4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
All blogs
 
แฟนธ่อม คิลเลอร์ (Phantom Killer) ภูตผีแห่งเท็กซาร์คานา

เท็กซาร์คานา ปี ค.ศ. 1946 เป็นมลรัฐหนึ่งของอเมริกา เป็นศูนย์กลางผลิตไดนาโมและอุตสาหกรรมผลิตไม้ เฟอร์นิเจอร์ ยางรถ ท่อน้ำ ชานเมืองเป็นชนบทที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติแสนงาม ด้วยมีสำนักงานนายอำเภอแยกออกมาช่วยดูแลความสงบของพื้นที่ ในเมืองนี้มีประชากรประมาณ 60,000 คน คนส่วนใหญ่เป็นมิตร ขยันทำงาน ชอบขี่ม้า รวมไปถึงความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ที่มียาวนานของพวกเขา แต่แล้วในปี 1946 นี้เองผู้คนในเมืองเท็กซาร์คาร์นาต้องขวัญผวา! เมื่อมีสิ่งที่พวกเขาอธิบายไม่ได้กำลังอาละวาดฆ่าคนเป็นว่าเล่น โดยไม่สามารถตอบได้ว่า "มันฆ่าคนเพราะอะไร มันเป็นใครกันแน่ แต่มันได้สร้างตำนานในเมืองแห่งนี้จนหลายคนยากที่จะลืมเลือน...


เดอะแฟนธ่อม คิลเลอร์ หรือแฟนธ่อมแห่งเท็กซาร์คาร์นา เป็นฉายาฆาตกรต่อเนื่องปริศนาที่เชื่อกันว่ามันฆ่าเหยื่อไปทั้งสิ้น 5 ราย และบาดเจ็บไป 3 ราย ในมลรัฐอาร์คันซอและมลรัฐเท็กซาร์คาร์นาในช่วงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1946 ถึง วันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1946 นอกจากนี้มันยังมีฉายาอีกชื่อคือนักฆ่าแสงจันทร์ (The Moonlight Murderer) เนื่องจากฆาตกรคนนี้่จะออกอาละวาดปฏิบัติการฆ่าคนในช่วงพระจันทร์เต็มดวงและมีข่าวลือว่าเขาจะไม่โจมตีในคืนที่พระจันทร์ไม่เต็มดวง

พฤติกรรมของฆาตกรรายนี้จะมีพฤติกรรมคล้าย ๆ กับ "โซดิแอค เดอะคิลเลอร์" ฆาตกรปริศนาอีกรายที่เริ่มออกอาละวาดในปี ค.ศ. 1966 คือมีนิสัยชอบแอบดอดเข้าไปฆ่าหนุ่มสาวที่จู๋จี๋กันในสรถยนต์ที่จอดข้างทางไกลหูไกลตาชาวบ้าน

คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1946 ในตอนเย็นวันนั้น จิมมี่ ฮอลลิส ชายหนุ่มอายุ 24 ปี และแม่รี่ แจน์ ลาเรย์ เพื่อนสาวอายุ 19 ปี กำลังนั่งอยู่ในรถออกเดทกันประสาวัยรุ่น จิมมี่เป็นคนขับรถตระเวนเพื่อหาพื้นที่เหมาะสมสำหรับพรอดรักกัน จนในที่สุดจิ่มมี่ก็มาหยุดรถลงที่ข้างทางหลวงในเมืองเท็กซาร์คาร์นา

ในเวลานั้นพระจันทร์กำลังเต็มดวงสวยงาม ที่จอดรถของจิมมี่ไม่ใช่ทางเปลี่ยวเลยสักนิด รถจอดข้างทาง มีรถวิ่งผ่านเป็นครั้งคราว แต่ในที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องจนได้ หลังจากหนุ่มสาวนั่งพลอดรักกันพักใหญ่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนเดินมาที่รถของพวกเขา และได้เผชิญหน้ากับมัน มันเป็นเงาของผู้ชายประหลาดคนหนึ่งที่เดินมาจากพุ่มไม้เล็ก ๆ ข้างทาง มันเดินตรงมาที่รถ ทั้งสองมองดูชายคนนั้นก็รู้ทันทีว่าไม่ได้มาดีแน่ เขาสวมหมวกไอ้โม่งเพื่อปิดบังใบหน้าเหมือนเป็นหน้ากากแบบเจะรูที่ดวงตา จมูกและปาก ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นคนผิวขาวหรือผิวดำ ที่สำคัญที่สุดคือเขาถือปืนพก! ชายคนนั้นเข้ามาใกล้หนุ่มสาวที่นั่งอยู่บนรถและชักขู่ด้วยปืนและพูดว่า "ฉันไม่ต้องการจะฆ่าพวกนาย ลงจากรถเดี๋ยวนี้!" ชายคนนั้นบังคับให้จิมมี่และแมรี่ออกจากรถ หนุ่มสาวกลัวจนตัวสั่นพร้อมกับอ้อนวอนขอให้ชายลึกลับคนนั้นเมตตาให้ไว้ชีวิต จากนั้นชายคนนั้นก็ทำร้ายจิ่มมี่ เด็กหนุ่มถูกชายคนนั้นซ้อมจนมันรู้สึกหนำใจและแน่ใจว่าจิมมี่คงจะไม่มีแรงที่จะขัดขืนเขาอีกแล้ว จากนั้นมันก็เตรียมตัวที่จะลงมือข่มขืนแมรี่ เธอพยายามขัดขืนรู้ดีว่าตอนนี้ใบหน้าที่ซ่อนในหน้ากากของเขากำลังเบิกบานมีความสุข ปากยิ้มจนเห็นฟันขาว แต่แล้วยังที่มันไม่ได้ทำอะไรมากนัก แสงไฟจากไฟหน้ารถที่กำลังผ่านมาก็ปะทะที่หน้าของมันจนสว่างจ้า รถผ่านมาดับเครื่องยนต์เพื่อมองให้ชัดๆ ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ชายคนนั้นถอยออกมาจากหญิงสาว มันบิดไปบิดมา ทำท่าเหมือนไม่พอใจที่มีตัวขัดขวางความสุขของมัน มันส่งเสียงครางพร้อมสาปแช่ง และสุดท้ายมันตัดสินใจที่จะล่าถอยเข้าไปในป่าข้างทางหายไปในความมืดราวกับว่ามันล่องหนไปจากโลกอย่างใดอย่างนั้น

เพราะมีคนมาช่วยไว้ทันนั้นเองที่ทำให้จิมมี่และแมรี่รอดมาได้ จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุในเวลาต่อมา ตำรวจพบรอยเท้ายาวประมาณ 1.8 m บวกกับคำให้การของคนทั้งสองได้บ่บอกผู้ร้ายรายนี้มีลักษณะคร่าว ๆ โดยบอกว่าเขาสูงประมาณหกฟุต สวมผ้าครอบใบหน้ามีการเจาะรูที่ตาและปาก จิมมี่และแมรี่ เป็นเพียงสองคนที่สามารถบอกรูปพรรณของคนร้ายได้

เหตุการณ์ของจิมมี่และแมรี่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแฟนธ่อมก็ว่าได้ ดูเหมือนว่าการที่คนอื่นมาขัดขวางความสุขของมันจะกลายเป็นตัวกระตุ้นให้มันเกิดอาการบ้าเลือดอยากฆ่าคนขึ้นมา เพราะหลังจากที่เหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไป บรรดาเหยื่อรายต่อ ๆ มาของแฟนธอมต้องมาตายอย่างสยดสยองด้วยน้ำมือของฆาตกรรายนี้ หลังจากคดีนี้ผ่านพ้นไปช่วงระยะหนึ่ง หลายคนก็ลืมคดีนี้ลงอย่างสิ้นเชิง ค่ำคืนที่เท็กซาร์คาร์นากลับมาสวยงานเหมือนเดิม สนามหลังบ้านเรือนใกล้เคียงต่างปลูกต้นกุหลาบประชันความสวยงามจนกลายเป็นอาหารตาแก่ผู้พบเห็น เช่นเดียวกับไนต์คลับ บาร์ที่เคร่งระเบียบวินัยที่ประดับไฟหลากสีสันยั่วยวนให้นักเดินทางแวะมาใช้บริการร้านอย่างยิ่ง ชาวเมืองเท็กซาร์คาร์นาทุกคนต่างภูมิใจที่เมืองของพวกเขาปลอดภัย ผู้คนสามารถเที่ยวกลางคืนได้อย่างปราศจากความหวาดกลัวจากภัยอันตรายต่างๆ นานา เหตุการณ์ชายปริศนาโจมตีจิมมี่และแมรี่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตำรวจลงความเห็นว่าคงเป็นโจรกระจอกขโมยรถธรรมดาที่เกิดหน้ามืดอยากข่มขืนผู้หญิง ดังนั้นตำรวจไม่สนใจคดีนี้มากนัก และคดีก็เงียบหายพร้อมกับกาลเวลา

ในตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ฝนตกลงมาอย่างไม่ขาดสายของวันที่ 24 มีนาคมปีเดียวกัน หนึ่งเดือนให้หลังจากคดีของจิมมี่และแม่รี่ ชายคนหนึ่งกำลังขับรถเดินทางไปตามถนนของเท็กซาร์คาน่า เขาก็ได้สังเกตเห็นรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่บนข้างทางที่เต็มไปด้วยโคลน บนถนชานเมืองเท็กซาร์คาร์นา ด้วยความเป็นพลเมืองดีเขาคิดว่ารถคันนั้นคงติดโคลน จึงชะลอรถและเข้าไปดูใกล้ ๆ เขาเห็นชายหญิงสองคนอยู่ในรถ และดูเหมือนหลับ หากแต่เขารู้ทันทีเลยว่าชายหญิงคู่นั้นตายแน่นอน เขาจึงตัดสินใจเรียกตำรวจ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ศพชายหญิงในรถถูกระบุทันทีว่าเป็น นายริชาร์ด กริฟฟิน อายุ 29 ปี เพิ่งลาออกจากกองทัพเรือ และพอลลี แอน มูร์ ลูกจ้างวัย 17 ปี ที่ออกเดทด้วยการขับรถยนต์ไปตามแถบชนบท ก่อนที่จะหายไปทั้งคืน จนกลายมาเป็นศพเมื่อเช้านี้เอง


ร่างของกริฟฟินอยู่ที่นั่งด้านหน้า กระเป๋ากางเกงถูกถลกออกมาข้างนอก เขาตายเพราะถูกยิงที่ศีรษะหลัง 2 นัดด้วยปืนพกขนาด .32 รีโวลเวอร์ ส่วนร่างของมูร์อยู่ที่เบาะหลัง ตายด้วยปืนพกชนิดเดียวกันที่ด้านหลังศีรษะ กระเป๋าข้างของเธอถูกเปิดออก แหวนที่เธอได้จากงานฉลองเรียนจบยังคงสวมอยู่ที่นิ้วมือ นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของการถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างรุนแรง มีการพบรอยเลือดสาดกระเซ็นบนพื้นห่างจากที่รถยนต์จอดไปประมาณ 6 เมตร เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าพวกเขาทั้งสองคงถูกฆ่านอกรถและถูกจับยัดกลับเข้าไปในรถใหม่ เวลาที่ฆาตกรลงมือน่าจะเป็นเวลากลางคืน และน่าจะเป็นการปล้นฆ่า ส่วนร่องรอยหลักฐานต่าง ๆ เช่น รอยนิ้วมือยากต่อการสืบค้นเพราะฝนที่เทลงมาอย่างหนักนานหลายชั่วโมงในช่วงกลางคืน ได้ทำลายหลักฐานไปจนหมดสิ้น นี่เป็นการฆาตกรรมครั้งแรกของแฟนธ่อม คิลเลอร์ แต่มันแย่กว่านั้นเมื่อมีเหยื่อที่ต้องสังเวยให้กับมันหลายรายตามมาแบบไม่ขาดสาย



วันที่ 13 เมษายน พอล มาร์ติน อายุ 17 ปี และเบ็ตตี้ โจ บุ๊กเกอร์ เพื่อนสาวผู้รักเสียงเพลงและนักเล่นแซกโซโฟน วัย 15 ปี ของพอล ได้ขับรถไปเที่ยงานเลี้ยงกลางคืน แต่ะกระนั้นทั้งคู่ก็ได้ตัดสินใจจอดรถเพื่อพลอดรักที่สวนสาธารณะใกล้ทะเลสาปสปริงเลคก่อน ซึ่งสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่ประชาชนชื่นชอบไปปิกนิกกันในช่วงวันหยุด เวลานั้นเป็นเวลาประมาณตี 1 ไม่มีคนอยู่บริเวณนี้แน่นอน และที่นี่ทั้งสองจึงกลายเป็นเหยื่อของฆาตกรเป็นรายที่ 3 และ 4 ไปในที่สุด

รุ่งเช้าของวันที่ 14 ศพของมาร์ติน ถูกพบเมื่อเวลา 6 โมง โดยครอบครัวที่กำลังเดินผ่านสวน พวกเขาเห็นร่างของชายหนุ่มนอนอยู่ข้างถนน เลยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เมื่อนายอำเภอและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ มาถึง พวกเขาก็พบร่างชายหนุ่มที่หมดลมหายใจแล้ว ถูกยิงสี่นัดที่ใบคอ หน้า หน้าอก และไหล่ ด้วยปืนพก .32 รีโวลเวอร์ ศพของมาร์ตินห่างจากรถของเขาที่จอดไว้ในที่จอดรถไปประมาณครึ่งไมล์ ใกล้ทางหลวงทางไปชนบท แต่กระนั้นพวกเขากลับไม่พบบุ๊กเกอร์ เธออยู่ที่ไหน?

เจ้าหน้าที่จัดกำลังเพื่อทำการค้นหาบุ๊กเกอร์ จนในสุดก็พบศพเธอเมื่อเวลา 11.30 น. นอนกองอยู่ริมขอนไม้ห่างจากรถของมาร์ตินไปอีก 2 ไมล์ เสื้อกันหนาวของเธออยู่ครบ เธอถูกยิงที่หน้าอกและใบหน้า ด้วยปืน .32 รีโวลเวอร์ ซึ่งเป็นอาวุธเดียวกันกับที่สังหารจิมมี่และมูร์ จากการตรวจสอบทรัพย์สินภายในรถของมาร์ติน พบว่าแซกโซโฟนของบุ๊กเกอร์ได้หายไป คาดว่าฆาตกรคงนำติดมือไปด้วย คดีนี้โด่งดังและครึกโครมอย่างมาก เพราะเรื่องของฆาตกรต่อเนื่องปริศนานี้เป็นที่สนใจของประชาชนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับพฤติกรรมของมันที่ชอบฆ่าหนุ่มสาวนักรัก ทำให้นักข่าวหนังสือพิมพ์เท็กซาร์คานากาแซตได้ตั้งชื่อฆาตกรคนนี้พาดหัวข่าวว่า แฟนธ่อมแห่งเท็กซาร์คาร์นา (ฉายานี้คงมาจากบทประพันธ์เรื่อง
The phantom of the Opera ของแกสตง เลอรูซ์ นักเขียนชาวฝรั่งเศส ฆาตกรที่คอยคร่าชีวิตผู้คน เพื่อให้ตนสมหวังจากความรัก) มีการตั้งรางวัลกว่า 5,000 ดอลล่าร์ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการหาเบาะแสฆาตกรรายนี้เพื่อนำตัวมาลงโทษให้ได้

มาถึงตอนนี้ประชาชนพลเมืองเท็กซาร์คาร์นา เริ่มอยู่ในอาการตื่นตกใจ หวาดกลัว ผู้อยู่อาศัยบริเวณที่ฆาตกรปรากฏตัวเริ่มหาซื้อปืนพก ปิดประตูบ้านแน่นหนามิดชิด บ้างก็ปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้แข็งแรงขึ้น และไม่ออกจากบ้านตอนกลางคืน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มตั้งด่านตรวจในถนนเปลี่ยว และย่านที่คู่รักชอบไปพลอดรักกัน ทำให้แฟนธ่อมเริ่มลงมือฆ่าคนยากขึ้น แต่กระนั้นไม่ก็ไม่ละความพยายาม มันเลยเปลี่ยนยุทธวิธีเสียใหม่!!

วันที่ 4 พฤษภาคมปีเดียวกัน ในช่วงกลางคืน ทางตะวันตกเฉียงใต้ในเขตมิลเลอร์เคาน์ตี ในมลรัฐอาร์คันซอ 12 ไมล์ก่อนจะถึงเท็กซาร์คาร์นา เกษตรกรชื่อเวอร์กิล สตาร์ก อายุ 36 ปี กำลังนั่งเล่นอย่างสบายใจบนเก้าอี้หลังจากทำงานหนักในฟาร์มมาทั้งวัน แล้วจู่ ๆ ฆาตกรที่แอบซุ่มอยู่ด้านนอกได้ยิงปืนผ่านหน้าต่างห้องรับแขกเพื่อฆ่าเขา เคธี สตาร์ก อายุ 35 ปี ภรรยาของเวอร์กิลที่กำลังนอนอยู่ในห้องนอนได้ยินเสียงกระจกแตก เธอจึงวิ่งออกมาจากห้องนอนและตรงลงมายังห้องรับแขก และแล้วฆาตกรก็ยิงปืนใส่เธอจากด้านนอกสองครั้ง กระสุนเข้าที่หน้าและปากของเธอแต่ก็แค่เฉี่ยว และเธอหลบกระสุนได้ ก่อนที่จะหนีออกจากที่เกิดเหตุเพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านใกล้เคียง ภรรยาของสตาร์กได้รับความช่วยเหลือและรอดชีวิตมาได้ จากนั้นก็มีการส่งทีมไล่ล่าฆาตกรทำการค้นหาบริเวณที่เกิดเหตุ หากแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่พบตัวฆาตกร ซึ่งหายตัวเหมือนกับล่องหน ทิ้งไว้แต่รอยเท้าย่ำบนโคลนปรากฏอยู่บนพื้นดิน รอยเท้านั้นย่ำไปรอบ ๆ บริเวณบ้าน จากการตรวจสอบรอยและวิถีกระสุนจากบาดแผลของสตาร์ก พบว่ามันมาจากกระสุนจากกระบอกปืน .22 กึ่งอัตโนมัติ ซึ่งไม่ใช่ .32 รีโวลเวอร์ ซึ่งเป็นอาวุธที่ฆาตกรใช้ในการฆาตกรรมต่อเนื่องก่อนหน้า แต่กระนั้นคดีฆาตกรรมเวอร์กิล สตาร์กก็เชื่อมโยงว่าเป็นฝีมือของแฟนธ่อมในที่สุด



สองวันต่อมา มีการพบศพของชายคนหนึ่งบนรางรถไฟทางทิศเหนือของเท็กซาร์คาร์นา จากการตรวจสอบหลักฐานของผู้ตายพบว่า ชายคนนี้ชื่อ เอิร์ล แมคสแปดเดน อย่างไรก็ตามคดีนี้นี้ตำรวจไม่สามารถพันธงได้ว่าเป็นฝีมือของแฟนธ่อมหรือไม่เพราะสาเหตุการตายของแมคสแปดเดนคือถูกแทงตาย ก่อนศพของเขาจะถูกลากมาวางบนรางรถไฟ ซึ่งแตกต่างจากวิธีการฆ่าเหยื่อของแฟนธ่อมก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง หากแต่ระยะเวลาและสถานที่เกิดเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่เท็กซาร์คาร์นาทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งยังคงเชื่อว่าแมคสเปดเดนเป็นหนึ่งในเหยื่อของแฟนธ่อมในที่สุด

มีการวิเคราะห์แฟนธ่อม คิลเลอร์ว่า ฆาตกรคดีนี้นอกเหนือจากจะมีนิสัยเลือดเย็นแล้ว ฆาตกรน่าจะมีประวัติโดนผู้หญิงหักอก และมีความอิจฉาริษยาผู้ชายที่ประสบผลสำเร็จในเรื่องความรัก การฆ่าของฆาตกรรายนี้ไม่ใช่เพื่อความพึงพอใจทางเพศ แต่เขาฆ่าเพื่อระบายความโกรธแค้นของตัวเองมากกว่า

แม้คดีนี้จะเป็นปริศนา แต่ก็มีผู้ต้องสงสัยคนสำคัญหลายรายที่ตำรวจสงสัยเหมือนกัน โดยผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจสงสัยที่สุดคือ ยูล สวีนนีย์ อายุ 29 เป็นนักขโมยรถ ปลอมแปลงเอกสาร ย่องเบาและทำร้ายร่างกายผู้อื่น อาศัยอยู่ในเมืองเท็กซาร์คาร์นา ถูกจับกุมเมื่อเดือนมิถุนายน 1946 โดยตอนแรกตำรวจไม่สงสัยสักนิดว่าสวีนนีย์เป็นแฟนธ่อมฆาตกรโรคจิตที่ชอบฆ่าหนุ่มสาว หากแต่ภรรยาของสวีนนีย์ได้ให้การใส่ร้ายสามีตนเองว่า “สามีคือแฟนธ่อม” โดยอ้างว่าเธออยู่กับสามีตลอดในระหว่างที่สามีทำการฆาตกรรมเหยื่อในคดีของแฟนธ่อม จากนั้นเธอก็เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการฆ่าเหยื่อของสามี อย่างไรก็ตามตำรวจไม่ค่อยเชื่อปากคำของเธอเท่าไรนัก เพราะหลายจุดที่เธอตอบไม่ตรงกับข้อมูลที่ตำรวจรู้ ทางด้านสวีนนีย์เองก็ถูกสอบสวนในคุกที่ลิตเติ้ล ร็อคแต่ผลสุดท้ายความผิดของเขาที่ได้รับมีเพียงข้อหาขโมยรถในเท็กซัสและปลอมแปลงเอกสารเท่านั้น และถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต ในปี ค.ศ. 1947 และในช่วงนี้เองที่แฟนธ่อมก็หายหน้าหายตา ไม่ออกมาฆ่าคนอีกเลย

ในปี 1970 สวีนนีย์ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวเขา ผลคือคำร้องของเขาถูกตอบรับ และเขาถูกปล่อยตัวในปี 1947 และตายในปี 1994 ส่วนคดีของแฟนธ่อมไม่ถูกนำกลับไปพิจารณาหรือสอบสวนอีกหลาย คดีถูกปิดแฟ้มหลังจากสวีนนีย์ตาย แม้ว่าในปี 2006 คดีนี้ถูกนำไปปัดฝุ่นและพิจารณาคดีใหม่หากแต่ก็สายเกินไปแล้ว เพราะพยานและผู้ต้องสงสัยหลายรายไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว

เรื่องราวของแฟนธ่อม คิลเลอร์ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์พอสมควร เช่น วิลเลี่ยม ที รัสมุสเซ่น (William T. Rasmussen) ได้เขียนนิยายเรื่อง Corroborating Evidence II (2006), ซึ่งมีเนื้อหาคล้ายกับเรื่องของแฟนธ่อมแห่งเท็กซาร์คาร์นาและ โซติแอคฆาตรกรต่อเนื่องแห่งแคลิฟอร์เนีย (และไม่เคยถูกจับด้วย) ในช่วงปี 1960 และ 1970 และก็ยังมีหนังหนัง The Town That Dreaded Sundown (1977) ของ American International Pictures เป็นหนังสืบสวนที่มีเรื่องของฆาตกรแฟนธ่อมโดยเฉพาะ นอกจากนี้ก็มีวงการเพลงก็มีวง "Texarkana Moonlight" แต่เนื้อหาเพลงนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง



Cr. CAMMY // Writer.Dek-d.com








Create Date : 16 กรกฎาคม 2558
Last Update : 16 กรกฎาคม 2558 15:43:19 น. 0 comments
Counter : 1617 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.