~ThE NevEr EnDinG StoRY~ บันทึกการเดินทางของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ถ่ายทอดผ่านมุมมองของงานเขียน

Chef (2014)




Chef

Title : Chef

Director : Jon Favreau

Year : 2014

Time : 114 minutes

Ratings(IMDb.com) : 7.3 / 10


เรื่องย่อ(Synopsis)


Carl Casper (Jon Favreau) เป็นหัวหน้าเชฟที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งเขารักการทำอาหารมากแต่การต้องอยู่ใต้คำสั่งเจ้าของร้านและไม่สามารถปรุงเมนูตามใจตัวเองได้ทำให้คาร์ลเริ่มสูญเสียศรัทธาบางอย่างยิ่งเมื่อเจอกับบทความจากนักวิจารณ์อาหารฝีปากกล้าที่สับเขาเละไม่เหลือชิ้นดีความอดทนของคาร์ลก็สิ้นสุดลงเขาเหวี่ยงทุกอย่างรอบตัวจนเป็นเหตุให้ต้องออกจากงานความสัมพันธ์กับลูกชายก็ย่ำแย่ตอนนั้นเองที่ Inez(Sofía Vergara) อดีตภรรยาได้เข้ามาช่วยเหลือให้คาร์ลได้เป็นเจ้าของ food truck คันนึงแล้วจิตวิญญาณ แรงบันดาลใจและความลุ่มหลงในการทำอาหารก็กลับมาทำให้คาร์ลมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง


ความคิดเห็น(Personal Opinion)

พล็อตไม่มีอะไรแปลกใหม่หนำซ้ำยังดำเนินเรื่องแบบเรียบเรื่อย ไม่มีหักมุม ไม่มีจุดพีคแต่เรารู้สึกว่าหนังมันน่ารักไม่ต้องลุ้นดี รู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นแบบไหนจบลงยังไง หนังดูแล้วยิ้มมุมปากได้เพลินๆ

หนังแนวนี้จะมีมาอยู่เรื่อยๆเพื่อตัดบรรยากาศหนังบล็อกบัสเตอร์ใหญ่ๆที่ทำให้คนดูเบื่อเอียน ถ้าจะเรียกว่าหนัง feel good ก็คงไม่ผิดนัก 

แน่นอนว่าจุดเด่นอีกอย่างก็คือทัพนักแสดงชั้นนำที่เป็นทั้งคาแร็คเตอร์หลักและรับเชิญอย่าง Dustin Hoffman ในบทRivaเจ้าของภัตตาคารหรือ Robert Downey Jr. สามีของอดีตภรรยาของคาร์ลที่โผล่มาฉากเดียว แต่โค-ตะ-ระขโมยซีน รวมถึง Scarlett Johanssan, Sofía  Vergara, Oliver Platt, Bobby Cannavale และ John Leguizamo




ความบันเทิงนอกเหนือจากการดูทีมนักแสดงในบทบาทง่ายๆสบายๆแล้ว ยังมีเมนูอาหาร สวยๆอร่อยๆให้เห็นกันตลอดเรื่องโดยเฉพาะแซนด์วิชแฮมชีสที่ตัวเอกทำขายใน food truck เราเองเห็นแล้วยังน้ำลายสออยากลุกไปทำแซนด์วิชกินเดี๋ยวนั้นเลยด้วยซ้ำ

หนังชวนให้นึกถึงชีวิตคนเมืองชนชั้นกลาง ลูกจ้างบริษัทและพนักงานเงินเดือนที่มีความฝันแม้หนังจะไม่ดราม่าและตัวเอกเองก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้นขนาดต้องไปเริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์แต่ก็เป็นหนังให้กำลังใจที่ดูแล้วสบายอารมณ์ดีไม่น้อย



Fun Fact

  • Jon Favreau รับหน้าที่ทั้งเป็นผู้กำกับ คนเขียนบท และตัวเอกของเรื่อง

  • Jose C. Hernandez รับบทเป็นพ่อของ Inez ซึ่งตัวจริงเขาเป็นชาวเม็กซิกัน และเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงมาก

  • Jon Favreau, John Leguizamo และ Bobby Cannavale 3 หนุ่มที่รับบทเป็นเชฟในเรื่อง ไม่ใช่แค่ต้องเรียนทำอาหาร แต่ต้องเรียนรู้ท่าทางของคนเป็นเชฟ ทั้งการเคลื่อนไหว การหยิบจับ การพูดการเรียกชื่อเครื่องปรุงและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้บทเชฟสมจริงที่สุด

  • เครดิตท้ายภาพยนตร์ มีคลิปที่ Roy Choi เชฟคนดัง สอนวิธีทำ grill sandwich ให้ Jon Favreau แบบตัวต่อตัว ดูแล้วน่ารักดี และตัวของ Roy Choi เองก็เป็นเจ้าของธุรกิจ food truck ชื่อ Kogi Kore BBQ ที่ดังมากๆ



  • food truck เป็นธุรกิจที่ฮิตมากทั่วโลก ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็อารมณ์ประมาณรถเข็นข้างทาง แต่ที่อเมริกาจะจริงจังกว่ามาก คือต้องมีการจดทะเบียนรถที่จะขาย แจ้งว่าขายอะไร คนขายคนขับก็ต้องมีใบอนุญาต จะไปจอดขายที่ไหนก็ต้องดูด้วยว่าอยู่ในโซนที่จอดขายได้หรือเปล่า รวมถึงต้องตรวจเช็คสภาพรถทั้งความปลอดภัยและความสะอาดเป็นระยะๆ เพื่อต่อใบอนุญาต



  • Cubanos Sandwich  หรือ Cuban Sandwich แซนด์วิชที่เป็นเมนูเอกของเรื่อง มีต้นกำเนิดมาจากฟลอริด้า แต่ที่เรียกว่า คิวบานแซนด์วิช (แซนด์วิชสไตล์คิวบา หรือแซนด์วิชของคนคิวบา) เพราะแถบฟลอริด้า และชายหาดไมอามี่ เป็นพรมแดนที่มีพลเมืองหลากหลายเชื้อชาติ ประชากรส่วนหนึ่งเป็นชาวคิวบาที่อพยพมาทั้งถูกและผิดกฎหมาย สำหรับคนที่มาแบบผิดกฎหมายบางทีก็ไม่ได้มาตัวเปล่า ยังนำยาเสพติดข้ามพรมแดนมาเสพและขาย ชายหาดไมอามี่จึงกลายเป็นบริเวณที่มีการลักลอบขนยาเสพติดติดอันดับโลกด้วย

  • Cuban Sandwich นั้น แรกเริ่มเป็นของทำกินง่ายๆสำหรับชนขั้นแรงงานชาวคิวบา เพราะวัตถุดิบก็มีแค่ขนมปัง แฮม และ ชีส นำมาประกบเข้าด้วยกัน แล้วนำไปย่างบนเตา หลังๆก็พัฒนาเพิ่ม ลด ปรับสูตรกันไปตามชอบ เราเองเคยกินจาก food truck ตอนไปไมอามี่ครั้งนึง เป็นแบบต้นตำรับที่มีแค่ขนมปัง แฮม และชีส แต่อร่อยมาก ขนมปังกริลล์มาเกรียมนิดๆ ชีสละลายเพราะความร้อนผสมติดหนึบหนับไปกับแฮม โอ๊ย ฟินค่ะ!







 

Create Date : 16 มกราคม 2558   
Last Update : 16 มกราคม 2558 19:22:09 น.   
Counter : 5200 Pageviews.  

Each memory has a soundtrack of its' own [Part I]

Each memory has a soundtrack of its' own [Part I]


ภาพยนตร์หลายเรื่องทำให้เราเพลิดเพลินไปกับพล็อตบทบาทนักแสดงไปจนถึงฉากหรือโปรดักชั่นสุดตระการตาแต่หลายครั้งสิ่งที่เราจดจำได้มากที่สุดกลับเป็นบทเพลงประกอบภาพยนตร์ที่นึกถึงทีไรทุกอย่างก็หลั่งไหลราวกับเรากำลังเปิดหนังม้วนเก่าดู

ครั้งนี้จะมาแนะนำบทเพลงประกอบภาพยนตร์หรือ Movie Soundtrack ที่ยังอยู่ในใจของหลายคนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแล้วก็ตาม


**หมายเหตุ**

- เรียงลำดับจากปีที่ภาพยนตร์ออกฉาย

- อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจากนิตยสาร Rolling Stone, Billboard Chart และ Wikipedia

- แบ่งเขียนเป็น2 Part โดยใน Part I นี้จะพูดถึงภาพยนตร์เพียงอย่างเดียวส่วนใน Part II จะพูดถึงแอนิเมชั่น

- คลิปวีดีโอจาก youtube.com


==============================



Over The Rainbow – Judy Garland [จากภาพยนตร์เรื่อง The Wizard of Oz]

พ่อมดออซไม่ได้สร้างตำนานแค่ในแง่ของภาพยนตร์ยอดฮิตหนังสือสุดฮอต หรือนิทานเรื่องเล่าสุดคลาสสิคเมื่อเป็นหนังใหญ่ในปี 1939นักแสดงนำอย่าง Judy Garland ในบท Dorothy ก็ทำให้เพลง Over The Rainbow กลายเป็นเพลงติดหูติดใจคนทั่วโลกในทันทีเสียงใสก้องกังวานของเธอทำให้ทุกคนหลงรักและส่งผลให้เธอกลายเป็นดาวค้างฟ้าทั้งในฐานะนักแสดงและนักร้องคุณภาพคับแก้ว

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/1HRa4X07jdE


==============================



Moon River – Audrey Hepburn [จากภาพยนตร์เรื่อง Breakfast At Tiffany's]

ภาพยนตร์จากปี 1961 ที่ครองใจนักดูหนังมาเนิ่นนานส่งให้ Audrey Hepburn ในบทของ Holly Golightly เป็นที่จดจำและกลายเป็นหนึ่งในเจ้าของสมญานามว่าเจ้าหญิงแห่งฮอลลีวู้ด Moon River เป็นเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ และตัวออเดรย์เองก็เป็นคนร้องด้วยตัวเอง ฉากที่เธอนั่งอยู่บนขอบหน้าต่างดีดกีต้าร์โปร่งในชุดเสื้อสเวตเตอร์และกางเกงวอร์มพร้อมรองเท้าส้นแบนกลายเป็นโมเดลของสาวน้อยช่างฝันทั่วโลก

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/BOByH_iOn88


==============================



Unchained Melody - Righteous Brothers [จากภาพยนตร์เรื่อง Ghost]

สารภาพมาเสียดีๆว่าคุณรู้จักเพลงนี้ทันทีที่อินโทรขึ้นร้องตามคลอๆได้ รู้ว่ามาจากหนังเรื่องอะไรแต่ไม่รู้จักชื่อเพลง! Unchained Melody เคยเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์มาก่อนหน้านี้แล้วในชื่อหนังว่า Unchained เมื่อปี 1955(ยังไม่มีใครเกิดเราก็ยังไม่เกิด)ก่อนจะมาดังเป็นพลุแตกตอนเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์รอบสองให้เรื่อง Ghost ในปี 1990 ตัวหนังนั้นทำรายได้ไปพอสมควรและส่งให้ทั้งนักแสดงและเพลงประกอบดังในชั่วข้ามคืน

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/ZoEwR9_Sy_M


==============================



I Will Always Love You - Whitney Houston [จากภาพยนตร์เรื่อง The Bodyguard]

1 ใน5เพลงที่มีการนำมาร้องซ้ำเยอะที่สุดทั้งยังเป็นเพลงฮิตที่ไม่ว่ามีประกวดร้องเพลงรายการไหนประเทศอะไร ต้องมีผู้เข้าแข่งขันอย่างน้อย1 คนหยิบมาร้องเสมอ I Will Always Love You แต่งเนื้อโดย Dolly Parton น้องร้องเพลงคันทรี่หญิงชาวอเมริกันที่โด่งดังมากๆในปี 1973 แต่มาเปรี้ยงปร้างและกลายเป็นที่รู้จักแบบฉุดไม่อยู่ก็ตอนที่มาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Bodyguard ที่ออกฉายในปี 1992 นี่ล่ะโดยได้นักร้องเพลงเสียงแหบเสน่ห์ทรงพลังอย่าง Whitney Houston มาเป็นคนร้อง(และแน่นอนว่าเธอแสดงนำในภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน)

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/3JWTaaS7LdU


==============================



My Heart Will Go On – Celine Dion [จากภาพยนตร์เรื่อง Titanic]

สร้างปรากฏการณ์ได้ทั้งตัวภาพยนตร์และเพลงประกอบทันทีที่ออกฉายในปี 1997 เพราะ Titanic กวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า18ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา(นับถึงปี2010)นอกจากความหล่อใสของ Leonardo DiCaprio จะทำให้สาวๆทั่วโลกกรี๊ดแบบไม่ลืมหูลืมตาเพลง My Heart Will Go On ก็ยังทำให้คนฟังซาบซึ้งไปกับเรื่องราวของคู่รักต่างชนชั้นที่พยายามฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตเสียงของ Celine Dion ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตที่ฟังทีไรก็ทั้งเศร้าทั้งซึ้ง

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/A3QAqZQYLIQ


==============================



How Do I Live – Trisha Yearwood [จากภาพยนตร์เรื่อง Con Air]

หนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีดัง และเด่นที่สุดในชีวิตการแสดงของ Nicolas Cage หนังออกฉายในปี 1997 และทำรายได้ไปมหาศาลทั้งยังติดอันดับหนังแอ็คชั่นคลาสสิคที่คอหนังบู๊ต้องมีเก็บสะสมแน่นอนว่าเพลงประกอบภาพยนตร์ก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเพราะ How Do I Live กลายเป็นเพลงรักที่มีคนร้องตามได้เพียบไปร้านไหนดึกๆต้องมีเปิดให้สโลว์ซบและเป็นอีกเพลงที่ถูกนำมาใช้ในงานแต่งงานบ่อยมาก

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/RFnD3uwKHag


==============================



When You Say Nothing At All - Ronan Keating [จากภาพยนตร์เรื่อง NothingHill]

อีกเพลงที่ต้นฉบับจากปี 1988 เคยเป็นเพลงคันทรี่มาก่อนแต่มาฮิตเอาจริงๆตอน Ronan Keating นำมาใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Nothing Hill ในปี 1999 ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวของโรแนนในฐานะนักร้องเดี่ยวด้วยWhen You Say Nothing At All เป็นอีกเพลงที่ทุกคนร้องตามได้อินโทรขึ้นเมื่อไหร่เป็นอันรู้กันซ้ำยังกลายเป็นเพลงชาติประจำงานแต่ง(โดยเฉพาะงานแต่งในบ้านเรา)ไปโดยปริยาย

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/7xrxrEEGVdM


==============================



I Don't Want To Miss A Thing – Aerosmith [จากภาพยนตร์เรื่อง Armageddon]

หนังกู้โลกเรียกน้ำตาในปี1998ที่แสดงให้เห็นถึงความรักของพ่อลูกคนรัก และมวลมนุษยชาตินอกจากฉากที่พระเอกอุ้มนางเอกตัวลอยแล้วร้องเพลง Leaving On A Jet Plane ที่เรียกรอยยิ้มได้แล้ว End Title อย่าง I Don't Want toMiss A Thing ก็กลายเป็นเพลงฮิตที่คนร้องตามได้ทั่วบ้านทั่วเมือง

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/JkK8g6FMEXE


==============================



Can't Fight The Moonlight – LeAnn Rimes [จากภาพยนตร์เรื่อง Coyote Ugly]

ตอนที่ Coyote Ugly ออกฉายในปี 2000เสียงตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เราว่าก็ดูได้เพลินๆในขณะที่เพลงประกอบ Can't Fight The Moonlight กลับดังเปรี้ยงติดทุกชาร์ต เปิดทุกคลื่นวิทยุใครๆก็ร้องได้และกลายเป็นเพลงแจ้งเกิดให้นักร้องป๊อบคันทรี่ LeAnn Rimes อย่างเต็มภาคภูมิ(ก่อนที่เธอแทบจะไม่มีเพลงฮิตอีกเลย)

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/bx3s99FNXzI


==============================



There You'll Be – Faith Hill [จากภาพยนตร์เรื่อง Pearl Harbor]

หนังรักสามเศร้าเคล้าน้ำตา ในปี 2001 ที่มีฉากหลังเป็นสงครามโลกครั้งที่สองตัวหนังส่งให้ Ben Affleck และ Josh Hartnett กลายเป็นสองหนุ่มฮ็อตในทันทีรวมถึง Kate Beckinsale สาวอังกฤษที่แจ้งเกิดเต็มตัวส่วนเพลงประกอบนั้นก็ได้ Faith Hill ซึ่งเป็นนักร้องคุณภาพคับแก้วสุดๆ There You'll Be จึงกลายเป็นหนึ่งในเพลงที่อยู่ในความทรงจำของหลายๆคน

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/BwyWmqV_RJc


==============================



Lose Yourself – Eminem [จากภาพยนตร์เรื่อง 8 Mile]

8 Mile เป็นภาพยนตร์จากปี 2002 เป็นหนังเรื่องแรกและเรื่องเดียวของแร็ปเปอร์ผิวขาว Eminem ซึ่งได้รับเสียงชมและรายได้ไปค่อนข้างมากอาจ เพราะหนังตีแผ่ชีวิตของเขาทุกแง่มุมว่ากว่าจะมาเป็นแร็ปเปอร์มีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้เขาต้องผ่านต้องเจออะไรมาบ้างและ Lose Yourself เพลงประกอบที่เอมิเนมแต่งและร้องเองก็ไม่ธรรมดาเวอร์ชั่นไม่เซ็นเซอร์นี่...สุดแสนจะแสบทรวงถึงจะเต็มไปด้วยคำหยาบ คำสบถแต่ถ้ามองกันจริงๆแล้วให้ข้อคิดเยอะมาก

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/bmXumtgwtak


==============================



Bring Me To Life – Evanescence with Paul McCoy [จากภาพยนตร์เรื่อง Daredevil]

เป็น One-Hit Wonder หรือวงดังเพลงเดียวเพราะวงเมทัลร็อกอย่าง Evanescence แทบจะไม่มีผลงานเป็นที่รู้จักในวงกว้างเท่าไหร่เลยเช่นเดียวกับตัวภาพยนตร์ Daredevil ที่ออกฉายในปี 2003 ก็โดนสับเละว่าเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ยอดแย่ตลอดกาลแต่ซิงเกิ้ล Bring Me To Life ที่เป็นเพลงประกอบกลับฮิตชนิดที่ว่ามีคนรีเควสกันแทบทุกชั่วโมงในสถานวิทยุตัวเพลงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Best Rock Song และวงนี้ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Best Hard Rock Performance ในงาน 46th Annual Grammy Awards ในปี 2004 ด้วย

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/3YxaaGgTQYM


==============================



Way Back Into Love – Hugh Grant with Haley Bennett [จากภาพยนตร์เรื่อง Music and Lyrics]

จากภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ที่ออกฉายในปี 2007 ที่เนื้อเรื่องดูจะไม่มีอะไรดารานำแสดงก็ไม่ดึงดูดเท่าไหร่แล้ว (เป็นช่วงที่ Hugh Grant และ Drew Barrymore เรื่อยๆมาเรียงๆ ไม่โด่งดังหวือหวาแต่ไม่ถึงกับเงียบกริบ)แต่เพลงประกอบกลับทำชื่อเสียงแซงหน้าตัวภาพยนตร์ไปไกลโข Way Back Into Love กลายเป็นเพลงคู่ที่ถูกหยิบมาร้องบ่อยมากด้วยเนื้อร้องที่เข้าใจง่ายเมโลดี้ไม่ซับซ้อน และโน้ตเสียงของชายหญิงที่ไม่ต้องปรับอะไรมากมายฟังและร้องได้เพลินๆ

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/2vS49_v4ZlU


==============================



Skyfall– Adele [จากภาพยนตร์เรื่อง Skyfall 007]

James Bond ภาคล่าสุดจากปี 2012 ที่ทำรายได้ถล่มทลาย หลังจากนักแสดงนำอย่าง Daniel Craig ทำให้สายลับอังกฤษคนนี้กลับมามีชีวิตบนจอเงินได้อย่างสมจริงสมจังที่สุด ในขณะที่หนังเล่าย้อนถึงความสัมพันธ์ของคาแร็คเตอร์ต่างๆ เพลงประกอบในชื่อเดียวกันกับหนังก็ทำหน้าที่ได้อย่างทรงพลังทั้งเนื้อเพลง ทำนองและเสียงร้องของ Adele เพลง Skyfall จึงกวาดรางวัล Best Original Song จากทั้งเวทีลูกโลกทองคำและเวทีออสก้าและอื่นๆอีกเพียบ

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/StJLvbPIvTw


==============================



Lost Stars – Keira Knightley & Adam Levine [จากภาพยนตร์เรื่อง Begin Again]

หลังจาก Once ในปี 2006 ถูกยกย่องให้เป็นหนังเพลงสุดเลิศ สุดอินดี้ สุดซาบซึ้ง มาในปี 2013 ผู้กำกับ John Carney ก็ขอสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งด้วย Begin Again เพียงแต่คราวนี้เขาคงต้องการขยายฐานคนดูให้กว้างขึ้นอีกนิด เพราะจาก Once นั้นแม้ตัวหนังจะได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวก แต่ด้านรายได้กลับไม่มากเท่าที่ควรด้วยทีมนักแสดงโนเนม Begin Again จึงเติมจุดนั้นด้วยทัพดาราใหญ่ตั้งแต่ Mark Ruffalo, Keira Knightley และดึงนักร้องนำจาก Maroon 5 Adam Levine มาร่วมแสดงด้วย อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์จึงกวาดยอดขายและยอดดาวน์โหลดไปไม่อั้นรวมถึงเพลง Lost Stars ก็กลายเป็นเพลงที่ถูกขอให้เปิดบ่อยที่สุดและมีคน cover เยอะที่สุดเป็นประวัติการณ์

>> ชมวีดีโอ คลิกที่นี่ >> //youtu.be/sLTRSakuugs


==============================


อกจากนี้ยังมีอัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายอัลบั้มที่ฮิตข้ามทศวรรษชนิดที่ขายดีทั้งแผ่นเสียงแผ่นซีดี แม้จะมีการทำซาวด์ใหม่แบบดิจิตอลก็ยังมียอดดาวน์โหลดอยู่ตลอดเวลาอาทิ


OST.จากเรื่อง Les Miserables หนังสือตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1862 บทประพันธ์สุดคลาสสิคที่เป็นทั้งหนังเป็นทั้งละครเวทีมาแล้วไม่รู้กี่รอบแทร็คลิสต์ของ Les Miserables จึงเป็นเครื่องมือถ่ายทอดเนื้อหาของเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างดีเพลงที่คุ้นๆหูกันก็ได้แก่I Dreamed ADream, Castle on a Cloud, Do You Hear the People Sing?


OST.จากภาพยนตร์เรื่อง The Sound Of Music ออกฉายปี 1965 หนังเพลงสุดคลาสสิคที่ถูกหยิบมาทำแล้วหลายเวอร์ชั่นและเนื่องจากเป็น Musical Movie เพลงในภาพยนตร์จึงติดหูคนฟังทุกเพลงเช่น My Favorite Things, Edelweiss, Do-Re-Mi(เพลงนี้เป็นเพลงที่แม่ใช้สอนภาษาอังกฤษเราตอนเด็กๆ)


OST.จากภาพยนตร์เรื่อง Saturday Night Fever ออกฉายปี 1977 ส่งผลให้เพลงของกลุ่มศิลปิน Bee Gees ที่ดังอยู่แล้วดังมากขึ้นจนฉุดไม่อยู่เพลงในอัลบั้มนี้ก็ได้แก่ Night Fever, How Deep Is Your Love, Staying Alive ซึ่งเพลงหลังนี้เกือบได้กลายเป็นชื่อภาพยนตร์ด้วยนะ(อัลบั้มนี้เรามีโอกาสได้ฟังแบบแผ่นเสียงไวนิล เพราะพ่อเป็นคนชอบฟังเพลงจึงซื้อเก็บไว้ตั้งแต่สมัยท่านยังหนุ่ม)


==============================


Thai's Movie Song แถมท้ายด้วยเพลงประกอบภาพยนตร์ไทยที่หลายคนยังนึกถึงและร้องตามได้

  • อยากให้รู้ว่ารักเธอ – จอห์นนี่ อันวา [จากภาพยนตร์เรื่อง Sex Phone คลื่นเหงาสาวข้างบ้าน] //youtu.be/loKTOPF8bdI

  • กุมภาพันธ์ - ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรลดัล [จากภาพยนตร์เรื่อง กุมภาพันธ์] //youtu.be/igmrEscCE10

  • ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย – Peacemaker [จากภาพยนต์เรื่อง เพื่อนสนิท] //youtu.be/_XaTeKPzK-E

  • กันและกัน – Flure [จากภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม] //youtu.be/TrsIQnh4a0k

  • ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ – ปองกุล สืบซึ้ง และ ธนิดา ธรรมวิมล [จากภาพยนตร์เรื่อง สายลับจับบ้านเล็ก] //youtu.be/fkKfdpHhY84

  • โปรดส่งใครมารักฉันที - Instinct [จากภาพยนตร์เรื่อง รถไฟฟ้า...มาหานะเธอ] //youtu.be/nbS-uQi_Pl8





 

Create Date : 12 มกราคม 2558   
Last Update : 27 มกราคม 2558 17:39:13 น.   
Counter : 1526 Pageviews.  

review of "2 Days in Paris จะรักจะเลิกเหตุเกิดที่ปารีส"



ภาพยนตร์อินดี้ที่เปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดในอเมริกา แต่กลับไม่เปรี้ยงปร้าง (แม้ในแวดวงหนังทางเลือก) ในบ้านเรา

2 Days in Paris ว่าด้วยเรื่องของ มารียง และ แจ็ค คู่รักที่ต้องการเพิ่มความสวีทให้ชีวิตด้วยการไปฮันนีมูนรอบสองที่อิตาลี โดยที่ขากลับ มารียงได้ชวนให้แจ็คแวะพักผ่อนที่ปารีสบ้านเกิดของเธอเป็นเวลา 2 วัน

เรื่องราวเหมือนจะโรแมนติกถ้าคิดในแง่ว่าปารีสคือเมืองในฝันของคู่รักหลายคู่ แต่เหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เมื่อแจ็คพบว่า ชายหนุ่มมากหน้าหลายตาที่แวะมาทักทายและเยี่ยมเยียนมารียงนั้นต่างก็เป็นคนรักเก่าของเธอทั้งสิ้น แต่มารียงก็ยังโกหกเขาว่าพวกนั้นเป็นแค่เพื่อน

บวกกับครอบครัวอันสุดแสนจะเพี้ยนของมารียง และอาการอนามัยจัดของแจ็คเริ่มกำเริบ ทำให้เขาเริ่มประสาทเสียกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปารีส

ขอไม่เล่าตอนจบ เพราะอยากให้เดากันเอาเอง หรือไม่ก็ตีตั๋วเข้าชมกันได้ที่ลิโด้ สยามสแควร์

บอกหน่อยว่าเป็นหนังที่คิดว่าจะดูฆ่าเวลา แต่กลับได้แง่คิดอะไรๆเยอะพอสมควร อย่างแรกก็คือความคิดแบบเดิมที่ว่าผู้หญิงคือวัตถุทางเพศถูกนางเอกของหนังถีบกระจุยกระจายไม่เหลือชิ้นดี เพราะเธอเล่นมีสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มทุกคนแล้วเลิกกับเขา แถมยังคบเป็นเพื่อนกันต่อได้หน้าตาเฉย ทำเอาพระเอก (และคนดู) ถึงกับอึ้งกิมกี่

อย่างต่อมาก็คือ เราจะได้มองเห็นปารีสในมุมมองใหม่ๆ นอกเหนือจากเป็นเมืองแห่งความโรแมนติก เพราะปารีสก็เหมือนกับทุกๆที่ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั้นและผู้คนที่ผ่านเข้ามาในปารีสต่างหาก ที่ทำให้มันเป็นไปอย่างที่เห็นอยู่ ดูจากคู่พระนางของเรื่อง ที่ทะเลาะกันตั้งแต่ต้นจนจบแม้จะอยู่ในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ตาม

ส่วนเรื่องของโปรดักชั่น จัดว่าอยู่ในขั้นใช้ได้ ขอติเรื่องมุมกล้องเล็กน้อยที่บางฉากเล่นเอาคนดูหัวหมุนตาลาย เพราะกล้องแพนรอบ 360 องศา

และขอเตือนไว้นิดนึง สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศส ว่าควรเตรียมใจไว้ว่าจะเจอกับบทสนทนาภาษาฝรั่งเศสเกินครึ่ง ซ้ำยังเป็นการสนทนาแบบรัวเร็วที่แม้แต่อ่านซับไตเติ้ลข้างล่างก็ยังตามแทบไม่ทัน

นอกนั้น 2 Days in Paris ก็คงทำให้คุณอมยิ้มกับมหานครของชาวปารีเซียงและความรักในมุมมองใหม่ๆได้ไม่น้อย




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2550   
Last Update : 31 ตุลาคม 2550 20:18:18 น.   
Counter : 1248 Pageviews.  

review of "Ratatouille (rat-a-too-ee) พ่อครัวตัวจี๊ดหัวใจคับโลก"

วันแม่ปีนี้ พาแม่ไปดูการ์ตูนมาล่ะค่ะ กับผลงานของ PIXAR Studio เรื่อง Ratatouille (rat-atoo-ee) พ่อครัวตัวจี๊ดหัวใจคับโลก

เรื่องราวของหนูตัวหนึ่งที่เกิดมาพร้อมประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยม ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้เขาอยากเป็นพ่อครัว แต่จะทำอย่างไรเมื่อเขาเป็นหนู...ไม่ใช่คน

คิดว่าทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าพิกซาร์ทำภาพยนตร์การ์ตูนออกมาได้น่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน แต่ทุกครั้งที่ได้ดูการ์ตูนของพิกซาร์ ก็ยังจะต้องตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ อารมณ์ประมาณว่า "นี่ยังทำได้ดีกว่าเก่าอีกเหรอ" เหมือนกับจะสนุกไปถึงไหนกันยะ??? (ฮ่าๆๆ)

กับเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ได้ยินคนพูดมาเยอะเหลือเกินว่าสนุก ห้ามพลาด ซึ่งพอไปดูแล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ ทั้งพล็อตเรื่อง ทั้งโปรดักชั่น ทุกอย่างลงตัวหมด แถมท้ายอีกนิดว่าเพลงประกอบเพราะมากๆ ถ้ามีโอกาสจะอัพโหลดเอาไว้ให้ได้ฟังกันนะคะ

เดินออกจากโรงหนังมาด้วยความอิ่มเอิบ ซึ่งเป็นความอิ่มเอิบในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาเลยค่ะ หนังทำให้ได้คิดอะไรๆอีกเยอะ ว่าคนที่มีพรสวรรค์ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องมาจากที่ที่สวยหรู หรือเกิดมาจากชาติตระกูลสูงส่งเท่านั้น

แล้วก็มองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่า ณ จุดที่ยืนอยู่ ทั้งพรสวรรค์ พรแสวง บวกกับโอกาสที่ได้รับ ถึงจะเหนื่อยบ้าง ท้อบ้างในบางคราว แต่ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือชิ้นงานที่น่าภาคภูมิใจ...คิดได้แบบนี้ ถึงเหนื่อยแค่ไหนก็ยังมีแรงสู้ค่ะ ^_^




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2550   
Last Update : 21 สิงหาคม 2550 21:12:30 น.   
Counter : 1005 Pageviews.  

1  2  

Lady Vanilla
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Lady Vanilla's blog to your web]