ปาย - บ้านวัดจันทร์
บ้านเมืองร้อนๆ ไปขุดกรุทริปดองเค็มของต้นปีมารีวิวแก้เครียดดีกว่า....
ทริปนี้ ตั้งแต่มกราคม ปีนี้น่ะค่ะ แต่ด้วยความขี้เกียจรีวิวมากมาย เพราะรูปเยอะแยะมหาศาล นี่ก็ปลายปี หนาวแล้ว ก็ไปขุดกรุมารีวิวซักหน่อย เผื่อจะได้เป็นแนวทางให้เพื่อนตาลุก เอ๊ย มีตัวเลือกไปเที่ยวในหนาวนี้กัน
วันแรกค่ะ โป่งเดือดป๋าแป - ปาย - ออป.บ้านวัดจันทร์....
..แม่ฮ่องสอน เมืองในฝัน...(แบบจิ้มจุ่มทัวร์)
ต่อจากรีวิวที่แล้ว เราเดินทางออกจากบ้านอ้ายหล้า เชียงใหม่ ไปแวะหาเสบียงมื้อเช้า ที่กาดต้นพยอม (ถ้ามาเชียงใหม่ เรามักจะแวะกาดนี้มากกว่า ราคาของถูกกว่ากาดวโรรสเยอะมากๆ)ได้เสบียง หมูทอด แหนมซี่โครงหมู ไส้อั่ว ข้าวเหนียว กินบนรถ พร้อมกับยาแก้เมารถเนื่องจากพี่คนขับรถชำนาญทางมาก ชวนพวกเราแวะระหว่างทางตลอด ได้พาแวะซื้อกล้วยไม้ป่าที่ชาวบ้านขายระหว่างทางด้วย ลงจากรถมา โดยไม่รู้ว่าอากาศภายนอกเป็นเช่นไร ลงมาพูดกันเป็นไอทุกคน อากาศหนาวมากๆแวะที่ต่อไป...โป่งเดือด เป็นน้ำพุร้อน ที่ไม่มีใครเอาไข่ลงไปต้ม ร้อนมากๆที่ต่อไป...ห้วยน้ำดัง ณ เวลาที่ไม่มีทะเลหมอก และผู้คนห้วยน้ำดัง เป็นของเรา ไม่มีคนเลย แต่เรามาทำไมเนี่ย เค้ามาดูทะเลหมอกกันนะถ้ามากางเต้นท์นอน จะหนาวซักแค่ไหนนะเดินทางต่อไป แวะกินอาหารกลางวันที่ปาย จุดมุ่งหมาย "ร้านส้มตำหน้าอำเภอ" แต่ก็อด คนแน่นมาก แถมยังมีคนที่ยังไม่ได้กิน ยืนรอหน้าร้านอีกร้านต่อไป "ร้านเบญจรงค์" ไม่รับแขกแล้ว กลัวบริการไม่ไหวทั้งที่ยังโต๊ะว่าง เลยแวะเข้ามาในตัวเมืองอีกครั้ง คราวนี้ไม่คิดอะไรแล้ว กินผัดไทหน้าวินนั่นแหละ อิ่มท้องเหมือนกันออกเดินทางต่อ ถึงจุดพักรถและชมวิว แต่ผ่านจุดชมวิวปางมะผ้ามาแล้ว ไม่ได้แวะตั้งใจอยากแวะ ถ้ำลอด แต่คงเสียเวลา ถ้ำปลา ได้ยินว่าปลาไม่มี จึงดิ่งตรงเข้าไปบ้านรวมไทยเลย งานนี้ไม่มีหลง เพราะเราแอบจดวิธีการเดินทางมาจากห้อง BP อย่างละเอียด แต่ก็กังวลนิดๆ ว่าขึ้นเขามาค่อนข้างไกลและชันมากๆ ยังไม่ถึงสักที จอดรถถามชาวบ้านแถวนั้นว่าไม่ไกลแล้ว เฮ้อ...โล่งถึงแล้วปางอุ๋ง เราจองที่พักไว้ที่ เกสต์เฮ้าส์บ้านรวมไทย บ้านหลังกลาง ที่เราพัก คืนละ 350 บาทค่ะ (ขึ้นราคาแล้วอ่ะ) นอนได้ 2-3 คน แถมอาหารเช้า 2 ที่ (ข้าวต้ม กับกาแฟ)แวะไปสั่งอาหารมื้อเย็น ตั้งใจว่าจะนั่งแพชมทิวทัศน์รอบอ่างเก็บน้ำ แต่ต้องใช้เวลา 1-1.5 ชั่วโมง คงกลับมาค่ำแน่ๆ อากาศมืดเร็วซะด้วย อดอีกแล้วแวะไปเดินเล่นละกัน สวนสน เดินไปแวะชมบ้านพักป่าไม้ด้วยไม่ได้ไปบ้านรักษ์ไทย แวะเข้าไปชิมชาในบ้านดินที่นี่ก่อนก็ได้อุณหภูมิ 5 องศา หนาวที่สุดเท่าที่เคยสัมผัส นอนไม่หลับเลย ขนาดใส่อุปกรณ์กันหนาวเต็มยศนะ น้ำในห้องอาบน้ำก็เย็นเหมือนเอาน้ำแข็งมาละลาย แค่ล้างหน้าทีชาไปทั้งหน้าเลย ถ้ามีใครมาหยิกคงไม่รู้สึกเจ็บเช้าแล้ว ตื่นแต่เช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น รูปสุดท้ายแล้วที่ปางอุ๋ง เดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน จริงๆ มีรูปกระโดดด้วย แต่อยู่ในคอมพ์ที่ทำงาน เอา HD ไปอัพอยู่ อยากลงมากๆหลังจากเราเก็บของออกจากปางอุ๋ง สายแล้วเหมือนกัน มัวแต่ถ่ายรูปกันอยู่ แหม..ก็กว่าจะขึ้นมาได้ ขอเก็บความทรงจำกลับไปเยอะๆ หน่อยระหว่างทางกลับ พี่คนขับ แทบจะบังคับให้แวะภูโคลน กลัวเราไม่ได้เห็น unseen หรือไง (เรากลัวช้า เพราะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ)แวะภูโคลน แต่ไม่ได้พอกหน้านะคะ แต่ซื้อกลับมาพอกเองค่ะรูปเด็กชาวเขา ที่พ่อเข้ามาขายกระโปรงอยู่ในภูโคลนค่ะ ...น่ารักจริงๆแวะเข้าตัวเมืองแม่ฮ่องสอนค่ะ พี่ขับรถพาแวะเข้าไป อุทยานฯ น้ำตกแม่สุรินทร์ แต่ไม่ได้มีน้ำตกนะคะ เป็นลำน้ำปายค่ะ มีบริการกางเต้นท์ และล่องเรือยางด้วย น่าสนใจ ถ้ามีเวลานะคะถึงแล้วค่ะ แม่ฮ่องสอนบล็อคมันยาวไปไหมเนี่ย พี่คนขับแวะพาเราไปชะโงกทัวร์อีกหลายที่ วัดต่างๆ ตลาดสายหยุด สนามบิน แบบไม่ได้ลงจากรถ ขับไป ก็พูดไกด์ไปเรื่อยๆ ค่ะแวะไหว้พระวัดหัวเวียง พระวิหารพระเจ้าพะราละแข่งค่ะ(ศิลปะของวิหารคงเหมือนทางพม่านะคะ หลังคาเป็นสังกะสีค่ะ ตอนแรกนึกว่าเป็นไม้)พระประธานค่ะหลังจากนั้นเราก็ไปวัดจองคำ วัดจองกลางหนองจองคำค่ะวิหารวัดจองคำค่ะวิหารหลวงพ่อโตค่ะโบสถ์ค่ะ แต่เราว่าแล้วว่าเค้าห้ามผู้หญิงเข้า เพราะเป็นวัฒนธรรมของทางเหนือ ที่ห้ามผู้หญิงเข้าโบสถ์เจดีย์วัดจองกลางค่ะ (เห็นเพื่อนๆ ถ่ายภาพกลางคืนสวยมากๆ เลย)เที่ยงแล้วได้เวลาอาหาร พี่คนขับรถคนเดิม แนะนำ ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าหอมค่ะ อร่อยสมคำแนะนำจริงๆ เลย กินกันไปคนละ 2-3 ชาม แล้วเราก็แวะไปรับประกาศผู้พิชิต 1864 โค้ง (ไม่รู้วัดจากเส้นทางไหน แต่เราว่าเส้นที่เราวิ่งมาจากปาย-ปางมะผ้า ใช่ 1864 โค้งเหรอ งง)แล้วก็เดินทางไปไหว้พระธาตุดอยกองมู มาแล้วไม่แวะไปก็เหมือนมาไม่ถึงแม่ฮ่องสอนจุดชมวิว เมืองแม่ฮ่องสอน (มุมมหาชน)ก่อนกลับกรุงเทพฯ แวะกะเหรี่ยงคอยาว บ้านห้วยเสือเฒ่ามั่วนิ่ม เข้าไปแจมกับเค้าเฉยเลย อืม ดูกลมกลืนมั๊กๆและกะเหรี่ยงหูใหญ่ (ปะกากะญอ)น้องๆ น่ารัก รู้สึกเป็นรีวิวที่ยาวเหลือเกิน blog จะอืดไหมเนี่ยรูปสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพฯ ค่ะขอบคุณพี่สมชาย คนขับรถตู้ ที่เป็นไกด์พาไปเที่ยว พาไปกิน ทั้งเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนค่ะ วันหลังเจอกันอีกนะคะพี่ (แต่เค้าจะเข็ดกับพวกนี้หรือเปล่าหนอ...ให้เวลานิดเดียว ขับรถซะเหนื่อยเลย)@@@@@@@
พระตำหนักภูพิงคฯ-งานพืชสวน-เชียงใหม่
มีโอกาสได้ไปงานพืชสวนฯ อีกรอบ แต่คราวนี้ขอแอบพ่วงโปรแกรมปางอุ๋ง - แม่ฮ่องสอนซะหน่อยแต่ด้วยเวลาอันจำกัด ลางานไม่ได้ เพราะมีงานรออยู่ในอาทิตย์ถัดไป แถมไม่อยากไปเดินกับฝูงชนคนล้านแปดในวันใกล้ปิดงานพืชสวน โปรแกรมเลยออกมาที่ วันศุกร์เข้างานพืชสวน นอนเชียงใหม่ วันเสาร์นอนปางอุ๋ง บ่ายวันอาทิตย์เดินทางกลับ ถึงกรุงเทพฯ ตีห้า วันจันทร์เช้าทำงานต่อเลย หืดขึ้นคอมากๆคราวนี้เป็นโชคดีของเรา ได้คนขับรถตู้ที่เดินทางมาเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอนจนความชำนาญ จึงเป็นทั้งคนขับรถและไกด์นำเที่ยวในตัวเช้าวันศุกร์เรามาถึงเชียงใหม่ตอน 6 โมงเช้ายังมีเวลาอีกมากก่อนเข้างาน เราจึงเปลี่ยนโปรแกรมขึ้นไปแวะพระตำหนักภูพิงคฯ ก่อน ซึ่งเป็นโชคดีของเราที่ปีนี้สมเด็จท่านยังไม่เสร็จแปรพระราชฐานมาในช่วงนี้กองทัพเดินด้วยท้อง พี่คนขับแนะนำร้านนี้เลย "โจ๊กต้นพยอม" ที่เราแวะฝากท้อง พร้อมกับใส่บาตรเม้นท์นิดหน่อย อร่อยสมคำร่ำลือค่ะ แล้วก็ได้เวลาเดินทางเที่ยวต่อ แวะขึ้นพระตำหนัก ระหว่างทางแวะไหว้ครูบาศรีวิชัยค่ะ ยังไม่แปดโมงเช้าเลย พระตำหนักยังไม่เปิดเลย แวะจุดชมวิวสวยๆ กับเดินช๊อบร้านค้าแถวนั้นไปพลางๆ ก่อนได้เวลาพระตำหนักเปิดแล้ววววว...คนยังน้อย เนื่องจากยังเช้าอยู่เอาดอกกุหลาบสวยๆ บนพระตำหนักมาฝากดอกนี้ชอบมากๆ เลย กุหลาบสีม่วง"เรือนปีกไม้" เรือนที่ประทับของเจ้าฟ้าหญิงฯ จุฬาภรณ์ฯ ...เหมือนอยู่เมืองนอกเลยพระตำหนักฯ ค่ะดีใจได้เจอซากุระด้วยระหว่างทางผ่าน น้ำพุ "ทิพย์ธาราแห่งปวงชน"แล้วก็ต้นคริสมาสต์สีแจ่มๆได้เวลากลับออกมา เจอคนและรถอีกล้านเจ็ด ดีนะที่เราเข้าไปก่อน ได้มีเวลาชื่นชมความสวยงามโดยไม่เบียดเสียดใคร เราลงไปเช็คอินห้องพักที่ "บ้านอ้ายหล้า" แอบนอกใจบ้านกาแฟนิดนึง เพราะมากันหลายคน อยากได้หลายๆ ห้อง แล้วกองทัพก็เดินด้วยท้องต่อ พี่คนขับแนะนำ ร้านข้าวซอยเสมอใจ (ร้านดังแห่งห้อง BP ด้วยนะนั่น)แล้วก็เข้างานพืชสวน ตอนเที่ยงๆ อากาศร้อนใช้ได้เลยเนื่องจากเรามารอบที่ 2 แล้ว งานนี้เราจึงถ่ายเพียงดอกทิวลิป แคคตัส กล้วยไม้ เฟรินต่างๆ แล้วก็การแสดงหน้าหอคำหลวงเองค่ะไฮไลต์เราในวันนี้คือ ดอกทิวลิป (แต่ว่าบางรูป resize แล้วภาพมันแตกอ่ะ)มีทิวลิปพันธุ์ ญี่ปุ่นด้วย ดูดอกทิวลิปจนตาลายแล้ว ไปชมสีสันยามค่ำคืนบ้างดีกว่าชื่อชุด "ดาวห่มฟ้า ราชพฤกษ์ห่มดิน" เป็นชุดที่นำมาแสดงแทนม่านน้ำ แต่เราไปไม่ทันได้ที่นั่งซะไกล และด้วยประสิทธิภาพของกล้องดิจิม่อน จึงได้ภาพมาเช่นนี้แลเห็นแต่หอคำหลวงค่ะ การแสดงอื่นๆ ถ่ายไม่เห็นเลย แต่รูปนี้เห็นเรือสุพรรณหงส์ด้วยนะ แต่น้องๆ สต๊าฟเดินบังตลอดงานเลยสรุปเราถ่ายได้รูปหอคำหลวงอ่ะ ออกจากงานโดยไม่ได้ดูขบวนพาเหรดต่อ เนื่องจากเหนื่อยมาทั้งวัน กลับที่พักดีกว่าแอบถ่ายห้องน้ำมาด้วยความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ เราไม่ค่อยชอบที่นี่ เนื่องจากอยู่ใกล้กับหอพัก ตกกลางคืนเสียงดังมากเลย ห้องน้ำก็อยู่นอกห้องพัก ไม่ค่อยสะดวก และมีเสียงจากบางคนบอกว่าไม่มีกระจกแต่งตัวด้วย (แต่เราเฉยๆ เพราะเราทาแป้งเด็กกระป๋องอ่ะ 555) แต่พี่ๆ เจ้าของก็บริการดีนะคะ แต่ถ้าจะไปเชียงใหม่อีกครั้งขอพักบ้านกาแฟดีกว่าค่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนนอนบ้านมากกว่าจบรีวิวสำหรับทริปเชียงใหม่ค่ะ เช้าวันเสาร์ต้องรีบออกเดินทางไปแม่ฮ่องสอนต่อแล้วค่ะแต่จะจบรีวิวด้วยรูปห้องน้ำก็กระไรอยู่ จบด้วยรูปกล้วยไม้สวยๆ จากงานพืชสวนแล้วกันค่ะตามต่อวันที่ 2 และ 3 ด้วยรูปแม่ฮ่องสอนในรีวิวที่ 2 ได้เลยค่ะ
ทริปเชียงใหม่ - งานพืชสวนโลก ตอนที่ 2
เราจะ Review แต่ละสถานที่ที่เราไปมาตั้งแต่เช้าจรดเย็นเลยนะคะภาพเปิดตัวค่ะ (มุมมหาชนเลยนะเนี่ย ใครๆ ก็ต้องมีรูปนี้)ณ เนินราชพฤกษ์ด้านหน้ามีน้ำพุช้าง แต่เรานั่งรถปอ.เข้ามา เลยเข้ามาไกลแล้วเหมือนกัน ไม่เดินย้อนกลับไปแน่ กับ..ต้นขวด แต่มันอยู่บนเนิน คนเลยจับจองเป็นพื้นที่นัดพบกัน ยืนรอกันเป็นกรุ๊ปๆ เลย เฮ้อ...คนเรา อยากจะถ่ายรูปซะหน่อย พอเดินเข้าไปในงานได้..ว่าจะนั่งรถรางชมรอบนึงก่อน แต่เห็นคิวแล้วไม่ไหวค่ะ พึ่ง 2 ขาของตัวเองดีกว่าเรามุ่งไปยังหอคำหลวง และส่วนของสวนนานาชาติก่อนเลย เช้าๆ คนยังน้อยระหว่างทางผ่านต้นโพธิ์แห่งความจงรักภักดี ณ สวนถวายพระพร มุมมองถ่ายจากสวนถวายพระพร ไปหอคำหลวงตอนแรกจะเข้าหอคำหลวงแล้ว พอดีมีกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆ เพิ่งเข้าไป เปลี่ยนใจเดินไปสวนนานาชาติดีกว่า**สวนประเทศจีน****สวนประเทศเคนย่า****สวนประเทศภูฐาน**ภายในสวนภูฐาน**สวนประเทศกัมพูชา** (อยู่ตรงข้ามกับสวนภูฐาน แต่คนเงียบเหงามาก)**สวนประเทศเนเธอร์แลนด์** ทิวลิปเหี่ยวหมดแล้วค่ะ มีแต่เพ็งพวย**สวนประเทศเวียดนาม****สวนประเทศญี่ปุ่น****สวนประเทศตุรกี****ดอกไม้สวยในสวนโครงการหลวง**ภายในสวนโครงการหลวง มีดอกไม้สวยๆ เยอะเลย แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง**สวนอินโด****สวนประเทศลาว**รูปปั้นสวยๆ ในสวนแอฟริกา เป็นอีกที่ที่คนมารอแถวถ่ายรูปกับรูปปั้นหินกัน**สวนล้านนา****หอชมวิว****สวนประเทศซูดาน****สวนโมร็อกโก**ภายในสวนมีชาโมร็อกโก ขายแก้วละ 20 บาท รสชาดออกหวานๆ หน่อยค่ะ แล้วก็มีสินค้าและเพนท์เฮนน่าด้วยระหว่างรอเพื่อนๆ เพ้นท์เฮนน่ากัน แวะเข้าไปถ่ายรูปในอาคารกล้วยไม้ มีกล้วยไม้พันธุ์แปลกตาเยอะมาก แล้วที่สำคัญเป็นอาคารในร่ม หลบร้อนได้ อิอิเหมือนดอกกระดาษเลยแล้วเมมเพื่อนมันเต็ม เลยต้องไปไรด์ลงแผ่น แวะไปอาคารนิทรรศการหมุนเวียน เป็นอีกอาคารที่ร่ม และแวะกินอาหารกลางวันกันที่นี่ มีจุดบริการอาหารไม่ใหญ่มาก มีอยู่แค่ 3 ร้านเอง ราคาก็พอๆ กับที่กินตามห้างทั่วไปค่ะ(กินกาแฟเย็นแบลคแคนยอนด้วย แก้วละ 55 บาท)เดินย้อนกลับไปหอคำหลวง อากาศร้อนมากถึงร้อนที่สุด เนื่องจากคนเยอะยังไม่ได้เข้าไปดูภายในหอคำหลวงเลยแวะหลบร้อน และนั่งพักกันไปเรื่อยๆ แต่ละจุด เข้าไปนั่งพักแวะดื่มน้ำพันซ์ตะไคร้และไอศรีมงาดำในบริเวณสวนสมุนไพร อร่อยมาก นั่งนานหน่อย ให้แดดมันหลบ แล้วก็ล้างมือ ล้างหน้าเติมกันแดดซะหน่อย ต้องออกไปลุยแดดอีกแล้ววางแผนเดินต่อ เราจะไปดูต้นแคคตัส ระหว่างทางแวะเข้าโดมไม้เขตร้อนชื้น**ต้นสนโวเลเมียพาย** เป็นพรรณไม้เด่นที่เค้าแนะนำไว้ในโบรชัวร์ค่ะภายในมีไม้หายากอีกเยอะแยะเลย ที่สำคัญหลบร้อนได้ดีอีกแล้ว ก่อนเข้าไปเห็นคนต่อแถวหน้าอาคารไม้เมืองหนาวกันยาวเหยียด กลับออกมาคนน้อยแล้ว ไปต่อแถวกับเขามั่งดีกว่า มีอะไรน้า แอบถามน้องมัคคุเทศก์ ได้ความว่าคนเข้าไปชมดอกทิวลิปกันแต่มีอะไรน่าสนใจมากมายเลยแล้วออกไปต่อที่อาคารปลูกพืชไร้ดินผักสดปลอดสารพิษน่ากินมากมาต่อที่อาคารพืชทะเลทราย จุดหมายเรา ต้นแคคตัสงามๆแล้วก็เดินต่อเนื่องไปอาคาร Biotech ต้นปทุมมา ที่คนไทยสามารถทำให้ออกดอกได้ทั้งปีแล้วก็ออกเดินไปเรื่อยๆ แวะบ้านชาวนา เข้าเรือนร่มไม้ ตามมามะพร้าวแฝดตามที่โบรชัวร์แนะนำไว้ หาซะตั้งนาน อยู่ด้านหน้านี่เองหลังจากนั้นก็แดดร่มลมตก ไปนั่งดูหุ่นละครโจหลุยส์ที่เวทีวัฒนธรรม แต่พอดีเรานั่งไกลไปหน่อย ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะแล้วก็ได้เวลาม่านน้ำพุ แต่เค้าเลื่อนเวลาเป็น 1 ทุ่ม คนก็เยอะไปเดินถ่ายรูปเล่นดีกว่าหอคำหลวง ที่ตอนกลางวันยังไม่ได้เข้า คนเริ่มซาแล้วสวนเบลเยี่ยมตอนกลางคืน...ไม่ถ่ายไม่ได้ณ สวนอินเดีย ยามค่ำคืนขบวนพาเหรด หน้าหอคำหลวงคัดแต่รูปที่พอดูได้มาได้เท่านี้อ่ะ ขนาดใช้ขาตั้งกล้องนะเนี่ย แต่มันยังสั่นๆ เกือบทุกภาพเลยแสงไฟเมื่อเดินออกจากงานค่ะแวะส่งโปสการ์ดหน่อยนะคะรูปสุดท้ายแล้วจ้า Bye Bye...
ทริปเชียงใหม่-งานพืชสวนโลก (ตอนที่ 1) (ยังไม่มีรูปงานพืชสวนฯ)
ตอนแรกก็ว่าจะไม่ไป แต่เพื่อนมาจุดประกายว่าจะมีทริปไป แต่ต้องไปเที่ยวรวมกับเขา...เรื่องอะไรล่ะ เราจัดไปกันเองก็ได้ ไม่ยากเท่าไหร่นี่ ควบคุมค่าใช้จ่ายได้เองด้วยสิ่งที่ต้องดำเนินการ1. กำหนดวันเดินทาง - คืนวันที่ 24 พ.ย. กลับคืนวันที่ 27 พ.ย.2. จองบ้านพัก 2 คืน3. จองตั๋วเข้างานพืชสวนโลก จำนวน 4 ใบ4. จองตั๋วรถไฟขาไป กำหนดเปิดจองล่วงหน้า 60 วัน5. จองตั๋วรถทัวร์ขากลับ กำหนดเปิดจองล่วงหน้า 30 วันเมื่อกำหนดวันไปได้แล้ว...แล้วก็จัดการจองบ้านพัก...ที่แรกเลยที่นึกถึง"..บ้านกาแฟ (Coffee House).." โทรไปจองตั้งแต่เดือนกันยายนแน่ะ จัดแจงทุกอย่างเสร็จสรรพ รอวันไปอย่างเดียวละ ตอนแรกตั้งใจจะไปรถไฟให้ถึงเชียงใหม่ 7.00 แต่รอบนั้นเต็ม เลยได้รอบไปถึงเชียงใหม่ 9.00 แต่เจอโปรโมชั่นรถไฟ แถมให้อีก 2 ชั่วโมง ไปถึง 11.00 แถมการจราจรในเชียงใหม่ติดมากๆ กว่าจะเข้าบ้านพักได้เกือบเที่ยงพระธาตุดอยสุเทพจำลอง ที่สถานีรถไฟเชียงใหม่นี่เลยที่พักเราเราได้ห้องเล็ก นอนได้ 3 คน แต่เราไปกัน 4 คน พี่เอ๋กับพี่ยุ้ยเจ้าของที่พักใจดีมาก จะเอาที่นอนเสริมมาให้ด้วย แต่เตียงมันใหญ่แล้ว นอนได้ 3 คน กับอีกคนนอนเตียงเล็กพอดีอุปกรณ์เครื่องใช้ทุกอย่างในห้องพร้อมครบครัน..แอร์, ทีวี, ตู้เย็น, กระติกน้ำร้อน, เครื่องทำน้ำอุ่นหลังจากชื่นชมห้องพัก (แอบไปขอเค้าเปิดดูห้องอื่นๆด้วย) ก็อาบน้ำ ออกไปหาอะไรกิน สถานที่ต่อไปที่เราแพลนไว้คือ "เวียงกุมกาม" ไปดักรอรถปอ.12 ที่เข้าไปถึงเวียงกุมกาม แต่เราดันไปขึ้นผิดที่ เลยไม่มีรถผ่าน ก็เลยเหมารถแดงไป เค้าเรียก 300 ไป-กลับ แพงไปเพราะเราเคยไปไม่ไกลเท่าไหร่ ต่อ 200 ไม่ให้ ก็เลยหยวนๆ 250 ไป-กลับ"เวียงกุมกาม" อ.สารภี จ.ลำพูน เป็นเมืองเก่าซึ่งพึ่งถูกค้นพบ เป็นเมืองสมัยพระยาเม็งรายที่ถูกน้ำท่วมจมอยู่ใต้ดิน ก่อนพระยาเม็งรายจะย้ายเมืองมาตั้งที่เชียงใหม่ในปัจจุบันไปถึงแล้ว วัดเจดีย์เหลี่ยม เริ่มต้นขึ้นรถรางหรือรถม้าพร้อมไกด์บรรยายประวัติจากจุดนี้เจดีย์เก่าแก่ในวัดฯโบสถ์ อยู่ตรงข้ามกับเจดีย์ แวะสักการะเจดีย์ก่อนเที่ยวชมเวียงกุมกาม เจดีย์และพระธาตุ ของจังหวัดทางเหนือเค้าห้ามผู้หญิงเข้าไปในเขตรอบๆ เจดีย์พระประธานภายในโบสถ์ถ่ายรูปกับประตูสีทองซะหน่อยเราไปกัน 4 คน จะไปนั่งรถรางแต่มีกรุ๊ปทัวร์มาลงซะ อดไปเลย เลยต้องนั่งรถม้า คันนึง 200 บาท คนขับรถม้าเป็นไกด์บรรยายด้วยแวะมาไหว้พระจุดแรก พระองค์ที่เห็นเป็นพระที่สร้างขึ้นใหม่ครอบองค์เดิมสมัยพระยาเม็งรายไว้หนึ่งในเจดีย์ที่ยังคงสภาพเกือบสมบูรณ์สภาพวิหารพร้อมกำแพงที่ถูกค้นพบเนื่องจากเราไปเวียงกุมกาม ครั้งนี้ครั้งที่ 3 แล้ว เราจึงถ่ายรูปมาน้อยมาก (ทำไมถึงไปหลายครั้งเหรอ...ก็พาคนที่ยังไม่เคยไป..ไปไง)หลังโบสถ์ในวัดเจดีย์เหลี่ยมหลังจากนั้นเราก็ให้รถแดงพาเราไปส่งที่ประตูท่าแพ เพื่อเราจะเดินเล่นถนนคนเดินเดินกันให้ขาขวิด ตาแฉะกันไปข้างนึง ตามกันมาเลยนะคะเดินสลับกันไปมาสองข้างถนน ตื่นตาตื่นใจไปหมด เพราะของถูกมากๆ...ใกล้ปีใหม่แล้ว เลยได้ของฝากมาหลายชิ้น อาหารการกินก็เยอะ มีอยู่ซอยนึง มีหลายๆ ร้าน แบบนั่งยองๆ กินก็มี ก็เลยแวะนั่งกินอาหารจานด่วนภายในงาน อาหารก็ให้ต่างคนต่างไปซื้อมา แต่มากินร่วมกัน อาหารก็หลากหลายมา ผัดไท ข้าวเหนียว-ลาบพื้นเมือง ลูกชิ้นทอด หมูยอ ห่อหมก (เค้าเรียกอะไหร่หว่าใส่กระทงใบตอง) กินจนอิ่มแล้วจึงออกเดินต่อระหว่างทางผ่านวัด แวะถ่ายรูปซะหน่อย คนที่แวะไปเดินซื้อของแวะเข้าไปไหว้พระ และถ่ายรูปเยอะเหมือนกันรูปสุดท้ายแล้ว เราเดินมาจนสุดถนนราชดำเนิน ถึงวัดพระสิงห์ แล้วก็เดินกลับที่พักกัน สรุปวันแรกเราเค้าที่พักเกือบ 5 ทุ่ม สรุปเราเดินตั้งแต่ 4 โมงเย็นเกือบ 5 ทุ่ม**จบทริปสำหรับวันที่ 1 **ทริปวันที่ 2 เราก็เดินทางไปงานพืชสวนโลก จากที่พักเราต้องเดินไปขึ้นรถ ปอ.11 หน้าวัดพระสิงห์ ระหว่างทางก็เลยแวะกินอาหารเช้ากัน (เจอร้านไหนน่ากินก็แวะร้านนั้นค่ะ เราไม่ค่อยเรื่องมาก และเลือกมากกัน แต่เอาให้อิ่มๆ เข้าไว้เพราะกว่าเราจะได้เข้าไปกินในงาน)แต่เราขอยกทริปงานพืชสวนไปไหว้อีก blog นึงแล้วกัน เนื่องจากเราถ่ายภาพมาเยอะมากทริปวันที่ 3ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะนั่งรถแดงไปพระธาตุดอยสุเทพกัน เพราะมีน้องคนนึงในทริปอยากไป แต่ที่อื่นๆ เราไม่ได้วางแผนกันแผนเราก็เลยออกมาเป็น พระธาตุดอยสุเทพ - กาดต้นพยอม (ซื้อของฝากอาหารพื้นเมือง) - เดินถ่ายรูปวัดสวยในละแวกที่พัก ได้แก่ วัดพระสิงห์ วัดดับภัย และวัดอื่นๆ ใกล้ที่เราผ่าน แต่เราจำชื่อไม่ได้แต่พี่เอ๋ เจ้าของที่พักเค้ากลับมาจากนำนักท่องเที่ยวไปทัวร์ปาย-แม่ฮ่องสอนกลับมาพอดี เค้าเสนอให้เช่ารถเค้าขับไปพระธาตุดอยสุเทพ - แม่ริม (อาจไปพระตำหนักดาราภิรมณ์ - สวนพฤษศาสตร์ฯ) - แวะซื้อของฝาก -วัดในเมืองก็เลยเหมารถพี่เค้าราคา 900 บาทแวะขึ้นพระธาตุดอยสุเทพฯ กันจุดชมวิวเมืองเชียงใหม่ เมื่อมองจากพระธาตุแล้วก็แวะไปแม่ริม ได้เวลาอาหาร พี่เอ๋แนะนำร้านนึง อยู่ริมน้ำตก อาหารประเภทส้มตำ ปลาเผา อร่อยมาก ชื่อร้านต้นน้ำค่ะเรา 3 คน เพื่อนอีกคนนึงถ่ายให้ แต่ดันลืมเปิดแฟลชซะนี่บรรยากาศร้าน ติดกับน้ำตก มีรูปน้ำตกที่ไหลแรงและเสียงดังด้วย จนเราต้องพูดกันดังขึ้นอีก แต่ทำไมเราจึงลืมถ่ายรูปหน้าตาอาหารหนอ...หรือเพราะอาหารมาแล้วเราก็ไม่สนใจอย่างอื่นเลย ฮิฮิหลังจากนั้นก็ไปสวนพฤกษศาสตร์พระนางเจ้าสิริกิต์(ค่าเข้าชมคนละ 20 ถ้าขับรถเข้าไปเองค่ารถอีกคันละ 100 บาท)ภาพเขียนงามๆ หน้าห้องน้ำหญิงหน้าห้องน้ำชายถ่ายแต่ดอกไม้สีๆ แปลกๆ ค่ะเนื่องจากเรามัวแต่อ้อยอิ่งกินอาหารเช้ากันสาย เพราะเราตื่นกันสาย ก็กลับถึงที่พัก 5 ทุ่ม สองคืนแล้วนี่ วันสุดท้ายเราเลยอ้อยอิ่งนิดนึง เราเลยมีเวลาเที่ยวที่อื่นๆ น้อยลงไปด้วย เพื่อนๆ อดไปพระตำหนักพระนางเจ้าดารารัศมี แต่เราไปแล้ว แต่ก็อยากให้เพื่อนๆ ไปนะคะเราเลยต้องตัดโปรแกรมออก หลังจากนั้นพี่เอ๋ก็พาเราไปซื้อของฝากที่ร้านวนัสนันท์ แล้วก็พาไปแวะกราบพระยิ้ม ที่อุโมงค์เป็นที่สุดท้าย ก่อนพากลับเข้าที่พักที่เราเช็คเอาท์ออกแล้ว แต่พี่เอ๋ให้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำส่วนกลางได้ ก่อนพาไปส่งที่อาเขตเพื่อขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพฯไปถึงวัดเกือบ 5 โมงเย็นแล้วค่ะ โบสถ์ปิด แต่พี่เอ๋ไปตามเจ้าอาวาสมาเปิดโบสถ์และบรรยายเรื่องพระยิ้มให้พวกเราฟังพระยิ้มค่ะแล้วเราก็เดินทางกลับกันด้วยบริการรถทัวร์ของ สยามเฟริสทัวร์ ด้วยคำแนะนำของเพื่อนใน BP ค่ะ รถทัวร์และบริการดีมากๆ คราวหน้าถ้าได้ไปเชียงใหม่ไม่พลาดแน่ติดตามทริปงานพืชสวนต่อได้ใน "ทริปเชียงใหม่-งานพืชสวนโลก ตอนที่ 2 " ค่ะ