เรื่องอะไรดีๆที่รู้มาก็จะมาบอกต่อละกัน
 

หูชั้นกลางอักเสบ โรคที่อ๊อตโต้เพิ่งเป็น

โรคหูชั้นกลางอักเสบพบได้บ่อยในเด็กเล็กอายุ 6 เดือน ถึงอายุ 5 ปี มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเกิดจากโรคภูมิแพ้ เชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในคอหอยหรือโพรงจมูกอยู่แล้ว ส่วนเชื้อไวรัสที่ก่อโรคมักมาจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจซึ่งเกิดนำมาก่อน จากนั้นเชื้อทั้งสองประเภทจะกระจายเข้าสู่หูชั้นกลางโดยผ่านทางท่อยูสเตเชียนซึ่งเป็นทางติดต่อระหว่างโพรงจมูกกับหูชั้นกลาง

อาการของเด็กที่ป่วยเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบคือ ไข้สูง ร้องกวน งอแง บางรายอาจมีอาการของไข้หวัดและภูมิแพ้ร่วมด้วยหรือนำมาก่อน เด็กอาจแสดงอาการว่าเจ็บหูโดยใช้มือจับบริเวณหูหรือดึงใบหูของตัวเอง เด็กที่ป่วยเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบจะตรวจพบเยื่อแก้วหูแดง อาจพบน้ำหรือหนองอยู่ในหูชั้นกลาง

ภาวะแทรกซ้อนของโรคหูชั้นกลางอักเสบที่พบได้คือ เยื่อแก้วหูทะลุและมีน้ำหนองไหลออกมา ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหูลดน้อยลง ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงคือ การลุกลามของเชื้อไปสู่อวัยวะสำคัญโดยเฉพาะสมอง ทำให้เกิดฝีในสมองได้

การรักษาผู้ป่วยหูชั้นกลางอักเสบประกอบด้วย

1.การใช้ยาต้านจุลชีพ (ยาแก้อักเสบหรือยาปฏิชีวนะ) แต่เดิมยากลุ่มนี้จำเป็นสำหรับ
ผู้ป่วยหูชั้นกลางอักเสบทุกราย ในปัจจุบันยาต้านจุลชีพอาจไม่จำเป็นต้องใช้ในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีการอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสหรือภูมิแพ้ เนื่องจากอาการในผู้ป่วยกลุ่มนี้มักทุเลาได้เอง

2.ยาอื่นๆ เช่น ยาแก้ปวด ยารักษาอาการหวัดและภูมิแพ้

3.การรักษาอื่นๆ เช่น การระบายน้ำจากหูชั้นกลางโดยการเจาะออก

โดย จุฬาคิดส์คลับ




 

Create Date : 13 มีนาคม 2555    
Last Update : 13 มีนาคม 2555 20:18:22 น.
Counter : 388 Pageviews.  

ป่วยจิตป่วยใจป่วยกายเบื่อโลกอยากบ่น...เบื่อตัวเองงับๆ

รู้ก็รู้อ่ะนะว่าเราอ้วนแบบว่าไม่มาก
ไม่อยากจะบ่นอะไรให้มันมากมาย เกรงใจคนที่อ้วนกว่าเรา แต่ว่าพุงจะแตกแล้ว
จากเดิมเคยหนัก 48-50 ตอนนี้ 56แล้วอ่าาาาาาา
เซ็งเป็ดสิบเอ็ดตัว
กินก็ยังกินมากกินมายกินไม่หยุด น้ำก็ท่วม นิ้วก็เจ็บ ออกกำลังก็ไม่ได้กระเทือนแผล
ตอนอพยพก็อยู่บ้านยาย กินข้าวแบบอุดมสมบูรณ์มากๆๆๆ
จากที่เครียดแบบเบาๆ ว่าซัก 54+- ก็โอเคอยู่
มันมาอีก 2 โล ภายในเดือนเดียว
แบบนี้จะว่าใครก็ไม่ได้ ผิดที่เราเองเท่านั้น(นั้นๆๆๆๆๆๆ)

ความตั้งใจพิชิต 4 กิโล ก็กลายเป็น 6 แล้ว ยากขึ้นเป็น 2 เท่า
เอาหล่ะ สู้เฟร้ย เพื่อกางเกงตัวเดิมและหุ่นอันผอมเพรียว
งานนี้ไม่วัดที่น้ำหนักแล้ว ขอวัดที่กางเกงแล้วกัน

ชิ...ไขมัน
ชั้นลาก่อน




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2554    
Last Update : 7 ธันวาคม 2554 18:39:07 น.
Counter : 269 Pageviews.  

น้ำมันมะพร้าวที่ร้ากกกกกกกกก เก็บเอาไว้อ่านเมื่อต้องการ

การทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

วิธีทำ
1. คั้นกะทิ แบบไม่ต้องเติมน้ำ
2. ใส่ถุงพลาสติก นำเข้าตู้เย็น ช่องธรรมดา เป็นเวลา อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
3. นำออกมาจากตู้เย็น จะพบว่า กะทิจะแยกชั้น เป็น 2 ชั้น ชั้นบนเป็นครีมกะทิ
ส่วนชั้นล่าง เป็นน้ำเปรี้ยว ให้ทำการเจาะถุง เอาน้ำเปรี้ยวออก แล้วมัดรูที่เจาะไว้
ด้วยยางรัดของ จากนั้นนำเข้าตู้เย็นช่องแช่แข็ง แช่ไว้สัก 36 ชม.จนแข็งดี
4.นำออกมาตั้งพักไว้ข้างนอก รอจนกระทั่งกะทิที่แข็งตัวค่อยๆละลายและจะแยกชั้น
จนเห็นชัดเจน 3 ชั้น
- ชั้นบนสุดเป็นครีม
- ชั้นกลางเป็นน้ำมันมะพร้าว
- ส่วนชั้นล่างเป็นน้ำเปรี้ยว
5.ให้ทำการตัก เอาเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำมันมะพร้าว ไปใช้ประโยนช์
6.ควรเก็บไม่ให้โดนอากาศ และแสง ควรใช้ขวดสีชา เช่นขวดลิโพ ขวดเบียร์
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
คือ น้ำมันที่ได้โดยไม่ผ่านความร้อน (cold press coconut oil) ผลิตจากเนื้อมะพร้าวสดเป็นน้ำมันมะพร้าวที่บริสุทธิ์ที่สุด สีใสเหมือนน้ำ มีวิตามินอี และไม่ผ่านขบวนการเติมออกซิเจน (oxidation) และที่สำคัญกรดล อริกใน น้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริก อยู่ประมาณ 54.61% กรดนี้มีส่วนที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวดีเด่นกว่าน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ เพราะมันมีความสามารถพิเศษคือสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อเราบริโภคน้ำมันมะพร้าวเข้าไปในร่างกาย กรดลอริกในน้ำมันมะพร้าว จะเปลี่ยนเป็นโมโนกลีเซอไรด์ ที่มีชื่อว่า โมโนลอริน ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับที่อยู่ในน้ำนมมารดา ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารกในระยะ 6 เดือนแรกที่ร่างกายยังไม่สร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เด็กระยะแรกเกิด ไม่ค่อยเป็นโรคอะไร ฆ่าเชื้อโรค โมโนลอรินเป็นสารปฏิชีวนะที่ทำลายเชื้อโรคทุกชนิด ที่ดีกว่ายาปฏิชีวนะที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ โปรโตชัว และไวรัส รวมทั้งเชื้อที่ก่อให้เกิดหลอดเลือดแข็งตัว

บทบาทของน้ำมันมะพร้าวต่อความงาม
เกี่ยวกับเรื่องนี้น้ำมันมะพร้าวมีข้อดีคือ ต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินอี ทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านการเติมออกซิเจน โดยการป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกเติมออกซิเจน ได้ง่าย ๆ ประกอบด้วยสารโทโคไทรอีนอลที่มีอานุภาพสูง วิตามินอีในน้ำมันมะพร้าว มีสารโทโคไทรอีนอล ซึ่งเป็นรูปของวิตามินอีที่มีคุณภาพสูงกว่าสารโทโคเฟอรอลซึ่งอยู่นวิตามินอี ทั่วไป โดยเฉพาะที่มีอยู่ในเครื่องสำอางรักษาผิวถึง 40-50 เท่า ด้วยเหตุนี้ น้ำมันมะพร้าวจึงต่อต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ

1. ผิวสวย การนวดหรือชโลมตัวด้วยน้ำมันมะพร้าว ช่วยให้ผิวสวย เพราะ
1.1 ผิวดูอ่อนวัย น้ำมันมะพร้าวที่ใช้ชโลมตัว ทั้งในรูปน้ำมันมะพร้าวสด ๆ หรือในรูปของผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าว เช่น ครีม และโลชั่นจะทำให้ผิวพรรณนุ่มไม่แตกแห้งเป็นกระ หรือฝ้า แต่ชุ่มชื้นและเนียน ปราศจากริ้วรอย ทั้งนี้เพราะน้ำมันมะพร้าวมีวิตามินอีที่มีอานุภาคมากกว่าวิตามินอีใน เครื่องสำอาง
1.2 ผิวนุ่มและเนียน ตามปกติผิวหนังจะสูญเสีย ความชื้นเพราะถูกแดดและลมน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็นสารรักษาความชุ่มชื้น (moisturizer) จึงช่วยให้ผิวหนังนุ่มและเนียน
1.3 ช่วยป้องกันและรักษาฝ้า และ กระ อนุมูลอิสระ เป็นตัวการอันหนึ่งของการเกิดฝ้า (รอยดำคล้ำหรือปนสีน้ำตาลอ่อน) และกระ วิตามินอีในน้ำมันมะพร้าวจะทำหน้าที่ทำลายอนุมูลอิสระเหล่านี้เราสามารถใช้ น้ำมันมะพร้าวเป็นยาทากันแดดได้ดี อีกทั้งยังไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนยากันแดดบางชนิด และราคาก็ถูกกว่า

2. ผมงาม เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวเป็นนำมันพืชที่มีคุณสมบัติที่เพิ่มความชุ่มชื้น อีกทั้งมีสารปฏิชีวนะ (จากโนโนลอริน) และสาร antioxidant (จากสารโทโคทรินนอลในวิตามินอี) จึงมีส่วนทำให้ผมงาม จากคุณสมบัติต่อไปนี้
2.1 ช่วยปรับสภาพผม น้ำมันมะพร้าวเป็น Hair conditioner ที่ช่วยทำให้ผมนุ่มดำเป็นเงางาม เพราะมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมการเจริญของเส้นผม
2.2 ช่วยรักษาสุขภาพของหนังศรีษะ น้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาสุขภาพของหนังศรีษะทั้งนี้ เพราะน้ำมันมะพร้าวมีสารปฏิชีวนะที่คอยทำลายเชื้อโรค หนังศรีษะจึงไม่มีรังแค หนังศรีษะจึงมีสุขภาพดี
2.3 ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดี เส้นผมประกอบด้วยส่วนนอก ที่ทำหน้าที่หุ้มส่วนใน หากส่วนนอกอยู่ในสภาพที่ดี ไม่ฉีกขาดหรือแหว่งนั้น เส้นผมก็จะปกติ แต่ส่วนที่ทำให้เส้นผมมีสุขภาพดี กล่าวคือ น้ำมันมะพร้าวช่วยลดปริมาณการสูญเสียโปรตีนเส้นผม เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติยึดเกาะ กับโปรตีนของเส้นผมได้ดี อีกทั้งมีขนาดของโมเลกุลเล็กจึงแทรกซึมเข้าไปในเส้นผมได้สะดวก

วิธีการเก็บรักษาน้ำมันมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าวจะเป็นไขที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องสาเซ็นเซียส (ไม่ได้เสีย) และจะกลับมาใสเหมือนเดิมที่อุณหภูมิห้อง โดยที่คุณสมบัติทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2554    
Last Update : 19 มิถุนายน 2554 17:46:46 น.
Counter : 231 Pageviews.  

จะทำอย่างไรให้ลูกไม่ก้าวร้าว?


จะรับมืออย่างไรเมื่อลูกกลายเป็นเด็กก้าวร้าว
พ่อแม่อย่านิ่งนอนใจรีบแก้ไขก่อนบานปลาย


“เถียงคำไม่ตกฟาก ขว้างปาสิ่งของ พูดจาหยาบคายไม่เคารพผู้อื่น ทุบตี หยิก กัด ผลัก ทำลายสิ่งของหรืออาจรุนแรงถึงขั้นทารุณกรรมสิ่งมีชีวิตให้บาดเจ็บหรือล้มตาย” นี่คือพฤติกรรมส่วนหนึ่งที่เด็กแสดงออกมาถึงความก้าวร้าว และถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่นจนเกิดความเสียหายทางร่างกาย หรือทำให้ผู้อื่นกระทบกระเทือนจิตใจ โดยที่ พฤติกรรมก้าวร้าว ที่เด็กแสดงออกมาจะถือว่าเป็น “ปัญหา” ก็ต่อเมื่อมันเกิดขึ้นบ่อยและมีความรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตรวมไปถึงความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นบุคคลในครอบครัว เพื่อน ครู หรือแม้แต่คนในสังคม



เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.พ.ญ.วันเพ็ญ ธุรกิตต์วัณณการ อาจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้บอกถึงการกระทำของเด็กที่ก้าวร้าวไว้ว่า เด็กเล็กที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวจะเห็นได้จากการทำลายสิ่งของหรือทำร้ายตนเองเมื่อโกรธหรือถูกขัดใจ ดื้อ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ตีน้อง ใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย เป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของเด็กในวัยเด็กเล็ก แต่ถ้าหากเราปล่อยปละละเลยโดยไม่สอนหรือฝึกทักษะให้เด็กรู้จักวิธีควบคุมอารมณ์และจัดการกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นให้ถูกต้องเหมาะสมแล้ว จะส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เด็กอาจกลายเป็นคนชอบใช้ความรุนแรง เป็นพวกอันธพาล ซึ่งจะทำให้เป็นปัญหาสังคมในอนาคต



ที่สำคัญ...ปัญหาเด็กก้าวร้าวในปัจจุบัน มีมากถึง ร้อยละ 29.6 จากเด็กที่อยู่ในกลุ่มสำรวจของกรมสุขภาพจิตได้จัดทำขึ้น โดยมีกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,732 คน



ความก้าวร้าว ชอบอาละวาด เกิดขึ้นได้ง่ายกับเด็กช่วงอายุ 2-5 ปี เพราะยังเป็นวัยที่ขาดการควบคุมอารมณ์ตนเอง หรือเด็กบางคนมีพื้นฐานทางอารมณ์เป็นเด็กเลี้ยงยาก จึงเกิดความคับข้องใจและแสดงออกโดยการอาละวาดได้บ่อย


แล้วคุณพ่อคุณแม่เคยทราบไหมว่าสาเหตุที่ทำให้ลูกที่น่ารักของคุณกลายเป็นคนก้าวร้าวเพราะอะไร...วันนี้เราจะมาเฉลยให้คุณได้รู้กัน


เริ่มจาก...สาเหตุทางชีวภาพ อาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพราะมีพ่อและแม่เป็นคนอารมณ์ร้าย ดุ ก้าวร้าว ฉุนเฉียวง่าย อาละวาดเก่ง เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่คิดอยากจะมีลูกหรือมีลูกแล้ว ควรรู้จักที่จะระงับอารมณ์ของคนตนเองให้ได้ เพื่อไม่ให้ส่งผลไปถึงลูกที่น่ารักของคุณ คำเตือน!!!...เมื่อไหรพบว่า เด็กแสดงความก้าวร้าวมากๆ และเป็นบ่อย ต้องระวังโรคที่จะเกิดตามมากับเด็กด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัญหา เด็กสมาธิบกพร่อง ไฮเปอร์แอคทีฟ ออทิสติก หรือร้ายแรงขนาดเป็นโรคสมองพิการได้เลยทีเดียว


ต่อมาเป็นปัญหาทางสภาพจิตใจของเด็ก เพราะว่าเมื่อไรที่เด็กไม่มีความสุข และมีอาการ เศร้า กังวล ขี้ตื่นเต้น ตกใจง่าย หรือมีปัญหาคับข้องใจในเรื่องต่างๆ บ่อย และถูกกดดันเสมอๆ จากพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เด็กหงุดหงิดและอาจแสดงวาจากิริยาก้าวร้าวได้


แต่หลายๆ ครอบครัวก็มีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูภายในครอบครัว เพราะพ่อแม่มัวแต่สนใจในเรื่องงาน เรื่องของตัวเองมากจนเกินไปจนลืมที่จะสนใจบุตรหลานของตนเองเอง จึงจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาดูแลทำให้เด็กรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ไม่มีคนเอาใจใส่ดูแลเพราะพี่เลี้ยงที่จ้างมาปล่อยปละละเลยไม่สนใจ บางครั้งก็มีการลงโทษที่รุนแรงจากพ่อแม่ หรือบ้านก็ตามใจเด็กมากจนเกินไปในทุกๆ เรื่องหากมีใครขัดใจก็จะแสดงก้าวร้าวออกมา โดยที่บางครั้งการแสดงความก้าวร้าวในเด็กนั้น ก็เกิดจากการที่พบเห็นคนในครอบครัวทะเลาะกันแล้วเด็กซึมซับพฤติกรรมนั้นเหล่านั้นมา



ช้าก่อน...อย่าพึ่งคิดว่าปัญหาที่ทำให้เด็กก้าวร้าวนั้นมาจากครอบครัวเสียอย่างเดียวเท่านั้น สภาพสังคม สิ่งแวดล้อม ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็กก้าวร้าวขึ้นเพราะเด็กที่ดูภาพยนตร์ โทรทัศน์ วิดีโอ ที่แสดงออกถึงความก้าวร้าวรุนแรงโดยที่ไม่มีกิจกรรมอื่นที่เป็นการเคลื่อนไหวทางร่างกายเพื่อคลายเครียด เมื่อดูนานเข้าส่วนใหญ่ก็มักจะแสดงออกเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวได้ง่าย


ทั้งหมดนี้จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ครูอาจารย์ ตลอดจนผู้เลี้ยงดูในการช่วยเหลือปรับพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กให้ดีขึ้นได้



ซึ่งทำได้ง่ายๆ เพียง...ผู้ใหญ่ต้องหยุดการกระทำอันก้าวร้าวของเด็กโดยทันที และต้องไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรงเพราะเป็นการสอนให้เด็กเลียนแบบโดยไม่รู้ตัว แต่แก้ไขด้วยการจัดให้เด็กหยุดด้วยวิธีสงบ โดยจับมือรวบตัวเด็กเอาไว้ แล้วบอกสั้นๆ ว่าตีไม่ได้ และของชิ้นนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อปา ในขณะเดียวกัน การพูดว่า “แม่รู้ว่าหนูโกรธ แต่เราไม่อนุญาตให้ตีกัน และแม่ก็ไม่อนุญาตให้น้องทำกับหนูเช่นกัน” จะเป็นตัวช่วยให้เด็กเข้าใจความรู้สึกโกรธ และหยุดยั้งการกระทำของเด็กได้ในเวลาเดียวกัน


หรือไม่ก็แนะนำทางออกอื่นให้เด็ก นั้นก็คือเมื่อเด็กโกรธกันขึ้นมา ก็สามารถเดินมาบอกผู้ใหญ่ให้ว่ากล่าวคู่กรณีได้ แต่ตีกันไม่ได้ เด็กจะเรียนรู้ว่า การก้าวร้าวเป็นสิ่งที่เราไม่ยอมรับ แต่เราเข้าใจความรู้สึกเขา และเตรียมทางออกที่เหมาะสมเอาไว้ วิธีนี้ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ แม้จะพบว่าเด็กมีอาการอีกเป็นครั้งคราวเพราะเด็กยังไม่สามารถระงับอารมณ์ตัวเองได้ไม่หมด


ฟัง!!พ่อแม่โปรดทราบ....สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดนั้นก็คือไม่ควรตอบตกลง หรือต่อรองกันในขณะที่เด็กมีอารมณ์หรือพฤติกรรมก้าวร้าว เพื่อให้เด็กเรียนรู้ว่า ผู้ใหญ่จะตอบสนองความต้องการของเขา เฉพาะในช่วงที่อารมณ์สงบ และมีพฤติกรรมที่เหมาะสมเท่านั้นผู้ใหญ่ต้องระวังที่จะไม่มีอารมณ์ตอบโต้เด็ก หรือเอาชนะกัน


แต่หากต้องมีการลงโทษเด็ก...ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรง อาจใช้วิธีแยกเด็กอยู่ตามลำพังระยะหนึ่ง โดยมีการสื่อให้เด็กเข้าใจว่า การรบกวนผู้อื่นเป็นสิ่งไม่สมควร เมื่อสงบแล้วค่อยมาพูดจากันใหม่ แล้วก็ฝึกให้เด็กรับผิดชอบต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมของตนเอง อย่างเช่น ถ้าเด็กทำร้ายข้าวของจนเลอะเทอะก็ให้เด็กเก็บกวาดการกระทำของตนเองให้เรียบร้อย เพื่อเป็นการฝึกให้เด็กยับยั้งสติ คิดก่อนที่จะทำสิ่งใดลงไป


สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ...การให้เด็กแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกให้เป็นเรื่องจำเป็น ควรให้เด็กรู้สึกว่าเมื่อเขามีความคิดเห็นอย่างไรก็สามารถพูดออกมาได้อย่างอิสระ อีกทั้งพ่อแม่ต้องให้รางวัลเมื่อลูกมีพฤติกรรมที่เหมาะสมเพื่อให้พฤติกรรมนั้นคงอยู่ต่อไป โดยที่รางวัลอาจจะเป็นคำชมเชยเพื่อให้เด็กเกิดกำลังใจที่จะทำพฤติกรรมนั้นๆ อีก เป็นธรรมดาของเด็กทุกคนที่ต้องการได้รับความสนใจจากบุคคลอื่น


เด็กหากไม่ได้รับการดูแลแก้ไขที่เหมาะสมจะกลายเป็นนิสัยติดตัว กลายเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตได้ ฉะนั้นพ่อแม่ต้องมีเวลาสนใจลูกอีกสักนิด แล้วช่วยกันปรับเปลี่ยนนิสัยของเด็ก เชื่อเถอะว่า....ลูกที่น่ารักของคุณคนเดิมต้องกลับมาอย่างแน่นอน....




 

Create Date : 16 มิถุนายน 2554    
Last Update : 16 มิถุนายน 2554 16:39:08 น.
Counter : 377 Pageviews.  

แต่งไม่เป็นอ่ะ

ก็จะลองทำโน่นทำนี่ เมื่อไหร่จะทำเสร็จละเนี่ย อ๊อตโต้ก็กวนแม่จังเล้ย




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2552    
Last Update : 2 ตุลาคม 2552 18:57:05 น.
Counter : 157 Pageviews.  

 
 

otto&mom
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add otto&mom's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com