Dream what you dare to dream... Go where you want to go and... Be what you want to be
Group Blog
 
All blogs
 
ตลาดสามชุก.....หมู่บ้านควายและวัดป่าเลไลยก์

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่มาเยือนตลาดแห่งนี้ แต่คงน้อยครั้งว่าใครหลายๆ คนที่คงเคยไปมานับไม่ถ้วน....เพราะตลาดนี้มีเสน่ห์เสมอสำหรับผู้มาเยือน เหมือนดังคำขวัญของที่นี่ ที่ว่า

"ตลาดมีชีวิิต พิพิธภัณฑ์มีชีวา ....สามชุกตลาดร้อยปี"

ป้ายชื่อตลาดที่ใครๆ คงไม่พลาดถ่ายรูป



มาแล้วก็พลาดไม่ได้ ถ้าเป็นสาวกห้องโปสการ์ด...ไปไหนต้องถ่ายรูปตู้ไปรษณีย์ และซื้อโปสการ์ดติดไม้ติดมือกลับมาด้วย

ตู้ไปรษณีย์โบราณ รุ่นปี พ.ศ.2454
ตู้ไปรษณีย์โบราณใบนี้สร้างขึ้นในสมัย ร.5 เมื่อปีพ.ศ.2454 โดยสั่งซื้อจากเมือง ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตัวตู้ทำด้วยโลหะหล่อทั้งหมด



ถ่ายภาพแ่ผนที่เดินเที่ยวตลาด ที่อยู่ข้างๆ ป้ายตลาดซะหน่อย



ไปถึงก็กินก่อนเลย มาคราวนี้ไม่พลาด ข้าวห่อใบบัว และก๋วยเตี๋ยวยำบก "ร้านหรั่งศรีโรจน์" ที่อยู่ริมน้ำ คราวนี้เรามาเช้าคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ ยังมีที่นั่งให้พอนั่งแต่รูปข้าวห่อใบบัวถ่ายไม่ทัน หิวจนลืมเพื่อนแกะข้่าวห่อไปแล้ว ถ่ายมาแต่ก๋วยเตี๋ยวยำบกอ่ะ



กินกันไม่มาก เพราะรู้ว่าทางข้างหน้าคงมีอะไรแปลกตาให้ชิมอีกเยอะ แล้วก็แวะเข้าร้านนี้ เกือบหาที่นั่งไม่ได้เหมือนกัน "ร้านกาแฟท่าเรือส่ง"



เพื่อนๆ เดินไปซื้อขนมมานั่งกินด้วย ความที่อิ่มกันแล้ว แต่ข้าวหมูแดงหมูกรอบหน้าร้านกาแฟ ยังอดทำให้เพื่อนเราสั่งมากินอีกจานนึงไม่ได้ ราคารึก็ถูกแสนถูกที่คงหาราคานี้ในกรุงเทพฯ ไม่ได้อีกแล้ว ข้าหมูกรอบ 20 บาท กาแฟโบราณก็แก้วละ 10 บาทเท่านั้น อิ่มท้องพร้อมด้วยอิ่มใจได้จ่ายในราคาที่ถูกกว่าที่คิด

แล้วก็เดินเที่ยวกันต่อ อดใจไม่ได้ถ่ายรูปขนมโบราณสักหน่อย



บ๊วยแผ่น และตังเม อันนี้ไม่ค่อยโบราณยังพอหาซื้อกินได้อยู่



ลังไม้ที่ตอนแรกนึกว่าลังใส่เฉาก๊วย แต่ที่ไหนได้เป็นกระปุกออมสิน แต่ราคาแอบแพงเหมือนกันนะ



เครื่องใช้ที่ทำจากสังกะสีและเครื่องเคลือบสมัยโบราณ ทำเราอดใจไม่ได้ยังซื้อกระดิกน้ำโบราณติดมือกลับมาด้วย



ยังพอจำกันได้ไหมเอ่ย ซ้ายมือ หมากอมโบตัน ขวามือเป็นสบู่หรือแชมพูหนอ
หน้าร้านมหาสนุก ข้างในเป็นของเล่นโบราณ



เพื่อนเราแวะซื้อเสื้อร้านนี้สักหน่อย จำได้ว่าคราวก่อนมายังไม่มีเลย ได้มาคนละตัว เพราะราคาตัวละ 100 บาทเท่านั้น



หน้าโรงแรมอุดมโชค คราวนี้เราไม่ได้เข้าไป (สยองขวัญกับโรงแรมเก่าๆ ค่ะ)



รถโบราณกับบ้านโบราณ ทำเอาเราไม่กล้าเข้าไปยืนถ่ายด้วยเลย 55++ กลัวโบราณไปด้วย



ร้านบ้านโค๊ก ค่าเข้าชมคนละ 5 บาทจ้า จำได้ว่ามาคราวก่อนยังไม่เก็บตังค์เลย แต่คราวนี้ติดแอร์ด้วย ส่วนหนึ่งเพื่อรักษาสภาพข้่าวของที่เก็บสะสมไว้มั๊ง และคนชมจะได้เดินสบายด้วย



หน้าร้านขายโปสการ์ดเพียบเลย มีทั้งราคาใบละ 10 บาทและ 5 บาท พลาดไม่ได้หรอกสำหรับเรา









แล้วก็มาถึงที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาตลาดสามชุก "บ้านขุนจำนงค์จีนารักษ์"
(ถ่ายแบบซีเปียหน่อย จะได้ดูขลัง)





คราวนี้มีรูปหนุ่มคนนี้เยอะหน่อย ส่วนเราก็แลกกันไปอยู่ในกล้องเขา เลยไม่มีรูปตัวเองเลยอ่ะ ทริปนี้ไปกันสามคนนะคะ ไม่ต้องสงสัยว่าไปกันแค่สองคน แต่อีกหนึ่งหนุ่มไม่ยอมเข้ากล้องซะนี่ กลัวความหล่อเตะตาแมวมองแน่เลย





ออกมาด้านนอกแล้ว ซื้อของกันเต็มไม้เต็มมือจนต้องนำไปเก็บที่รถรอบนึงก่อน แล้วก็มาช๊อปต่อ 55++ ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ ช๊อปซะส่วนใหญ่

ร้านนี้ของโบราณจริงๆ แต่แพงสุดเหมือนกัน ก็ของเขาโบราณนี่เนอะ





ร้านนาฬิกาโบราณ ...มีวันเวลาเก่าๆ ขายไหมคะ ถ้ามีก็ดีสิเนอะ แต่วันเวลาเก่าๆ เราว่าไม่ต้องซื้อต้องหากันหรอก คงเก็บอยู่ในกล่องความทรงจำของแต่ละคนกันอยู่แล้วล่ะ



รูปนี้เราชอบมากเลย ดูเข้ากันจังเลย



ปิดท้ายตลาดสามชุกด้วย.....คุณว่าจริงไหม



แล้วเราก็ขับรถย้อนกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไป "หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย"
ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท วันนี้รถน้อยจัง หรือเพราะอากาศกำลังร้อนได้ที่เลยคงมากันเย็นมั๊ง



มาคราวนี้ได้เวลาได้ดูการแสดงควายพอดีเลย ต้องเสียค่าเข้าชมการแสดงอีกคนละ 20 บาทค่ะ ก่อนการแสดงควายก็มีน้องๆ จากโรงเรียนในจังหวัดสุพรรณบุรีมาแสดงการแสดงพื้นบ้าน "ร้องเพลงอีแซว" ให้ฟังก่อน

แสดงการใช้ควายในการไถคราดนา



การเทียมเกวียนไปค้าขาย



ดูเหมือนเจ้าตัวเนี๊ย กำลังหันมองเรานะ



ตัวเดียวกัน ชื่อน้องกระต่ายค่ะ กำลังโชว์ยิ้ม เคยเห็นควายยิ้มกันไหมคะ



เข้าบอกว่าปกติแล้วควายจะกลัวความสูง แต่เค้่าก็ฝึกมันจะปีนบันไดขึ้นไปจนได้



เจ้าตัวนี้กำลังรวบรวมความกล้า เดินลงบันไดด้วยความล่าช้า



หลังจากดูจบก็สำรวจหมู่บ้านกันนิดหน่อย

พิพิธภัณฑ์ชาวนา





อุปกรณ์การหีบน้ำตาล



เทียมเกวียน มีบริการนั่งชมรอบละ 20 บาทต่อคนด้วยค่ะ แต่เพื่อนเราไม่ยอมขึ้นกลัวควายรับน้ำหนักไม่ไหว



บ้านคหบดี (จำลอง) สมัยก่อน



ปิดท้ายด้วยเจ้าตัวนี้



หลังจากก็ขับเข้าเมืองสุพรรณบุรี เพื่อไป "วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร" เพราะเราได้ยินว่าวัดนี้มีภาพเขียน เรื่องขุนช้างขุนแผน

วิหาร ที่สร้างแปลกตากว่าที่อื่น ลัีกษณะเป็นทรงสูง ไม่มีหน้าต่าง



ภายในวิหาร ประดิษฐาน "หลวงพ่อโต" เป็นพระปางป่าเลไลยก์ สูง 23.48 เมตร กว้าง 11.20 เมตร



ภายเขียน "ขุนช้าง ขุนแผน" รอบๆ วิหาร











จบทริปสำหรับวันนี้ค่ะ




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2551 14:07:04 น. 6 comments
Counter : 4871 Pageviews.

 
น่าไปจัง


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:05:30 น.  

 
อยากไปจังค่ะ


โดย: opleee วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:09:58 น.  

 

มิอยากจะบอกใครเลย

อิฉันชอบควาย ชอบช้าง

แต่บ้านมันแคบ อิฉันเลยต้องทนเลี้ยงนังราชสีห์ชิสุห์น้อยกลอยใจ

(เคยฝัน ว่าจะซื้อที่ต่างจังหวัด จะทำรีสอร์ทพร้อมควายกะช้าง
ตอนนี้ซื้อที่ต่างจังหวัดได้แล้ว แต่ซื้อได้แค่ 1 ไร่ ยังเลี้ยงควายกะช้าง ม่ายล่าย )



โดย: Big Spender วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:41:49 น.  

 
ไปเหมือนกันเลยในทริปปิดเทอม
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=amp-atom&month=03-2008&date=27&group=5&gblog=31


โดย: คนขับช้า วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:0:10:27 น.  

 
เที่ยวเมืองไทยสุขใจทูกกคน
^_^


โดย: leelasinee IP: 101.108.179.70 วันที่: 7 กันยายน 2554 เวลา:18:23:03 น.  

 
ขอเชิญชวนทุกคนทั่วโลกเที่ยวทั่วไทยนะคะ
^O^


โดย: ลีลาศินี IP: 101.108.179.70 วันที่: 7 กันยายน 2554 เวลา:18:25:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bitter_Sweethearts
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จุ๊ๆ เข้ามาแล้วอย่าตกใจไปนะคะ ที่มันไม่มีสาระอย่างอื่น... เวปนี้มีแต่เรื่องเที่ยว เที่ยวค่ะ ก็คนมันชอบเที่ยวนี่นา
("http://www.ysig.jp/images/main/main0809_3.jpg");}
Make it by Pk12th