สัญญาณเตือน 9 ประการของการ Overtraining
Connie นักกีฬาสาว อายุเกือบสามสิบ เธอกังวลใจว่าเธอออกกำลังกายในยิมมากไปหรือไม่ เธอจึงปรึกษากับฝรั่งผู้เขียน ซึ่งเป็นหมอฝังเข็ม เธอว่าเธอออกกำลังกายทุกวัน ทั้ง cardio และ weight training แต่ทำไมเธอจึงป่วยบ่อย นอนไม่ค่อยหลับ และเหนื่อยจนเป็นนิสัย หลังจากเสวนาปราศรัยแล้ว Connie คิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธอออกกำลังกายมากเกินไป เธอจึงตกลงใจว่าจะหยุดออกกำลังกายหนัก ๆ ไปเล่นเบา ๆ แทน เช่น การเดินในสวนสาธารณะแถวบ้าน

ฝรั่งผู้เขียนบอกว่า เขาเชื่อว่าการออกกำลังกายเป็นน้ำพุแห่งความเยาว์วัย และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สุขภาพดีขึ้น เราทุกคนเข้าใจกันว่าออกกำลังกายบ้างนั้นดีต่อสุขภาพ แล้วก็เลยทำให้พาลเข้าใจกันว่า ยิ่งเล่นมาก ๆ มันก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ซินแสชาวจีนกล่าวไว้ว่า การเดินสายกลางเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งสุขภาพและอายุที่ยืนยาว

การออกกำลังกาย บางครั้งมันยากที่จะบอกได้ว่าคุณฝึกมากเกินไปหรือเปล่า ฝรั่งผู้เขียนบอกว่า เขามีเพื่อนที่ออกกำลังกายเป็นประจำด้วยการวิ่งหรือปั่นจักรยานระยะไกล แต่กลับเป็นหวัดบ่อยครั้ง การที่ภูมิคุ้มกันลดลงนั้นก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่เตือนว่า คุณใช้เวลาในยิม ถนน หรือที่สระน้ำมากเกินไปแล้ว สัญญาณอื่น ๆ ของ overtraining ได้แก่

– เกิดอาการบาดเจ็บบ่อย หรืออาการบาดเจ็บนั้นดูเหมือนรักษาไม่ได้
– ขาดความกระตือรือร้น อีกทั้งเกิดการเบื่อหน่ายในการออกกำลังกาย ขาดแรงจูงใจหรือหมดความสนุกสนานในกิจกรรมของคุณ
– เหนื่อยล้า หมดพลัง
– นอนไม่หลับ นอนไม่พอ
– ปวดกล้ามเนื้อ
– ประสิทธิภาพในการเล่นกีฬา ออกกำลังกาย ลดลง
– ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย เกิดอาการหดหู่ในหัวใจ
– เบื่ออาหาร

การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสุขภาพที่ดี แต่จงจำไว้ว่าทุกสิ่งมีสมดุลย์ การเคลื่อนไหวของหยางต้องสมดุลย์กับหยิน

แปลและเรียบเรียงจาก ezinearticle

** เรื่องราว ณ 12/6/2009 **



Create Date : 10 มกราคม 2553
Last Update : 10 มกราคม 2553 21:36:07 น.
Counter : 2740 Pageviews.

3 comment
ออกกำลังกายขณะป่วย ทำให้ป่วยมากขึ้นหรือหายเร็วขึ้นกันแน่???
เมื่อเราตื่นมาในวันใหม่ด้วยอาการคันคอ มันเตือนให้เรารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเสียแล้ว คำถามก็คือ เราควรไปยิมหรือไม่ จงฟังร่างกาย ประเมินอาการ เข้าใจระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งหมดทั้งมวลทำให้คุณสามารถคาดการณ์และวางแผนการออกกำลังกายได้อย่างถูกต้อง

ถ้าคุณแค่ปวดหัว การออกกำลังกายเบา ๆ ถึงปานกลางสามารถทำให้ปลอดโปร่งขึ้นได้ endorphins นิด ๆ สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันที่กำลังแย่ ยิ้มออกมาได้ แต่จำไว้ว่า อย่าฝึกหนักเกินไป ถ้าคุณได้ยินระบบภูมิคุ้มกันกำลังร้องไห้ ก็ค่อย ๆ ลดการฝึกลง หรือหยุดซะ

ถ้าอาการหนักมากขึ้น จงหลีกเลี่ยงกิจกรรมแอโรบิคทั้งหมดเสีย และถ้ามีไข้ แน่นหน้าอก หายใจสั้น คลื่นไส้ ขยับร่างกายได้เพียงแค่เดินจากห้องนอนถึงโซฟาเท่านั้น ถ้าคุณเลือกออกกำลังกายในสภาพอันตรายนี้ อุณหภูมิในร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้นและอัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มขึ้น แนะนำว่า…อยู่เฉย ๆ ดีกว่า

ที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องจำไว้ก็คือ ยิมนั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีเชื้อโรคมากที่สุด ก็สมควรป่วยแหละนะ คิดถึงเรื่องการออกกำลังกายที่บ้านหรือไม่ก็กิจกรรมนอกบ้าน เช่น การเดินเล่น (เมื่อสภาพอากาศอำนวย) บ้าง

อาการเจ็บป่วยเป็นวิธีที่ร่างกายบอกว่ามันต้องการพักร้อนจากชีวิตประจำวัน ถ้าคุณไม่สบายเกินกว่าจะทำงาน คุณก็ไม่สบายเกินกว่าจะออกกำลังกายเช่นกัน อย่ารู้สึกผิดที่โดดการออกกำลังกาย ถ้าคุณปฏิบัติตามวิถีทางเพื่อการฟื้นตัวแล้ว คุณจะกลับไปยิมและกลับไปยังโปรแกรมการออกกำลังกายของคุณได้เร็วขึ้นเท่านั้น

ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ จาก ezinearticle จ้ะ

** เรื่องราว ณ 3/6/2009 **



Create Date : 04 มกราคม 2553
Last Update : 4 มกราคม 2553 21:40:40 น.
Counter : 1947 Pageviews.

0 comment
พวกเรานั่งนานเกินไปแล้ว!!!
สืบเนื่องจากเรื่องราวที่แล้วเกี่ยวกับผลเสียของการนั่งออกกำลังกาย ทำให้ NaaToy ให้ตระหนักขึ้นมาบ้าง เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องต่อเนื่องกัน แต่เป็นกรณีที่เรา ๆ ท่าน ๆ ในปัจจุบัน นั่งกันมากหรือนานจนเกินไป มันทำให้ก่อผลเสียอีกเช่นกัน เชิญอ่านได้แล้วจ้ะ

โดยเฉลี่ยแล้วเรานั่งทำงานวันละประมาณ 8 ชม. และอีกสี่ชม.กับการนั่งดูทีวี เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ท เทคโนโลยีทำให้เรานั่งนานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน บ้าน รวมทั้งสันทนาการต่าง ๆ

ปัจจุบันการนั่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ นั่นก็คือ
1. เมื่อเรานั่งผิดท่าผิดทาง กระดูกสันหลังจะงอโก่งผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณหมอนรองกระดูก กล้ามเนื้อ ข้อต่อ ซึ่งเป็นเหตุให้ปวดหลัง และกระดูกสันหลังเสื่อม
2. เมื่อเรานั่งเป็นเวลานานระบบของร่างกายจะไม่ทำงาน ทั้งการไหลเวียนโลหิต การหายใจ ระบบการย่อยอาหาร บ่อยครั้งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ อีกด้วย

งานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ พบว่าการนั่งนาน ๆ เป็นผลเสียอย่างมากต่อการเผาผลาญไขมันและคอเลสเตอรอล กลูโคส ความดันโลหิต และการเพิ่มของไขมันหน้าท้อง ปกติแล้วไขมันในกระแสเลือดถูกทำลายด้วยเอนไซม์ไลเปส (มีหน้าที่ย่อยไขมันและวิตามินชนิดละลายในไขมัน) และจากนั้นจะถูกดูดซึมไปยังกล้ามเนื้อเพื่อเก็บไว้เป็นพลังงาน

การไหลเวียนของไลเปสถูกทำลายลงด้วยการนั่งนาน ๆ เมื่อไขมันในกระแสเลือดถูกปล่อยให้ไหลเวียนใหม่ มันจะถูกเก็บไว้เป็นไขมันในร่างกายหรืออาจทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบ ไม่เป็นที่แปลกใจว่างานวิจัยจำนวนมากพบว่าคนที่นั่งนาน ๆ นั้น มีอัตราการเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน โรคอ้วนลงพุง มากกว่าคนปกติ 2-3 เท่าตัว แถมอัตราการเสียชีวิตก็มีมากกว่าด้วย นอกจากนี้มันยังส่งผลเสียต่อสุขภาพพอ ๆ กับการสูบบุหรี่หรือระดับคอเลสเตอรอลสูงด้วย

การออกกำลังอย่างถูกต้องนั้นทำให้ร่างกายแข็งแรง การไหลเวียนโลหิต ความหนาแน่นของกระดูก ดีขึ้น แต่การออกกำลังกายนิด ๆ หน่อย ๆ บ้าง อย่างสม่ำเสมอ ก็จำเป็นในระหว่างวันเช่นกัน มันช่วยลดระยะเวลาของการนั่งนาน ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของคน ๆ นั้นด้วย

ถ้าคุณต้องนั่งทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณควรลุกขึ้นมาหาสถานที่ส่วนตัวนิดนึง บริหารร่างกายด้วยการ squats และ push ups กับกำแพง อาจจะบริหารทุกชั่วโมงก็ได้ แค่การเคลื่อนไหวสองสามนาที กล้ามเนื้อก็ได้ทำงานแล้ว เกิดการทำงานของเลือด สารอาหาร และออกซิเจน ช่วยให้ร่างกายคุณแข็งแรงขึ้นมาบ้าง

แค่เพียงลุกยืนขึ้น กล้ามเนื้อก็ทำงาน และร่างกายก็พร้อมสำหรับกระบวนการทำลายไขมันและคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดแล้ว และอาจช่วยทำลายการเติบโตของโรคเบาหวานได้ด้วย และเมื่อเปรียบเทียบการยืนกับการนั่งแล้ว การยืนเบิร์นแคลอรี่ได้มากกว่าการนั่งด้วยซ้ำ

อย่านั่งจนเป็นนิสัย พยายามยืนและเคลื่อนไหวเข้าไว้ เพื่อการเผาผลาญและสุขภาพของเราไม่ย่ำแย่ลง ร่างกายเรานั้นต้องฟิตและแข็งแรงเสมอ

*** เรื่องราวจาก Ezinearticle เช่นเคยจ้ะ ***

** เรื่องราว ณ 7/5/2009 **



Create Date : 31 ธันวาคม 2552
Last Update : 31 ธันวาคม 2552 16:29:28 น.
Counter : 573 Pageviews.

18 comment
การออกกำลังกายสำหรับสาว ๆ ด้วย 3 สเตปง่าย ๆ
สเตปแรก-การเดิน
เป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด แถมยังช่วยเบิร์นไขมันอีกด้วย เป็นการออกกำลังกายที่ไม่สร้างความเครียด เราทุกคนสามารถทำได้ สำหรับคนอ้วนแล้วการเดินควรเป็นสิ่งแรกก่อนการวางแผนออกกำลังกายในอนาคต การเดินนั้นทำได้ทุกที่ อาจจะมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บได้บ้างเล็กน้อย ควรเริ่มจากการเดินวันละประมาณ 15-20 นาทีในสัปดาห์แรก และค่อย ๆ เพิ่มอีก 5-10 นาทีในแต่ละสัปดาห์ และสัปดาห์ที่สี่ควรเดินวันละประมาณ 45 นาที พัฒนาไปสู่สเตปสองในสัปดาห์ที่ห้าของการออกกำลังกาย

สเตปสอง-การเดินเร็วและการจ้อกกิ้ง
คุณควรเคยชินกับการออกกำลังกายทุกวันแล้วเมื่อย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ห้า สัปดาห์นี้มีกิจกรรมที่ต้องออกแรงเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญ เริ่มจากเดินเพื่ออบอุ่นร่างกายสัก 5 นาที จากนั้นเพิ่มความเร็วอีกสัก 3-6 นาที เพื่อกระตุ้นร่างกายให้พัฒนาต่อไป หลังจากเดินเร็วสัก 3-6 นาทีแล้ว วิ่งเบา ๆ สัก 2 นาที เพื่อสิ้นสุดการฝึกแบบ interval ทำซ้ำอีก 2 รอบ ค่อย ๆ เพิ่มเป็น 4 ครั้ง เมื่อถึงสัปดาห์ที่ 8 รูปร่างและน้ำหนักควรจะลดลง

สเตปสาม- weight training เริ่มจากการยกน้ำหนักเบา ๆ เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การเสริมสร้างกล้ามเนื้อนั้นช่วยให้เบิร์นได้เร็วขึ้นกว่าการออกกำลังกายประเภทอื่น การยกเวทควรเริ่มจากกลุ่มกล้ามเนื้อมัดหลัก ซึ่งเป็นการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อในอัตราเร็วขึ้น ช่วยเบิร์นไขมันได้เร็วขึ้นด้วย กล้ามเนื้อมัดหลักได้แก่ หลังบน ต้นขา อกบน ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนครั้งและน้ำหนักในแต่ละสัปดาห์เพื่อให้การฝึกเข้มข้นขึ้น ที่ดีที่สุดคือสัปดาห์ละ 4 วัน ๆ ละประมาณครึ่งชั่วโมง

ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก ezinearticle.com เช่นเคย

** เรื่องราว ณ 28/4/2009 **



Create Date : 27 ธันวาคม 2552
Last Update : 27 ธันวาคม 2552 14:59:24 น.
Counter : 440 Pageviews.

1 comment
4 วิธีการออกกำลังกายที่ไม่ช่วยเบิร์นไขมัน
1. การบริหารหน้าท้องนับครั้งไม่ถ้วน

บางครั้งความจริงมันก็สุดแสนจะเจ็บปวด แต่นี่คือความจริง คุณจะเสียเวลากับการซิตอัพเป็นพัน ๆ ครั้ง มันไม่ช่วยลดรอบเอวหรือลดไขมันจากหน้าท้องได้เลย เปลี่ยนไปออกกำลังกายประเภท compound multi-joint ซึ่งช่วยบริหารกล้ามเนื้อมัดหลักดีกว่า

สิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยเบิร์นไขมันก็คือ
1. การโภชนาการ/การควบคุมอาหาร
2. ยุทธวิธีในการออกกำลังกาย
3. Core strengthening - การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในส่วนของลำตัว

2. ทู่ซี้ฝึกคาร์ดิโออันแสนน่าเบื่อ

ฝรั่งผู้เขียนบอกไว้ว่า ทุกครั้งที่เค้าอยู่ในยิม เค้ามักจะเห็นคนเดิม ๆ ออกกำลังกายเดิม ๆ ที่ทำเมื่อวันก่อน ๆ ไม่เพียงแค่จะน่าเบื่อหน่ายในวันวานที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังคงออกกำลังกายแบบนั้นทุกวัน เค้าบอกว่า คนเดิม ๆ เหล่านี้ มักจะพบเห็นที่อุปกรณ์ elliptical, treadmill, หรือไม่ก็ stationary bike ฝึกกันเป็นชั่วโมง ๆ สายตาก็คอยจับจ้องอยู่ที่ตัวเลขแคลอรี่บนหน้าปัด หวังว่าไว้สักวันหนึ่งคนเดิม ๆ เหล่านี้จะผอมลง

แล้วผลที่ได้คืออะไรกันล่ะ หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สัปดาห์ต่อไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วสัปดาห์ที่ 12 ล่ะ ก็ไม่มีเช่นกัน สองปีต่อมาพวกเขาก็ยังคงรูปร่างเหมือนเดิม อาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้าง ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฝรั่งคนนี้เค้าเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้วันแล้ววันเล่า แต่คำถามสำคัญก็คือ ทำไมไม่เปลี่ยนการฝึกบ้างเล่า คำตอบที่ฝรั่งคนนี้ได้รับก็คือ “เอ่อ ฉันต้องคาร์ดิโอให้มากขึ้นน่ะ…” ฝรั่งผู้เขียนได้ยินเทรนเนอร์บางคนบอกสิ่งเหล่านี้กับคนเดิม ๆ ที่ยังคงฝึกอย่างหนัก และคิดว่าถ้าพวกเขายังอยู่ในโซน fat burning มิช้ามินานเจ้าไขมันก็จะจากไปเอง

ฝรั่งผู้เขียนเค้าว่า…ไขมันมันไม่จากไปไหนหรอก และการฝึกคาร์ดิโอมากเกินไปจะทำให้คุณเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่า ๆ คาร์ดิโอสัปดาห์ละ 7-10 ชม. นั้นไม่ได้ผลหรอก…หรืออาจจะได้ผล แต่เป็นศูนย์นั่นเอง

บ่อยครั้ง คนเดิม ๆ พยายามให้ระดับอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในโซน fat burning เพราะมันเป็นเสมือนสิ่งที่บ่งชี้ว่า ไขมันกำลังลดลง นอกจากนี้ยังตั้งหน้าตั้งตาจดจ้องที่หน้าปัดแคลอรี่ราวกับเหยี่ยวมองเหยื่อ เสียเวลาเปล่า ๆ

อุปกรณ์การดลไขมันที่คุณฝรั่งคนเขียนโปรดน้อยที่สุด เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่นิยมกันมากที่สุดที่ทำให้เสียเวลาไปเปล่า ๆ ก็คือ elliptical machine บอกลาเจ้า elliptical machine และการบริหารประเภทคาร์ดิโออันแสนน่าเบื่อ และเริ่มเบิร์นไขมันด้วยการออกกำลังกายประเภท multi-joint compound ด้วยระดับ high intensity ดีกว่า

3."Toning" Workouts- การบริหารร่างกายเพื่อให้เฟิร์มไปทั่วร่างกาย

กี่ครั้งที่คุณบอกตัวเองว่า “ต้องลดตรงนี้” หรือ “อยากให้ต้นขาเฟิร์มจัง” หรือ “หลังแขนห้อยต่องแต่งเลย บริหารเพิ่มอีกดีกว่า” ถ้าคุณเคยบอกตัวเองอย่างนี้ หรืออาจจะคล้ายคลึงกันก็ตาม คุณก็กลายเป็นเหยื่อของข้อกังขาด้านการออกกำลังกายแล้ว นั่นก็คือไม่มีการลดไขมันเฉพาะจุด และการเพิ่มจำนวนครั้งให้มากขึ้นก็ไม่สามารถช่วยลดลงได้

คุณฝรั่งผู้เขียนบอกว่าเค้าชอบยกน้ำหนัก 6-12 ครั้ง เพราะจำนวนขนาดนี้ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเบิร์นไขมันในเวลาเดียวกัน ไม่เพียงแต่จะเบิร์นแคลอรี่ได้มากแล้ว ถ้าทำได้ถูกวิธี คุณจะเบิร์นไขมันได้มากถึง 48 ชม. หลังจากการออกกำลังกายแล้วอีกด้วย

การออกกำลังกายด้วยวิธีนี้เป็นประโยชน์ทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย คุณฝรั่งผู้เขียนบอกว่าเค้าเห็นผู้หญิงหลายคนหลีกเลี่ยงการฝึก weight training และถ้าฝึก ก็ใช้น้ำหนักเบา ๆ เพราะส่วนใหญ่กลัวล่ำ ดูเป็นแมนเกินไป ถ้าใช้น้ำหนักที่พอดีล่ะก็ มันจะทำให้กล้ามเนื้อกระชับมากขึ้น และเบิร์นไขมันได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ทำให้รูปร่างกระชับ เซ็กซี่ ขึ้น

ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการร่างกายกระชับ เซ็กซี่ ก็จงรวมเอาการฝึกประเภท multi-joint exercises เข้าไว้ในโปรแกรมการฝึก และใช้เวทน้ำหนักพอดี จะทำให้ได้ผลมากขึ้นในเวลาที่น้อยลง

4. Spinning Classes

ขอโทษที่ทำให้ใจเสีย แต่ spinning class นั้นไร้ผลอย่างมาก คุณอาจจะคิดว่า spinning นั้นเจ๋ง และรู้สึกว่ามันเบิร์นสุด ๆ เพราะเหงื่อกาฬที่แตกพลั่ก ๆ แต่การ spinning ไม่ได้เบิร์นไขมันได้มากพอกับการฝึก resistance training รวมกับการฝึก bodyweight exercises ซึ่งได้ผลมากกว่าการ spinning ถึงสองเท่าทีเดียว

แล้วการเสริมสร้างกล้ามเนื้อท่อนบนล่ะ คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณเข้าแต่คลาส spinning คุณจะมีขาที่แข็งแรง แต่แขนกลับห้อยต่องแต่ง คุณฝรั่งผู้เขียนบอกว่านั่นไม่ใช่ร่างกายที่เค้าต้องการ แต่สุดท้ายก็หยอดไว้ว่าการ spinning ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ

มีวิธีอีกมากมายในการเบิร์นไขมันออกไปอย่างเร็วโดยไม่ต้องใช้บริหารร่างกายแบบคาร์ดิโอเดิม ๆ แค่สร้างสรรค์นิดหน่อย แล้วคุณจะได้ผลที่ดีขึ้นเอง

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น และขอให้โชคดีกับการเบิร์นไขมัน

/บทความนี้แปลมาจาก ezinearticle.com อ่านแล้วน่าสนใจดีเลยแปลให้ได้อ่านกัน คิดเห็นอย่างไรแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน ขอบคุณค่ะ/NaaToy

** เรื่องราว ณ 3/1/2009 **



Create Date : 20 ธันวาคม 2552
Last Update : 20 ธันวาคม 2552 15:41:39 น.
Counter : 16182 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  

NaaToy
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



NAATOY - ขอเอื้อนเอ่ย

สืบเนื่องจากความชื่นชอบในการออกกำลังกาย และได้ติดตามเว๊ป theryo.com รู้สึกชื่นชอบเป็นหนักเป็นหนา

และด้วยความช่างสงสัย ได้ยินได้ฟังอะไรที่ไม่แน่ใจนัก ก็จะมาสืบเสาะดูว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นอย่างไร

และด้วยความชอบการแปล ก็เลยเสาะหาบทความเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัย หัดแปลไปตามประสา แล้วก็เลยส่งเรื่องที่แปลให้ทางเวป theryo แล้วเค้าก็ลงเรื่องให้ แสดงว่าเรื่องที่เราแปลก็โอเหมือนกันเนาะ

จากนั้นก็เริ่มแปลมากขึ้น เริ่มศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ blog ก็ลองหัดทำเล่น ๆ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตนเองประสบพบเจอ ทั้งสุขภาพ การออกกำลังกาย การท่องเที่ยว เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบกับตนเอง

พอได้เห็น blog ของพันทิพย์ ก็อยากหัดเล่นบ้าง ก็เลยจะเอาเรื่องราวเกี่ยวกับออกกำลังกาย เป็นเรื่องราวที่แปลจากบทความภาษาอังกฤษ รวบรวมมาแปะไว้เป็นที่เป็นทาง
ก็หวังว่าจะถูกใจใครบางคนบ้าง ไม่มากก็น้อยล่ะนะ

และเนื่องจาก blogger ตัวเอง naatoy.blogspot.com ไม่สามารถเข้าไปอัพเดตเรื่องราวต่าง ๆ นา ๆ ได้ ก็เลยกลับมาใช้ blog ของพันทิพย์อีกครั้ง และคราวนี้ก็เพิ่มหัวข้อเรื่อง AF เข้าไปด้วย เชิญอ่านตามสบายค่ะ

ลงชื่อ... NATOY เองค่ะ
All Blog