|
ซีรี่ยส์บำบัด
เเละ...
เนื่องจากทิ้งร้าง blog ไปนานนนนนน... ต้องเรียนขออภัยเพื่อน ๆ น้อง ๆ นักอ่านทุกคนที่ไม่ได้เข้ามาอัพเดทนิยายอีกเลย เนื่องจาก (อีกครั้ง) จขบ.ติดภารกิจส่วนตัวจริง ๆ ไม่ขอสัญญาอีกล่ะว่าจะมาต่อเมื่อไหร่ ขอบคุณน้องแคที่ยังถามถึงนะคะ แต่รอให้เขียนจบทีเดียว (ซึ่งไม่ขอรับปากว่าเมื่อไหร่) แล้วค่อยมาว่ากันอีกที
ไหน ๆ แล้ว ก็ไม่อยากให้ blog ว่างเปล่า ขอคั่นด้วยบทความ ซึ่งช่วงนี้มีน้องนุ่งที่รู้จักขอให้ช่วยเขียนลงในเว็บไซต์ของจาวเจียงใหม่ ใครอยากรู้อะไรดี ๆ อะไรเด็ด ๆ เสาะหาข้อมูลเกี่ยวกะเชียงใหม่เข้าไปที่เว็บของเขาได้เลย (น้องเขาบอกว่าช่วยโฆษณาใน blog ให้หน่อยนะพี่!!)
//www.chiangmaigateway.com/
ข้อมูลเพียบ ขอบอกกกก...
ส่วนอีกอัน ใครสนใจเขียนบทความหรืองานประพันธ์อื่นใด ส่งไปลงได้ที่นี่
//www.hichiangmai.com/
มีพื้นที่เปิดกว้างเช่นนี้ ใครชอบขีด ๆ เขียน ๆ ลองแวะเข้าไปชม เราก็แอบนิยม เอ้ย! ก็ไม่เสียหลายนะ เผื่อได้ฝึกมือด้วย
นั่นล่ะ อย่างที่บอกเลยขอนำบทความที่เขียนลงในเว็บนั้น มาลงไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพื่อให้รู้ว่า จขบ.ยังกลับมาปัดกวาดหยากไย่ เช็ดถูดูเเลบ้านหลังน้อยนี้อยู่เรื่อย ๆ ไม่ได้ทิ้งไปไหน หวังว่าข้อเขียนที่ลงคงมีประโยชน์ต่อเพื่อนนักอ่านทุกคนบ้างไม่มากก็น้อย
ขอบพระคุณ และมีความสุขกับการใช้ชีวิตทุกท่านค่ะ
บทความ 'ซีรี่ยส์บำบัด' โดย นาทวริน
จาก //www.hichiangmai.com/
ไม่มีใครไม่เคยมีความทุกข์ ตั้งแต่เศรษฐีพันล้านลงมาถึงขอทานข้างถนน ตั้งแต่สาวสวยเลิศเลอเพอร์เฟ็คจากหัวจรดเท้า ไปจนถึงคนขี้เหร่ที่สุด ทุกคนล้วนมีความทุกข์กันไปคนละแบบ แต่ธรรมชาติจะทำให้เรารู้จักเยียวยารักษาตัวเอง...ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ทว่า บางครั้งในยามที่ซึมเศร้า ชีวิตโดนมรสุมโหมกระหน่ำ ก็ทำเอาสมองคิดอะไรไม่ออกได้เหมือนกัน แต่ก็อีกนั่นแหละ...ในทางจิตวิทยาบอกเอาไว้ว่า ธรรมชาติคนเราจะฟื้นคืนขึ้นจากเรื่องทุกข์โศกได้เองภายในระยะเวลาไม่เกินสองสัปดาห์ ให้เวลาตัวคุณเองเหอะ อยากจะร้องไห้ อยากจะระบายเป็นบ้าเป็นบอ ก็ทำให้เต็มที่ในช่วงสองสัปดาห์นี้ (แต่ขอปิดประตูใส่กลอนทำไปคนเดียวล่ะ อย่าไประเบิดลงกับคนอื่น) หลังจากนั้น คุณจะกลับฟื้นคืนขึ้นมากลายเป็นคนใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น เชื่อมั่นขึ้น และสวยยิ่งขึ้น (อิอิ..) เหมือนฟ้าหลังพายุฝนที่มักจะเจิดจ้าแจ่มจรัสยิ่งกว่าเก่าเสียอีก
แต่ถ้าความทุกข์ของใครยังอยู่เป็นเดือน หรือหนัก ๆ ถึงขั้นยืดเยื้อเป็นปี ๆ อันนี้ต้องให้ระวังได้แล้วค่ะว่าโรคซึมเศร้ากำลังถามหา และอาจเป็นถาวรถ้าไม่ได้รับการแก้ไขเสียแต่เนิ่น ๆ ทางที่ดีควรหาเพื่อนที่เราจะสามารถพูดคุย และขอคำแนะนำปรึกษาได้ หรือจะเป็นพี่ ๆ น้อง ๆ ญาติสนิทที่ไว้ใจได้ ว่าจะไม่ปากโป้งเอาเรื่องของเราไปขยายต่อกลายเป็นละครหลังข่าว ให้เรายิ่งทุกข์หนัก ประเภทเพื่อนบ้านขี้เมาท์ หรือผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย ...ต่อหน้าทำเป็นพูดเพราะยิ้มหวาน แต่ลับหลังแอบเอาไปนินทา พวกนี้ชอบเห็นความหายนะของคนอื่น ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
หรือถ้ามองซ้ายมองขวาแล้วไม่มีใครจริง ๆ ละก็ นี่เลยค่ะฮอตไลน์สายด่วนกรมสุขภาพจิต หรือจะพวกองค์กรสมาริตัน หรือองค์กรต่าง ๆ นานา ที่ให้รับคำปรึกษาปัญหาชีวิต ปัญหาครอบครัวมีมากมายค่ะ สมัยนี้อะไร ๆ ก็กูเกิ้ล คลิ๊กเข้าไปค้นหาหมายเลขแป๊บเดียวก็ได้แล้ว เราต้องรู้จักใช้เทคโนโลยี่ให้เป็นประโยชน์ด้วยค่ะ
เกิดเป็นคน ไม่มีความทุกข์อะไรที่มนุษย์เราทนไม่ได้ค่ะ ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ เชื่อสิคะ!!
ช่วงทุกข์กระหน่ำซัมเมอร์เซลเช่นนี้ บางคนอาจไม่อยากพบหน้าใครทั้งสิ้น ไม่อยากรับรู้เรื่องราวภายนอก อยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองคนเดียวเงียบ ๆ ได้ทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต การบำบัดตัวเองอาจเป็นวิธีที่ดีสำหรับกรณีแบบนี้ เราอาจใช้ ดนตรีบำบัด โดยการเดินไปที่เครื่องเสียง แล้วก็เลือกเปิดเพลงเพราะ ๆ นุ่มสบายหูฟัง แนะนำว่าเป็นดนตรีคลาสสิคเบา ๆ ดีที่สุด เลือกเอาจะเป็นโชแปง, บาค, เบโธเฟน, โมสาร์ท หรือไชคอฟสกี้ ฯลฯ (ไม่เอาโอเปร่าที่มีเสียงร้องโทนเนอร์นะคะ รวมถึงเพลงอกหักรักคุดทั้งหลาย ให้หลีกเลี่ยงเด็ดขาดช่วงนี้) เพราะดนตรีคลาสสิคมีท่วงทำนองอันละเอียดอ่อนปราณีต ช่วยกล่อมกล่อมให้จิตใจเราอ่อนละมุนลง เมื่อจิตสงบ เราอาจพบแสงสว่างที่ปลายถ้ำได้ในไม่ช้า
บางคนอาจเลือกฟังเทปธรรมะก็ได้ เป็นช่วงที่ดีที่จะได้ซาบซึ้งกับรสพระธรรม หลายคน..ธรรมะไม่เคยสำคัญกับชีวิตเลย จนเมื่อเกิดทุกข์
อะไรก็แล้วแต่ที่ดี ล้วนแต่นำมาบำบัดตัวเราได้หมด คนที่ชอบขีดเขียน อาจระบายความรู้สึกออกมาเป็นตัวอักษร นี่คือ ไดอารี่บำบัด เขียนทุกสิ่งทุกอย่างลงไปในสมุดบันทึก เอาให้สุด ๆ ไปเลย ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น เราไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เพราะไดอารี่เป็นโลกส่วนตัวที่สุดของเรา ใครจะมาอ่านก็ไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเราเสียก่อน นอกจากพวกที่เสียมารยาท เพราะฉะนั้น อยากจะระบายอะไรออกไป ก็เชิญเถิด พอได้ระบายออกไปแล้ว จะรู้สึกโล่งโปร่งสบายขึ้น เหมือนได้ระบายของเสียออกจากร่างกาย แม้นไม่มีคนฟังก็ตาม แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ หัวเราะบำบัด มาบ้างในช่วงปีสองปีมานี้ อินเดียเป็นประเทศต้นคิดค่ะ ไม่แน่ใจว่าคนต้นคิดเป็นหมอรึเปล่า ที่แน่ ๆ หัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใส ของไทยเรายังใช้ได้ดีอยู่ แต่หัวเราะบำบัดของพี่ภารตะนี่ไม่ใช่แค่หัวเราะนิด ๆ อย่างพี่ไทยเรานะคะ เขาหัวเราะกันแบบลูกใหญ่ ๆ เลยค่ะ แถมยังมีขั้นมีตอน มีหลักการ ไม่ใช่เล่น ๆ ก่อนเริ่มต้นบำบัด ต้องมีการวอร์มร่างกายก่อน สะบัดแขนสะบัดขา หมุนคอ หมุนหัวไหล่ เหมือนก่อนออกกำลังกายยังไงยังงั้น แล้วเขาก็แนะนำว่าให้ทำเป็นกลุ่ม จะได้ผลดีกว่าทำเดี่ยวด้วย โดยการกอดคอกันกระโดด แล้วก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาให้เต็มที่ ต้องหัวเราะจากปอดขึ้นมายังกระบังลม กระทั่งริมฝีปากก็ต้องเปิดให้กว้างที่สุด อะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ ใครอยากรู้จริง ๆ ก็กูเกิ้ลอีกนั่นละค่ะ ผู้เขียนเคยอ่านจากวารสาร หมอชาวบ้าน มา เห็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เคยจัดคอร์สเกี่ยวกับ หัวเราะบำบัด มาบ้างแล้วเหมือนกัน
ถ้าดูหนังฝรั่งบ่อย ๆ จะเห็นว่า เขามักมีการนั่งล้อมเป็นวงกลม แล้วผลัดกันพูดระบายออกมาทีละคน เป็นกรุ๊ปธีราพี มีทั้งพวกที่ติดยา, ติดเหล้า, ปัญหาชีวิตคู่ ฯลฯ วิธีนี้ดีมาก ๆ เพราะจะได้รับรู้ว่าแต่ละคนก็มีปัญหาไม่ได้ต่างไปจากเรา เราฟังบางคนแล้วอาจรู้สึกว่า เออ..เขาหนักกว่าเราอีกนะ แถมยังมีคนมาช่วยแชร์ความรู้สึกไปจากเราด้วย เรียกว่าหัวอกเดียวกัน ย่อมเข้าอกเข้าใจกันดี
แต่ถ้าเรามองซ้ายมองขวาแล้ว ไม่มีใครสักคน แหะ แหะ...ทำคนเดียวก็ได้ค่ะ ไม่ใช่ว่านั่งพูดเป็นบ้าอยู่คนเดียวนะคะ อะไรก็ได้ที่จะช่วยให้เราดีขึ้นอย่างที่บอกข้างต้น ดูหนัง ฟังเพลง หัวเราะไปคนเดียวก็ได้ หรือจะช้อปปิ้ง ถ้าไม่ได้ถังแตกอยู่นะคะ ต้องเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนอิริยาบถ เปลี่ยนกิจกรรมไปทำอย่างอื่นบ้าง อะไรก็ได้ อย่าให้ซ้ำซากจำเจอยู่ที่เดิม ๆ เรื่องเดิม ๆ ควรดึงตัวเองออกมาจากจุดที่ทำให้เรารู้สึกแย่
พูดถึงหนังฝรั่งแล้ว ขอพาดพิงเรื่องตัวเองหน่อยค่ะ ผู้เขียนเองเป็นคอซีรีย์สฝรั่ง (เกาหลีไม่ได้แอ้มจ้า!) ช่วงที่มีปัญหาทุกข์ ๆ ก็อาศัย ซีรีย์สบำบัด ช่วยให้อารมณ์แจ่มใสเบิกบาน ผ่านช่วงซึมเศร้าไปได้ดีไม่น้อยทีเดียว เพราะหนึ่ง ซีรี่ย์สฝรั่งพล็อตเรื่องเขาสนุกจริง ๆ ให้ดิ้นตายค่ะ นอกจากช่วยให้ escape จากโลกแห่งความเป็นจริงอันแสนวุ่นวายไปได้ขณะหนึ่งแล้ว บทและเนื้อหาที่ลึก และแหลมคมกว่าซีรี่ยส์แถบบ้านเรา ยังช่วยให้เข้าใจมุมมองต่าง ๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น และสามารถเอามาปรับใช้แก้ปัญชาในชีวิตจริง ๆ เหมือนอย่างที่เขาบอกว่า ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัวเองนั่นแล!
สอง ได้ศัพท์ภาษาอังกฤษกิ๊บเก๋ที่เขาใช้สนทนากันจริง ๆ ในชีวิตประจำวัน นอกเหนือไปจาก How are you? Im fine, thank you...จบ แหม! ดูสิคะ ภาษาปะกิตก็พัฒนาด้วยอีกตะหาก เพราะงั้น หลังภารกิจประจำวันอันแสนเหน็ดเหนื่อยจบสิ้นลง ตกค่ำอิฉันก็จะขอพักผ่อนสบาย ๆ ด้วยการหยิบซีรีย์สฝรั่งสนุก ๆ ขึ้นมาดูสักเรื่อง กำลังถึงตอนไหนอยู่ รีบคลิ๊กเข้าไปดูต่อ ไม่ให้ขาดช่วง แล้วคืนนั้นก็จะหลับฝันหวานเป็นสุข มีใบหน้าของพี่ Wentworth จาก Prison Break คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ตลอดคืน อิอิ
นักจิตวิทยาเขาบอกว่าช่วงเวลาก่อนเข้านอน เป็นช่วงที่สมองคนเราจะเม็มโมไรซ์..อันแปลว่าบันทึก..ความรู้สึกเข้าไปในจิตใต้สำนึกมากที่สุด เพราะงั้นก่อนเข้านอนต้องคิดแต่เรื่องดี ๆ ที่ทำให้ใจสบายค่ะ จิตใต้สำนึกเราจะได้มีแต่เรื่องดี ๆ พอเราคิดแต่เรื่องดี ๆ แล้วเรื่องดี ๆ ก็จะย้อนกลับมาหาตัวเราเอง สาธุ..เรื่องจริงค่ะ
แต่ขอแนะนำสำหรับซีรี่ย์สบำบัดนะคะว่า ถ้าบำบัดไม่ดีจะกลายเป็นฟีเวอร์ไปซะแทน อาการก็คือ ขอบตาดำ ลึกโหลเป็นน้องหมีแพนด้า สมองเบลอไม่สั่งการ พูดจาไม่รู้เรื่อง ร่างกายอ่อนระโหยโรยแรง เนื่องจากเข้านอนตีสอง แล้วต้องรีบตื่นตีห้าไปทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานก็ลดลง แถมถูกเจ้านายทำทัณฑ์บน ไม่ได้รับโบนัสปลายปี
ในด้านชีวิตรักส่วนตัว อาจทำให้เหม็นเบื่อหน้าแฟนตัวเอง เพราะดันไม่หล่อเหมือนพี่ Wentworth แถมโง่อีกตะหาก แค่สองบวกสองยังคิดอยู่ตั้งนาน สู้พี่เว้นท์ไม่ได้ คิดแผนแหกคุกซะละเอียดยิบทุกขั้นตอน เหลือเชื่อจริง ๆ!!
ทางที่ดี ดูแต่พอดี ๆ วันละสองสามตอน พอเป็นกระษัย ให้จิตใจกระชุ่มกระชวย หายเบื่อหายเครียด แล้วก็เข้านอนเมื่อสมควรแก่เวลา
ช่วงแรก ๆ ที่ผู้เขียนเริ่มติด (ไม่อยากใช้คำว่า สาวก เลย เดี๋ยวนึกว่า) ซีรีย์สฝรั่ง ก็ถลำไปสู่อาการดังกล่าวบ้างเล็กน้อย (เล็กน้อยจริง ๆ ไม่มากมายอะไร แค่ตีหนึ่งเท่านั้นเอง - -) แหม..ก็ดูสิ บทเขาเหนือชั้นจริง ๆ ค่ะ จะว่าน้ำเน่า ดราม้า..ดราม่า..เขาก็มีนะคะ ไม่ใช่จะไม่มี แต่ทำไมเขาทำได้ classy มีชั้นเชิงกว่าละครจากประเทศสารขัณฑ์ก็ไม่รู้ ว่าไป ประเทศสารขัณฑ์ก็ควรจะทำให้ได้แบบนั้น และน่าจะทำได้เพียงแต่เราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เรายังหลงงมวนเวียนอยู่กับการหลอกตัวเองว่านี่คือสนุกที่สุดของเราแล้ว...ดีที่สุดของเราแล้ว แทนที่จะพัฒนาไปข้างหน้า กล้าริเริ่ม กล้าสร้างสรรค์ กล้าแหกกฎเกณฑ์เก่า ๆ
พูดถึงซีรี่ย์สฝรั่งต่อดีกว่า..คุยแล้วชักมันคีย์บอร์ด สมัยแรกเริ่มเข้าสู่วงการ ผู้เขียนเริ่มจากเรื่อง Friends อันโด่งดังก่อน ตอนนั้นมีแรงบันดาลใจคืออยากเห็นหน้า Jennifer Aniston สมัยเอ๊าะ ๆ อยากรู้ว่าเธอเล่นหนังเก่งมั้ย นอกจากที่รู้แต่ว่าเป็นอดีตภรรเมียของ Brad Pitt แถมเรื่องนี้ยังสร้างได้สร้างดีมาตั้ง 10 ปี 10 ซีซั่น สร้างนานขนาดนี้ มีอะไรดีนักหรือ!
ปรากฏว่า งอมพระรามเจ้าค่ะ... อย่างน้อย ทุกคืนก่อนนอนต้องเปิดดูให้ได้สักสองสามตอนเป็นอย่างน้อย ได้เห็นหน้าโมนิกา, เรเชล, ฟีบี้, รอส, แชนด์เลอร์ แล้วก็โจอี้ 6 สหายเพื่อนรัก ได้หัวเราะ ได้ขำ ได้เห็นมิตรภาพ ความผูกพัน และการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันของพวกเขา ทั้ง ๆ ที่เนื้อเรื่องก็วน ๆ เวียน ๆ อยู่กับ 6 คนนี้ ภายในอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ ของพวกเขา แต่พล็อตก็สนุกเหลือใจ ไดอาล็อกโดน มุขฮาโคตร ๆ ค่ะ
ขอแนะนำสำหรับผู้ริจะเข้าสู่วงการเหมือนกันนะคะ แล้วจะรู้ว่าทำไม Aniston ถึงได้ฉายา American Sweetheart 10 ซีซั่น ก็ดูกันหูตาแฉะล่ะค่ะ ซีซั่นนึงมี 6 แผ่น แผ่นนึงมี 8 episodes, เอพพิโสดนึงมี 2 ตอน คูณเข้าไปค่ะ จะได้ทั้งหมดมี 960 ตอน ดาราเรื่องนี้เล่นกันตั้งแต่ได้ค่าตัวคนละ 10,000 กว่าเหรียญต่อตอน จนปีหลัง ๆ เมื่อซีรีย์สฮิตถล่มทลาย เลยได้อัพค่าตัวเป็นคนละล้านเหรียญต่อเอพิโสดค่ะ ขอไปดมยาดมก่อน!!
ข้อควรระวังอีกอย่าง สำหรับซีรียส์บำบัด ก็คือ การอินเข้าไปในบทบาทตัวละครที่เขาหรือเธอสวมอยู่ เผลอเป็นไม่ได้ชอบเห็นหน้าพี่ไมเคิล สกอร์ฟิลด์ จาก Prison Break โดดออกมาช่วยเราจากในคุก fox river เหมือนที่พี่แกช่วยซาร่าห์นางเอกนั่น หรืออยากกระแทกหน้าสามีให้สะใจ แบบที่พวกแม่บ้านใน Desperate Housewife เขาทำกัน ..แต่ไม่ขอเป็น Desperate Housewife นะคะ
ลืมนึกไปว่าพอเขาหลุดมาจากตัวละครนั้น พระนางเหล่านั้นก็เป็นคนธรรมดา ๆ คนนึงไม่ต่างจากพวกเรา พวกเขาก็มีเซลลูไลท์ที่ต้นขา, ชอบแคะขี้มูกตอนคิดว่าไม่มีใครเห็น, พูดทีน้ำลายกระเด็นได้เหมือนกัน ฯลฯ เพียงแต่อาชีพของเขาทำให้ใคร ๆ ก็รู้จัก ได้เห็นแต่ภาพสวย ๆ หล่อ ๆ ของพวกเขา ทำให้รัก ทำให้หลงได้ง่าย ๆ
พูดถึงการบำบัด กลายมาเป็นซีรี่ยส์ฝรั่ง แล้วก็กำลังจะไปพูดเรื่องสื่อต่อว่า โลกเรายุคไร้พรมแดนนี้ สื่อคือสิ่งที่ทรงอิทธิพลที่สุด สมัยก่อนคนมีเงินถึงมีอิทธิพล แต่สมัยนี้ สื่อคือผู้กำหนดทิศทางของผู้คนและสังคม ทุกวันนี้เราต่างถูกครอบงำ ถูกกระตุ้นด้วยสื่ออยู่ตลอดเวลา จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม นี่ขนาดผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะแล้วนะคะ ยังตกอยู่ในบ่วงเล่ห์เสน่หาได้ไม่ยาก แล้วถ้าเกิดเป็นเด็ก ๆ ที่แยกไม่ค่อยออกระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกในความฝัน... ลองคิดดูสิคะ ว่าจะเป็นอย่างไร!!
เพราะฉะนั้นแล้ว คนสร้างสื่อก็ควรสร้างสื่อที่สร้างสรรค์ เป็นประโยชน์และรับผิดชอบต่อสังคม คนเสพสื่อ ก็ควรเลือกเสพสื่อที่ดี สื่อที่ดี คือสื่อที่ช่วยยกระดับสติปัญญาความคิด และคุณค่าทางจิตใจของผู้รับค่ะ ฟันธง!!
ที่สำคัญ สื่อที่ดีควรมีจรรยาบรรณค่ะ ...จรรยาบรรณ คือจิตสำนึกที่ตั้งอยู่บนศีลธรรม ความดีเป็นสิ่งที่มนุษย์เราไม่ต้องพยายามค่ะ เพราะโดยพื้นฐานมนุษย์ทุกคนล้วนเป็นคนดีอยู่แล้ว เพียงแต่อาจถูกชักนำด้วยสิ่งมัวหมองได้ง่ายเท่านั้นเอง ที่แน่ ๆ ถ้าสื่อไม่ดี อย่างเช่น ละครน้ำเน่าหลังข่าวของประเทศสารขัณฑ์, หรือเพลงร้อยเนื้อหนึ่งทำนองอะไรพวกเนี้ย เราควรช่วยกันแบนดีมั้ย...เรามีทางเลือกนี่คะ!
ขอให้ทุกคนค้นพบหนทางบำบัดใจของตัวเอง และเกิดสติ ...ไม่ถูกครอบงำด้วยสื่อเพ้อพกไร้จรรยาบรรณค่ะ!!
********************
Create Date : 14 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 1 มีนาคม 2554 17:03:27 น. |
|
31 comments
|
Counter : 1374 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ange du riz IP: 113.53.29.135 วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:19:51:05 น. |
|
|
|
โดย: Mark IP: 37.59.6.32 วันที่: 13 พฤษภาคม 2559 เวลา:13:31:05 น. |
|
|
|
โดย: matt IP: 188.165.201.164 วันที่: 14 สิงหาคม 2559 เวลา:15:02:46 น. |
|
|
|
โดย: Williams IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:35 น. |
|
|
|
โดย: Jacques IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:36 น. |
|
|
|
โดย: Bobby IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:37 น. |
|
|
|
โดย: Antony IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:37 น. |
|
|
|
โดย: Genaro IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:38 น. |
|
|
|
โดย: Cameron IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:38 น. |
|
|
|
โดย: Mckinley IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:39 น. |
|
|
|
โดย: Roderick IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:39 น. |
|
|
|
โดย: Jocelyn IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:40 น. |
|
|
|
โดย: Dalton IP: 188.165.201.164 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:20:40:40 น. |
|
|
|
โดย: Dannie IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:40 น. |
|
|
|
โดย: Cornelius IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:41 น. |
|
|
|
โดย: Luis IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:42 น. |
|
|
|
โดย: Mia IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:42 น. |
|
|
|
โดย: Brandon IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:43 น. |
|
|
|
โดย: Snoopy IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:44 น. |
|
|
|
โดย: Oswaldo IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:44 น. |
|
|
|
โดย: Micheal IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:45 น. |
|
|
|
โดย: Hilton IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:46 น. |
|
|
|
โดย: Maya IP: 188.165.240.145 วันที่: 2 กันยายน 2559 เวลา:13:50:46 น. |
|
|
|
โดย: Fausto IP: 188.165.240.145 วันที่: 10 ตุลาคม 2559 เวลา:13:00:17 น. |
|
|
|
โดย: JimmiXzS IP: 188.165.201.164 วันที่: 15 ตุลาคม 2559 เวลา:5:18:33 น. |
|
|
|
โดย: chaba IP: 188.165.201.164 วันที่: 30 มกราคม 2560 เวลา:2:20:44 น. |
|
|
|
โดย: matt IP: 188.165.201.164 วันที่: 30 มกราคม 2560 เวลา:2:36:21 น. |
|
|
|
โดย: chaba IP: 188.165.201.164 วันที่: 30 มกราคม 2560 เวลา:9:40:47 น. |
|
|
|
โดย: matt IP: 188.165.240.145 วันที่: 30 มกราคม 2560 เวลา:10:46:17 น. |
|
|
|
โดย: gordon IP: 188.165.201.164 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:4:16:19 น. |
|
|
|
| |
|
All you need is Love. Made in Chiangmai.
|
หลังไมค์ถึงนาทวริน
|
งานที่มีการเขียนลงบน WEB SITE แล้วส่งผ่านอินเตอร์เนตนั้นถือว่าเป็น สิ่งเขียนซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของงานวรรณกรรม ดังนั้นย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 15) หากผู้ใดต้องการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานดังกล่าวต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ (มาตรา 27)
การดัดแปลงงานจากอินเตอร์เนตเป็นภาษาไทย จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองลิขสิทธิ์เป็นการคุ้มครองอัตโนมัติ เจ้าของลิขสิทธิ์หรือผู้สร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิตามกฎหมายลิขสิทธิ์
******
ที่มาของข้อความ:เว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา
|
|
|
|
|
|
|
|
เอาเป็นว่ารับทราบและเข้าใจค่ะ จะรออ่านวันนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนสุดสวยค่า