Black Gold (2011) : ถึง ผกก. Jean-Jacques Annaud นั้นจะเป็นคนฝรั่งเศส แต่แกก็นิยมทำหนังพูดภาษาอังกฤษอันเกี่ยวกับความเป็นไปของผู้คนในประเทศต่างๆ มาช้านานแล้ว ทั้งหนังสงครามโลกครั้งที่สองในรัสเซียอย่าง Enemy at the Gates (1999) หนังชวนวาบหวิวที่ว่ากันในเวียดนามอย่าง The Lover (1992) หรือหนังของ Brad Pitt อันเกี่ยวกับธิเบตใน Seven Years in Tibet (1997) และเรื่องล่าสุดนี้แกก็ยังไม่ยอมหยุดโกอินเตอร์ทำหนังเกี่ยวกับชาวอาหรับ กับสงครามช่วงชิงบ่อน้ำมันบ้างล่ะ
น้ำอะไรเอ่ย ดำๆ แต่มีค่ายังกับทองคำ หนังพาย้อนไปช่วงทศวรรษที่ 1930 เมื่อบริษัทน้ำมันอเมริกันเริ่มเข้าไปเมียงมองหาแหล่งขุดเจาะน้ำมันในทะเลทรายถิ่นของชาวอาหรับ ยังผลให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ชาวอาหรับด้วยกันเอง ทั้งจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ต่อต้านการขุดเจาะน้ำมันเพราะไม่อยากสุงสิงกับชาวตะวันตก และฝ่ายหัวสมัยใหม่ที่อยากร่ำรวยจากการขายน้ำมัน จนเกิดสงครามช่วงชิงแหล่งน้ำมันทำเลทอง (ดำ) ขึ้นมา ทำให้ทะเลทรายที่อากาศร้อนตับแล่บอยู่แล้วร้อนระอุขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
หนังเกี่ยวกับอาหรับที่เต็มไปด้วยนักแสดงที่ไม่ใช่อาหรับ (ซะงั้น)
หนังได้รับการสนับสนุนด้านงบสร้างจากนายทุนชาวกาต้าร์อย่างเต็มที่ ทำให้นับเป็นหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวอาหรับที่ลงทุนเยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมา (55 ล้านเหรียญ) ดังนั้นหนังจึงสามารถจัดเต็มทั้งด้านเสื้อผ้าหน้าผม ความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง ดูได้บรรยากาศมหากาพย์ดีแท้ แถมได้ดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมงานเพียบอย่างที่เห็น หน้าหนังเลยดูอินเตอร์ขึ้นมาอีกเยอะ (แต่ก็ยังไม่ทิ้งนักแสดงชาวฝรั่งเศสเอง อย่างพระเอก Tahar Rahim ก็เป็นชาวฝรั่งเศสเชื้อสายอาหรับ )
สองหน่อกำลังแอบส่องอะไรกันอยู่นั่น
หนังทำออกมายิ่งใหญ่จริง เนื้อหาก็น่าติดตาม แต่ปัญหาใหญ่ของหนังก็คือ หนังมาพร้อมด้วยเรื่องราวมหากาพย์ แต่ดันมีเวลาเล่าเรื่องอันจำกัด คือสอง ชม.ที่หนังมีมันยังน้อยไป หนังแบบนี้ควรจะมีความยาวสักสี่ ชม.เลยโน่นถึงจะเหมาะสม ดังนั้นหนังจึงต้องเล่าเรื่องราวแบบฉับๆ เดินเรื่องเร็วปรุ๊ด อะไรๆ ก็เลยดูปุบปับไปนิด โดยเฉพาะพระเอกเราที่จากอ่อนด๋อยในตอนแรก เผลอแว๊บๆ กลายเป็นจอมคนไปซะแล้ว แต่ก็นะถ้าเกิดหนังออกมายาวสี่ ชม.จริงก็ต้องเสี่ยงเจ๊งอีกนั่นแหล่ะ เพราะในยุคสมัยที่ต้องแย่งกันอยู่แย่งกันกินเช่นทุกวันนี้ คนเขาไม่มาทนนั่งดูหนังยาวๆ กันในโรงเหมือนครั้งอดีตแล้วล่ะเนอะ
พระนางของเรื่อง
อันที่จริงสำหรับแนวคิดของฝ่ายที่ต่อต้านการขุดเจาะน้ำมัน นั้นก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันว่า สิ่งใดที่เงินซื้อหามาได้ มันถือว่าไม่มีค่าจริง แต่สิ่งที่ได้มาด้วยความรักและหยาดเลือดนั่นแหล่ะคือสิ่งที่มีค่าอย่างแท้จริง แต่ในโลกที่วัตถุและเงินตราเป็นใหญ่เช่นนี้ เราคงต้องยอมรับว่าคงจะต่อต้านมันได้ยาก ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าให้เรากลายเป็นทาสมันไป หากเราควรจะปรับท่าทีที่จะอยู่กับมันได้อย่างสมดุล ขอให้ท่านทั้งหลาย (และเรา) หาจุดสมดุลนั้นเจอก็แล้วกันเน้อ :)
ฉากการรบยิ่งใหญ่อลังการงานควบ (ม้า)
+ ดารามากมี อลังการงานสร้างยิ่งใหญ่สุดๆ เรื่องราวน่าติดตามทีเดียว - เวลาของหนังน้อยไปสำหรับเนื้อหาเอพิคแบบนี้ ทำให้หนังต้องรีบเล่าเรื่อง ปุบปับๆ ไปอย่างน่าเสียดาย สรุปว่าหนังดี แต่ยังดีได้มากกว่านี้น่ะ VIDEO