เห็นโปสเตอร์สารคดีเรื่องนี้ปุ๊บก็น่าจะเดาได้ไม่ยากเลยว่างานนี้เกี่ยวกับดนตรีแน่นอน ซึ่งถ้าหากท่านเป็นคอเพลงร็อคด้วยแล้วล่ะก็เป็นได้ซี้ดซ้าดกันด้วยความเสียวซ่านแน่ เพราะบนโปสเตอร์โชว์หราชื่อของสามเซียนกีต้าร์สามหนุ่มสามเจเรเนชั่นไล่ตั้งแต่ Jimmy Page (68 ขวบ) มือกีต้าร์สุดเทพของ Led Zeppelin วงร็อคในตำนานจากเกาะอังกฤษ, The Edge (51 ขวบ) มือกีต้าร์จอมเทคนิคของ U2 วงร็อคก้องโลกจากไอร์แลนด์ และหนุ่ม Jack White (37 ขวบ) แห่งวง The White Stripes และ The Raconteurs จากอเมริกา (โอ้ว!!!)
สามหนุ่มสามรุ่นมาแจมกีต้าร์กันจนมันส์หยดติ๋งๆ
สารคดีทำเก๋ในการจีบให้ทั้งสามมานั่งแลกเปลี่ยนทัศนคติทางดนตรีกันอย่างเปิดอกและเป็นกันเอง เพื่อพูดถึงรากเหง้าทางดนตรี ความลุ่มหลงในดนตรี เล่าถึงอดีตที่มาที่ไปของตนกว่าจะมาดัง และยังแลกเปลี่ยนเทคนิคสไตล์การเล่นของแต่ละคนแก่กัน ก่อนจะปิดท้ายด้วยการแจมเพลง "The Weight" ของ The Band กันอย่างม่วนซื่นโฮแซวทั้งคนเล่นคนดูอีกด้วย นับเป็นอะไรที่หาดูไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะเนี่ย ขอบอก!!
มาดยิ้มกริ่มของหนุ่ม Jack White ผู้มากความสามารถ
ผกก.Davis Guggenheim เจ้าของผลงานสารคดีรักษ์โลกเรื่องดังอย่าง An Inconvenient Truth (2006) พาเราก้าวเข้าสู่โลกของดนตรีร็อคโดยมีสามมือกีต้าร์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำหน้าที่เป็นไกด์กิตติมศักดิ์นำเที่ยวย้อนรอยชีวิตในอดีตของแต่ละคน ตัดสลับกับการที่ทั้งสามมานั่งจับเข่าคุยกันสดๆ ในโรงถ่าย ซึ่งงานนี้ไม่มีคำว่าน่าเบื่อเจือปนอยู่แม้แต่นิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากท่านเป็นคอเพลง แฟนเพลงของพวกเขา หรือผู้รักการเล่นดนตรีด้วยแล้วล่ะก็ งานนี้ต้องปลื้มกันสุดๆ ไปเลยทีเดียว!!
น้า The Edge กับสำเนียงกีต้าร์ที่เท่อย่าบอกใคร
ส่วนการเลือกเอาทั้งสามมานั้นก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะนอกจากจะมากันคนละยุคสมัยแล้ว ทั้งสามยังต่างพื้นเพ ต่างสังคม ต่างวิถีชีวิตกันจนส่งผลต่อทางดนตรีของพวกเขาอีกด้วย อาทิ Jimmy Page ที่เคยเล่นเพลงป็อปสมัยวัยรุ่น และเคยเป็นมือกีต้าร์รับจ้าง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเพลงสไตล์บลูส์ โฟล์คและแจ๊ซ ก่อนจะมาเป็น Led Zeppelin ในที่สุด, The Edge ที่ยากจนข้นแค้นจนต้องทำกีต้าร์ขึ้นมาเล่นเอง และได้รับอิทธิพลจากวงพั้งค์ในช่วงยุค 70 ซึ่งทำให้อยากตั้งวงมาปลดปล่อยกับเขาบ้าง, Jack White ที่ก็จนเหมือนกัน แต่ก็ลุ่มหลงในดนตรีมาตั้งแต่วัยรุ่น โดยเฉพาะดนตรีแนวบลูส์และการาจร็อค ในขณะที่วัยรุ่นยุคนั้นเขาฟังแต่เพลงเฮ้าส์และเพลงแด๊นซ์กระป๋องกัน!!
Jack White โชว์เทพในการประดิษฐ์กีต้าร์ไฟฟ้าจากเศษไม้และขวดโค้ก
Pearl Jam Twenty (2011) : คอเพลงสากลที่โตทันต้นยุค '90 ซึ่งเป็นสมัยที่เพลงร็อคแนวกรั๊นจ์ครองโลกนั้นคงจะรู้จัก 4 วงหัวหอกของแนวนี้จากซีแอตเทิล อเมริกา อย่าง Nirvana, Pearl Jam, Soundgarden และ Alice in Chains (ที่เราขอเรียกว่า 4 จตุรกรั๊นจ์) กันดี แม้ว่าหลังการจากไปของ Kurt Cobain แห่ง Nirvana จะมีส่วนทำให้เพลงแนวนี้ค่อยๆ เสื่อมความนิยมลงและส่งผลให้วงชั้นนำที่เหลือแตกวงกันไปในเวลาต่อมา (ก่อนจะกลับมาฟอร์มวงกันใหม่เมื่อไม่นานมานี้) แต่ก็ยังมีวงหนึ่งในจตุรกรั๊นจ์ที่ยังอยู่ยงคงกระพันมาจนทุกวันนี้ ซึ่งนั่นก็คือ Pearl Jam นั่นเอง
ลีลาร็อคสุดเร้าใจของทางวง
และในวาระดิถีที่ Pearl Jam โลดแล่นบนถนนสายดนตรีร็อคมาได้ 20 ปี (กับผลงาน 9 อัลบั้ม) ผกก.Cameron Crowe แห่ง Almost Famous (2006) จึงขอทำสารคดีย้อนรอยตำนานร็อคของทางวงเรื่องนี้ขึ้นมา โดยคัดเอาช็อตเด็ดๆ จากบรรดาฟุตเตจหายากของวงที่มีความยาวกว่า 12,000 ชม.มานำเสนอ พร้อมภาพการสัมภาษณ์สมาชิกแต่ละคนของวง รวมถึงบรรดาคนดังที่เกี่ยวข้องอย่าง Chris Cornell แห่ง Soundgarden ไปจนถึงกระทั่ง ผกก.David Lynch เลยเชียว
เฮีย Eddie เคยมานั่งเรือชมคลองที่เมืองไทยด้วย
ในสารคดีเล่าเรื่องราวตั้งแต่สมัยพวกเขายังหนุ่มแน่นสมัยเป็นวง Green River และ Mother Love Bone กระทั่งมาเป็นวง Pearl Jam ที่ประสบความสำเร็จมหาศาลตั้งแต่อัลบั้มแรกอย่าง 'Ten (1991)' การมีคดีความกับ Ticketmaster กระทั่งเกิดโศกนาฏกรรมที่แฟนเพลงเบียดกันตาย 9 ศพในคอนเสิร์ตที่ Roskilde Festival ประเทศเดนมาร์ก เมื่อปีค.ศ.2000 และเรื่องดีๆ ร้ายๆ อีกมากที่วงเคยประสบพบเจอมา
หลายคนที่กำลังดูสารคดีเรื่องนี้คงจะคิดกันอยู่เลยว่าทำไมไม่เห็นนาย Krist Novoselic อดีตมือเบสของ Nirvana โผล่มาให้สัมภาษณ์ถึงเฮีย Grohl เพื่อนเก่าบ้างหนอ แต่แล้วในตอนหนึ่ง Novoselic ก็โผล่มาร่วมบันทึกเสียงโดยเล่นเบสให้เพลง I Should Have Known ที่อยู่ในอัลบั้ม Wasting Light ซะด้วย ซึ่งแม้จะโผล่มาให้เห็นแป๊บๆ แต่สำหรับคนที่เป็นแฟนเพลงของ Nirvana คงได้เป็นปลื้มกันมากมายที่ได้เห็น Novoselic กับ Grohl กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง (แม้จะแค่เพลงเดียวก็เหอะ) ว่าแล้วเราก็มีเพลงนี้มาให้ฟังอีกทีซะเลยจ้า