All Blog
พิธีแต่งงานในอิสลามนั้นมีพิธีการเช่นไร?
ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่าน


เงื่อนไขการแต่งงานในอิสลามมี 5 ประการ ดังนี้

1. หญิงและชายต้องเป็นมุสลิมทั้งคู่ หลังแต่งงานไปแล้ว หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตกศาสนา
ความเป็นสามีภรรยาก็ถือเป็นอันสิ้นสุดไปด้วย การอยู่ร่วมกันหลังจากนั้นถือเป็นการผิดประเวณี

2. ผู้ชายต้องจัดหามะฮัรฺ (ของขวัญแต่งงาน) ให้แก่ผู้หญิงตามที่ผู้หญิงร้องขอ เมื่อทำพิธีแต่งงานทางศาสนาเสร็จ
มะฮัรฺนี้จะเป็นของผู้หญิงครึ่งหนึ่งก่อน จนกว่าจะได้อยู่ด้วยกันโดยพฤตินัยแล้ว มะฮัรฺก็จะเป็นของผู้หญิงทั้งหมด
หากหลังพิธีแต่งงานแล้วคู่บ่าวสาวมิได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีกันจริงๆ มะฮัรฺก็จะเป็นของผู้หญิงเพียงครึ่งเดียว

3. ต้องมีพยานเป็นชายมุสลิมที่มีคุณธรรมอย่างน้อย 2 คน

4. ต้องมีวะลี (ผู้ปกครอง)ของผู้หญิงให้อนุญาตแต่งงาน หากพ่อผู้หญิงมิใช่มุสลิม ไม่สามารถเป็นวะลีได้ ผู้หญิงจะต้องแต่งตั้งให้ใครเป็นวะลีทำหน้าที่ในพิธีแต่งงานให้ ทำพิธีเสร็จแล้ว ความเป็นวะลีโดยการแต่งตั้งก็เป็นอันจบไป

5. มีการเสนอแต่งงาน(อีญาบ)จากทางวะลีของฝ่ายหญิง และเจ้าบ่าวต้องกล่าวรับ(กอบูล)


พิธีกรรมแต่งงานก็ประกอบด้วยการคุฏบ๊ะฮฺนิก๊ะฮฺ เสร็จแล้วก็ทำพิธีนิก๊ะฮฺตามหลักศาสนา
โดยการกล่าวเสนอแต่งงานจากทางวะลีฝ่ายหญิง และฝ่ายชายตอบรับ เท่านั้นก็เป็นเสร็จพิธี

ส่วนงานเลี้ยงฉลองแต่งงานเราเรียกว่า "วะลีมะฮฺ" อิสลามส่งเสริมให้ทำเพื่อแสดงความยินดีและรื่นเริงเพราะเป็นโอกาสสำคัญ แต่งานเลี้ยงต้องไม่ฟุ่มเฟือย



หลักการศาสนาอิสลามเป็นเช่นนี้ทุกที่ทั่วโลก หากนั้นนอกเหนือจากนั้นเป็นการเพิ่มเติมขึ้นมาเอง

อาบน้ำเจ้าสาว จุดเทียนตัดเค้ก การแห่ขันหมากไปมา เจ้าสาว เจ้าบ่าว มีอ้อย และอื่นๆนั้น
เป็นสิ่งอุตริที่ไม่มีอยู่ในอิสลาม มนุษย์สร้างขึ้นมาให้เล่นให้วุ่นวาย และนำมาเหมารวมว่า มันคือพิธีกรรมทางอิสลาม

อิสลามไม่สนับสนุนให้ทำ เพราะมันสร้างภาระ และสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ


และการเลี้ยงฉลองงานแต่งงานหากมีการเลี้ยงเกิน 3 วัน
ถือเป็นการฟุ่มเฟือยโอ้อวดและท่านนบีไม่สนับสนุนงานเช่นนี้ค่ะ อิสลามห้ามเรื่องการ โอ้อวดและฟุ่มเพื่อยโดยใช่เหตุ

ท่านนบีกล่าวไว้ว่า อาหารมื้อที่ดีที่สุด คืออาหารในงานนิก๊ะห์ และอาหารที่แย่ที่สุด คืออาหารในงานวลีมะห์ (อาหารงานฉลองงานแต่งงาน)

เนื่องจากเจ้าภาพ มักเชิญเฉพาะคนรวย คนที่มีฐานะทางสังคม ส่วนคนที่ยากไร้ต้องการอาหารประทังชีวิต กลับไม่ได้รับเชิญ


บางกลุ่มชนของอินโดนีเซียนั้นพิธีการมีการเลี้ยงฉลอง 7 วัน

และประเพณีแต่ละที่ก็แตกต่างกันไปตามพื้นที่

หากกลุ่มคนใดที่เคร่งครัดในหลักการศาสนา ก็จะไม่มีสิ่งเสริมนอกเหนือเพิ่มเติมที่กล่าวมาค่ะ

ต้องแยกให้ออกระหว่างประเพณีที่ทำตามกันมา กับหลักศาสนาค่ะ





ส่วนเรื่องสินสอดในอิสลามนั้น มีกล่าวไว้ดังนี้.....


มะฮัรฺ หมายถึง ทรัพย์สิน,เงินทองที่ฝ่ายเจ้าบ่าวมอบให้แก่ฝ่ายเจ้าสาวเท่านั้น

ญาติของนางไม่มีสิทธิ์ เข้ามามีส่วนกำหนดทรัพย์สิน ว่าจะต้องได้เท่านั้นได้เท่านี้
ถือว่าผิดหลักคำสอนของศาสนา แม้ว่าญาติของนางจะอ้างสิทธิ์อันชอบธรรมอะไรก็ตาม ศาสนาไม่อนุญาตให้ญาติมีส่วนมาตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดมะฮัรฺ


แต่ปัจจุบันผู้คนหลงลืมไปว่า การเรียกเงินสูงๆ เป็นการให้เกียรติ และนับหน้าถือตาในสังคม และยกย่องกันแต่เรื่องฐานะ


ลืมหลักการศาสนา ที่อิสลามมีกล่าวไว้ตั้งแต่เกิดจนตายว่า เท่าเทียมกัน..

ผู้ที่ดีที่สุดคือผู้ที่ศรัทธาและอยู่ในหลักการศาสนา ซึ่งเป็นผู้ที่ปฏิบัติความดีงาม อ่อนโยนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์และไม่โอ้อวดฟุ่มเฟื่อย......ไม่หลงงมงายกับฐานะหน้าตาทางสังคม ที่สร้างกันขึ้นมาเอง

งานวะลีมะฮฺ หมายถึง เจ้าบ่าวเจ้าสาวเลี้ยงอาหารให้แก่แขกที่มาเป็นสักขีพยานในงานพิธีนิก๊ะห์
หรืองานฉลองการแต่งงานนั่นเอง ...ทั่วไปเรียกว่า งานมงคลสมรส...

งานวะลีมะฮฺจะจัดงานในวันเดียวกับงานพิธีนิก๊ะห์ก็ได้ หรือจะจัดงานภายหลังพิธีนิก๊ะห์ก็ได้

ซึ่งท่านนบีมุฮัมหมัด ซอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมฮฺ กระทำไว้เป็นแบบอย่าง โดยจัดงานวะลีมะฮฺระยะห่างจากจัดงานนิก๊ะห์ประมาณ1สัปดาห์


หากนิก๊ะห์เสร็จแล้ว อีก 1 หรือ 2 วันจะจัดงานวะลีมะฮฺนั้น สามารถกระทำได้ค่ะ
เพราะศาสนาอนุญาตให้กระทำได้นั่นเอง

เช่น การที่มุสลิมทำพิธีนิก๊ะหฺ์ที่มัสยิด/บ้าน ในตอนเช้า และมีงานฉลองอีกงานหนึ่งโรงแรม/สถานที่อื่น

หรือ

การที่มุสลิมทำพิธีนิก๊ะหฺ์ที่มัสยิด/บ้าน ในวันหนึ่ง และมีงานฉลองอีกงานหนึ่งที่โรงแรม/สถานที่อื่น ใน 2 วัน หรือ อีก 1 อาทิตย์ถัดมา



ด้วยความเคารพค่ะ

วัสลาม







Create Date : 20 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 24 มกราคม 2553 22:17:37 น.
Counter : 12799 Pageviews.

44 comment
แผ่นดินนี้..ที่อิสลามที่ห้ามคนต่างศาสนิกเข้าสู่พื้นที่.....แผ่นดินต้องห้าม
ทำไมถึงห้ามคนต่างศาสนิกเข้าสู่บางส่วน
ของประเทศ ซาอุดิอาระเบีย.......


เพราะเป็นดินแดน " ศักดิ์สิทธิ์ "


สาหตุที่ห้ามเข้านั้น

เนื่องจากมีคำสั่งห้ามจากอัลกุรอ่านห้ามมิให้ คนต่างศาสนาที่ไม่ใช่อิสลาม เข้ามาในแผ่นดิน หะรอม

เริ่มเมื่อสมัยท่านนบีมูฮำหมัด ซล.
ที่เข้าไปพิชิตมักกะห์ รวมทั้งทำลายรูปเจว็ด 360 รูป รอบอัลกะบะฮฺ และปฏิบัติมาถึงปัจจุบัน

ชาวอาหรับ ที่ซาอุ ถือว่าเป็นการหะราม(ต้องห้าม)
ที่จะให้คนต่างศาสนิกเข้าไปที่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์


พื้นที่ที่ห้ามเข้าคือ
เมืองมักกะห์ และ เมืองมาดีนะห์ และบางส่วนของทุ่งอารอฟะห์
ที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการประกอบพิธีฮัจย์
(พื้นที่ครึ่งหนึ่งคนต่างศาสนิกเข้าได้ อีกครึ่งเข้าไม่ได้ )

เข้าได้เฉพาะมุสลิมเท่านั้น.....





Masjid Nabawi










Masjid Haram And Makka City





เมื่อสมัยก่อนคนที่เข้าไปทำงานเมืองซาอุนั้น
แล้วอยากที่จะเข้าไปทำงานที่มักกะห์
มักเปลี่ยนศาสนา...
เพราะที่นั่น มีงานมากมายและรายได้ดี...



สิ่งที่คนไทยเข้าไปทำชื่อเสียงคือไปสร้างตึกรามบ้านช่อง
อาคารทั้งหลาย ฝีมือดี ขยันและมีความอดทน

รวมทั้ง ประตูกะบะฮฺนั้น ฝีมือคนไทย



แต่ที่ทำเสียชื่อ คือ เพชรซาอุ...









มักกะห์ เมืองศักดิ์สิทธิ์
มะดีนะห์ เมืองการอพยพ

โดยท่านนบีมูฮำหมัด ซล.
พามุสลิมอพยพมาจากเมืองมักกะห์

และเมืองมะดีนะห์ ยังเป็นเมืองแห่งการศึกษา



ส่วนผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ หะรอมนั้น
ก็มีข้อห้ามมากมาย เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น การตัดต้นไม้ การฆ่าสัตว์

แต่มีข้อยกเว้นเช่น สามารถตัดแต่งกิ่งเพื่อความสวยงามได้ แต่... ห้ามทำให้มันตาย

หรือ ถ้าต้นไม้นั้น ถ้ามันเจริญเติบโตแล้วอาจทำความเสียหายให้กับเราได้
แบบนี้สามารถทำได้

มีกฎเกณฑ์ แต่มีข้อยืดหยุ่นเสมอ















Create Date : 16 กันยายน 2549
Last Update : 27 มิถุนายน 2551 7:40:13 น.
Counter : 7966 Pageviews.

20 comment
ทำไมชายมุสลิมถึงไว้เครา
เนื่องจากอิสลามนั้น จะปฏิบัติตามคัมภีร์ อัล-กรุอาน และ
ทำตามที่ ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.(รอซูล) ที่ได้ทำเป็นแบบอย่างเอาไว้นั่นเอง



ท่านรอสูลุลอฮฺกล่าวว่า

"พวกท่านจงทำตัวให้แตกต่างจากพวกมุชริก (พวกที่ตั้งภาคี) โดยที่พวกท่านปล่อยเครา และเล็มหนวดของพวกท่านเถิด"

(บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษที่ 5442)



"แท้จริงท่านนบีสั่งใช้ให้เล็ม (ตัด) หนวด และปล่อยเครา"

(บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 381)


1. ท่านรสูลสั่งใช้ให้มุสลิมชายทุกคนไว้หนวดและเล็มหนวดให้เรียบร้อย และกำชับให้ปล่อย (หรือเลี้ยง) เครา

2. การปล่อยเคราเป็นเอกลักษณ์ของมุสลิมชาย อีกทั้งยังเป็นการทำตัวให้แตกต่างจากพวกมุชริกอีกด้วย

สาเหตุเพราะ พวกมุชริกไม่ไว้หนวดไว้เครานั่นเอง

3. ปัจจุบันผู้ชายส่วนใหญ่จะทำให้ใบหน้าคล้ายกับผู้หญิง

ฉะนั้นการไว้หนวดไว้เคราจึงเป็นการบ่งชี้ว่า
มุสลิมชายจะต้องมีหนวดมีเคราเพื่อให้แตกต่างจากเพศหญิง หรือหลีกเลี่ยงการเลียนแบบเพศหญิง




Create Date : 10 กันยายน 2549
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2549 22:01:08 น.
Counter : 3338 Pageviews.

10 comment
ทำไมอิสลามต้องจัดพิธีศพภายใน24 ชม.??
มันเป็นคำถามที่ถูกถามบ่อยๆ

" ถามท่านที่เป็นมุสลิม เหตุใดจึงต้องจัดพิธีศพภายใน 24 ชม. "



การฝังนั้น ไม่มีข้อกำหนดว่าต้องฝังภายในกี่วัน
หรือฝังตอนไหน

แต่ศาสนากำชับว่า ต้องฝังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ !!





ฉะนั้นหากพบศพตายเกินแล้ว1 วันก็ไม่มีปัญหาแต่ประการใด



สรุปก็คือว่า หากพบมัยยิต (ศพ )เมื่อไหร่

ไม่ว่ามัยยิตผู้นั้นจะตายมาแล้วกี่วันก็ตาม

เราสามารถฝังมัยยิตผู้นั้นได้ทันที





โดยมี4 ขั้นตอน คือ

1.อาบน้ำให้คนตาย 2.การกะฝั่น(ห่อ) 3.ละหมาดให้คนตาย 4.ฝัง



โดยเป็นหน้าที่ของคนที่อยู่ข้างหลังทั้งหมด
และต้องทำให้ครบ





หากพบศพ (มัยยิต)ในสภาพที่เน่าแล้ว ซึ่งเราไม่สามารถอาบน้ำมัยยิตให้ได้

เช่นนี้ การใช้น้ำราดให้ทั่วร่างกายถือว่าเพียงพอแล้ว

จากนั้นก็สามารถห่อกะฝั่นได้เลย







เหตุผลทางด้านวิทยาศาสตร์ และสังคมคือ



1. ลดภาระให้ผู้อยู่ข้างหลัง ที่จะมีค่าใช้จ่ายตามมากมาย



2. ป้องกันโรคระบาด



3. ไม่มีการรักษาสภาพศพไว้ ดังนั้นเมื่อตายแล้วรีบฝัง

ไม่ใช่ว่ายุคก่อนไม่มีน้ำยารักษาสภาพศพ

เพราะน้ำยารักษาสภาพศพนั้นมีตั้งแต่สมัย ฟาโร เช่นกัน



4. ไม่ต้องการให้ญาติพี่น้องผู้ตายโศกเศร้าเสียใจเกินเหตุ

ฟูมฟายตีอกชกตัว เช่นนี้ ศาสนาห้าม....

ต้องเข้าใจยอมรับการจากไป เพราะทุกคนต้องตาย



5. การฝังทำให้ศพย่อยสลายได้รวดเร็ว












Create Date : 02 กันยายน 2549
Last Update : 27 มิถุนายน 2551 7:44:06 น.
Counter : 6293 Pageviews.

6 comment
อิสลามกับความเข้าใจ ของคนต่างศาสนิก
เพราะเราอยู่ประเทศที่เป็นอิสระในการนับถือศาสนาตามรัฐธรรมนูญ

ไทยเป็นเมืองพุทธ ไม่ผิดที่เราจะเรียนรู้กันรู้จักศาสนาอื่นๆบ้าง


มีคนต่างศาสนาหลายๆคนเข้าใจศาสนาอิสลามผิดๆ เพราะไม่เคยมีใครมาบอกกล่าวสิ่งที่ถูกต้อง

แต่มักพบเห็น เฉพาะคนที่นับถืออิสลามเฉพาะในบัตรประชาชนเท่านั้น แต่เขาไม่ได้ปฏิบัติตนให้ถูกต้อง
ซึ่งทางอิสลามนั้นเคร่งครัดมาก ในการปฏิบัติตน ตั้งแต่ ตื่นจนเข้านอน ตั้งแต่เกิดจนตาย



หากคุณมีมิตรเป็นมุสลิม(ที่ดี)ไม่แปลกที่จะเห็นเขาต่างแตกจากท่านๆ


อิสลามคืออะไร ??

อิสลามแปลว่า " สันติ "




มุสลิมคืออะไร ??

มุสลิมคือผู้ทีนับถือ ศาสนาอิสลาม ผู้ชาย เรียก มุสลิมมีน ผู้หญิงเรียกมุสลิมมะห์



อิสลามสอนด้วยคมหอกคมดาบ ??

อิสลามไม่ได้สั่งสอนแบบนั้น แต่ให้ทำการต่อต้านหากถูกรุกราน แต่หากให้มีความอดทนอดกลั้น มีน้ำใจ



ทำไมผู้หญิงที่นับถืออิสลามต้องคลุมผ้า ??

เพราะเป็นสิ่งที่ศาสนาบัญญัติเอาไว้ ให้ผู้หญิงปกปิดร่างกาย หรือ เอาเราะห์ ส่วนที่เปิดเผยได้มีแค่ ผ่ามือและใบหน้า เปิดเผยได้เฉพาะ บุคคลที่ฝ่ายหญิงแต่งงานด้วยไม่ได้เช่น บิดา พี่ชายน้องชาย


วัตถุประสงค์สำคัญ ของการแต่งกายคือ การปกปิดสิ่งพึงละอายของร่างกาย โดยเฉพาะร่างกายของผู้หญิง


ทั้งนี้ เพื่อที่จะไม่ให้ส่วนหนึ่งส่วนใด ของเรือนร่างเพศหญิง กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ของผู้ชาย ซึ่งจะก่อให้เกิด ความเสียหาย ขึ้นมาในสังคม


และไม่ต้องการให้มีการแข่งขันแต่งกายโอ้อวดโฉมกันและฟุ่มเฟื่อยกับการแต่งกายเพียงเพื่อโอ้อวดให้ผู้อื่นมอง


ฮิญาบ เป็นชุดที่จะทำให้ผู้หญิง ปลอดภัยจากการลวนลาม และแทะโลม…..



แล้วทำไม บางคน ถึงปิดจนเหลือแต่ลูกกะตา บางประเทศคลุมหมดเลย หรือเพราะอยู่ในทะเลทรายเลยต้องคลุม ??


เพราะสตรี นั้น มีหน้าตา ท่าทางที่ผู้ชายเห็น แล้วอาจคิดไม่ดี การคลุมหน้า จึงเป็นการ ปกปิดให้รอดพ้นจากสายตาผู้ชาย รอดพ้นต่อสิ่งต่างๆ

ผู้ชายบางคน ก็ไม่อยากให้ ภรรยาต้องถูกผู้ชายใช้สายตามองอย่าง โลมเลีย แทะโลม หรือใช้ สายตาไนทางที่ไม่ดี และอาจถูกล่วงละเมิดได้

บางคนปิดหน้า เพราะใบหน้าของนาง เพียงแค่พบเห็นอาจทำให้เกิดการลวนลามและแทะโลมได้เช่นกัน

การมีผ้าผิดหน้า ก็เป็นการปิดกั้นสิ่งต่างๆที่ไม่เหมาะสม มิให้เกิดขึ้นมา

ป้องกัน และปกป้องมุสลิมะห์ทั้งหลายก่อนเหตุการณ์ที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น
เรื่องทะเลทราย มันอีกเรื่องนึงค่ะ เราทำตามสิ่งที่ดีงามและคำสอนของท่าน



• ไม่เป็นการกดขี่ทางเพศเหรอ ??

ไม่ใช่ค่ะ อิสลามให้เกียรติ สตรีเพศ ที่ให้ปกติร่างกาย เพื่อที่นางจะได้รอดพ้น จาก อารมณ์ต่างๆของผู้ชาย

ภรรยาของชายมุสลิม มีหน้าที่ดูแลสามี ดูแลลูก สามีต้องทำงานเลี้ยงดูภรรยาอย่างดี ห้ามละเลย เด็ดขาด



อิสลามห้ามดื่มเหล้า ทำไมเห็นเพื่อนๆ อิสลามกินกันหน้าตาเฉย ??

เหล้า 1 หยด ไม่รับละหมาด 40 วัน แล้ว 1 กลม 1แบน มันจะกี่หยด กี่วัน เลวร้ายยิ่งกว่าทานหมูอีกค่ะ

หมู แค่ข้อห้าม อาหารที่ไม่อนุมัติที่มันมีอีกหลายอย่าง
เพราะฉะนั้น ทานเหล้านั้น บาปร้ายแรงมากๆ เกือบจะเทียบเท่า คนทำ ซินา (ซินา คือ การร่วมประเวณีก่อนแต่งงาน)

เพราะเหล้าทำให้อะไรตามมามากมาย เช่น การหลับนอนกับคนที่ไม่ใช่ภรรยา หรือ สามี ทำให้ขาดสติยั้งคิด ทะเลาะเบาะแว้ง ฆ่ากันตาย และมีปัญหา ตามมามากมาย

ถ้าไปนั่งร่วมวงคนทานเหล้า โดยที่เราไม่ดื่มด้วย โทษเท่ากับคนที่ ดื่มเหล้า

ดังนั้น งานไหนที่มีเหล้า งานนั้นไม่มีมุสลิมค่ะ (มุสลิมที่ดี )



แล้วอิสลามมีบาทหลวงหรือพระไหม ??

ไม่มีค่ะ ที่เห็นเดินริมถนน เป็นแถวๆ เครา ยาวๆ
แบกกระเป๋า นั้นไม่ใช่พระค่ะ

แต่เรามีผู้รู้ในสาขาต่างๆทำการสอนและตักเตือนให้อยู่ในหนทางที่ถูกต้องของอิสลาม

ส่วนอิหม่าม คือผู้มีความรู้ทางศาสนาสามารถแยกแยะตัดสิ่งสิ่งถูกผิดได้อย่างชัดเจนไม่ลำเอียง และเป็นผู้นำชุมชนรวมทั้งนำละหมาดในมัสยิด





อิสลามมีผีรึเปล่า เขาว่ากันว่า ผีแขกดุ ??

อิสลามไม่มีผี ผี ทางพุทธ คือ วิญญาณที่มองไม่เห็นตัว (ตามพจนานุกรมเลย)

ถ้าผีดุ ตอนที่ คนคนนั้นถูกฆ่าตาย หรือตายเอง ทำไม วิญญาณไม่ออกมาแก้แค้นทันทีที่เป็นผีอ่ะ

จะถูกเก็บเอาไว้ที่ โลกอะลัมบัรฺซัค
คือโลกที่อยู่ระหว่างโลกดุนยากับโลกอาคิเราะฮฺ และเป็นโลกที่เก็บวิญญาณของบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง


รอจนกว่าวันสิ้นโลก จะไม่มีมาเผ่นผ่านระรานคน อยู่คนละโลกกันค่ะ



แต่ที่เห็นเล่านั้น คือมารร้าย ชื่อว่า ญิน และ ชัยฏอน เป็นผู้ที่ไม่เคารพเชื่อฝั่งคำสั่งของพระเจ้า ออกมากลั่นแกล้งคนให้กลัว และความศรัทธาสั่นคลอน

เพื่อที่คนเหล่านั้นจะได้ไปผึ่งสิ่งอื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ

ทั้ง2 นี้ไม่สามารถมีฤทธิ์และอำนาจ ฆ่ามนุษย์ได้ค่ะ มีที่อยู่อาศัยบริเวณที่รกร้าง ซากปรักหักพัง สถานที่สกปรกต่างๆ บริเวณที่โล่ ตามป่าเขา



อิสลามเล่นหวยไม่ได้จริงเหรอ ??

ใช่ค่ะ อิสลามไม่ให้เสี่ยงโชค ดังนั้น หวยห้าม ชิงโชคทั้งหลายห้าม ห้ามหมดค่ะ



แต่งกับคนมุสลิม แล้วนับถือคนละศาสนาไม่ได้เหรอ ??


ไม่ได้ค่ะ ศาสนาห้ามแต่งงาน อยู่กินกับคนต่างศาสนาถ้าเขายังไม่เข้ารับอิสลาม

เพราะไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาเรื่องลูกๆ ญาติพี่น้องตามมา

ไม่ได้แต่งกันแค่2 คนนะคะ การแต่งงานก็เหมือนกับแต่งกับญาติเขาด้วยค่ะ

และถ้าความเชื่อต่างกัน มีรึจะไปรอด.....






***********************


วันนี้แค่นี้ก่อนนะคะ









Create Date : 19 สิงหาคม 2549
Last Update : 27 มิถุนายน 2551 7:12:43 น.
Counter : 3998 Pageviews.

7 comment
1  2  3  4  5  6  

นะ(รก)
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



เพราะเราไม่รู้ว่า ลมหายใจจะหมดลงเมื่อใด
The Doomsday Book
Date Conversion
Gregorian to Hijri Hijri to Gregorian
Day: Month: Year
Website Counter
New Comments