Group Blog
 
All blogs
 

♥♥ dream bedrooms ♥♥









ใครที่กำลังตามหา ห้องนอนในฝัน
หนี่ฯเก๊บมามาฝากเพื่อนๆค่ะ


แอบบบบบบบบบ บบกระซิบถ้าเพื่อนเคยเห๊นมาบ้างแล้ว
อีกสักครั้งไม่เป๊นไรน๊ะค๊ะ ..
























































สนต้องลม
นนทิยา จิวบางป่า


ลมพัดโชยพริ้วมา เยือกเย็นอุราพาให้ชื่น
ลมเย็นระรื่น ชุ่มชื่นรื่นฤทัย
ดูสนเป็นแถวทิว แลละลิ่วงามวิไล
ต้องลมพัดไกวกิ่งใบไกวอ่อนโยน

เมื่อสนต้องลม โอนอ่อนระเนน
ทอดนอนไหวเอน แลดูต้นอ่อนโยน
ดูสนฉงนใจ เหตุไฉนใยไม่โค่น
ต้องลมพัดโอน อ่อนโยนตามสายลม

ความรักก็เหมือนกัน เมื่อแรกนั้นรสหวานชื่น
ทุกค่ำทุกคืน สดชื่นน่าเชยชม
แต่แล้วเมื่อรักจาง กลับอ้างว้างใจระทม
ฉันชมแล้วตรม ขื่นขมยากเย็น

เมื่อนึกถึงเรา แสนเศร้าหัวใจ
รักอยู่ภายใน ใคร่เล่าจักแลเห็น
โอ้รักไม่แน่นอน เปลี่ยนเป็นร้อนแล้วก็เย็น
หัวใจไหวเอน ดังเช่นสนต้องลม


















 

Create Date : 31 ตุลาคม 2548    
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2548 19:24:18 น.
Counter : 2507 Pageviews.  

กู้แบงก์ เขาทำอย่างไร ==กู้แบงก์ อย่างไรให้ได้สูง ตอนที่ 2






ถ้าเพื่อนท่านๆใด ที่ยังไม่ได้อ่าน ตอน 1 ก็ขอให้อ่านก่อน น๊ะค๊ะ




กู้แบงก์ อย่างไรให้ได้สูง ตอนที่ 2

มีหลักง่ายๆ อยู่ 2 ประการ คือ
ตัวท่านเอง ต้องมี เครดิตดี ก็ได้เต็ม ตามกำลังท่าน และ หลักทรัพย์ที่จะใช้ค้ำประกันการกู้ ท่าน ต้องมี
ราคาสูง เต็มตามที่ควรจะเป็นเราจะมาว่าทั้งสองประเด็นนี้ กันให้ละเอียดกันเลย


1.เครดิตของท่านเอง ถ้าท่านไม่แน่ใจเรื่องตัวเครดิต ของท่านเอง ว่า ติดยอดหนี้ ติดยอดค้างอะไร ก็ควรจะไปเช็คเสียก่อน (อ่าน How to เรื่อง ที่ 1 เขียนไว้แล้ว-ไม่อยากอธิบายซ้ำ )เพราะว่า ข้อมูล จาก NCB (เรียกให้มันเท่ เข้าไว้) จริงก็คือ สำนักงานเครดิตแห่งชาติ National Credit Bureau หลายท่านอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่จำไว้เถอะ ต่อๆไป มันจะมีผลต่อชีวิตท่าน มากขึ้นเรื่อยๆ ธนาคาร ทุกธนาคาร รวมถึง สำนักการเงิน สถาบันการเงิน อื่นๆ จะใช้ ข้อมูล จาก NCB เป็นด่านตรวจสอบด่านแรกเลย ถ้าท่านไม่แน่ใจ ว่าท่านมียอด ค้าง มีหนี้สิน แค่ไหน ขอแนะนำ ให้ท่านไปเช็คซะ มีเรื่องตลกที่ขำไม่ออก(ตลกเลวร้าย-) มีหลายท่านที่มีปัญหา ไม่สามารถกู้แบ้งก์ได้ ทั้งที่มีรายได้ดีมาก statement สม่ำเสมอ แต่แบ้งก์ไม่อนุมัติ สอบถามแบ้งก์ก็ไม่สามารถตอบให้กระจ่างได้ (เนื่องจาก ไม่มั่นใจเรื่องการเปิดเผย ข้อมูลของลูกค้า) นึกยังไงก็นึกไม่ออก ว่าตัวเองไปเป็นหนี้เสียที่ไหน สุดท้าย ไปเช็คที่ NCB ก็พบว่า มี่ยอดค้างเป็นเศษบาท เศษสตางค์ กับบัตร เครดิต ใหญ่ แห่งหนึ่ง ที่ปิดบัญชีไปแล้ว แต่ผิดพลาดทางเทคนิค กว่าจะเคลียร์กันได้ ก็ใช้เวลาหลายเดือนต่อมา เนื่องจาก NCB อ้างว่าไม่สามารถแก้ไขได้เอง ต้องประสานกับเจ้าของ ข้อมูล อีกหลายรอบ รอรอบบัญชี รอส่งข้อมูล...... รอ...ไงละ ฟังแล้วจะ เครียด หรือจะขำดี


1.วิธีที่จะทำให้เครดิต ท่านดี
1 .1 เมื่อเช็คกับ NCD เรียบร้อยแล้ว ท่านก็จะทราบเลยว่า ท่านมีหนี้ในสายตา แบ้งก์อย่างไร บ้าง
เมื่อผลอออกมา หลายท่านจะเห็นได้ว่า หนี้ หลายอย่างๆ ไมได้ โชว์ ทั้งหมด เช่น หนี้ รถยนต์ จากไฟแนท์ บางแห่ง เงินกู้ เงินผ่อน บางตัว รวมถึง หนี้ อาบัง นอกระบบทั้งหลาย(เพราะไม่ได้เป็นสมาชิก NCB- หรือ บางทีข้อมูลยังไม่ update) โชคดีไป สำหรับที่ไม่โชว์เลย ก็ถือว่า ท่านยังเป็นผู้มีเครดิต ดีมากในสายตา แบ้งก์ แล้ว ส่วนท่านที่ มีหนี้ ยุบยิบ ยิบย่อย ทั้งหลายทำอย่างไร แนะนำ คือ ถ้าเป็นยอดที่ใกล้จะหมด แล้ว และหนี้ไม่มากมายนัก ก็ควรจะปิดบัญชี เคลียร์หนี้ให้หมดไปเลย เพื่อให้ยอดสวย เมื่อท่านปิดแล้ว ประมาณ 3 เดิอน (เป็นอย่างน้อย) ยอดที่ปิดบัญชี ถึงจะหายไป(ตามระบบ ของ NCB) ท่านควรจะไปเช็ค ที่ NCB อีกครั้งหนึ่ง เพื่อความชัวร์ นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ยอดกู้ท่านสูงขึ้นได้



1 .2.BanK Statement
เป็นหลักฐานสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่ แบ้งก์ใช้พิจารณา คือ ต้องให้บัญชีเดินสม่ำเสมอ อย่างน้อยที่สุด 6 เดือนฝากมากกว่าถอน มียอดเงินออมให้มากเข้าไว้ (เทคนิค อีกอย่างหนึ่งก็คือ บางท่าน ยืมเงินแม่ มาเข้าบัญชีไว้เยอะๆ ให้ช่วงก่อนกู้ พอกู้เสร็จ แล้วก็ค่อยโยกบัญชีกับไป) แบ้งก์ท่านไม่สน หรอกครับว่า คุณไปยือเงินใครเขามา แต่ถ้าคุณมีความสามารถไปกู้ยืมเขาได ก็แสดงว่า เครดิต คุณใช้ได้


เห็นไหมละครับว่า การเตรียมตัวกู้แบ้งก์ก็้เป็นเรื่องที่ใช้เวลาเหมือนกัน ถึงจะได้ผลดี ส่วนที่ มีคนถาม
ว่า มีบางรายเห็นโฆษณารับทำเรื่องเดินStatement ราคาถูกๆ อันนั้น ขอแนะนำให้ห่างๆ คุก-ดีๆนี่เอง เพราะเป็นการ
ทำ Statement ปลอม หลายแบ้งก์ เช็คละเอียด ซึ่งเช็คได้ไม่ยาก และไม่ปล่อยให้คุณลอยนวล เหมือนเมื่อก่อน นะครับ อย่าไปเชื่อใครเข้าง่ายล่ะ




1 3.หลักฐานการประกอบการกู้ อื่นๆ
โดยเฉพาะผู้ทำธุรกิจ ส่วนตัว นอกจาก Statement บัญชี ออมทรัพย์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการ อื่นๆ ท่านก็ก็ควรเตรียมตัว ให้กระจ่าง ไม่ต้องให้แบ้งก์ ต้องถาม เพื่อให้แบ้งก์มั่นใจ ช่น ใบจดทะเบียน บริษัท หลักฐานการเสียภาษี บัษชีกระแสรายวัน รูปถ่ายของกิจการ บัญชีรายชื่อลูกค้า ผู้อ้างอิง ใบส่งของ รวมถึง หลักทรัพย์ อื่นๆ รถยนต์ บ้าน ที่ดิน เพื่อที่จะให้แบ้งก์ ท่านมั่นใจ ในเครดิต ของท่านเอง คะแนนตรงนี้มีเพิ่มแน่นอน อย่าละเลยไป


ส่วนถ้าหาก ว่า เมื่อท่านกู้คนเดียว แสดงหลักฐานความสามารถเต็มที่ แล้ว ยอดกู้ยังได้ไม่ดีพอ กับที่ต้องการ กำลังภายในหมด ก็ต้องใช้กำลังภายนอก คือ หาผู้กู้ร่วม มาเพิ่ม ก็ต้องใช้หลักการ เช็คเครดิตเบื้องต้น แบบเดียวกัน โดยทั่วไป แบ้งก์จะเน้น เฉพาะที่เป็นญาติสนิทเป็นหลัก



2 ทำอย่างไร ให้หลักทรัพย์ที่ซื้อให้ได้สูง นอกจากการทำให้เครดิตท่านดีแล้ว หลักทรัพย์ที่จะซื้อ หรือ ใช้ค้ำประกันการกู้กับแบ้งก์ ก็เป็นหัวใจสำคัญอีกตัวหนึ่ง เช่น ท่านอาจจะก็ได้ ถึง 3 ล้าน และถ้าท่านซือบ้าน ราคา 3 ล้าน หลักทรพย์ ประเมินได้ 3 ล้าน ท่านก็จะกู้ได้ 80% เต็มตามสิทธ แต่ถ้า ตัวหลักทรัพย์ ประเมินได้ ต่ำกว่า กว่า 3 ล้าน เช่น ประเมินได้แค่ 2.8 ล้าน ท่านก็อาจจะกู้ได้ แค่ 2.4 ล้าน เป็นต้น ท่านก็จะกู้ไตำ ไปด้วย


ท่านจะเลือกซื้อทรัย์สินอย่างไร ถึงจะประเมินได้สูง

2.1 เปรียบเทียบกับราคาทั่วไป ควรไม่สูงกว่าราคาตลาด ถ้าต่ำกว่าราคาทั่วไปได้ก็จะดีมาก แนานอน ว่าหลักทรพย์ บ้านที่ดิน ที่ท่านซื้อได้ต่ำกว่า ราคาทั่วไป ย่อมทำให้ท่านทำการประเมินราคาได้สูง

2.2 ถ้าเป็นบ้านมือสอง ควรจะต้องปรับปรุง
ให้สภาพดี เสียก่อน (ตกลงกับผู้ขาย ในตอนทำสัญญาจะซื้อจะขาย ควรขอเข้าไปปรับปรุงให้มีสภาพดี ก่อนยื่นกู้ ประเมิน) เพราะถ้าหลักทรัพย์ที่สภาพไม่ดี ราคาก็จะต่ำกว่าปกติ

2.3 หาข้อมูลอ้างอิงราคา ข้อมูลเหล่านี้ ท่านสามารถอ้างอิง ให้ข้อมูลแก่ บริษัท ประเมิน ได้ รวมทั้ง การอุทธรณ์กับ แบ้งก์ในกรณี ที่ บริษัทประเมิน ประเมินต่ำเกินจริง(ประเภทปลอดภัยไว้ก่อน คนอิ่นเดิอดร้อนชั่งมัน)



ที่ว่ามาทั้งหมดนี่ ถ้าท่าน ทำตามได้ ก็จะทำให้ การกู้บ้าน ซื้อแบ้งก์ Take การกู้บ้งก์ซื้อบ้าน ของท่านเครดิต สวยๆ ยอดสูงได้ดีทีเดียว


แต่เท่านั้นยังไม่พอ มีอีกประเภทหนึ่ง ที่ถามเข้ามา มากประเภทอยากได้สูงๆ เยอะๆประเภทกู้เต็ม กู้
เกิน ตามที่ได้ยิน ได้ฟังมา รวมทั้ง เป็นข่าว(และเป็นคดีกันอยู่) ขออภัยอาจจะไม่ตอบตรงๆ อย่างเช่น คำถาม ถามว่า ตัวท่านสามารถ กู้ได้ 2 ล้าน ถึง 2 ล้าน ต้นๆ โดยประมาณ ท่านตกลงซื้อขาย กับ ผู้ขาย บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น 24 วา หลัง หนึ่ง ไว้ 2 ล้าน บาท ถามว่าทำอย่างไร ท่าน ถึงจะกู้ได้ 2 ล้าน หรือ มากกว่า

ตอบ ท่านก็จะต้องทำราคาให้ประเมิน ให้บริษัทประเมินให้สูง ประมาณ 2.5 ล้าน และ และท่านก็จะต้อง ทำเรื่องยื่นกู้ ขอยอดกับแบ้งก์ ประมาณ 2.2 ล้านถึง 2.3 ล้าน ถ้าผ่าน แบ้งก์ถึงจะให้กู้ประมาณ 2 ล้าน หรือ 2.1 ล้านเช่นนี้เป็นต้น



ที่มา ban4u
โดยคุณ webslave [08-08-2005 19:30]











 

Create Date : 27 สิงหาคม 2548    
Last Update : 27 สิงหาคม 2548 17:27:54 น.
Counter : 776 Pageviews.  

สำหรับเพื่อนๆที่กำลังคิดที่จะกู้แบงก์ ซื้อบ้าน (กู้แบงก์ อย่างไรให้ได้สูง )






สวัสดีค่ะ..
"คำถามข้างต้น เปนคำถามที่หนี่ฯโดนถามเปนประจำ
เราเปนผู้บริโภคแน่นอนอยู่แล้ว อะไรที่สูงๆมากๆขอไว้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง เปนของธรรมชาติค่ะ!!


หนี่ฯขอเก๊บข้อมูลดีๆไว้ในBlogg และก๊นำมาฝากเพื่อนๆที่กำลังคิดที่จะกู้แบงก์ ซื้อบ้าน แล้วอาจมีคำถามแอบบบ ไว้ในใจเหมือนชื่อBlogg วันนี้ หนี่ฯมีคำตอบให้เพื่อนแล้วค่ะ





ที่มา bann4u
โดยคุณ webslave [10-07-2005 18:26]


ออกตัวกันอีกเช่นเคยนะครับ ว่า ข้อเขียน นี้ เขียนจากประสบการณ์ตรง และ ไม่เน้น ข้อมูล วิชาการ มากนัก เรียกว่า เขียน ขึ้นสดๆ กันเลย ไม่ได้เน้นให้ครบถ้วนกระบวนความ ตามแบบแต่อย่างใด เอาเป็นว่า ถ้ามีอะไร ก็ ขอ A-E-I-O-U ผิดตกยกเว้น ก็และกัน ข้อเขียนนี้ ยังคงจะมุ่งเน้น ให้ข้อมูล สำหรับ มือใหม่(หัด)ซื้อบ้าน นะครับ เหล่า มือโปร มืออาชีพ ถ้าท่านผู้ใดมีข้อมูล ที่ Update กว่า ก็ Share กันได้ นะครับ




อีกหัวข้อหนึ่ง ทีสอบถามกันเข้ามามาก ในเรือ่ง การกู้แบงก์ เอาละเกิดมาทั้งทีจะเป็นหนี้ ทั้งที่ต้องมี ศิลปะซักหน่อย แต่เป็นหัวข้อ ที่ต้อง ตอบ อย่างระมัดระวัง (รู้สึก มีจรรยา บบรณ ขึ้นมาเล็กน้อย) เพราะอาจจะ ไปกระทบ คาบเกี่ยว กับ ผู้มีอาชีพ เกี่ยวข้องในการกู้เแบ้งก์ ผู้ทำประเมิน แบงก์ผู้ซื้อ ผู้ขาย


ก่อนอื่นจะต้อง พูดถึง การกู้แบง ซื้อบ้าน หรือ ที่เรียกให้ถูก คือ การการจำนองบ้านกับ ธนาคาร หรือ การจำนอง บ้านที่เราซื้อกับ ธนาคาร ยืมเงินแบงก์มาซื้อบ้าน โดยมีบ้าน(ที่เราซื้อ)เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน อะไรก็แล้วแต่ การกู้แบงก์ ซื้อบ้าน นับเป็น ธุรกรรม ที่
เกี่ยวข้องกับ เศรษฐกิจ และ สังคมมาก (วิชาการ จริงๆ) เอาเหอะ ว่าต่อแล้วกัน เข้าเรื่อง เลย ใครที่จะกู้แบ้งก์ได้อย่างไร


1 คุณสมบัติผู้กู้ และ หลักฐาน
ใครกู้ได้บ้าง ถามง่ายๆ ก็คือ ผู้มีเครดิต ในสายตาผู้ให้กู้ คือ แบ้งก์ อันนี้รู้สึกจะตรงไป หน่อย ขยายความ นิดหนึ่ง คือ บุคคลทั่วไป (ในที่นี้จะไม่เน้นเรื่อง นิติบุคคล หรือ บริษัทนะครับ-เอาไว้ก่อนไม่งั้นเดี๋ยวยาว) ก็ คือ ผู้มีรายได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น ข้าราชการ พนักงาน รัฐวิสาหกิจ นักธุรกิจ ผู้ประกอบอาชีพ มีสัมมาอาชีวะ ทั้งหลายแหละ ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะต้องมีหลักฐาน อันเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้ ให้กู้ ว่ามีรายได้สมำาเสมอ มั่นคง สามารถใช้หนี้ คืนได้ ตามระยะเวลากู้ ไม่มีอันเป็นไปเสียก่อน (อันนี้ไม่ได้แช่งนะ) แน่นอนต้องมีอายยุ 20 ปี ขึ้นไป ซึ่งบรรลุนิติภาวะ สามารถทำนิติกรรมได้ด้วยตนเอง (ในที่นี้อาจจะพอแปลได้ว่า เป็นหนี้แล้วเป็นกรรม) ส่วน อายุสูงสุด ไม่ได้ระบุชัดแจ้ง โดย ธนาคาร แต่ก็เป็นที่ทราบกันว่า อายุมาก การพิจาณรณายอด เงื่อนเวลาในการชำระคืน ก็จะน้อยตาม ไปด้วย


2.หลักฐานส่วนตัวท่าน
เช่น บัตร ประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และ อื่นๆ เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยน นามสกุล และในกรณีสมรส ถือเป็น กรณี ที่ ณ ปัจจุบัน ธนาคาร ชอบที่จะให้คู่สมรสของท่าน ให้เป็นผู้กู้ร่วม เมื่อก่อนแค่เซ็นยินยอมก็พอ แต่ในปัจจุบัน คู่สมรส แบงก์ ก็จะตีความ เอาถึง คู่สมรส แม้จะยังไม่จดทะเบียน(ขอเพียงรู้ แบ้งจะตามไปให้กู้-ร่วม) และหลักฐาน สำมะคัญ อีกอย่าง อันแสดงถึงว่า ท่านเป็น จะต้องมีหลักฐาน อันเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้ ให้กู้ ว่าามีรายได้สมำเสมอ มั่นคง คือ Bank Statement หรือ บัญชี ธนาคาร มีเท่าไหร่ ก็ขนออกมาโชว์ แล้วกัน ใบรับรอง เงินเดือน อันนี้สำมะคัญ รองลงมา หลายท่าน ทีบริษัทออกใบรับรองมา เงินเดือน 50,000 แต่ Bank statement เข้าออก เดือนละ 8,000
ยังงี้ ก็สอบตก เพราะไม่สอดคล้องต้องกัน ก็เพราะ พวกพี่ ของน้องๆใน บริษัท ไปอ้อน ผู้จัดการ ฝ่ายบุคคล ให้เขียน ตัวเลขกัน เยอะๆ หลังๆ แบงก์ท่านก็เลยกลัวๆกัน หลักฐานอื่นๆ เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ ใบทะเบียนสมรส ใบหย่า -หลักฐานเกี่ยวกับ การกู้ เช่น สำเนาสํญญา จะซื้อจะขาย สำเนาโฉนด แผนที่ทรัพย์สิน เตรียมไปด้วยเลย


เมื่อเอกสารต่างๆครบแล้ว ประเด็น คือ ว่า แล้ว แบ้งก์จะพิจารณาอย่างไร ให้กู้ได้เท่าไหร่


3.เมื่อแบงก์ พิจาณา แล้ว ว่า ท่าน มีสัมมาอาชีวดี รายได้ สม่ำเสมอไม่มีติด Black List โดยทั่วไป ที่สำนักงานฝ่ายสินเชื่อ ประจำแต่ละสาขา จะแจ้งแก่ท่านโดย ประมาณว่าท่าน สามารถกู้ได้หรือไม่(เพราะถ้าไม่ได้ หรือ ไม่ใกล้เคียง แบ้งก์ ท่านก็จะไม่รับ เนื่องว่านอกจากจะเสียเวลาท่าน แล้ว แบ้งก์ท่านก็กลัวลูกค้าด่าเอาในภายหลังถ้ากู้ไม่ได้ เนื่องจากลูกค้าผู้กู้จะต้องเสีย ค่าใช้จ่าย เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ เป็นต้น) กรอกแบบฟอร์มเสร็จ บางแบงก์ ก็ให้ท่านชำระ ค่าประเมิน เลย
2000-3000 แล้วแต่ แบงก์ และ บริษัทประเมิน(ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทประเมินทั่วไป แต่บางแบ้งก์ก็ใช้ พนักงานแบ้งก์เอง) ก็จะนัด เพื่อดูสถานที่ ภายใน อาจะ 2-3 วัน หรือ ไม่เกิน 1 อาทิตย์


ถามว่า แบ้งก์จะพิจารณาจากอะไรว่าจะให้ยอดเท่าไร แบ้งก์ ท่านจะพิจารณาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ

3.1 พิจารณาจาก เครดิตของท่านเอง เช่น เอาหลักว่า พนักงานเอกชนบริษัทธรรมดา หนึ่งคนเป็นเกณฑ์ เช่น เงินเดือน 30,000 บาท ก็จะกู้ได้ 30 เท่าของรายได้ ก็จะกู้ได้ 900,000 บาท สูงหรือตำกว่านี้ ก็ดูว่า ข้อมูลอื่นๆประกอบ เช่น มีหนี้อื่นๆ easybuy,อีอ้น Eoan ก็จะลดนยอกยอดลง ท่านไม่มีหนี้สิน เดิน statement สวย ยอดกู้ส่วนนี้ก็จะเพิ่มขึ้น ตัวทรัพย์สิน โดยทั่วไป ก็จะเป็นตัวสำคัญตัวหลักอีกตัวหนึ่ง เกณฑ์มาตรฐาน ของแบงก์ คือ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ให้ 80% ของราคาประเมิน คอนโด อาคารพานิชย 70%-ของราคาประเมินนี้แหละ สำคัญ

3.2 ราคาประเมินหลักทรัพย์ เมื่อ ทราบว่าตัวผู้กู้ สามารถกู้ได้ ตามหลักการ แบงก์ก็จะต้องดู มูล ค่า ของหลักทรัพย์อีกครั้ง เช่น นาย ก.มีรายได้ 30,000 บาท แบ้งก์ตรวจสอบ เครดิต แล้ว สามารถกู้ ได้ สูงสุด 1,000,000 บาท บริษัทประเมินของแบงก์ พิจาณาแล้วว่า หลักทรัพย์ที่ตองการซื้อ ประเมินได้ 1,000,000.-(ซื้อขายกันเท่าไรแบ้งก์จะไม่ดูเป็นหลัก) สมมติว่าหลักทรัพย์ นั้น เป็น ทาวน์เฮ้าส์ ใน อัตราของแบงก์ก็จะก็ได้ ประมาณ 80% เช่นนี้ โดยทั่วไป แบ้งก์ก็จะปล่อยให้กู้ ประมาณ 800,000 บาท ไม่ใช่ 1,000,000 บาท ตาม เครดิตผู้กู้ Ok นะครับหวังว่าคงไม่งง


ถามกันมาอีกว่า การพิจารณา อนุมัตั ให้ยอดของแบ้งก์ ว่า อาชีพอะไร ที่แบงก์ชอบมากที่สุด แล้ว อาชีพธุรกิจส่วนตัว ทำมาค้าขาย แบ้งก์ไม่ค่อยอนุมัติจริงหรือ? ตอบทีละข้อ แบงก์ชอบอาชีพที่มีรายได้มั่นคง เช่น ข้าราชการ พนักงาน รัฐวิสาหกิจ บริษัทใหญ่ๆมี
ชื่อเสียงดี ก็จะได้รับการพิจารณา ยอด สูง ตั้งแต่ 80-100% -ของราคา ประเมิน เผลอๆ 110% อันนี้จริง ในกรณีกู้ต่อเติมแล้ว อาชีพค้าขาย เรียกให้โก้ หน่อยๆ คือ ธุรกิจส่วนตัว เผลอเรียกเจ้าของ บริษัท ได้(ในกรณีจดทะเบียนบริษัท) เป็น กรรมการผู้จัดการ เท่ขนาดนี้ แบงก์ยังไม่ชอบอีกหรือ ตอบตรงๆก็คือ จริงครับ แต่ไม่เสมอไปทั้งหมด บางราย มีรายรับเดือนหนึ่งหลายแสน แต่แบ้งก์ก็ไม่อนุมัติ ในการซื้อบ้านหลังเล็กๆ อันนี้ เคยเจอมาแล้ว เป็นเพราะว่า ท่านไม่เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าไป เข้ากู้ เช่น ไม่เอาเงินเข้าแบงก์โดยสมำเสมอ ทั้งที่ความจริง มีรายได้ดี หรือเข้ามาในระยะเวลาสั้น 1-2 เดดือน ดูไม่ดี หรือขาดการแสดงหลักฐานข้อมูล ที่สำคัญ เช่น รูปถ่ายของกิจการ ใบเสร็จรับเงิน ใบรับงาน ใบส่งของ รายชื่อลูกค้าอ้างอิง เอสาร ประกอบเหล่านี้ เป็นสิ่งสำคัญ นอกเหนือจาก BAnk Statement ที่ว่ามาแล้ว


แต่บางรายนะครับ เป็น พ่อค้า แม่ค้า ขายไก่ทอดตลาดนัด (เรื่องจริงที่เจอเอง) รายได้ ก็ไม่มากมายนัก แต่ยอดเงิน ที่เข้าบัญชี ธนาคาร ช่วง 2-3 ปีหลัง เข้า ทุกอาทิตย์สม่ำเสมอ ยอดการถอนแทบไม่มี แบ้งก์เห็น สมุดเล่มนี้ เล่มเดียวแทบจะอุ้มเข้าไป สนง.ใหญ่ เซ็นสัญญาเดียวนั้นเลย(เว่อร์ไปนิดนึง) เห็นไหมละครับว่า คนค้าขายหาเช้ากินค่ำ แบ้งก์ไม่ชอบนั้น ไม่เสมอไป เพราะแบ้งก์ Statement ที่เป็นธรรมชาติ นั้น บอกภาวะนิสัยการออม การใช้จ่ายได้อย่างดี สอบถามพ่อค้าแม่ รายนี้ภายหลัง แล้ว นึกว่าแกวางแผน เตรียมตัวไว้ ล่วงหน้า แก บอกว่า ไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก แต่ที่ต้อง เอาเงินเข้าแบ้งก์ ทุกอาทิตย์ เพราะไม่อยากเก็บเงินไว้ที่บ้าน และที่ไม่ถอนเลย ก็ เพราะจะเก็บเงินสดไว้ เฉพาะค่าใช้จ่ายที่จำเป็น (เป็นงั้นไป) พูดก็พูดเถอะ ปัจจุบันนี้ (ขออภัยถ้าไปกระทบใคร) ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หลายคน แบ้งก์เห็นยอดกู้ แล้วก็ส่ายหน้าเมือนกัน เพราะยอดหนี้กับรายรับ นั้นพอๆกันเลย


4.ก่อนและหลังก่อนโอน จำนอง
เอาละครับ สมมติ บริษัทประเมินทำการ ตรวจสอบ บ้าน หรือ หลักทรัพย์นั้น เสร็จ แล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อ
คำตอบ คือ รอ ครับ โดย ประมาณ ก็หนึ่ง เดือน หลังจากนี้ เร็ว ช้ากว่านี้ ก็ขึ้นอยู่ แต่ละแบ้งก์ และ จำนวนผู้กู้ในช่วงนั้นๆ หลังจากนั้น เมื่อผล อนุมัติ แบ้งก์ ก็จะแจ้งผลให้ทราบพร้อมกับให้ท่านไปทำนิติกรรมก่อนที่จะนัด โอนกรรมสิทธ์ ที่กรมที่ดิน ก็เป็นอัน เสร็จสมบูรณ์


ขั้นตอนนี้ในการทำนิติกรรม แบ้งก์ก็จะให้ท่านเลือก อัตรา ดอกเบี้ย เช่น แบบ คงที่ ลอยตัว จะไม่เน้นมากนัก เพราะมีรายอะเอียดทางเทคนิค ตัวเงิน มาก พอคิดเลขแล้วมันปวดหัว ท่านถามแบงก็เองแล้วกัน ไม่ต่างกันมากมายนักหรอก อีก ข้อ หนึ่งก็ คือ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก่อนโอน ขณะโอน และ หลังการโอน เช่น ค่าประกันอัคคีภัย ค่าประกันชีวิตกับหลักทรัพย์(บางแบ้งก์มี-เพราะแบ้งก์ท่านเห่วงคุณผู้เป็นลูกค้าผู้แสนดี) ค่าจดจำนอง (1%) รวมถึง ค่าใช้จ่ายหลัง การโอน เช่น ไถ่ถอนก่อนกำหนด บางแบ้งก์ คิด 3% อันนี้ ในวันที่แบ้งก์เรียกไปทำสํญญา ก็ถามกันเสียให้ดี จะได้ไม่ต้องทะเลาะกับ แบ้งก์ให้เสียความรู้สึกในภายหลัง.(เพราะถ้าท่านจะอ่านเอกสารเองคงไม่ไหวหรอก เอกสารเป็นปึกๆ อย่างนั้น แบ้งก์ให้เซ็นอะไรกต้องเซนต์ ละครับในตอนนั้น)




จบ ตอนที่1 นะครับ ซึ่งได้ว่า ถึง เรื่อง การกู้แบ้งก์โดยย่อ (ถ้าโดยสมบูรณ์ผู้เขียนก็คงจะแย่-มันเยอะนะครับ) ตอนที่สอง จะเป็นเรื่อง กู้แบ้งก์ ให้ได้ยอดสูงเขาทำอย่างไร--รอสักนิดนะครับ-จะพยายามปั่นให้ไว-เป็นแฟนกันจริงๆก็แวะเข้ามาชมบ่อยๆละกัน---หรือไม่ก็นี่เลย





กู้แบงก์ อย่างไรให้ได้สูง ตอนที่ 2 ได้เรียบเรียงเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าเพื่อนๆอดใจไม่ไหวก๊แวะเช้าชมได้ที่www.bann4u.comค่ะ












 

Create Date : 23 สิงหาคม 2548    
Last Update : 23 สิงหาคม 2548 9:54:21 น.
Counter : 529 Pageviews.  

รีไฟแนนซ์บ้าน






กู้หนี้ใหม่มาใช้หนี้เก่า หรือนักการเงินเรียกว่า รีไฟแนนซ์ (Refinance) ใคร ๆ ก็มักจะทำกัน อาทิ เปียแชร์มาจ่ายหนี้บัตรเครดิต หรือกดเงินสดจากบัตรเครดิตมาส่งแชร์ กรณีเช่นนี้เป็นการแก้ปัญหาสภาพคล่องเป็นหลัก ส่วนความแตกต่างเรื่องอัตราดอกเบี้ย และกำหนดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยคืน มิได้เป็นปัจจัยสำคัญมากนักในการพิจารณา ในหลายต่อหลายกรณี การกู้หนี้ใหม่มาใช้หนี้เก่า โดยไม่ได้สร้างรายได้เพิ่ม ทำให้หนี้สินพอกพูนขึ้นไม่ผิดดินพอกหางหมู



สำหรับกรณีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยนั้น การรีไฟแนนซ์ เป็นเรื่องหนึ่งที่คนกำลังผ่อนบ้านควรจะพิจารณา สอดส่ายสายตาเสาะหาแหล่งเงินกู้ ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสถาบันการเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน



สำหรับการรีไฟแนนซ์ ในทางปฏิบัติก็คือ นำเงินกู้จากแหล่งเงินกู้ใหม่มาปลดจำนวนแหล่งเงินกู้เดิม คือ จ่ายเงินต้น ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อทำให้สินทรัพย์ที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือการจำนองเป็นอิสระ ซึ่งจะต้องทำนิติกรรมนี้ต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน จากนั้นก็นำหลักทรัพย์นี้ไปค้ำประกันเงินกู้ เพื่อที่อยู่อาศัยกับแหล่งเงินกู้ใหม่ โดยทำนิติกรรมสัญญาเงินกู้โดยมีบ้าน และที่ดินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดินเช่นกัน



ขั้นตอนทั้งหลายนี้ ทางสถาบันการเงินที่เป็นแหล่งเงินกู้ใหม่ จะรับเป็นธุระติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินและดำเนินการอื่นๆ เพราะได้ลูกค้าเพิ่ม ส่วนสถาบันการเงินเดิมก็ไม่ต้องห่วงว่าจะถ่วงเวลา เพราะธนาคารได้คำนวณและทำสัญญากับลูกค้าแบบไม่เสียเปรียบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะผ่อนไปจนครบสัญญาหรือไถ่ถอนจำนองก่อนกำหนด อย่างแรกได้ผลดอกแทนเป็นดอกเบี้ยเต็มระยะเวลา อย่างหลังมีค่าธรรมเนียมไถ่ถอนก่อนกำหนดมาชดเชยรายได้จากดอกเบี้ย



เรื่องทางกฎหมายก่อนคิดรีไฟแนนซ์ก็คือ เอาสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเดิมมาอ่านดูให้ละเอียด ตรวจสอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งการเจรจากับแหล่งเงินกู้เดิมเพื่อขอลดดอกเบี้ยลง เพราะสถาบันการเงินเองก็ยังไม่อยากปล่อยลูกค้าที่ส่งงวดสม่ำเสมอไปอยู่ธนาคารอื่นเหมือนกัน เว้นแต่ว่าผู้กู้มีปัญหาส่งงวดไม่สม่ำเสมอ หรือสภาพคล่องไม่ค่อยดี เรื่องต่อรองลดดอกเบี้ยก็ลืมไปได้เลย เหลือแต่ว่าจะรีไฟแนนซ์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของตนเอง และลดภาระค่าผ่อนงวดแต่ละเดือนลงอย่างไร



เมื่อโล่งใจจากเรื่องทางกฎหมายแล้ว ก็เป็นเรื่องของตัวเลข ผลประโยชน์ที่ผู้ขอรีไฟแนนซ์จะได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม หากคุณกำลังคิดจะรีไฟแนนซ์ โปรดใช้หลักพิจารณาเบื้องต้น 5 ข้อประกอบกันดังนี้

1. อัตราดอกเบี้ยใหม่
2. เงื่อนไขการกู้อื่นๆ ดีกว่า
3. ค่าใช้จ่ายในการกู้ธนาคารแห่งใหม่
4. ค่าใช้จ่ายในการปลดจำนองก่อนครบกำหนด
5. เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผลประโยชน์ที่ได้



ข้อมูล //www.homedd.com







ฝากเพื่อนๆ ค่ะ ..















 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2548 8:13:26 น.
Counter : 1506 Pageviews.  

ทำอย่างไร .. ไม่ให้ถูกหลอก







บ้านมือสองซื้อ อย่างไร ให้ถูกใจ ถูกราคา ไม่ถูกหลอก

ถามกันมาพอสมควร โดยเฉพาะ มือใหม่ซื้อบ้าน ว่า ซื้อบ้าน มือสอง อย่างไร ดีไหมดีกว่าซื้อบ้าน ใหม่ ใหม ก็เลยนำมาฝากเพื่อนๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์ สำหรับ บรรดามือใหม่ ทั้งหลาย บ้าง นำเอาหลักเกณฑ์ คร่าวๆ เอาไว้พิจารณาดูแล้วกัน ว่ากันเป็น ข้อๆ ดังนี้คะ



1. เป็นบ้านที่อยู่ในงบประมาณ แน่นอน ถ้ามีเงินเดือน 2-3 หมื่น แต่ อยากได้บ้านเดี่ยว 5-6 ล้าน มันก็คงเป็นเพียง ความฝันอันสูงสุดเท่านั้น


วิธี คำนวนง่ายว่าจะกู้ได้เท่าไร เอา เงินเดือน ตั้ง คูณ 30 ก็จะได้ ราคา บ้านที่คุณจะซื้อได้โดย ประมาณ อาจจะสูงหรือต่ำกว่านี้ ได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัย หลาย เช่น ถ้าเป็น ข้าราชาการ ธนาคารบางแห่ง อาจ คูณ 100 ได้ บริษัทใหญ่ มีชื่อเสียงมั่นคงน่าเชื่อถือ แบงก์ก็อาจพิจารณามให้มากขึ้น หรือ ขึ้นอยู่กับ คุณเอง ว่ามี หนี้สินมากน้อยแค่ไหน หรือไม่ ถ้าไม่มีหนี้สิน เลย ธนาคารบางแห่งก็อาจ จะได้ยอดเพิ่มได้


วิธี เช็คว่า คุณมีหนี้สินมากน้อยแค่ไหน ในสายตาแบงก์ มีเครดิด เหลือเท่าไร ก็สามารถเช็คได้ ที่สำนักงาน เครดิตกลาง Credit Bureau อ่าน ว่า เครดิต บูโร บูโร เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า สำนักงาน หรือ ออฟฟิศ เจ้า สนง.เครดิต ที่ว่า ตั้งอยู่ ที่ ชั้น 10 ตึก 1 สนง ใหญ่ ธนาคารสงเคราะห์ พระราม 9 แยก อสมท.พร้อม ค่าธรรมเนียม 200 บาท เอกสาร สนทะเบียนบ้าน บัตร ปชช 10 นาที รู้ผล






2.ทำเล แน่นอน เป็นส่วนสำคัญ ที่สุดข้อหนึ่ง เอาสบาย สะดวกคุณ เป็นหลัก แล้ว กันส่วนใหญ่ก็จะเน้น ใกล้ที่ทำงาน ใกล้ญาติ ใกล้บ้านแฟน ใกล้บ้านเพื่อน แล้วแต่ อัธยาศัย ท่าน คะ






3. สภาพแวดล้อม หมู่บ้าน หรือ บริเวณบ้าน สาธารณูประโภคพื้นฐาน ความสงบ ใกล้ ห้างที่ท่าน ชื่นชอบหรือไม่ ใกล้ รพ.แค่ไหน หรื่อไม่ รถติด นำท่วมหรือเปล่า หลายๆอย่าง ท่านสามารถตรวจสอบเองได้ ง่ายๆก็คือ สอบถาม ชาวบ้าน ละแวกย่านนั้น หลายๆคนหน่อยก็ดี หรือ ท่าน ควรจะมาสำรวจบริเวณนั้น หลายๆ ครั้งเช้า สาย บ่าย เย็น เลยก็ได้ เพื่อที่จะได้ทราบว่า แตกต่างกันอย่างไร รับได้หรือไม่







4. สภาพตัวบ้านเอง แน่นอนว่าบ้านมือสองผ่านการใช้มาระยะหนึ่งมากน้อย แล้วแต่ อายุการใช้งาน ของเจ้าของเดิม ถ้าเจ้าของบ้านเดิมให้การดูแลดี บ้านนั้นก็จะดี(กำปั้นทุบดิน จริงๆ) แต่ภาระการพิสูจน์ (ดูจริงจังมาก) การดู การตรวจสอบ อยู่ที่ผู้ซื้อ คือ เราเอง ตาดีได้ ตาร้ายช้ำ


แต่หลักเบื้องต้นที่ควรพิจารณาเช่น ทิศทางแสง ลม
ซึ่งตรวจสอบได้เอง เช่น ถ้าบ้านหันไปทาง ทิศตะวันตก โดยไม่มีอะไรขวางทางแสงตรงๆ รับรองได้เลย บ้านคุณจะร้อนกว่าปกติ เนื่องจากคุณจะรับแเเดดใน ช่วงบ่ายและเย็น กว่าจะคลายความร้อนจะใช้เวลานาน และ ดูเบื้องต้น ว่าบ้านหลังนั้น มีร้อย ร้าว ทรุด หรือไม่ มีการต่อเติม จากเดิมดีหนือไม่ ถ้าคุณไม่แนน่ใจ ก็พาเพื่อน ผู้รู้ไปช่วยดูด้วยก็ได้ ไม่ผิดกติกา







5.ราคา ควรเช็คราคาเปรียบเทียบ จากรอบๆบริเวณใกล้เคียง ในบ้านชนิดแบบที่ใกล้เคียงกัน หรือ ในหมู่บ้านเดียวกัน หรือ จาก หนังสือ บ้าน ที่ดิน วัฎสาร วัฏจักร หรือ เช็ค ราคาประเมิน ที่ดิน จากกรมที่ดิน เป็นข้อมูลเบื้องต้น เช็คจาก Webisate กรมที่ดินได้ที่ //www.dol.go.thทั้งหลายทั้งปวง เพื่อไม่ให้ท่านเป็น คนพิเศษ ที่ซื้อบ้านได้แพงกว่าชาวบ้าน ยกเว้นท่านอยากเป็นคนพิเศษททั้งๆที่รู้ ก็ไม่ว่ากัน






สุดท้าย ก่อนจะทำสัญญามัดจำ ท่านควรเช็ค สำเนาโฉนด เอกสาร ของผู้จะขาย เช่น บัตร ปชช สำเนาทะเบียนบ้าน ว่าเป็นเจ้าของจริง โฉนด จริง



นอกจากนั้น ก็ควรตกลงกัน ให้ดี ว่า ภาษี ค่าธรรมเนียมโอน ค่าอากร หรือ ค่าภาษีธุรกิจ เฉพาะ(ถ้ามี) ใครเป็นผู้ออก แม้ว่า ตามกฎหมาย แล้ว จะให้ผู้ขายเป็นผู้อออกแต่ว่าคู่สัญญา สามารถ ทำสัญญาเป็นอย่างอื่นได้ หมายความต่อรองกันได้ กฎหมายท่านไม่ห้ามหรอก เรื่องของคุณจะเอาเงินให้ใคร ก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิของคุณ



อีกประการหนึ่งก็คือ ในกรณี ที่ คุณต้องการกู้ธนาคาร ก่อนจะวางมัดจำ คุณต้องแน่ใจคุณกู้ได้ ผ่อนได้ ถ้าไม่แน่ใจ คุณสามารถปรึกษา ธนาคาร ใกล้บ้าน คุณได้ เบื้องต้น ถ้าคุณมีหลักฐานการกู้ ครบ ธนาคารจะบอกคุณได้เบื้องต้น ว่า คุณจะกู้ได้เท่าไร โดยคร่าว ส่วนที่ขาดเหลือ คุณก็ต้องเตรียมไว้เอง จะซื้อบ้านทั้งที ก็ต้องมีเงินเตรียมไว้บ้าง ไม่ใช่จะจับเสือมือเปล่า ไม่ใช้เงินเลย (อันนี้ก็อีกประเด็น ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน มีถามมาบ้างเหมือนกัน)





ที่ว่ามาทั้งหมด ก็เป็นหลักคร่าวๆ ยังมีรายละเอียดอีก เช่น จะต่อรองกัน อย่างไร เช็คโฉนด เอกสาร กันอย่างไร กู้แบงก์อย่างไร ทำราคาประเมินให้สูง อย่าง กู้ให้สุงอย่างไร ไว้คราวหน้า ถ้ามีข้อมูลดีๆ หนี่ฯจะนำฝากเพื่อนๆคะ







ที่มา ban4u.com












วันนี้ คงไม่หนักไปน๊ะค่ะ ..เพื่อนๆ















 

Create Date : 19 มิถุนายน 2548    
Last Update : 19 มิถุนายน 2548 20:12:53 น.
Counter : 813 Pageviews.  

1  2  

หนี่หนีหนี้
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หนี่หนีหนี้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.