4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
All blogs
 
เรย์มอนด์ เฟอร์นันเดซ & มาร์ธา เบค : คู่รักฆาตกร (ตอนจบ)


คิดได้ดังนั้นนางบอลลูนยักษ์ก็คว้าตัวเรลเนลล์บีบปากอย่างหมั่นไส้สุดขีด แล้วหนีบตัวเธอไปที่อ่างล้างจาน เปิดน้ำจนเต็มอ่าง กดร่างเล็ก ๆ ให้หัวจมลงน้ำ เรลเนลล์ดิ้นทุรนทุราย แล้วในที่สุดก็จมน้ำตาย ฝ่ายเรย์พยายามเอาลูกหมาไปคืน แต่เจ้าของไม่ยอมรับ สองฆาตกรช่วยฝังศพสองแม่ลูกนั้นไว้หลังบ้าน แล้วโปกปิดศพด้วยปูนซีเมนต์ เพื่อนบ้านเอะใจสงสัยในการหายตัวไปอย่างกะทันหันของสองแม่ลูก พวกเขาแจ้งตำรวจช่วยค้นหาความจริง ในขณะเดียวกันตำรวจเริ่มได้เรื่องการร้องทุกข์จากลูกสาวของหญิงชราเจเน็ต เฟย์ หญิงชราที่หายตัวอย่างลึกลับ หลักจากพาชายชื่อ ชาร์ลส์ มาร์ติน เข้ามาอยู่อาศัยพร้อมกับน้องสาวที่อ้วนอย่างกับบอลลูน เอาล่ะมีคนหายที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องอ้วนผอม 2 รายซ้อน
เรย์มอนด์กับมาร์ธา ชะล่าใจ พวกเขาไม่รู้ตัวว่าตอนนี้พวกตำรวจกำลังจับตามองอยู่

28 กุมภาพันธ์ 1949 ทั้งคู่เดินทางกลับบ้านหลังจากไปดูหนังกันอย่างชื่นมื่นที่โรงภาพยนตร์ ไบรอน เซ็นเตอร์ และพอกลับมาถึงบ้านก็จ๊ะเอ๋กับตำรวจที่มารออยู่เต็มบ้าน คนเลวสมบูรณ์แบบนี้ทั้งคู่พยายามพูดเอาตัวรอดว่า เดลฟินเน่กับเรนลล์ เดินทางไปพักผ่อนในวันหยุด แต่ตำรวจไม่เชื่อ และทำการค้นบ้านพวกเขาพบรอยปูนสด ๆ ใหม่ๆ  พอพวกเขาขุดลงไป..แน่ละ แม่ลูกนอนตายอเน็จอนาถอยู่ในหลุมฝังนั้นเอง!


อยากให้โลกรู้ว่าฉันนั้นไม่ธรรมดา
ระหว่างพิจารณาคดี เรย์และมาร์ธา ดูท่าทางภูมิใจเหลือเกิน พวกเขาเต็มใจสารภาพด้วยการเล่าเรื่องราวฆาตกรรมเจเน็ตและสองแม่ลูกดาวน์นิ่ง กันอย่างมีรสชาติ เล่าไปแถมด้วยเหยื่อรายอื่น ๆ อีกแน่ะเรย์มอนด์พูดกับอัยการแห่งเคนท์ เคาน์ตี้-แม็ค มาฮอนว่า “คุณมีสิทธิให้ความตายแก่ผม ผมจะตายอย่างบริสุทธิ์โดยเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณฟัง” ว่าแล้วเขาก็เริ่มโม้ “ผมไม่ใช่ฆาตกรธรรมดา ๆ นะ......” เรย์สารภาพหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน 500 ดอลลาร์ที่ถอนออกจากบัญชีธนาคารของม่ายสาว เดลฟินเน่ ดาว์นนิ่ง และเหยื่อกว่า 19 รายที่เขาสังหาร ในเวลาเดียวกัน มาร์ธาก็กระตือรือร้นที่จะเล่าเหมือนอวด โดยเฉพาะเรื่องความมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเรย์ ขณะที่ทำการฆาตกรรม การสืบสวนสอบสวนหลังจากนั้น มุ่งไปยังเหยื่อรายอื่น ๆ ที่เรย์ขณะที่ทำการฆาตกรรม เรย์ยอมรับสารภาพการฆ่าเจเน็ต เฟย์ และนำตำรวจไปขุดศพที่ห้องใต้ดิน ทุกคนเห็นชัดเจนถึงความโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เนื่องจากรัฐมิชิแกนไม่มีโทษประหาร เรย์มอนด์และมาร์ธาจึงถูกส่งตัวไปขึ้นศาลที่นิวยอร์คเพื่อไปพิจารณาคดีที่นั่น ในระหว่างนี้ มาร์ธาได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าเธอและเรย์มอนด์รักกันเพียงใด ทำให้ข่าวของทั้งสองถูกประโคมจนเป็นที่เลื่องลือไปทั้งเมือง นอกจากนี้มาร์ธายังเรียงร้องความสงสารแก่สาธารณชนทางหนังสือพิมพ์ด้วยว่า “ฉันกลัวเก้าอี้ไฟฟ้า ฉันหวังว่าพวกเขาจะให้เราอยู่ที่นี่” แต่เรย์ดูเหมือนจะปลงตกได้ดีกว่า “ผมสมควรตาย มันสมกับสิ่งที่ผมทำลงไปแล้ว”

วันที่ 9 มีนาคม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก โธมัส ดิวอี้ ลงนามข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าหากไม่พิจารณาคดีตัดสินโทษสองฆาตกรในคดีสังหารเจเน็ต เฟย์ได้ละก็ ต้องถูกส่งมามิชิแกนเพื่อขึ้นศาลสำหรับคดีฆาตกรรมสองแม่ลูกดาวน์นิ่ง ในวันที่ 15 มีนาคม ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน จี แมนเนน วิลเลียมส์ ส่งตัวสองนักโทษให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อนำตัวขึ้นเครื่องมายังสนามบิน New York’s La Guardia ฆาตกรทั้งคู่อยู่ในอำนาจควบคุมตัวของกรมตำรวจรัฐนิวยอร์กซึ่งจะพาไปกักขังที่เรือนจำมิเนโอล่า (Mineola)

รูปภาพของ Hathairat Traithip

ในศาล
ทันทีที่สองฆาตกรเดินทางมานิวยอร์ก ศาลก็มีการพิจารณาคดีทันทีทันใด 22 มีนาคม มาร์ธา เบค และเรย์มอนด์ เฟอร์นันเดซ ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆาตกรรมเจเน็ต เฟย์ โดยมีอัยการแห่งเขตบรองซ์เป็นผู้ส่งฟ้อง สองวันถัดมา ทนายจำเลยเฮอร์เบิร์ต โรเซนเบิร์ก ร้องต่
อศาลว่าจำเลยไม่มีความผิด เพราะวิกลจริต พร้อมทั้งส่งสำนวนที่กล่าวว่าการส่งตัวสองคนนี้ข้ามแดนเพื่อพิจารณาคดีนี้ล้วนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผู้พิพากษา เฟอร์ดินานด์ เปโกรา ซึ่งเป็นประธานการพิจารณาคดีปฏิเสธสำนวนคำร้องทั้งหมดของโรเบิร์ก และสั่งให้มีการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งศาลจะเริ่มการพิจารณาคดีในวันที่ 1 กรกฎาคม

คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนสนใจอย่างล้นหลาม หนังสือพิมพ์ทุบฉบับต่างลงข่าวแบบถี่ยิบ ลงแม้กระทั่งหน้าแฟชั่นที่บรรยายการแต่งกายของมาร์ธาอย่างละเอียดลออ และสนใจน้ำหนักเธอจนเกินผิดปกติ จนตัวมาร์ธาออกปากว่า “นี่ฉันต้องถูกจับมาขึ้นศาลเพราะอะไรกันแน่เนี่ย...ข้อหาฆาตกรรมหรือเพราะฉันอ้วน?” หัวข้อพาดข่าวใช้คำเรียกสองฆาตกรนี้ว่า “ตัวประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว”, ยักษิณีน้ำหนักเกินพิกัด” แต่สำหรับเรย์มอนด์พวกเขาเรียกสมญาที่ไพเราะเลิศหรูมากกว่าว่า “รูปหล่อ”, “หนุ่มเจ้าเสน่ห์” และ “ชาร์ลส์ บอยเยอร์ ในเวอร์ชั่นซอมซ่อ” คนแรกที่ขึ้นสู่แท่นพิจารณาคือ เรย์มอนด์ ซึ่งสาวแก่ แม่ม่ายต้องชอบอกชอบใจแห่มาให้กำลังใจ จนแน่นศาลไปหมดเชียวแหละ พวกเธอล้วนเป็นแฟนพันธุ์แท้ละครน้ำเน่าและนิยายประโลมโลกโรแมนติกกันทั้งนั้น เรย์เขย่าหัวใจอ่อน ๆ ของสาว ๆ จนสั่นคลอนสุดซึ้งด้วยการประกาศว่า คำสารภาพของเขาที่มีต่อศาลในมิชิแกนนั้น เป็นเรื่องที่เขาโกหก......เพียงเพื่อปกป้องหญิงอันเป็นที่รักของเขา

จำเลยอย่างเรย์มอนด์ เฟอร์นันเดซคนนี้ ผู้เชี่ยวชาญโรคจิตระบุว่าเป็นพวกที่มีสติรู้สึกผิดชอบอยู่ในเกณฑ์ต่อมาก ๆ เขาพร่ำรำพันถึงความรักอย่างลึกล้ำที่มีต่อมาร์ธา แต่ขณะเดียวกันเขาก็บรรยายถึงสิ่งต่างๆ ที่ผิดเพี้ยนจากผู้หญิงทั่ว ๆ ไป เขาบอกอย่างชิงชังถึงความอ้วนพลุ้ย ตุ้ยนุ้ย และลมหายใจเหม็น ๆ ที่พุ่งออกมาทางปากและจมูกของเธอตลอดเวลา แล้วยังมีสันดานผู้ร้ายอำมหิตที่ชอบพูดแต่วิธีการฆ่าแบบโหด ๆ และที่สุดรำคาญคือเธอชอบเรียกร้องความสนใจด้วยการแกล้งทำเป็นจะฆ่าตัวตายหลายครั้งหลายหน

เรย์โทษเธอเรื่องการฆาตกรรมทั้งหมด แล้วจู่ ๆ เขาก็หันมายกย่องเธอว่าเธอห่วงใยตัวเขาและเด็ก ๆ ทั้งสองของเธอ แต่เมื่อถูกตอกกลับไปว่าถ้ามาร์ธารักลูกละก็เธอเอาลูกของเธอไปไว้ไหนและเคยติดต่อกับพวกแกหรือไม่? เรย์ตอบไม่ได้!

รูปภาพของ Hathairat Traithip

เรย์ยอมรับเรื่องการสังหารแม่ลูกดาวน์นิ่งและพรรณนาว่า มันเป็นฝันสยองที่เกินอำนาจควบคุม แต่ในคดีฆ่าแม่ม่ายเฒ่าเจเน็ต เฟย์ เรย์โยนความผิดให้มาร์ธารับไปคนเดียวเต็ม ๆ “เฟย์ตายบนตักกว้างมโหฬารของมาร์ธา ตอนที่เธอถูกฆ่านั้นผมไม่ได้อยู่ด้วย” เรย์ตีหน้าซื่อบริสุทธิ์เมื่อย้อนถามทุกคนว่า “ผมน่ะรึ? ผมไม่เคยฆ่าใครสักคนแมลงวันสักตัวยังไม่เคยกล้าทำให้มันเจ็บเลย แต่ผู้หญิงคนนั้นมันชั่วร้าย..สมควรตาย” ตลอดเวลา 2 วัน เรย์ขึ้นให้การอย่างยโสและปฏิเสธข้อกล่าวหาทุกประการ จากนั้นก็ถึงตามาร์ธาบ้าง!!

การให้การของเธอนั้น เป็นที่จับตามองของประชาชนมาก ด้วยเหตุนี้วันที่ 25 กรกฎาคม บริเวณหน้าศาลเต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัดที่เบียดเสียดแย่งที่เพื่อมาฟังคดีจนเกือบจะเป็นการจลาจล และแล้วมาร์ธาก็ถูกผู้คุมนำตัวออกมา ท่าทีของเธอดูเหมือนพอใจมาก ราวกับนางเอกหนังฮอลลีวู้ดที่กำลังเดินบนพรมแดงฝ่าฝูงชนและเสียงโห่ร้องของประชาชนนับพัน เพื่อรับรางวัลตุ๊กตาทองบนวีทีออสการ์ มาร์ธาอยู่ในอารมณ์ความฝันแบบนี้อยู่ 15 นาทีเต็ม ๆ แล้วเธอก็ถูกนำมาเข้าคอกพยาน เหมือนกับของเรย์ เธอยอมรับสารรภาพเรื่องฆ่า เจเน็ต เฟย์ ไป เพราะรู้ดีว่ารัฐมิชิแกนไม่มีโทษถึงประหารชีวิต แต่ที่ต่างกับเรย์คือ เธอให้การด้วยน้ำเสียงเศร้าโศกและแสดงท่าทางราวกับว่าเป็นนางเอกละครเศร้าบนวีที มาร์ธาทำท่าน่าสงสารบอกว่าเธอพยายามฆ่าตัวตายถึง 6 ครั้งเพราะความเจ้าชู้ของเรย์มอนด์ เฮอร์เบิร์ต โรเซนเบิร์ก ทนายความของจำเลย พยายามชี้ให้เห็นความผิดปกติของจิตใจของมาร์ธาว่า มันยากมากที่เธอจะแยกความจริงออกจากจินตนาการ เขาถามเธอถึงเรื่องฆ่าตัวตายว่าตอนนี้เธอยังคิดเช่นนั้นอยู่หรือเปล่า? ด้วยน้ำตานองหน้า มาร์ธาตอบว่า “ทุกวันเลยค่ะ” ในวันสังหารแม่เฒ่าเฟย์ มาร์ธาเล่าว่า เธอทะเลาะกันเพราะต่างกำลังหึงหวงเรย์กันอย่างเต็มที่ แม่เฒ่าเฟย์ตบหน้ามาร์ธาอย่างเต็มแรง เสียงดังฉาด! สนั่น พลันสมองของมาร์ธาว่างเปล่าชั่วขณะ พอมารู้สึกตัวอีกทีเมย์เรย์จับบ่าสองข้างของเธอเขย่าไปมา พอมองลงไปก็เห็นเฟย์นอนกองทับอยู่บนกระเป๋าเสื้อผ้า คอห้อยพับ หักจนหมุนได้รอบ เธอตายแล้ว......

มาร์ธาให้การถึงเรย์ซึ่งเธอให้คำเรียกแทนเขาตลอดเวลาว่า “ยอดรัก” “สุดหัวใจ” “สุดที่รัก”....เขาไม่ได้ไปแตะต้องหรือห้ามเลือดที่คอของหญิงชรา จนรู้แน่ว่าเธอตายสนิทจึงเอาผ้าไปพันรอบคอนั้นให้เลือดหยุดไหล ซึ่งเป็นคำให้การขัดแย้งกับผลชันสูตรศพที่เจ้าพนักงานชี้สาเหตุการตายว่า เพราะกะโหลกแตก และกระดูกคอหักจนทิ่มออกมานอกเนื้อ คณะลูกขุนประกอบด้วยผู้ชาย 10 ผู้หญิง 2 คน หลังพิจารคดีมาเป็นเวลา 68 วัน และใช้งบประมาณรัฐนิวยอร์กไปร่วมล้านดอลลาร์ ก็ตัดสรุปผลวันที่ 22 สิงหาคม คือให้ประหารชีวิตทั้งคู่ ผู้พิพากษาเปโกราส่งตัวทั้งสองไปเข้าแถวรอคอความตายทีเรือนจำซิงซิง (New York’s Sing Sing)

รักแท้
จะอย่างไรก็ดี มาร์ธา เบค และเรย์มอนด์ เฟอร์นันเดซ ต้องรอคอยวันตายอยู่ในเรือนจำแห่งนั้นถึง 2 ปี เนื่องจากทนายจำเลยพยายามยื่นอุทธรณ์ทำให้การประหารต้องเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ ในระหว่างนั้นสื่อก็เลยบ่นข่าวของนักโทษทั้งสองออกมาเป็นระยะ ๆ ตอนแรกผู้พิพ
ากษา เปโกรา กำหนดวันประหารสองนักโทษไว้ที่ 31 สิงหาคม 1950 แต่เมื่อมีการอุทธรณ์ การประหารจึงต้องเลื่อนออกไป

11 กรกฎาคม ศาลอุทธรณ์แห่งนิวยอร์ก ยืนยันคำตัดสินประหารชีวิตและแนะนำทนายจำเลยให้เฟอร์นันเดชด้วยเหตุผลที่ว่า การที่มาร์ธากับเรย์ใช้ทนายคนเดียวกันทำให้เกิดปัญหามาโดยตลอดดังนั้นจึงควรมีทนายเป็นของตนเอง

18 สิงหาคม ศาลสูงแห่งรัฐเลื่อนกำหนดวันประหารอีกครั้ง ราว ๆ เดือนมกราคม 1951 มีการกำหนดวันประหารชีวิตแล้ว แต่ก็มีการยื่นอุทธรณ์ด้วยสำนวนคดีใหม่ทั้งหมดอีกจนได้

8 มีนาคม 1951 หลังจากอุทธรณ์ทั้งสองครั้งล้มเหลว มาร์ธาและเรย์ก็ได้รู้วันตายที่แน่นอนของตน ระหว่างที่ทั้งคู่ถูกจำคุกรอการประหารที่คุกซิงซิง พวกเขาเขียนติดต่อกันด้วยจดหมายหลายฉบับ บางครั้งก็พร่ำพรรณาถึงความรักที่มีต่อกัน บางครั้งก็ทะเลาะราวกับจงเกลียดจงชังกัน หรือบางครั้งก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อกันเลย (เรย์มอนด์เขียนจดหมายถึงภรรยาของเขาที่สเปนด้วยว่าเขารักเธอจนวินาทีสุดท้าย)

วันที่ 8 มีนาคม 1951 เป็นวันประหารของเขาทั้งสอง แต่ก่อนจะถึงวันประหาร จะต้องมีอาหารมื้อสุดท้ายก่อนโดยอาหารมือสุดท้ายของมาร์ธาถูกนำมาเสิร์ฟ 2 ที่ เธอกินคนเดียว คือ ไก่ทอด มันฝรั่งและผักสลัด เธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนทางด้านเรย์เขาขอแค่ออมเลตแบบสเปน และอัลมอนต์ไอศกรีม แต่พอมาเสิร์ฟ เขากลับกินไม่ลง และปฏิเสธไม่ยอมสูบซิการ์คิวบา สองชั่วโมงก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า เรย์มอนด์ เฟอร์นันเดซ ก็ขอเขียนจดหมายรักถึงมาร์ธา “ฉันอยากจะตะโกนออกมาให้ดังที่สุด...ฉันรักเธอมาร์ธา...พวกประชาชน เขารู้จักรักกันดีไหมนะ มาร์ธา” สาวอ้วนน้ำตาคลอเบ้า เธอเพิ่งพบความสุขแท้จริง เธอโผเข้ากอดผู้คุมของเธออย่างสุดจะปลื้มปีติ “ฉันเป็นอิสระแล้ว....ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเรย์มอนด์รักฉัน
คุณรู้มั้ยค่ะ ฉันสามารถจะเดินเข้าสู่ความตายของฉันด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุขเป็นที่สุด”

มาร์ธาขอเขียนจดหมายครั้งสุดท้าย “ไม่สำคัญเลยว่าใครจะว่าอย่างไร เรื่องราวของฉันคือเรื่องราวของความรัก แต่มีเพียงผู้ที่ทรมานเพราะรักเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจได้ว่าฉันหมายถึงอะไร ใคร ๆ อาจมองเห็นฉันในร่างของผู้หญิงอ้วนที่ไร้ความรู้สึกรู้สม จริงล่ะ ฉันอ้วน ฉันไม่อยากปฏิเสธได้หรอก แต่ถ้าหากมันเป็นอาชญากรรมล่ะก็......เซ็กซ์ของฉันมันผิดมากมายแค่ไหนเชียวหรือหรือ? ฉันไม่ได้เป็นคนปราศจากความรู้สึก โง่หรือปัญญาอ่อนเรือนจำและเคหาสน์แห่งความตาย ทำได้แค่เพิ่มพูนความรักของฉันต่อเรย์มอนด์ แล้วในประวัติศาสตร์โลก มีอาชญากรรมกี่รายที่ถูกกล่าวอ้างให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความรักของเขา คำพูดและข้อคิดสุดท้ายที่ฉันจะฝากไว้ก็คือ มนุษย์คนใดที่แน่ใจว่าไม่เคยทำผิดทำบาปเลย....ขอเชิญมนุษย์คนนั้นหยิบก้อนหินก้อนแรกซึ่งจะขว้างมาประหารชีวิตคนผิดอย่างฉัน”

จดหมายของเรย์มอนด์ไม่หวานเท่ามาร์ธา เขาเขียนว่า “ผมกำลังจะไปตาย ไม่เป็นไร ก็อย่างที่คุณรู้นั่นแหละว่าผมเตรียมตัวพร้อมมาตั้งแต่ 1949 โน่นแล้ว ฉะนั้นคืนนี้ผมจะตายเยี่ยงลูกผู้ชายคนหนึ่ง” 

วันที่ 8 มีนาคม 1951 คืนวันนั้น มีนักโทษประหารทั้งหมด 4 ราย และกำห
นดให้ทำการประหารรายแรกห้าทุ่มสองนาที ต่อคิวกันไปจนถึงรายสุดท้ายในเวลาห้าทุ่มยี่สิบสี่นาที....ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเนื่องจากการประหารชีวิตที่ประชาชนให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม หนังสือพิมพ์เลยมาทำข่าวอย่างละเอียดแทบทุกนาทีนักโทษรายแรกที่ขึ้นเก้าอี้ไฟฟ้าคือ จอห์น เจ.คิง ตามด้วยริชาร์ด พาวเออร์ ทั้งคู่อยู่ในวัย 22 ปี เช่นกัน ถูกตัดสินประหารในข้อหาร่วมมือสังหาร วิลเลี่ยม ฮูป ช่างเทคนิคไฟฟ้าในปี 15 มีนาคม 1950 คนที่สามก็คือ เรย์มอนด์ผู้ที่บาทหลวงคาทอลิก นำเขาไปส่งถึงเก้าอี้ไฟฟ้า เมื่อเขานั่งลงเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็สับสวิตช์ เรย์มอนด์ตายในการสับสวิตช์ลงครั้งเดียว เรย์อายุ 35 หมดลมหายใจ สิบสองนาทีต่อมา บาทหลวงนิกายโปรเตสแตนต์ก็นำมาร์ธามาที่เก้าอี้ตัวนี้ เธอนั่งลงไม่ได้เพราะอ้วนเกินไป เจ้าหน้าที่เรือนจำต้องมาช่วยจัดท่านั่งให้เธออย่างทุลักทุเล กระนั้นก็ยังยัดน้ำหนักลงในเก้าอี้ประหารไม่ได้ ในที่สุดต้องให้เธอนั่งเอียง ๆ โดยวางสะโพกข้างหนึ่งล้นพาดขึ้นมาบนที่วางแขน

ไม่รู้เป็นเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้กระแสไฟฟ้าแรงสูงไม่สามารถฆ่ามาร์ธาได้ในการสับคัตเอาต์ลงแค่ครั้งเดียว น่าสงสารมาร์ธาเธอทุกข์ตลอดตั้งแต่เกิดจนตาย การตายโดยเก้าอี้ไฟฟ้านั้นทำให้เธอต้องทุรนทุรายทรมานสุดแสนสาหัส กว่าจะขาดใจตายสนิทเมื่อเพชฌฆาตสับสวิตช์ครั้งที่ 4 กระแสไฟฟ้าสองล้านโวลต์ “ทอด” มาร์ธาจนกรอบ และสุกไปทั่วด้วยไขมันเปลวที่ละลายเดือดเยิ้มของเธอเอง เป็นอันว่า มาร์ธา เบค สิ้นอายุด้วยวัย 32 ปี ตามเรย์มอนด์สุดที่รักของเธอ ซึ่งตายบนเก้าอี้ไฟฟ้าตัวเดียวกันเมื่อไม่ถึงยี่สิบนาทีก่อนหน้านี้ ส่วนโจเซฟ ฟรานเซส เพชฌฆาตที่ทำหน้าที่ประหารชีวิตนักโทษทั้ง 4 คน ก็ได้รับเบี้ยเลี้ยงสำหรับคืนนี้ไป 600 ดอลลาร์

บันทึกในแผ่นฟิล์ม 
เรื่อง The Honeymoon Killers 1970 ไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่กล่าวถึงมาร์ธากับเรย์ เพราะเกือบครึ่งศตวรรษต่อมาเรื่องราวความรักของมาร์ธาและเรย์ยังตราตรึงในรูปแบบของภาพยนตร์หลายเรื่องแถมแต่ละเรื่องเป็นหนังดีซะด้วย ซึ่งแน่นอนหนังแนวฆาตกรน
ี้ไม่จำเป็นต้องใช้ทุนสร้างหรอก ขอให้แสดงเล่นดีหนังก็ดังเมื่อนั้น

เรื่องแรก “The Honeymoon Killers (1969)”
หนังกำกับโดยเลียวนาร์ด คาสเทิล ที่ทำหน้าที่แทนมาร์ติน สกอร์เซซี ผู้ผละไปเพราะทะเลาะกับโปรดิวเซอร์ ดารานำคือ เซอร์ลี่ย์ สโตเลอร์ และโทนี่ โลเบียงโก แสดงเป็นฆาตกรโหด มาร์ธาและเรย์ ซึ่งหนังเรื่องนี้ถูกแบนในหลายๆ เมือง หลายประเทศ เพราะหนังมันสยองรุนแรงและสะเทือนใจ แต่อย่างไรก็ตามหนังนี้ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนังเกรด B ที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยเฉพาะนางเอกกับพระเอกที่แสดงเยี่ยมมาก ๆ นอกจากหนังเรื่องนี้ยังถูกนำมาแซวในหนังหรือการ์ตูนเรื่องอื่น ๆ อีก โดยฉากคนผอมกับคนอ้วนจูบกันอย่างดูดดื่มนั้นแหละคือเขาแซวมาร์ธากับเรย์


เรื่องที่สอง “Profundo Carmesi (1996) ”
กำกับโดยชาวเม็กซิกัน 
อาร์ตูโร ริปสไตน์ เป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสูง กวาดมาแล้วทุกสาขา ในฐานะภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เทคนิคต่าง ๆ ในการประกวดภาพยนตร์ประเทศเม็กซิโกไปถึง 8 รางวัล รวมทั้งนักแสดงนำฝ่ายชาย-ฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม พระเอกคือดาเนียล กิเมเนซ เล่นเป็นเรย์ และนางเอกเรจิน่า โอรอซโก แสดงเป็นมาร์ธาซึ่งเมื่อเอาหนังเรื่องนี้แปลเป็นอังกฤษ ฆาตกรคู่นี้ถูกเรียกว่า "ฆาตกรหัวใจเปล่าเปลี่ยว (Lonely Hearts Killers)"


รูปภาพของ Hathairat Traithip












Create Date : 14 กรกฎาคม 2558
Last Update : 14 กรกฎาคม 2558 8:58:03 น. 0 comments
Counter : 1250 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.