| All Blog
|
road trip middle earth (เกาะเหนือ) Auckland หลงทางในเมือง
ผ่านไปหลายวันรู้ตัวอีกทีก็ใกล้วันกลับแล้ว เราขับรถกลับเข้ามาใน Auckland เราไปยัง sky tower เพื่อชมวิวกัน sky towerเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงสุดในซีกโลกใต้ มีความสูง 328 เมตรจากพื้นดิน สามารถชมวิวเมือง auckland ได้ไกลถึง 80 กิโลเมตร  มองไปด้านล่างก็ใจหวิวๆ  วิวสวยๆ ที่มองจาก sky tower นี้    จากนั้นเราเดินทางต่อไปยัง Mt.Eden เพื่อไปเก็บภาพเมืองสวยๆ ตอนกลางคืน   รอจนฟ้ามืดเพื่อถ่ายวิวสวยๆ   และด้วยความที่เรารอจนดึก ปรากฏว่าประตูของ Mt.Eden ปิด เราจึงไม่สามารถเอารถออกมาได้ต้องเดินกลับจาก Mt.Eden ไปโรงแรมที่พัก ระยะทางเกือบ 4 kmหา taxi ก็ไม่มี แถมพรุ่งนี้ต้องมาเอารถก่อนไปสนามบินอีก แต่ในโชคร้ายมีดีเพราะเราก็ได้ภาพสวยๆแบบนี้ ระหว่างการเดินการกลับโรงแรม เป็นการส่งท้ายทริปที่น่าจดจำทีเดียว  เป็นอันว่าจบทริป นิวซีแลนด์ เจอกันใหม่นะ middle earth ขอบคุณน้องjack ที่ให้คำปรึกษาเรื่อง ทริปนิวซีแลนด์มาตลอดนะ ถึงวันนี้เรากับน้องจะมีเรื่องทำให้ไม่ได้คุยกันแล้วก็ตาม (ดราม่าจริงๆ)  road trip middle earth (เกาะเหนือ) matamata สู่หมู่บ้าน hobbit
ถ้าใครเคยดูเรื่อง lord of the ring หรือ hobbit แล้วจำฉากหมู่บ้าน the shire อันสงบสุข ซึ่งเป็นที่อยู่ของ hobbit ฉากหมู่บ้าน hobbitนั้น ถูกสร้างขึ้นในเมือง matamata เดิมเป็นที่ดินของครอบครัว alexander หลังทีมงาน lord of the ring ถูกอกถูกใจ พื้นที่นี้ก็ได้มา set หมู่บ้าน hobbiton ขึ้น ตอนนี้หลังภาพยนตร์เสร็จสิ้น พื้นที่นี้ก็กลายเป็นกิจการของครอบครัว alexander ในการจัดทัวร์หมู่บ้าน hobbit แห่งนี้ขึ้น เราจะพาทัวร์หมู่บ้าน hobbit ของเรากัน   หมู่บ้านเราไม่กว้างขวางนัก แบ่งเป็นโซนตะวันออกและตะวันตก  บ้านส่วนใหญ่เป็นบ้านหลังเล็กๆ ขนาดพอดีตัวกับพวกเรา มีบ้านหลากหลายหลัง   ส่วนนี่คือบ้านของ บิลโบ แบกกิ้น อันโด่งดัง  เราทำเกษตรกรรม ดังนั้นจึงมีการเลี้ยงแกะ ปลูกพืชผักบ้าง  บางครั้งเราก็ทำน้ำผึ้งไว้ส่งออก  นี่ต้นไม้ที่เจ้าโฟรโดชอบมานั่งใต้ต้นไม้นี้บ่อยๆ  ถ้าพวกเราเบื่อๆ พวกเราจะไป hangout ที่ the green dragon bar    เอ้าชนแก้วกันหน่อย  บางครั้งพ่อมดก็แวะเวียนมาเยี่ยมพวกเราบ้าง  ถ้าใครแวะเวียนมาที่หมู่บ้าน แห่งนี้อย่าลืมส่งโปสการ์ดเป็นที่ระลึกนะ โปสการ์ดที่นี่เก๋มากทำจากไม้  road trip middle earth (เกาะเหนือ) rotorua แกะ สปา และเมารี
ก่อนถึงเมืองโรโตรัว เราแวะกันที่ Wai-O-Tapu Thermal Wonderland ประกอบไปด้วยบ่อน้ำพุร้อน และบ่อโคลน ซึ่งสามารถเลือกเดินได้ 3 เส้นทาง ตั้งแต่สั้นสุดไปจนถึงยาวสุด และ แน่นอน เราเลือกเส้นสั้นสุด เนื่องจากมีเวลาจำกัด   เดินไปทางไหนก็มีแต่กลิ่นกำมะถันตลอดแรงมาก    จาก wai o tapu ไปอีก 31.5 กิโลเมตร ก็ถึง rotorua museam ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เดิมเคยเป็น bath house building หรือสปาที่มีชื่อเสียง สำหรับการรักษาผู้คนทั่วโลกโดยเฉพาะการใช้วิธีธาราบำบัด นำ้ที่รักษาก็มาจากน้ำพุร้อนใกล้ๆ ต่อมา bath house แห่งนี้ก็ถูกปิดตัวลงเมื่อปี 1966 สำหรับเวลาเปิดปิดดูได้จากในเวปไซด์ //www.rotoruamuseum.co.nz เลยค่ะ ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์คนละ 20 เหรียญ   รูปนี้เป็นบางส่วนจากภายในพิพิธภัณฑ์  มุมบนพิพิธภัณฑ์มองเห็นวิวสวยๆได้ค่ะ    ตอนเย็นเราซื้อบัตรเข้าชม tamaki maori village ค่ะ ซึ่งจะรวมในส่วนอาหารเย็นไว้ด้วย ส่วนที่เข้าชมจะอยู่ไกลจากตัวเมืองไปอีก ปกติ จะมีรถของ tamaki maori village มารับตามโรงแรมที่ผู้เข้าชมแจ้งไว้ค่ะ  อันนี้คือบางส่วนของการแสดง tamaki maori village  ฝึกการทักทายแบบเมารี  การแสดงของเมารี  ตอนเช้าวันถัดมาเรายังอยู่ที่ rotorua โดยไปยัง lake rotorua เพื่อทำกิจกรรม parasalling  parasailing คือกิจกรรมที่อาศัยลอยขึ้นโดยความเร็วของ speedboat และแรงลม สนุกดีแต่หนาวมากๆ รูปขณะลอยอยู่ มีแค่ภาพที่ระลึกภาพนี้ภาพเดียว เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ขึ้น กลัวทำกล้องตก เลยมีแค่รูปที่ระลึกที่ซื้อมา ซึ่งเขาถ่ายตอนที่เรากำลังลอยอยู่  จาก lake rotorua เราไปขึ้น sky gondola เพื่อไปกินอาหารเที่ยงกันด้านบน ที่ร้าน stratofare ( ราคาเต็มbuffet + gondola 55 เหรียญ แต่เราจองผ่านทางดีล ได้มา 35 เหรียญ เป็นความภูมิใจมากที่ประหยัดได้)  โชคดีได้นั่งริมหน้าต่าง เลยได้กินไปมองวิวสวยๆไปแบบนี้   พอท้องอิ่ม ก็เดินทางต่อไปยัง agrodome เพื่อไปชมการแสดงของน้องแกะ agrodome จะมีการแสดงทั้งในส่วนของ farm tour และ farm show แต่เนื่องจากเรามี plan จะไป ที่ rainbow springs เพื่อดูน้องนกกีวี่ ต่อเลยชมแค่ในส่วนของ farm show สำหรับรอบเวลา เปิดเข้าไปดูในเวปไซด์ //www.agrodome.co.nz ได้เลย   หลังจากนั้นไปต่อที่ rainbowsprings เพื่อชมนกกีวี่ แต่เนื่องจากเวลาตอนที่เรามา นกกีวี่ยังไม่ตื่น ทางสวนสัตว์จึงปั๊มตราที่มือไว้ ให้เราสามารถกลับมาเข้าชมได้อีกทีในตอนกลางคืนค่ะ   สุดท้ายจบวันด้วยการไปผ่อนคลาย ที่ polynesia spa ถ้าใครมาแนะนำเข้าเป็น private bath แบบเรามีห้องสำหรับลงน้ำแร่และชมวิวทะเลสาปสวยๆ รวมทั้งชมดาวไปด้วยได้  road trip middle earth (เกาะเหนือ) taupo เมืองแห่งกิจกรรม
ออกจาก wanganui เราก็ไปต่อที่เมือง taupo จุดแรกที่แวะคือ lava glass cafe ร้านนี้เป็น ร้านกาแฟ ที่มีการจัดแสดงสวนที่เป็นแก้ว ให้ชมด้วย แต่ต้องเสียค่าเข้าชมสวน ค่าเข้า 5 เหรียญนิวซีแลนด์    มา taupo ทั้งทีสิ่งที่ต้องแวะคือน้ำตก Huka fall วันนี้เราเลยไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อชมวิวกันค่ะ เฮลิคอปเตอร์ที่จะพาเราชมวิววันนี้ค่ะ  ที่นั่งในเฮลิคอปเตอร์นี้มี 4 ที่นั่ง รวมคนขับ เราสองคนกับเพื่อนขาสั้น วิ่งแย่งกับหญิงฝรั่ง นั่งหน้าไม่ทัน เลยได้ไปนั่งด้านหลังแทน ช้ำใจมาก        ใกล้ๆ Huka fall จะมี Huka honey hive อยู่ เป็นที่สำหรับขายของที่ระลึกโดยเฉพาะในส่วนของน้ำผึ้ง เราไปชิมไอศครีมน้ำผึ้งอร่อยมาก  แต่สำหรับน้ำผึ้งไม่ควรซื้อที่นี่เลย เราซื้อไปเยอะ ปรากฏว่าในเมืองถูกกว่าอีก...เซ็ง  จาก huka fall เราก็ไปเดินเล่นทะเลสาป taupo กัน ทะเลสาป taupo เป็นทะเลสาปนำ้จืดที่ใหญ่ที่สุดในนิวซีแลนด์ เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อ 2000 ปีก่อน   ตรงที่ทะเลสาป จะมีการชิงรางวัลตีกอล์ฟ hole in one อยู่ โดยเสียค่าตี 1 เหรียญ ถ้าลงหลุมจะได้ 1000 เหรียญ มีคนมาขอท้าชิง เป็นระยะ แต่พวกเราขอบายดีกว่า  รอบๆทางเดิน ริมทะเลสาป มีศิลปะสวยๆให้เราถ่ายรูปเล่นกันอยู่    road trip middle earth (เกาะเหนือ) wanganui เมือง slow life
จาก new plymouth เราขับรถต่อมาที่เมือง wanganui หรือ บางครั้งก็เขียนว่า whanganui เป็นเมืองเล็กๆที่ขนาบด้วยแม่น้ำ whanganui ซึ่งถือว่าเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในนิวซีแลนด์ หรือที่รู้จักกันว่า Rhine of New zealand เราไปเดินเล่นกันที่ริมแม่น้ำก่อนค่ะ    ที่กลางเมือง ณ ถนน Victoria Avenue จะมีโรงงานเป่าแก้ว ชื่อ chronicle glass อยู่ เปิดให้ดูฟรี เราเลยแวะไปชมกัน ซึ่ง สำหรับ chronicle glass นี้สำหรับใครที่อยากลองทำ เขาก็ให้ลองค่ะ ในวันเราไป มีเด็กวัยรุ่นลองทำอยู่ด้วย  ชั้นสองจะเป็นที่จัดแสดงผลงาน และสำหรับขาย   สำหรับที่พักของเราในคืนนี้ เป็น youth hostel ที่สวยและราคาไม่แพงเลย ชื่อ braemar house ที่พักอยู่ใกล้ๆริมแม่น้ำ ออกจากที่พักมาก็เดินเล่นได้สบาย  แค่ที่กดเปิดประตูก็เก๋แล้ว  รูปห้องพักของเรา เป็น youth hostel เพราะฉะนั้นห้องน้ำรวม  แต่วันที่เราไป มีคนพักแค่เราสองคน เนื่องจากเป็น ช่วง low season เพราะฉะนั้น ทั้งตึกชั้นล่างและห้องรับแขกนี้เป็นของเราหมดเลย เพราะลุงที่เป็นเจ้าของพักชั้นสอง   ตอนค่ำ เราไปถ่ายรูปที่Durie Hill War Memorial ซึ่งถูกสร้างในปี 1925 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่ คนที่ตายในเมืองนี้จำนวน 513 คนจากสงครามโลกครั้ง ที่ 1 จริงๆ ใกล้ๆกันจะมี durie hill elevator และ underground ด้วย แต่เนื่องจากเราไปถ่ายรูปตอนค่ำ ทำให้ส่วนนั้นปิดไปแล้ว  
|
moowanja
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |
