10 หนังผีฝรั่งสุดสะพรึง
ตามความเห็นส่วนตัว เราว่าหนังผีหรือ Horror Movie นั้น ทางฝั่งเอเชียดูจะทำได้น่าขนลุกกว่า จากประสบการณ์ที่ชอบดูหนังผี ทั้งซื้อแผ่น ดูในโรง หรือดูเคเบิ้ลรายเดือนก็ตาม เรามักถูกกระตุกเส้นจากหนังผีเอเชียได้ง่ายกว่า ซึ่งพอจะวิเคราะห์ได้ประมาณนึงว่า
- วัฒนธรรม และบริบททางสังคมที่คนเอเชียก็คงจะ get หรือเข้าถึงหนังผีเอเชียได้ง่ายกว่า
- ฝรั่งเวลาทำหนังผี ชอบใส่เรื่องจิตวิทยา หรือเรื่องวิทยาศาสตร์เข้าไป ประมาณว่าพยายามหาเหตุผลให้ผี ซึ่งพอทั้งผี และเราที่เป็นคนดูเข้าใจเผตุผลนั้นแล้ว มันเลยทำให้น่ากลัวน้อยลง
- องค์ประกอบสำคัญนอกจากความแหวะของรูปลักษณ์ผี คือ timing หรือที่เราเรียกกันขำๆว่าผีตุ้งแช่นั่นล่ะ หนังผีฝรั่งใช้จังหวะจะโคนยังไม่ตุ้งแช่เท่าไหร่ บางซีนผิดที่ผิดเวลา ระดับความน่ากลัวก็ผิดแปลกออกไปด้วย
แต่ๆๆๆๆ ถึงจะเกริ่นกันมาขนาดนี้ ก็ยังมีหนังผีฝรั่งจำนวนมาก ที่ทำเราสะดุ้งเฮือก และหลอนจับจิตจับใจข้ามวันข้ามคืน บางเรื่องถึงขนาดซื้อแผ่นมาเก็บหรือดูซ้ำได้หลายๆรอบด้วยนะเออ
บอกกันไว้ก่อนว่า การจัดอันดับนี้เป็นความชอบ และความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ โดยไม่ได้อ้างอิงจากเรตติ้งจาก //www.imdb.com (เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลภาพยนตร์ที่ค่อนข้างได้มาตรฐาน) ไม่ได้อ้างอิงตามคำวิจารณ์ของนักวิจารณ์ภาพยนตร์ หรือวัดจากรายได้ออกฉายของตัวภาพยนตร์เอง
หากใครมีเรื่องไหน หรือคอมเม้นท์อะไรที่แตกต่างจากนี้ มาแชร์ไอเดียกันได้ค่ะ จะยินดีมากๆเลย
และเราจะขอตัดหนังผีที่ไม่ผี อันได้แก่ หนังที่ปูพื้นว่าผี แต่สุดท้ายกลายเป็นสืบสวน จิตวิทยา / หรือหนังที่ผีมาตลอดเรื่อง แล้วเงิบคนดูด้วยการเฉลยตอนท้ายว่าผีไม่มี ทุกอย่างเป็นเรื่องมโน
ไม่ๆ แบบนี้เราไม่นับ เราจะพูดถึงหนังผีที่อาจมีสืบสวนสอบสวนบ้าง จิตวิทยาบ้าง แต่ท้ายที่สุด มันคือผี คือปีศาจ คือวิญญาณล้วนๆ เข้าใจตรงกันตามนี้นะ
มา! เริ่ม!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
The Skeleton Key (2005)
เรื่องเริ่มต้นด้วย Caroline Ellis (Kate Hudson) ที่รับงานพิเศษไปเป็นพยาบาลให้ชายชราป่วยหนัก เรื่องมันดูปกติดี เพราะลุงแกก็เจ็บป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนภรรยาแกก็แก่มาก ทำอะไรไม่สะดวกเท่าไหร่ Caroline ก็เข้าไปอยู่ช่วยทั้งงานบ้านนิดๆหน่อยๆ แล้วก็ดูแลคนป่วยไปตามเรื่อง แต่มันเริ่มไม่ปกติเพราะลุงที่ว่าป่วยถึงขั้นพูดหรือขยับตัวไม่ได้ จู่ๆวันนึงก็พยายามสื่อสารกับ Caroline ว่าเขาไม่ได้ป่วยเพราะสุขภาพไม่ดี แต่ป่วยด้วยฝีมือของปีศาจ เมื่อ Caroline พยายามบอกกับป้าเรื่องนี้ ป้าแกก็บอกว่าไม่มีอะไร ลุงแกเพี้ยน อย่าไปฟังมาก ใจนึงนางเอกของเราก็อยากจะลาออกทิ้งงานไปเลย เพราะไม่อยากมีเอี่ยวกับเรื่องประหลาด แต่อีกใจที่อยากรู้อยากเห็น และอยากช่วยลุงแกก็ดื้อดึง สุดท้ายใจฝ่ายดื้อก็ชนะ Caroline อยู่เพื่อสืบหาความจริง และแน่นอนว่ายิ่งสืบยิ่งค้น ก็ยิ่งดำดิ่งลงไปหาจุดที่ยากจะถอนตัวเสียแล้ว
เรายกให้เป็นหนังผีที่หลอนสุดขั้ว เพราะหลังจากดูจบทำเราเสียประสาทไปหลายวัน เพราะช็อคกับบทสรุปมากกกก คือพอท้ายๆเรื่องเราจะเดาออกแล้วล่ะว่าเรื่องมันจะคลี่คลายยังไง รู้ปูมเรื่องแล้ว แต่จุดจบนี่มันบีบหัวใจจริงๆ มันทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย คนเข้มแข็งนี่ถึงเวลาพลาดแล้วสุดจริง คือ บอกได้เท่านี้ไม่งั้นจะกลายเป็นสปอยล์ไปหมด แนะนำๆให้หามาดูกันนะ เอ้อ เรื่องนี้ เป็นการเปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญของเจ้าแม่หนังรักอย่าง Kate Hudson ได้ดีเลยล่ะ นางแสดงเอาไว้ได้เจ๋งจริงๆ
คะแนนความหลอน เอาไป 9/10
ประโยคเด็ด >> I don't believe! I don't believe!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
1408 (2007)
Mike Enslin (John Cusack) หาเลี้ยงชีพด้วยการพิสูจน์ว่าผีไม่มีจริง จากการเดินทางไปยังสถานที่สุดหลอนทั่วอเมริกา ค้างคืน ณ ที่แห่งนั้นพร้อมกลับออกมาเขียนแฉว่าที่ใดบ้างที่หลอนแบบปลอมๆ ซึ่งเท่าที่ผ่านเขายังไม่เคยเจอดีเลยสักครั้ง จนกระทั่งได้รับโปสการ์ดใบหนึ่ง เชิญชวนให้เขาไปพักที่ Dolphin Hotel ณ ห้องหมายเลข 1408 ห้องที่ได้ชื่อว่าเฮี้ยนสุด หลอนสุด ไม่ว่าใครมาพักก็ต้องตายทุกคน ตอนแรก Mike ยังไม่เชื่อ แต่ก็เหมือนมีอะไรดลใจทำให้เขาเช็คอินเข้าพักที่โรงแรมนั้นจนได้ หลังจากยื่นความประสงค์ว่าจะพักห้อง 1408 ผู้จัดการอย่าง Gerald Olin (Samuel L. Jackson) ก็พยายามเกลี้ยกล่อมทุกทาง ทั้งเสนอห้องที่สวยกว่า หรูกว่า แพงกว่าในราคาเท่ากันให้ ซึ่งยิ่งทำให้ Mike อยากพิสูจน์ให้ได้ว่าห้อง 1408 นี่มันอะไรยังไงกันแน่ และวินาทีที่ Mike ก้าวเข้าห้อง 1408 ทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น
หนังผี กึ่งจิตวิทยา ที่ไม่น่ากลัวแบบผีโผล่ตุ้งแช่ แต่ค่อยๆหลอนทีละนิด สะกิดให้ขนลุกทีละหน่อย เราว่าฉากและการเล่าเรื่องมันคุมโทนให้หลอนได้พอดีๆ ทำให้รู้สึกเหมือนเราก็เป็น Mike ที่ตอนแรกไม่กลัว ก็ค่อยๆเริ่มกลัว และพยายามพิสูจน์ว่าผีไม่มีจริง ทั้งๆที่ทุกอย่างรอบตัวในห้องนั่นมันไร้เหตุผล และเหนือธรรมชาติสุดๆ เรื่องนี้ทำเราหลอนเพลง We've only just begun เพลงรักหวานซึ้งของ The Carpenters ไประยะนึงเลยนะ
คะแนนความหลอน เอาไป 8.5/10
ประโยคเด็ด >> Are you ready to check out, Mr. Enslin?
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
The Devil's Advocate (1997)
Kevin Lomax (Keanu Reeves) แสนจะดีใจเมื่อถูกดึงตัวให้ไปเป็นทนายที่นิวยอร์ค แม้เขาจะข้องใจอยู่บ้างว่า เจ้าของบริษัทอย่าง John Milton (Al pacino) จะมาสนใจอะไรกับทนายความบ้านนอกอย่างเขา แต่เงินเดือนมหาศาล สวัสดิการสุดเลิศ ก็ทำให้ Kevin มองข้ามความแปลกๆ ทะแม่งๆทุกอย่างไป คิดแค่ว่านี่จะเป็นหนทางก้าวหน้าให้กับตัวเองและภรรยา Mary Ann Lomax (Charlize Theron) แต่ในเมื่อใครๆก็บอกว่าการเชื่อสัญชาติญาณของตัวเองนั้นดีที่สุด เรื่องแปลกๆที่ Kevin สัมผัสได้ก็เริ่มกลิ่นแรงขึ้นทุกที แต่ที่น่ากลัวคือ Kevin เริ่มรู้สึกเลยว่า อำนาจมืดที่มองไม่เห็น มันมีพลังเกินกว่าจะเป็นฝีมือของคนธรรมดา
เชื่อมั้ย หนังหลอนจัดๆอย่างนี้ เราไปดูในโรงกับแม่ล่ะ จำได้ว่าไม่เกินมัธยมต้น นั่งดูไป ทั้งกลัว ทั้งหลอน จับมือแม่แน่นมาก ขนาดตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้ประสา ยังสัมผัสถึงความหลอนและจิตวิทยาแบบขั้นสุดของหนังได้ หนังไม่ได้เล่าเรื่องแบบผีๆ ตรงๆ โจ่งแจ้ง แต่เล่าผ่านตัวบุคคล (ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่คน) แล้ว Al Pacino ก็ทำให้บท John Milton นี้ไปถึงระดับสุดจริงๆ บทสรุปมันสะเทือนใจมาก ขอให้ได้มีโอกาสหามาดูกันนะ
คะแนนความหลอน เอาไป 9/10
ประโยคเด็ด >> Vanity, definitely my favourite sin.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
The Sixth Sense (1999)
Dr.Malcolm Crowe (Bruce Willis) เป็นจิตแพทย์เด็ก ที่สูญเสียภรรยาจากฝีมืออดีตคนไข้ของตัวเอง หลังจากนั้น 1 ปี Mulcolm ก็ได้เจอกับ Cole Sear (Haley Joel Osment) เด็กชายพูดน้อย ดูเก็บกด ที่มักมาพบเขาพร้อมรอยแผลเป็นจ้ำๆตามเนื้อตัว Mulcolm คิดว่าแม่ของ Cole ต้องเป็นพวกชอบใช้กำลังกับลูก จึงพยายามหาทางช่วยเหลือ แต่ Cole กลับบอกว่ารอยแผลพวกนั้นเกิดจากวิญญาณที่ยังไม่ไปผุดไปเกิด ที่มาขอความช่วยเหลือจากเขา แน่นอนว่าจิตแพทย์อย่าง Mulcolm ไม่เชื่อสักนิด จนกระทั่งความจริงค่อยๆปรากฏขึ้น
หนังผีในตำนาน ที่กลายเป็นต้นแบบให้หนังผีอีกหลายเรื่อง และเป็นการสร้างชื่อให้ M. Night Shyamalan เป็นที่รู้จักในฐานะผู้กำกับหนังผี หนังสยองขวัญมือหนึ่ง (แม้หลังๆฝีมือแกจะดร็อปลงจนน่าใจหายก็เถอะนะ) บรรยากาศของหนังไม่ได้น่ากลัวแบบหนังผีทั่วไป คือไม่ใช่มืดๆ อึมครึม อะไรทำนองนั้น แต่เป็นการสร้างความสงสัยให้คนดูว่า เฮ้ย ไอ้เด็กนี่จริงๆแล้วมันเห็นผีจริง? หรือมันกุเรื่องขึ้นมาวะ? บางช่วงก็เกือบจะคิดแล้วว่าเด็กมันมโนไปเองแน่ๆ แต่แล้วก็มีผีโผล่มาทำให้ไขว้เขว แต่เอ๊ะ เห็นทีไรไอ้เด็กนี่ก็อยู่คนเดียวนี่หว่า ผีจริงเร้ออ? หลอกให้คนดูงงงวยกับสถานการณ์ทั้งหมด แล้วปิดท้ายด้วยบทสรุปที่ อื้อหือ! เล่นงี้เลยนะ?!
คะแนนความหลอน เอาไป 10/10
ประโยคเด็ด >> I see dead people.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Thirteen Ghosts (2001)
Arthur Kriticos (Tony Shalhoub) เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องดูแลลูก 2 คนหลังภรรยาเสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้ เขามีหนี้สินท่วมตัว งานก็กำลังถึงทางตัน แต่จู่ๆก็มีทนายความติดต่อมาบอกว่า ปู่ของ Arthur ตัดสินใจยกมรดกทั้งหมดให้เขา ซึ่งไม่ได้มีแค่เงินทองจำนวนมหาศาลที่พอปลดหนี้และทำให้ Arthur กับลูกๆมีกินมีใช้ไปอีกตลอดชาติ แต่ยังรวมถึงบ้านทรงโมเดิร์นแปลกตากลางป่า ที่ปู่เศรษฐีสร้างไว้ก็เป็นมรดกชิ้นหนึ่งด้วย แต่ถึงแม้ Arthur จะจนตรอกเขาก็ยังไม่ผลีผลาม จึงพาลูกๆไปดูให้เห็นกับตาถึงมรดกชิ้นสำคัญ และที่บ้านหลังนั้นเอง พวกเขาได้พบกับกลุ่มคนแปลกหน้าอีกหลายคน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นลูกน้องของปู่เขา โดยต้องการอยากจะเยี่ยมชมบ้านซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยสะดุดตา แต่เพียงแค่ทุกคนก้าวเท้าเข้าสู่บ้านหลังนั้น เรื่องเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะจินตนาการก็เกิดขึ้น
หนังผีพล็อตหลวมโพรกที่ดูแล้วดุเด็ดเผ็ดมันมาก เนื้อเรื่องไม่มีอะไรเท่าไหร่คือเดาได้เลยว่าไอ้บ้านสวยนั่นมันเฮี้ยนแน่ แต่เฮี้ยนแบบไหนล่ะ ก็เฮี้ยนแบบที่ว่ามันไม่ได้มีไว้ให้คนอาศัย แต่สร้างไว้ให้ผีอาศัยโดยเฉพาะน่ะสิ แล้วที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือ บรรดาผีๆในเรื่องนี่ เอฟเฟ็คชนะเลิศมาก มาเต็ม ดูแล้วแหวะ แหยะ สยองสุดๆ แล้วก็ผีในเรื่องทั้งหมดเนี่ย มันเป็นเหมือนเรื่องเล่า (Urban Legend) ของฝรั่งนะ ถ้าดูเก็บรายละเอียดจะรู้เลยว่ามีหลายตัวที่ไปโผล่ในหนังผีอีกหลายเรื่อง ส่วนตัวเราชอบผีกับตัวบ้านในเรื่องมาก คือบ้านน่ะสวยโมเดิร์น แบบกระจกทั้งหลัง มีกลไกอะไรสนุกๆให้ดูให้เล่นเพียบ ซึ่งมันเป็นคีย์เวิร์ดของหนังเลยนะ ว่าเล่นแล้วมันจะมีเอฟเฟ็คตามมา คือ บอกได้เท่านี้ (เหมือนเดิม) ใครอยากดูหนังผีแหยะๆ แหวะๆ ไม่ต้องคิดมาก แต่ผีหลอนน่ากลัวได้ใจ แนะนำ
คะแนนความหลอน เอาไป 7.5/10
ประโยคเด็ด >> Who are you to play God? Playing is for children.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Insidious (2010)
Dalton Lambert (Ty Simpkins) เด็กชายที่มีพลังพิเศษ สามารถถอดจิตในขณะที่นอนหลับ ล่องลอยไปยังภพภูมิของวิญญาณได้ ครั้งแรกๆนั้น Dalton ก็สนุกตามประสาเด็กอยู่หรอก แต่ครั้งหลังๆเขาถอดจิตนานขึ้น หลับลึกขึ้น จนกลายเป็นปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เดือดร้อนพ่อแม่ต้องพาไปหาหมอ ซึ่งก็วินิจฉัยไม่ได้ว่าทำไม สุดท้ายในเมื่อพึ่งหมอแผนปัจจุบันไม่ได้ ก็ต้องพึ่งหมอผี หมอไสยศาสตร์กันล่ะ ซึ่งมันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ทำให้รู้ว่าพลังพิเศษของ Dalton มันไม่ได้มาเอง เพราะ Josh Lambert (Patrick Wilson) ผู้เป็นพ่อก็มีพลังนี้เหมือนกัน
หลังจากหนังผีฮอลลีวู้ดเริ่มก้าวเข้าสู่อะไรเดิมๆ เดาทางได้มานานหลายปี Insidious ก็เข้ามาเขย่าประสาทคนชอบหนังสยองขวัญได้แบบถึงกึ๋น เป็นหนังผีที่มีองค์ประกอบรวมทั้งหมดส่งเสริมกันดี ทั้งบรรยากาศขมุกขมัว ตัวละครทั้งหมดที่บทเด่นเสริมกัน จังหวะปล่อยผี หรือตัวผีเองที่น่ากลัวจนสะดุ้งโหยงเลยล่ะ ก่อนฉายมีคนปรามาศไว้ว่าหนังผีอีกแล้ว จะสักเท่าไหร่กัน แต่กลายเป็นกวาดรายได้ทั่วโลกไปเยอะมาก และผู้กำกับก็ดูเหมือนจะมองแผนออก เพราะทำตอนจบแบบไม่จบ เปิดรอไว้สำหรับภาคอื่นๆที่จะตามมา (ส่วนตัวแล้ว เราว่าภาค 2 กับ 3 ไม่น่ากลัวแล้วนะ ความสดใหม่ของพล็อตมันหายไปแล้วล่ะ)
คะแนนความหลอน เอาไป 9/10
ประโยคเด็ด >> It's not the house that is haunted. It's your son.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
The Conjuring (2013)
Ed และ Lorraine Warren (Patrick Wilson และ Vera Farmiga) คือสามีภรรยาผู้เชี่ยวชาญเรื่องเหนือธรรมชาติ พวกเขาเดินทางไปช่วยเหลือผู้ประสบกับเหตุการณ์ประหลาด และขึ้นบรรยายเกี่ยวกับเรื่องผีสางทั่วประเทศ จนวันหนึ่งคู่แต่งงานครอบครัว Perron ได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือถึงมหาวิทยาลัยที่พวกเขาบรรยายอยู่ โดยอ้างว่าบ้านมือสองที่เพิ่งซื้อมานั้น น่าจะมีวิญญาณสิงอยู่ เพราะทั้งครอบครัวต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาดๆ อธิบายไม่ได้ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามาเลย
หนังผีสร้างจากเรื่องจริงของของ Ed และ Lorraine Warren ที่นำเสนอมุมมองว่าพวกเขาไม่ได้แค่โบกมือ สวดคาถา ไล่ผีสางแบบไม่ดูฟ้าดิน แต่ในเรื่องจะแทรกเหตุการณ์ของบางครอบครัว ที่เมื่อพวก Warren เดินทางไปช่วยตรวจดูแล้วกลายเป็นเพียงสิ่งที่วิทยาศาสตร์อธิบายได้ง่ายดาย ในขณะที่กรณีของครอบครัว Perron นั้นก็กลายเป็นเรื่องอำนาจมืดของวิญญาณที่ร้ายสุดขั้ว และทำให้ทั้ง Ed และ Lorriane เกือบเอาชีวิตไม่รอด เราชอบตรงที่หนังไม่ได้บังคับให้เรานั่งหลอนตลอดเรื่อง แต่จะช่วงพักหายใจ แทรกมุกตลกเข้ามาบ้าง ผีก็ไม่ได้โผล่มาแบบตุ้งแช่นะ แต่ค่อยๆแสดงฤทธิ์เดชมาทีละหน่อย แต่โดยรวมนับว่าเป็นหนังผีที่กลมกล่อมดี อ้อ แต่ฝากไว้นิด มีหลายคนที่ดูเรื่องนี้แล้วโดนหลอกล่อให้ดู Annabelle ต่อ เพราะเปิดเรื่องมาก็พูดถึงไอ้ตุ๊กตานี่ก่อนเลย ตลอดทั้งเรื่อง รวมถึงตอนท้ายก็ทิ้งปมไว้อีก ส่วนตัวเราว่า Annabelle ไม่น่ากลัวเลยนะ เป็นเหมือนภาคขยายที่ไม่จำเป็น ตอนเราอ่านเรื่องใน google ยังว่าน่ากลัวกว่าหนังอีก
คะแนนความหลอน เอาไป 8/10
ประโยคเด็ด >> Want to play a game of hide and clap?
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
The Rite (2001)
Michael Kovak (Colin O'Donoghue) เป็นลูกชายเจ้าของกิจการรับตกแต่งศพ เขาไม่เชื่อในพระเจ้า เพราะฝังใจที่แม่ตาย โดยคิดว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ควรพรากแม่ของเขาไป แต่กระนั้น Michael ก็ยังเลือกจะเรียนเป็นบาทหลวงฝึกหัด เพราะคิดว่านี่เป็นหนทางหนีไปจากกิจการของที่บ้านที่ดีที่สุด โดยไม่ต้องหาข้อแก้ตัวกับพ่อ ในปีสุดท้ายนั้น Michael ไม่สามารถทนรับภาวะกดดันและเส้นทางที่จะต้องเดินต่อไปได้ จึงตัดสินใจขอลาออก แต่คุณพ่ออธิการกลับรั้งเขาเอาไว้ โดยขอให้เขาไปเรียนคอร์สพิเศษที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี Michael ไม่มีทางเลือกเพราะถ้าปฏิเสธก็หมายถึงเขาต้องหาเงินมาชดใช้ทุนทั้งหมดซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย ที่โรม Michael พบว่าคอร์สพิเศษที่ว่านั้น คือคอร์สฝึกหัดสำหรับคนที่อยากเป็น หมอ(ไล่ผี) หรือ Exorcist เขาต่อต้านและพยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มางัดข้อกับผู้บรรยายในคลาส จนสุดท้ายจึงต้องถูกส่งไปฝึกงานกับ Father Lucas Trevant (Anthony Hopkins) ภาคทฤษฎี Michael อาจหาข้อโต้แย้งและเหตุผลให้กับทุกเหตุการณ์ได้ แต่ในสนามจริงเขาพบว่าบางอย่างเกิดขึ้นอย่างน่าพิศวง ไร้ข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และอยู่เหนือการควบคุม มันน่าหวาดหวั่น น่าสะพรึงกลัว และบางครั้งผีก็อยู่ใกล้ตัวว่าที่เขาคิด
หนังโรงใหญ่ที่ได้ดาราใหญ่อย่าง Anthony Hopkins มาเล่นในบทของบาทหลวงไล่ผี ซึ่งเขายังคงทำได้ดีเหมือนเคย หนังไม่ได้เล่าให้เห็นผีโผล่มาเป็นตัวๆ น่ากลัว หรือสยดสยอง แต่โทนหนังมันบีบคั้นความรู้สึกดีพิลึก หนังสร้างปมให้พระเอกเป็นผู้ขาดศรัทธาแต่ก็เลือกจะเรียนเป็นบาทหลวง ในขณะที่บาทหลวงซึ่งควรจะเป็นที่พึ่งให้ใครต่อใคร ก็กลับปฏิบัติหน้าที่ไปอย่างแกนๆมากกว่าจะทำด้วยศรัทธาจริต ซึ่งสุดท้ายก็จะนำไปสู่บทสรุปที่ว่า ไม่ว่าใครก็ไม่ได้มีเฉพาะด้านมืดหรือด้านสว่าง ทุกคนต่างมีพื้นทีสีเทาที่คละเคล้าหล่อหลอมอยู่ในตัวทั้งสิ้น
คะแนนความหลอน เอาไป 8.5/10
ประโยคเด็ด >> Be careful Michael, choosing not to believe in the devil doesn't protect you from him.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Drag Me To Hell (2009)
Christine Brown (Alison Lohman) พนักงานฝ่ายสินเชื่อในธนาคารท้องถิ่น ผู้แสนจะเรียบร้อยอ่อนหวาน ต้องเจอกับวันทำงานสุดประหลาด เมื่อหญิงชราคนหนึ่งเข้ามายื่นผ่อนผันการยึดบ้าน Christine ใจอ่อนและกำลังจะดำเนินการให้อยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ติดว่านี่คือการอ่อนข้อให้ลูกค้า และมันอาจจะทำให้เธอพลาดโอกาสการเลื่อนตำแหน่ง ถ้าเจ้านายคิดว่าเธอยังไม่แกร่ง ไม่พร้อมสำหรับงานแบบนี้ ถ้าเพียงแค่การกลั้นใจปฏิเสธหญิงชราผู้น่าสงสารจะยังยากไม่พอ พฤติกรรมของหญิงชรานั่นก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างยากมากขึ้นไปอีก เมื่อหล่อนเริ่มด่าทอ ตรงเข้าทำร้ายร่างกาย Christine ก่อนจะถูกพอตัวออกไปได้อย่างหวุดหวิด แต่หญิงชรายังดักรอ Christine ในลานจอดรถ ตรงเข้าหาเธอและสาปแช่งด้วยบทสวดคาถาแปลกหู และมันเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะสำหรับ Christine จริงๆ
หนังผีเกรดบี ที่ได้อรรถรสแบบภาพเสียงครบครัน เราชอบความดิบเถื่อนที่ใส่มาไม่ยั้งในหนังเลยนะ ตัวหญิงชรานั่นก็แหม น่ากลัว น่าขยะแขยงสุดฤทธิ์ แล้วยังจะเหตุการณ์ชวนอ้วกที่เกิดกับนางเอกอีก ใครกำลังจะกินข้าว หรือเพิ่งกินข้าวมาแนะนำว่าอย่าดู มันชวนแหวะขั้นสุด ขนาดเราดูในเคเบิ้ล จอที่สีปกติ ขนาดปกติ ยังสัมผัสได้เต็มเหนี่ยว คนไปดูโรง จอเบ้อเริ่มจะน่าขวัญผวาขนาดไหน
คะแนนความหลอน เอาไป 9/10
ประโยคเด็ด >> Choke on it, bitch!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Oculus (2013)
2 พี่น้อง Kaylie และ Tim Russell กลับมาพบกันอีกครั้งหลัง Tim ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับอาการทางประสาทตั้งแต่เด็ก ในขณะที่ Kaylie ก็ไม่เคยนิ่งนอนใจ เธอพยายามวิ่งเต้นช่วยเหลือน้องชายทุกทางเพื่อพาเขาออกมา แต่ไม่ใช่เพื่อใช้ชีวิตตามปกติ แต่เพื่อมาช่วยเธอค้นหาความจริงเกี่ยวกับการตายของพ่อและแม่ ซึ่ง Kaylie เชื่อว่ามันเกิดจากกระจกโบราณบานใหญ่ที่พ่อเธอซื้อมา จากการค้นคว้าและตามหา ในที่สุด เธอก็ได้ครอบครองกระจกบานนั้นอีกครั้ง การทดลองว่ามันมีผีสิงอยู่กำลังจะเริ่มขึ้น แม้ Tim จะพยายามห้ามเท่าไหร่ แต่พี่สาวก็ไม่ฟัง เพราะถ้าเธอพิสูจน์ได้มันจะทำให้ Tim พ้นข้อกล่าวหาที่ว่าเขาเป็นคนฆ่าพ่อตัวเอง Kaylie เตรียมการเป็นอย่างดี ทั้งเสบียง พลังงานไฟฟ้าและน้ำประปา การอัดวีดีโอในทุกมุมของห้อง แต่สุดท้ายมันก็เกินควบคุม เมื่อสิ่งที่อยู่ในกระจกต้องการจะเอาชีวิตของทุกคนที่กล้าลองดี
หนังผีที่ต้องใช้ความพยายามในการดูมากเป็นพิเศษ เพราะมีเรื่องวิทยาศาสตร์ฉละการทดลองเข้ามาเกี่ยวข้อง ในช่วงแรกต้องตั้งใจฟังบทพูดของตัวพี่สาวมาก เพราะเป็นตรรกะสุดๆ แต่โทนของหนังดีมากเลยนะ มุมกล้อง จังหวะจะโคน การเล่าเรื่องก็แปลกดี แต่อย่างที่ว่าไปว่าสิ่งที่ทำให้ผีน่ากลัวคือความไร้เหตุผล อย่างในเรื่องขนาดว่าคนพี่เตรียมตัวดีแค่ไหน หาทางป้องกันตัวเองทุกทาง แต่ผีคือผี มันไม่มีกฎเกณฑ์ มันไม่เดินตามเกมของใคร บทจบสุดท้ายเลยสะเทือนใจแล้วก็แอบช็อกนิดๆเหมือนกัน
คะแนนความหลอน เอาไป 8.5/10
ประโยคเด็ด >> Hello again! You must be hungry.
Create Date : 18 กรกฎาคม 2558 |
| |
|
Last Update : 18 กรกฎาคม 2558 19:50:23 น. |
| |
Counter : 45027 Pageviews. |
| |
|
|