึงเมื่อคืน ช่างคิดถูกจริงๆที่ตามปารวีมาจนได้เจอเหตุการณ์คับขันที่ทำให้ได้รู้ใจอีกฝ่าย

คนผมสั้นคงไม่รู้ตัวหรอกกระมัง ว่าได้ทำให้อีกคนเป็นสุขเพียงไรเมื่อคืนนี้ !!



Create Date : 01 ตุลาคม 2550
Last Update : 1 ตุลาคม 2550 22:20:06 น. 5 comments
Counter : 897 Pageviews.

 
ตามมาอ่านงานของคุณที่นี่

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

แต่เอ..
ไม่ทราบว่าคุณจะยินดีที่มีคนอยากจะรู้จักคุณหรือเปล่า

5555




โดย: ประดับดาว IP: 124.157.165.195 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:20:31:12 น.  

 
สวัสดีค่ะ

คุณประดับดาว ไม่ทราบตามมาจากเว็บใด
หรือว่า คุณคือคนที่ฉันส่งหนังสือไปให้คะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

บอกแล้วนะคะว่ายินดี

อ่านตอน 10 ที่ //www.vilunda.com
ในกระดานปิงฟ้า ก่อนนะคะ
ฉันเอาไปแปะไว้ที่นั่นก่อนค่ะ
พรุ่งนี้จะเอามาแปะที่นี่


โดย: bewae1001 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:1:22:48 น.  

 

สวัสดีค่ะ

เป็นคนชอบอ่านค่ะ อ่านตัวหนังสือผ่านเล่ม
อ่านตัวหนังสือผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยม
รู้สึกดีทุกครั้งที่เห็นตัวอักษรของคุณ
ตามมาจากบ้านปิงน่ะค่ะ
สารภาพว่าตามหาบล๊อคของคุณ
เพราะแน่ใจว่าคุณคงมีบล๊อคเป็นของตัวเอง
แล้วก็คิดไม่ผิดจริง ๆ
ดีใจมาก ๆ ค่ะ ที่หาบล๊อคของคุณจนเจอ

ไม่ใช่ค่ะ ดาวไม่ใช่คนที่คุณส่งหนังสือไปให้
คำตอบอาจจะทำให้คุณผิดหวังไปบ้าง
แต่อย่างไรก็ดี
หวังว่า เราคงจะรู้จักกันมากขึ้นกว่านี้นะคะ

จะเป็นกำลังใจให้คุณเสมอค่ะ




โดย: ประดับดาว IP: 124.157.165.195 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:10:25:55 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ฉันไม่ได้ผิดหวังอะไรค่ะ
เพียงแต่ก่อนหน้านี้ ฉันส่งหนังสือเรื่องดอกไม้กับดอกไม้
ไปให้น้องคนหนึ่งที่เขาเข้าไปสั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ใน
เว็บ emotionway แล้วสั่งไม่ได้

ฉันก็เลยใจดียกให้เลย

ขอบคุณมากนะคะที่ตามมา
ฉันยินดีที่ได้คุยกับคนอ่าน
เพราะคอมเมนท์หรือกำลังใจสำคัญสำหรับคนเขียนนะคะ

หากคุณชอบอ่านงานของฉัน
แสดงว่าคุณคงไม่ใช่เด็กแล้วล่ะ
เพราะตัวหนังสือฉัน โตมากเลย

อ่านตอน 10 ได้แล้วนะคะที่กระดานปิงฟ้าค่ะ


โดย: %u0E1A%u0E35 (bewae1001 ) วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:11:41:27 น.  

 


ติดตามอ่านอยู่เสมอค่ะ


โดย: aenew วันที่: 11 กันยายน 2552 เวลา:23:46:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.