Place :Novotel Bangkok Bangna,Bangkok

Room type : Superior

Date : 23 - 24 March 2013

อากาศร้อนๆแบบนี้ อยากหาที่หนีร้อน ที่ไม่ต้องออกจากกรุงเทพฯไปไหน แค่ได้นอนนอกบ้านก็สุขใจแล้ว เราเลยเลือกพักNovotel Bangkok Bangna เพราะอยากไปเดินหาของอร่อยๆทานใกล้ๆย่านนั้นด้วย

ในวันที่เราไปพักดูเหมือนลูกค้าจะไม่ค่อยมาก ดูเหงาๆเหมือนกัน แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน จะได้พักผ่อนเต็มที่ห้องพักที่เราจองครั้งนี้เป็นห้อง Superior โซน No-Smoking

หมอนหนุนใบใหญ่มากเป็นพิเศษ แต่นอนสบายค่ะ

จากที่กะๆด้วยสายตา ห้องน่าจะมีขนาด28-32 ตร.ม. ถือว่าไม่ใหญ่มาก แต่จุข้าวของเครื่องใช้ลงไปครบเลย  แต่ก็ไม่ทำให้การพักผ่อนดูอึดอัดเท่าไรนัก

บนโต๊ะจะมีเมนูอาหารด้วยค่ะ เมนูแต่ละอย่างจะสั่งได้ตามเวลาที่กำหนดไว้

มุมนี้สำหรับดูโทรทัศน์หรือใครจะนั่งทำงานก็ยังได้

มีบริการอินเตอร์เน็ตภายในห้องพักค่ะ วันละ 350บาทแต่หากต้องการใช้บริการฟรี สามารถใช้ที่ Lobbyได้ครั้งละ20 นาที

ถัดจากมุมนั่งทำงานก็น่าเจอสิ่งนี้ เยอะมากแต่คิดเงินทั้งหมด ยกเว้นน้ำเปล่า

โรงแรมนี้จัดอยู่ในโรงแรมเครือ Accor สามารถสะสมแต้มได้นะคะ  มาดูว่าโรงแรมมีบริการอะไรกันบ้าง รายการโทรทัศน์มีให้เลือกรับชมหลายช่องเลยค่ะ

มีบริการฟิตเนส ซาวน่า สนามสควอชในร่มและยังมีรถรับส่งด้วยไปยังเซ็นทรัลบางนาและพาราไดซ์พาร์คฟรี

สำหรับใครที่มีเด็กๆไปด้วยน่าจะชอบ มีโซนเกมและสระว่ายน้ำไว้บริการ

กลับเข้าห้องกันต่อค่ะ หลังจากมาไปสำรวจข้างนอกมาแล้ว

สำรวจตู้เสื้อผ้ากันต่อ ในตู้จะมีเสื้อคลุมและรองเท้าให้อย่างละ 1ชิ้นหากต้องการเพิ่มสำหรับ2 คนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ

ควบคุมได้ทุกอย่าง ยกเว้นคนเข้าพัก ถ้าควบคุมแฟนได้ด้วยชิ้นนี้จะเจ๋งมาก

วิวจากห้องพักค่ะ มองออกไปตอนเช้าสบายตา เห็นแต่สีเขียวๆเต็มไปหมด

เครื่องดื่มในตู้เย็นเต็มตู้ค่ะ แต่คิดเงินทั้งหมดนะ

ภายในห้องน้ำของใช้ครบครัน ทั้งสบู่ก้อน สบู่เหลว แชมพูผสมครีมนวดแปรงสีฟัน ยาสีฟัน หมวก ถุงอนามัย สำลี คัตเติ้ลบัด

หลับฝันดีมากเมื่อคืน เห็นมีทัวร์มาลงกะว่าต้องได้ยินเสียงดังแน่ๆ แต่ผิดคาด สงสัยจะไว้คนละชั้นกัน ทำให้ไม่ได้ยินเสียงรบกวนเลย  เช้านี้เลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษลงมาทานอาหารเช้าที่นี่กัน The Square

ห้องอาหารไลน์เยอะมาก ถ่ายมาไม่ครบด้วย เสียดาย อยากให้ดูว่าอาหารหลากหลายและรสชาดดีค่ะ

ชอบชามิ้นท์ หอมสดชื่นยามเช้ามากๆ ไม่ต้องใส่น้ำตาลเลย

ไม่ต้องกลัวว่าตักข้าวต้มหรือโจ๊กขึ้นมาแล้วจะเจอวิญญาณหมู ไก่ ปลากุ้ง เพราะที่นี่ตักเครื่องใส่ได้เองค่ะ

ขอจบรีวิวโรงแรม Novotel Bangkok Bangna ไว้แค่นี้นะคะ หวังว่าจะเป็นข้อมูลดีๆสำหรับคนที่เล็งที่พักนี้ไว้
ก่อนเราไปพัก เราหารีวิวห้องพักที่นี่ไม่ได้เลยค่ะ ก็เสี่ยงดวงลองไปพักดู

ข้อดี
1.มีบริการรถรับส่งเซ็นทรัลบางนา และพาราไดซ์พาร์ค สำหรับคนที่มาจากสุวรรณภูมิสามารถนั่งแทกซี่
หรือรถตู้จากสุวรรณภูมิแล้วลงเซ็นทรัลบางนาให้รถโรงแรมมารับได้ค่ะ
2.พนักงานอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใสมาก พาเดินชมสถานที่ด้วย
3.อาหารเช้าที่ห้องอาหาร เห็นพนักงานใส่ใจลูกค้าทุกๆคน
4.โรงแรมถึงจะไม่ใช่โรงแรมใหม่แล้ว แต่ความสะอาดและบริการยังคงมาตรฐานที่ดี
5.คำร้องขอของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าสามารถจัดการให้ได้ โรงแรมบริการเต็มที่

ข้อเสีย
1.เสื้อคลุมและรองเท้าในห้อง ควรจัดให้พอดีผู้เข้าพักเพราะ 1 ห้องพัก 2 คนควรมี 2 ชุด ไม่ควรเก็บค่าบริการเพิ่มเติม
2.โรงแรมอยู่ไม่ไกลสนามบินสุวรรณภูมิมากนัก น่าจะมีรถรับส่งไปสนามบินด้วย จะทำให้ปริมาณลูกค้ามากกว่านี้

ทริปนี้เราได้เดินทางไปอุทัยธานีด้วยกิจกรรมดีๆที่ทางสวพ.91จัดร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 18-19 ธันวาคม 2553

เก็บภาพไว้นานเชียว ข้ามปีเลยกว่าจะมารีวิวเพื่อไม่ให้ยืดยาวพาชมภาพจากฝีมือ Nainameอีกสักครั้งกับที่แรกที่เราเดินทางมาถึงนั่นคือวัดสังกัสรัตนคีรี

วัดนี้อยู่บนยอดเขาสะแกกรังสามารถขึ้นได้ 2ทางคือขึ้นทางบันไดอย่างที่เราเดินขึ้นมานี้หรืออีกทางสำหรับคนที่คาดว่าจะเดินไม่ไหวสามารถนำรถขึ้นไปจอดด้านบนเลย

ส่วนเราเดินขึ้นและลงจนถึงตัววัดและจึงได้นั่งรถต่อไปยังด้านบนอีกครั้งหนึ่งเรียกว่าบ้าพลังก็ว่าได้

ปล.วัดนี้เมื่อถึงเทศกาลออกพรรษาจะมีการตักบาตรเทโวซึ่งจะมีพระสงฆ์เดินลงมาบิณฑบาตรจำนวนมาก

ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี

เขาสะแกกรังเป็นภูเขาที่ตั้งกั้นเมืองอุทัยอยู่ทางทิศตะวันตกก่อนที่จะเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเหมือนดั่งเป็นร่มเงาให้กับจังหวัดอุทัยทั้งจังหวัด

แต่เดิมเรียกกันว่าเขาแก้วบริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของวัดสำคัญของจังหวัด คือวัดสังกัสรัตนคีรีซึ่งเป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2443

หลังจากนั้นเราได้ไปทานอาหารอร่อยๆกันที่พรหมท่าซุงบริเวณหน้าวัดท่าซุง วัดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองอุทัยธานีค่ะ

ทานกันจนอิ่มเพื่อเอาพลังงานครั้งนี้ไปเดินกันต่อที่ห้วยขาแข้งครั้งนี้เราจะมาทำแหล่งอาหารสำหรับสัตว์ป่ากัน

เป็นพื้นที่ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกระหว่างวันที่ 9-13 ธันวาคม 2534 ณ เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย

โดยอุทยานฯมีพื้นที่ครอบคลุม 6 อำเภอ 3จังหวัดรวมถึงจังหวัดอุทัยธานีในอำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสักและอำเภอห้วยคต ภาพนี้ถ่ายบริเวณริมธารของห้วยขาแข้งค่ะ

เข้าไประลึกถึงวีรกรรมของคุณสืบนาคะเสถียรกันค่ะ

"ข้าฯขออุทิศชีวิตของข้าฯ เพื่อปกป้องดงป่าและชีวิตสัตว์"

เป็นคำกล่าวของคุณสืบก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตไปจริงๆชีวิตคุณสืบท่านไม่ได้เป็นคนลำบากใดๆเลยในสมัยที่ท่านมีชีวิตนั้นท่านเป็นถึงลูกผู้ว่าราชการจังหวัดถือได้ว่าเป็นครอบครัวมีอันจะกินเลยทีเดียว

แต่ด้วยอุดมการณ์แน่วแน่ของท่านท่านได้สละความสุขสบายเข้ารับตำแหน่งในหัวหน้าอุทยานพักในบ้านหลังเล็กๆและคอยปลูกฝังทุกคนให้มีจิตรักผืนป่าผืนสุดท้ายแห่งนี้

ในครั้งท่านมีชีวิตท่านได้เดินทางไปยังโรงเรียนต่างๆเพื่อขอเวลาเพียง5-10 นาทีซึ่งเป็นเวลาเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับท่านที่เดินทางออกจากป่าไกลกว่า20 กิโลแต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือมาก แต่ท่านก็ไม่ได้ท้อแต่อย่างใดยังคงปลูกฝังต่อไปเรื่อยๆ"คำกล่าวจากเจ้าหน้าที่ผู้ได้ใกล้ชิดคุณสืบก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต"

ภาพกระดูกจากหัวช้างซึ่งช้างตัวนี้ถูกยิงที่หัวเพื่อที่เอางาช้าง รูที่เห็นเป็นรูจากคมกระสุนค่ะ

8 เดือนกับการเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

คุณสืบ นาคะเสถียรทำงานอย่างหนักเพื่อการอนุรักษ์และคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติในป่าผืนนี้แต่ผลที่ได้รับกลับไม่เป็นอย่างที่หวังคนส่วนใหญ่ในสังคมยังไม่มีใครเข้าใจหรือเห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้นยังคงมีสัตว์ป่าถูกล่า และมีการตัดไม้อย่างที่หาคนกระทำผิดไม่ได้รวมถึงเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่ต้องแลกชีวิตกับการปกป้องสิ่งเหล่านี้

1 กันยายน 2533 คุณสืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจยิงตัวเองตายในบ้านพักเพื่อที่จะต่อชีวิตสัตว์ป่าและบ้านของสัตว์ป่าโดยเรียกร้องให้สังคมหันมาตระหนักถึงปัญหาของการทำลายทรัพยากรธรรมชาติด้วยการใช้ชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน

บ้านพักหลังนี้ เป็นบ้านของคุณสืบนาคะเสถียรเป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกสบายใดๆมาก

อนุสรณ์สถาน คุณสืบ นาคะเสถียรสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์และระลึกถึงการเสียสละชีวิตของ คุณสืบ นาคะเสถียรอดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และสานต่อความคิดเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการอนุรักษณ์ทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า

โดยสร้างขึ้นในบริเวณเดียวกันกับที่ที่ คุณสืบนาคะเสถียร เคยอาศัย ดำรงชีวิตและทำงานและหันหน้าไปทางผืนป่าที่ท่านหวงแหนและดูแลมาโดยตลอด

เดินออกมาจากอนุสรณ์สถานเรามาทำโป่งเทียมสำหรับเป็นแหล่งอาหารของสัตว์กันค่ะ

ปิดด้วยภาพสุดท้ายสำหรับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้งแห่งนี้ลาธารเล็กๆใกล้ๆกับโป่งที่เราไปทำค่ะ

กว่าจะมาถึง Avatar ก็มืดมากแล้วเราเกรงว่าจะทำลายที่นอนที่เขาจัดมาซะก่อน เลยรีบจัดการถ่ายอย่างรวดเร็วเสียดายไม่ได้ถ่ายอ่างอาบน้ำใหญ่ๆที่สามารถชมดาวได้ไปนอนชมดาวในอ่างมาด้วยค่ะ สวีทที่สุด

วันนั้นเราฉลองวันเกิดของเราในห้องด้วยนะคะด้วยเค้กอร่อยๆคุณอร ฟร้อนท์ของโรงแรม Avatar เป็นผู้จัดหามาให้จากฮาร์ทเบเกอรี่ร้านดังเมืองอุทัยธานีด้วยเค้กบลูเบอร์รี่ไขมันต่ำ แต่ก็ไม่ได้ถ่ายรูปคุณอรและเค้กมาเพราะวันนั้นวุ่นวายเล็กน้อย

มาดู Lobby ยามค่ำคืนอีกสักภาพนะคะเขาแต่งได้แปลกตามากๆเลยค่ะ

ภาพนี้เป็นวิวที่ถ่ายมาจากห้องพักของเรา

กระท่องที่เห็นกันอยู่ลิบๆนั่นคือ Eve la cottage เป็นห้องพักอีกแบบของอวตารค่ะ

อาคารที่พักมี 2ชั้นชั้นล่างที่เห็นมีน้ำนั้นปลาเยอะมากๆเลยค่ะ

มาถึงแล้วค่ะบริเวณฟิตเนส สปาและสระว่ายน้ำ

ส่วนนี้จะไม่ได้อยู่ในอาคารที่พักนะคะจะต้องพึ่งสองล้อคู่ใจมา อ่อลืมบอกไปที่นี่มีผับใต้ดินเก็บเสียงด้วยนะคะเราจะเห็นแต่หลังคาเท่านั้นที่โผล่พ้นดิน

อาหารเช้าที่นี่ไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ค่ะ เครื่องดื่มเย็นชื่นใจจะมีเพียงน้ำเปล่าและน้ำส้มเท่านั้น

หลังจากทานเสร็จแล้วเราก็กลับมาที่ลอบบี้อีกครั้ง  จริงๆตั้งใจมาขอบคุณคุณอรที่เป็นธุระเรื่องเค้กวันเกิดให้แต่ก็เห็นคุณอรยุ่งๆเลยไม่ได้เข้าไปรบกวน

พาไปเที่ยวหุบป่าตาดกันต่อค่ะเราเดินป่ากันทั้งสองวันเลย อึดกันมาก  หุบป่าตาดนี้ค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศลหรือหลวงพ่อทองหยดป่าแห่งนี้มีพืชหายากเยอะมากๆค่ะ เท่าที่เราเห็นก็จะมีขนุขดิน เต่าร้าง เปล้าต้นตาด

เมื่อเข้ามาข้างในแล้วจะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้เข้ามาในยุคดึกดำบรรพ์ลักษณะคล้ายป่าดงดิบ

ไกด์ของเราบอกว่าบริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของเลียงผาถ้าโชคดีจะได้มีโอกาสพบเห็นตัวเป็นๆ เสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้เจอคงต้องไปดูสวนสัตว์แทน

เราไปล่องเรือสัมผัสชีวิตชาวแพแม่น้ำสะแกกรังกันต่อโดยทานอาหารกันที่นี่ค่ะ

อาหารเที่ยงของเราวันนี้แกงเขียวหวานหมูเด้งยอดมะพร้าวอ่อนอร่อยมากเบิ้ลกันมาสองชามเลยค่ะ

ของขึ้นชื่อที่นี่ค่ะ ปลาร้าทรงเครื่องตอนแรกก็ไม่กล้ากินค่ะ เกรงจะไม่อร่อย แต่พอลองไปช้อนนึงติดใจซื้อกลับบ้านหลายกระปุกเลยทีเดียว

เรือนแพริมน้ำบ้านทุกหลังที่ลอยอยู่ในน้ำมีโฉนดและบ้านเลขที่นะคะแต่บ้านสามารถลอยย้ายเคลื่อนที่ไปมาได้หากใครสนใจพื้นที่ไหนก็สามารถสร้างเรือนแพหรือซื้อเรือนแพจากที่อื่นมาวางบนโฉลดตัวเองได้

วัดสังกัสที่เราพาเที่ยวในตอนแรกค่ะ

ขนมปังสังขยาที่บอกว่าเป็นขนมขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ  แต่เราติดแป้งนุ่มๆมากกว่าเลยไม่โดนเท่าไหร่ไม่ได้ซื้อกลับบ้านเลย

วัดอุโปสถารามหรือวัดโบสถ์ค่ะตรงข้ามกับตลาดสดเทศบาลอุทัยธานี สร้างขึ้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นแต่เจดีย์เก่าแก่ 3 องค์เป็นสถาปัตยกรรม 3 ยุคคือกรุงสุโขทัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์

จบการรีวิวแค่นี้นะคะ สำหรับเมืองอุทัย  ถือว่าเป็นเมืองที่น่าเที่ยวอีกแห่งเลยค่ะเราว่าจะมาหลายครั้งละ คราวนี้ก็ได้มาสมใจ

อาทิตย์หน้าว่าจะไปเชียงคานขอให้ได้เจอความสงบสมเป็นเมืองน่าเที่ยวอีกเมือง ว่าจะลุยเต็มที่เหมือนกัน

ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนมาชมรีวิวนะคะ หวังว่าหลายๆคนจะชอบรีวิวนี้ค่ะ

ต้องบอกก่อนว่าบ้านพักกรมทางอยู่ห่างจากพระตำหนักเขาค้อเพียง2 กม.เท่านั้นถือว่าอยู่สูงเลยทีเดียว อากาศเลยหนาวตลอดทั้งวันไม่เว้นแม้แต่ตอนเที่ยงค่ะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักและไม่เคยมาพักกัน   ทั้งที่ที่พักที่นี่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว หนาวตลอดทั้งปี เราว่ารีสอร์ทปลายดอยไม่ได้แตะอากาศหนาวสักนิดเลย แต่ที่บ้านพักกรมทางไม่มีตู้เย็นกับทีวีนะคะ และค่าที่พักที่นี่ใช้วิธีรับเงินจากผู้เข้าพักแล้วแต่เห็นสมควรจะให้ เพราะที่นี่ไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐเป็นการบริหารเอง ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ที่รับภาระคือค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซักผ้าเป็นหลัก

บ้านพักจริงๆครั้งนี้เราจองทุกหลังเลยเนื่องจากเราไปกัน30 คนแต่บ้านที่เราพักอยู่หลังสุดท้ายชื่อบ้านตะวันออกไกลค่ะ ภายในห้องมีของครบเลยทั้งน้ำดื่ม ผ้าเช็ดตัว สบู่ แก้วน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น ในห้องจะมีเตียง 6 ฟุตและ 3ฟุตนอน 3 คนสบายๆเลย แต่วันที่เราไปน้องเราไม่ยอมไปนอนอีกห้องเลยกลายเป็นว่าเรานอน4 คน

กลางคืนเปิดหน้าต่างลมหนาวมาตลอดคืนเลยค่ะ(ลืมบอกไปที่นี่ไม่มีพัดลมกับแอร์ด้วยนะคะ)