ม้าเล่นดีมากจนน่าแจกรางวัลม้าดีเด่นต้องบอกว่าเรื่องราวดราม่าชวนประทับจิตแบบนี้ช่างเข้าทางป๋าเขาอย่างแรง เพราะว่าหนังออกมาในอารมณ์ สปีลเบิ้ร์ก สปีลเบิร์ก (คนที่ดูหนังแกบ่อยจะนึกออก) คือสามารถผสมผสานอารมณ์ดราม่า เศร้าซึ้ง หดหู่จริงจังและตลกในคราเดียวกันได้แบบเนียนๆ โดยได้ดารานักแสดง (ฝั่งยุโรป) แสนคุ้นหน้ามากมายผลัดเปลี่ยนกันมาสร้างสีสันอยู่ตลอดทั้งเรื่องได้เป็นอย่างดี ส่วนงานสร้างจากทีมงานขาประจำของป๋าก็รังสรรค์ให้ภาพที่ออกมาดูยิ่งใหญ่งดงามเสริมสร้างอารมณ์หนังได้ยิ่งนัก
เต็มไปด้วยนักแสดงหน้าคุ้นคุ้นหน้าแต่ด้วยความที่เป็นหนังที่สร้างจากวรรณกรรมเด็ก ป๋าเลยต้องประนีประนอมลงไปบ้างด้วยการใช้มุมกล้องบังโน่นบังนี่ในฉากฆ่าฟันเพื่อไม่ให้หนังดูรุนแรงจนเกินไป หรือการให้ตัวละครนานาชาติต่างพูดภาษาอังกฤษปร๋อในสำเนียงชาติตนเอง ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะหนังโดยรวมก็ยังกระทบอารมณ์เป็นอย่างดี แม้เรื่องราวของหนังจะออกแนวประโลมโลกที่ไม่มีทางเป็นไปได้ในความเป็นจริง แต่น้อยหนังก็ประสบความสำเร็จในการมองโลกอย่างมีความหวัง คือแม้ว่าจะอยู่กลางสงครามแต่มนุษย์ก็ยังอุตส่าห์ลืมความบาดหมางชั่วขณะเพื่อแสดงความเมตตากรุณาต่อสัตว์ได้อยู่ ซึ่งป๋าแกก็มือถึงมากพอที่จะไม่ทำให้ฉากเหล่านี้ออกมาดูเฟคหรือดูตลกไปซะ
ต้องคอยดูต่อไปว่าพ่อหนุ่มคนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหนถึงนี่อาจจะไม่ใช่หนังที่ดีพร้อมควรค่าแก่การครองรางวัลใหญ่ทุกสถาบัน แต่สำหรับเราแล้วนี่คือหนังที่ดีมากพอจะครองรางวัลจากใจเราไปเต็มๆ หนังซาบซึ้งกินใจเหมาะกับคนรักสัตว์ (ไม่รักก็ดูได้) และอย่าได้แปลกใจถ้าน้ำตาท่านจะรินไปกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งถ้าใครดูแล้วไม่หือไม่อืออะไร ก็แสดงว่าท่านใจแข็งไปหน่อยแล้วนะ ถ้าใครเคยประทับใจกับ
Black Beauty (1994) มาแล้วก็น่าโดนใจกับเรื่องนี้ได้ไม่ยาก ป๋า Steven Spielberg เขาเอาหนังดีมีคุณภาพมาฝากอีกแล้วครับทั่น