✥ ผูกพัน ✥
ความขมขื่นในวัยเด็กของริชาร์ดทำให้เขาไม่อยากอยู่ชิคาโกอีกต่อไป เขาเลยจากบ้านเกิดแบบไม่สนใจใยดี และขอไปเรียนที่มหาลัยมิชิแกน เพียงเพื่อพ้น ๆ จากบ้าน นาธานก็ตามริชาร์ดไปแต่ริชาร์ดไม่พอใจ เพราะริชาร์ดทำอะไรไม่ค่อยสะดวก เขาไม่ควรสนิทกับนาธานมากเกินไปนัก นาธานเดินทางกลับชิคาโก และเรียนจบปริญญา จากนั้นก็ศึกษาทางด้านกฎหมาย ฝ่ายริชาร์ด โลบ เมื่อได้ปริญญาจากมหาลัยมิชิแกนแล้ว เขาก็กลับสู่ชิคาโกเช่นกัน ซึ่งตอนนั้นมีข่าวลือว่านาธาน ลีโอโปล์ดกับริชาร์ด โลป เป็นคู่เกย์กัน! ข่าวลือนั้นมาในรูปของจดหมาย มันถูกสำเนาและร่อนไปยังบรรดาญาติ ๆ ของทั้งคู่ซะด้วย เรื่องราวนี้ไม่เปิดเผยมากนัก จนกระทั่งคนทั้งคู่ถูกจับจึงยอมรับสารภาพว่ามีสัญญาผูกพันซึ่งกันและกัน โดยริชาร์ด โลบสัญญากับนาธาน ลีโอโปล์ดว่าจะยอมเป็นคู่นอน ถ้าหากนาธานช่วยริชาร์ดก่ออาชญากรรม สำหรับริชาร์ดแล้ว เขาบอกว่าความสัมพันธ์แบบนี้ให้โอกาสเขามีใครสักคนมาเป็นผู้ช่วยก่ออาชญากรรมในฝันให้เป็นจริงขึ้นมา ในส่วนของนาธานนั้น สาเหตุที่เขาก้าวสู่อาชญากรรมคือ รอยแผลในวัยเด็กที่เขาได้รับการปลูกฝังมาจากพี่เลี้ยง มาบัดนี้นาธานยอมทำตามใจริชาร์ด เขาได้รับรางวัลพิเศษด้วยวิธีเดียวกัน คือหนุ่มริชาร์ดยอมให้นาธานสอดใส่เข้าไปในร่างกายเขาได้ ในวันที่เขาทำดีเป็นพิเศษ ตอนแรกก็ 3 ครั้ง ใน 2 เดือน แต่หลัง ๆ ทั้งคู่จะทำแบบนี้ทุกครั้งหลังช่วยก่ออาชญากรรมอันแสนตื่นเต้นมา พวกเขาเริ่มมีประสบการณ์ออรัลเซ็กซ์ด้วย แต่นาธานไม่ชอบเท่าแบบเดิม หลังจากทั้งสองถูกจับกุม ทั้งสองอธิบายพฤติกรรมทางเพศของพวกเขาว่า "...ริชาร์ดจะแกล้งทำเป็นเมา จากนั้นนาธานก็จะถอดเสื้อริชาร์ดออกมาอย่างหื่นกระหาย จนบทรักนับเกือบจะเป็นการข่มขื่นกลาย ๆ มันช่างยั่วยวนใจนาธานเหลือเกิน.. เกินกว่าผู้หญิงใด ๆ จะยวนใจเขาได้
ความเป็นเกย์หรือโฮโมเซ็กซ์ช่วลของนาธาน ลีโอโปลด์ กับความชื่นชอบหลงใหลในอาชญากรรมของริชาร์ด โลบถูกผลึกเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแยกไม่ออก จนกลายเป็นสัญญาผูกพัน... จากความใฝ่ฝัน จินตนาการ กลายมาเป็นการลงมือทำแบบจริง ๆ จัง ๆ และเริ่มรุนแรงขึ้นทุกที เพราะเมื่อทั้งคู่ทำผิดและสำเร็จ พวกเขายิ่งอยากเสี่ยงมากกว่าเดิม ครั้งแรกก็โกงไพ่ ไต่ระดับมาลักเล็กขโมยน้อย ตามด้วยการงัดแงะขโมยของในรถยนต์ ตามด้วยการก่อกวนชาวบ้าน แอบกดสัญญาณไฟไหม้ในมหาวิทยาลัยจนวุ่นวาย ความสนุกแบบนี้พัฒนากลายเป็นการวางเพลิงในเวลาต่อมา จากนั้นทั้งคู่ก็วางแผนหฤโหด จะเข้าไปปล้นบ้านของเพื่อนคนหนึ่ง และตกลงกันว่า ถ้าจำเป็นก็ให้สังหารยามซะ แต่เคราะห์ดีที่รถทั้งคู่ใช้เป็นพาหนะในการปล้นเกิดขัดข้องกะทันหัน พวกเขาเลยเปลี่ยนแผนไปปล้นญาติห่าง ๆ ของริชาร์ดแทน เขาเป็นคู่ฝันที่ช่วยกันจินตนาการซึ่งกันและกันให้เป็นจริง ถ้าขาดใครคนหนึ่งไปเสีย เขาจะทำอะไรไม่ได้เลย
✥ วางแผน ✥
เราซักซ้อมการลักพาตัวอย่างน้อย 3 ครั้ง ทำตามแผนที่เตรียมมาทุกอย่าง ขาดแต่ตัวเด็กผู้ชายที่เราจะไปล่อเอามาฆ่า....มันเป็นแค่การทดลองทำดูเล่น ๆ สำหรับเราแล้วมันง่ายเหมือนไปจับแมลงสักตัวมาปักหมุดลงบนแผ่นสะสมตัวแมลง!
เดือนพฤศจิกายน 1923 นาธาน ลีโอโปลด์ กับริชาร์ด โลบ เริ่มวางแผนลักพาตัวและฆาตกรรมเด็กชายคนหนึ่ง โดยแรงจูงใจที่ทำเพียงแค่อยากทำการฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบเท่านั้นเอง ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความชาญฉลาดของพวกเขาสามารถฆ่าคนได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า นอกจากนี้การฆาตกรรมครั้งนี้ เป็นเสมือนการแต่งงานระหว่างริชาร์ดกับนาธานซะด้วยสิ มันสุดแสนโรแมนติกมาก ๆ เลย ส่วนที่ยากที่สุดในการวางแผนครั้งนี้คือการเรียกเก็บเงินค่าไถ่ พวกเขาจะทำวิธีไหนที่จะไม่ถูกจับ หลังจากวางแผนมานาน ก่อนที่จะมาลงตัวโดยใช้วิธีให้ญาติของเหยื่อโยนเงินมาจากรถไฟที่กำลังแล่นผ่านจุดนัดพบตามที่พวกเขาสั่ง ปัญหาต่อมาคือ จะส่งจดหมายเรียกค่าไถ่ให้บิดาเหยื่อยังไงไม่ให้คนอื่นตามรอยมาจับได้ เรื่องนี้ทั้งคู่วางแผนคิดกันอย่างละเอียดลออ "พ่อของเหยื่อจะต้องรับจดหมายบอกว่า ลูกชายของเขาถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ โจรต้องการเงินจำนวน 8,000 ดอลลาร์ ที่เป็นแบงค์ 50 ทั้งหมด และอีก 2,000 ดอลลาร์ เป็นแบงค์ 20 ล้วน ๆ ทุกใบต้องเป็นธนบัตรเก่าที่ใช้แล้วไม่มีการเรียงเบอร์ ห้ามมีเครื่องหมายใด ๆ มาร์กเด็ดขาด เขาจะต้องเอาธนบัตรทั้งหมดมาใส่ในกล่องซิการ์ มัดเชือกไว้อย่างดีห่อกระดาษสีขาว และผนึกอีกชั้นด้วยขี้ผึ้งลนไฟ จุดหมายคือเพื่อส่งให้กับคน ๆ หนึ่งที่จอมโจรจ้างให้ไปรับ แต่หลังจากพ่อเหยื่อจะได้รับโทรศัพท์ซึ่งสั่งให้เขาไปที่ถังขยะตามที่โจรบอก ที่นั่นจะพบโน้ตใบหนึ่ง สั่งให้เขาไปที่ร้านขายยาที่มีตู้โทรศัพท์อยู่ด้านหนึ่ง เขาจะต้องรอ เพราะโจรจะโทรเข้าเครื่องที่ตู้นี้ ร้านขายยาอยู่ใกล้สถานีรถไฟ และพ่อเหยื่อจะมีเวลาเพียงน้อยนิดสำหรับการวิ่งตีตั๋ว และขึ้นรถไฟ ไม่มีเวลาแม้แต่จะติดต่อนักสืบหรือตำรวจที่เฝ้าสอดส่องตามจับโจรเรียกค่าไถ่กันอยู่นั่น บนรถไฟ เขาจะต้องไปที่รถเข็นคันหนึ่ง ในรถเข็นนั้นมีโน้ตคำสั่งต่อไป บอกเขาว่าจะต้องโยนกล่องเงินลงไปตรงไหน" ช่างมีความสุขเสียจริง ที่พวกเขาวางแผนอย่างชาญฉลาดแบบนี้ จากนั้นสองหนุ่มก็วางแผนว่าจะฆ่าใครดี ฆ่าพ่อเด็กด้วยดีไหม แต่ไม่ดีกว่า เดี๋ยวมันจะเป็นการทิ้งหลักฐานมากไป ตำรวจจะตามรอยมาถึงเราได้... ตอนนี้ทำเรื่องจับตัวเด็กมาเรียกค่าไถ่ให้ได้ก่อน!
ริชาร์ดกับนาธานเริ่มหาเหยื่อ ซึ่งมีคุณสมบัติคือ เป็นเด็กผู้ชาย พ่อต้องรวย ๆ พอที่จะเรียกค่าไถ่ได้ และเด็กต้องรู้จักคนทั้งคู่เพื่อที่จะยอมขึ้นรถมากับเขาได้ง่าย ๆ ทั้งสองขับรถวนเวียนแถวโรงเรียนฮาวาร์ดในวันนั้นและมองหาเด็กผู้ชายที่เหมาะ ๆ ...ย้ำเหมาะที่สุด เด็กชายคนนั้นจะต้องถูกฟาดหัวให้สลบ แล้วนำไปยังที่เปลี่ยวเพื่อฆ่าทันที เพราะเก็บเอาไว้พาไปไหนต่อไหนคนอื่นจะเห็นซะเปล่า ๆ แผนสังหารของพวกเขาคือใช้เชือกรัดคอเด็ก นาธานจะยึดไว้ปลายหนึ่ง และริชาร์ดจะยึดอีกปลาย ทั้งคู่จะดึงเต็มแรงพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ได้มีส่วนการสังหารเท่าเทียมกัน การทิ้งศพเป็นปัญหาสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจว่า จะเอาศพไปหมกไว้ที่ท่อน้ำที่ริมทะเลสาบวูลฟ์ ตรงจุดที่นาธานชอบไปส่องกล้องดูนก ท่อนี้เป็นทางระบายน้ำที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบใต้รางรถไฟ ที่สำคัญมันเป็นสถานทีลับหูลับตาคน จนแม้แต่นาธานเองผู้ที่ชอบไปที่นั้นบ่อย ๆ ยังแทบไม่สังเกตเห็นมันเลย มันจึงเหมาะมากที่จะขุดหลุมไม่ต้องลึกนักก็ได้ เพื่อฝังศพเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนนั้น แค่นี้ยังไม่พอ ศพอาจพบในไม่ช้าไม่นานก็ย่อมมีทางเป็นไปได้ เพราะฉะนั้นเพื่อความรอบคอบ เขาต้องทำลายศพจนไม่สามารถระบุตัวตนได้ ด้วยการใช้กรดเข้มข้นราดกัดใบหน้าและอวัยวะเพศให้กร่อนไปให้หมด
ในเรื่องพาหนะเขาก็ไม่อาจใช้รถของตัวเองได้ เดี๋ยวมีพยานรู้เห็นตอนเรียกเด็กขึ้นรถ ทั้งสองจึงต้องวางแผนโดยการหารถเช่าคนหนึ่ง ภายใต้ชื่อปลอมว่า "มอร์ตัน ดี. บัลลาร์ด" จากนั้นก็เอาชื่อนี้ไปเช่าในโรงแรมแห่งหนึ่ง และไปเปิดบัญชีใหม่ที่ธนาคาร เพื่อวางโครงร่างสำหรับบุคคลที่จะมาเป็นตัวอ้างอิง กันข้อสงสัยใด ๆ ไม่ให้ถึงตัวเขาทั้งคู่ นาธาน ลีโอโปลด์ไปเช่ารถด้วยชื่อปลอมดังกล่าว ก่อนลงมือสังหารจริงถึง 3 สัปดาห์ การเตรียมพร้อมสมบูรณ์แบบเรียบร้อย ฉากก็จัดเข้าที่เข้าทางทุกอย่าง นาธานกับริชาร์ดพร้อมแล้วที่ทำให้แผนการที่วางไว้กลายเป็นเรื่องจริง
✥ เมื่อทั้งคู่ลงมือ ✥
21 พฤษภาคม 1924 เวลา 11.00 น. วันนั้นหลังจากจบวิชาสุดท้ายของคาบเช้า นาธาน ลีโอโปลด์ กับริชาร์ด โลบ ในมหาลัยชิคาโก ตอนนั้นทั้งคู่อายุ 19 ปี นาธานขับรถของตนเองไปบริษัทเช่ารถแห่งหนึ่งในย่านโจเลียต ทั้งคู่ตกลงเช่ารถวิลลิสไนท์ สีเทา มาด้วยชื่อปลอม จากนั้นก็ไปกินมื้อกลางวันที่ภัตตราคารแถว ๆ นั้น หลังอาหาร เขาเหลือเวลานาทีสุดท้ายที่จะตระเตรียมสิ่งต้องใช้ เขาซื้อกรดไฮโดรคลอริก จอดรถของนาธานทิ้งไว้ แล้วขับรถเช่าไปเอาของอะไรบางอย่างที่บ้านนาธาน รวมทั้งม้วนเทปกาว เมื่อได้ของมาครบแล้ว ทั้งคู่ก็ขับรถมาแถว ๆ สวนสาธารณะลินคอล์น ซึ่งโลปได้ใช้เทปพันส่วนปลายท่อนเหล็กอันหนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่ถือให้เหมาะมือ แต่นี่ไม่ใช่อาวุธสังหาร เขาใช้แค่ให้ตีเหยือให้สลบเท่านั้น อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็มีปืนติดตัวไปด้วย ของนาธานเป็น .38 ของริชาร์ดเป็น .45 ในที่สุดเวลาเลิกเรียนของฮาร์วาร์ดสคูล เด็กหนุ่มทั้งสองซุ่มอยู่ในรถเงียบ ๆ เหมือนสัตว์ป่าจ้องตะครุบเหยื่อ ฝูงเด็กนักเรียนตัวเล็กตัวน้อยหลั่งไหลออกจากประตูโรงเรียน นาธานกับริชาร์ดมองหาเด็กที่เหมาะสมที่จะเป็นเหยื่อหลายคน แต่เด็กหลายคนไม่มีใครฉายเดี่ยว พวกเด็กพากันเดินเป็นกลุ่ม ๆ ทำให้สองหนุ่มไม่อาจทำอะไรได้ ได้แต่งมองตาปริบ ๆ อย่างหงุดหงิด
แต่อาชญากรมือใหม่ไม่ยอมท้อถอย พวกเขาเคลื่อนรถออกไปจากบริเวณหน้าโรงเรียนแล้วขับไปเรื่อย ๆ หวังว่าจะเจอเด็กชายสักคนที่แยกกลุ่มแล้วกลับบ้านคนเดียว วนไปวนมาก็ไม่พบ ริชาร์ดบอกว่าเขารู้จักบุตรชายของโซล ลีวินสัน ทนายที่ร่ำรวยที่อยู่บ้านห่างออกไป ถ้าขับตามถนนนี้ อาจตามเด็กคนนั้นทันก็ได้ และแล้วระหว่างทางสายตาของริชาร์ดก็ปะทะกับร่างของ โรเบิร์ต แฟรงค์ อายุ 14 ปี (หรือบ๊อบบี้) โรเบิร์ตรู้จักกับสองหนุ่มนี้ดีอยู่แล้ว ริชาร์ดรีบบอกให้นาธานเทียบรถไปข้าง ๆ เด็กที่กำลังเดิน แล้วชวนให้ขึ้นรถไปด้วยกัน โรเบิร์ตหรือบ็อบบี้ ยิ้มทักทายและโบกมือพลางส่ายหน้าปฏิเสธ แต่นาธานบอกว่าในรถมีไม้แร็กเก็ตเทนนิสรุ่นใหม่อยากจะมาอวดให้ดู มันได้ผล บ็อบบี้สนใจและยอมขึ้นรถมาด้วย เด็กน้อยกำลังชื่นชมไม้เทนนิส จึงไม่ทักท้วงอะไรเมื่อเพื่อนรุ่นพี่ขับรถไปไกลจากบ้าน และเมื่อบ็อบี้ขาดความระวัง ริชาร์ดก็ฟาดหัวด้วยท่อนเหล็ก แต่เด็กไม่ได้สลบทันทีอย่างที่อาชญากรมือใหม่คิดไว้ในแผน บ็อบบี้ทั้งเจ็บและตกใจ เขาแหกปากลั่น พลางตะโกนขอความช่วยเหลือ ริชาร์ดต้องกระหน่ำตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกจนกระทั่งกะโหลกเล็ก ๆ นั่น เลือดพุ่งสาดกระเซ็นจากแผนฉกรรจ์ เลือดจากแผลศีรษะทะลักออกมามากมาย แม้ว่าจะเป็นแผลเล็ก ๆ ก็เถอะ แต่นี่บ๊อบบี้โดนชนิดจัง ๆ ทั้งนั้น ทั้งดิ้นทั้งกระเสือกกระสน ตาตั้ง กว่าสลบแน่นิ่งไปก็ทุลักทุเล เลือดสด ๆ เหม็นคาวคละคลุ้ง ไหลออกมานองเจิ่งที่พื้นรถ ขณะที่ริชาร์ดลากตัวเด็กที่ลงไปกองขึ้นไปนอนบนเบาะหลัง แล้วเอาผ้าขี้ริ้วยัดใส่ปากกันบ็อบบี้ฟื้นแล้วแหกปากขึ้นมาอีก นั่นทำให้เด็กน้อยขาดใจตายอย่างทุกข์ทรมานแสนสาหัสในเวลาต่อมา นาธานสั่นเทาไปทั้งเนื้อทั้งตัวจากการสังหารที่โหดร้ายรุนแรงเกินคาด เลือดเหนียวข้นแดงฉาน น่าสยดสยองที่สุด ริชาร์ดต้องตวาดให้เขาสงบสติอารมณ์ให้ได้ เพื่อช่วยกันห่อศพเด็ก จากนั้นก็พากันขับรถเงียบ ๆ ไปบนถนนอินเดียน่า และแวะซื้อแซนด์วิชกับเครื่องดื่มมากิน รอจนมืดสนิทแล้วก็ขับไปยังจุดหมายที่วางแผนไว้ว่าจะเป็นที่หมกศพ ทั้งคู่ช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกจากร่างอันปวกเปียกไร้ชีวิต เอารองเท้ากับเข็มขัดซุกไว้ที่พงหญ้า จริง ๆ แล้วถ้าเป็นไปตามแผนเขาจะต้องเผาเสื้อผ้าและรองเท้าทุกอย่าง แต่พอทำเข้าจริงมันยากมากที่เดียว
นาธานกับริชาร์ดลากศพไปวางริมตลิ่งของทะเลสาบวูล์ฟและเอากรดราดหน้ากับอวัยวะเพศของบ็อบบี้ เนื้ออ่อนๆ ของเด็กชายถูกกัดจนละลายเยิ้ม เดือดเป็นฟองฟอด และเหม็นมาก แทนที่จะฝังฆาตกรกลับช่วยกันยัดศพเข้าไปในท่อระบายน้ำให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนเสื้อผ้าถูกหอบเข้าไปในรถ โดยไม่รู้ตัวว่าพวกเขาทำถุงเท้าตกไว้ข้างหนึ่ง นาธานโทรไปที่บ้านของตนเอง บอกพ่อกับแม่ว่าจะกลับบ้านช้าหน่อย จากนั้นเขาก็โทรไปบ้านแฟรงค์ พูดกับแม่ของบอบบี๊ว่า เขาชื่อ จอห์น จอห์นสัน ลูกชายของเธอถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ตอนนี้เขายังสบายดี จงรอคำสั่งต่อไปจากผู้ลักพาตัว ทั้งคู่เอาจดหมายเรียกค่าไถ่ส่งถึง มร.แฟรงค์ ด้วยวิธีพิเศษ นาธานซึ่งกลับไปเอารถของตัวเอง และอาสาจะพาลุงกับป้าที่มาเยี่ยมพ่อและแม่กลับไปส่งบ้าน ริชาร์ดนั่งรออยู่ที่บ้านนาธาน จนนาธาน ลีโอโปลด์กลับมาอีกครั้ง แล้วพวกเขาก็ดื่มเหล้ากันคนละแก้ว จากนั้นก็เล่นไพ่กับพ่อ จนในที่สุดพ่อต้องขอเข้านอน
ทั้งคู่รอจนคิดว่าทุกคนหลับสนิทหมดแล้ว ก็เลยขับรถที่เช่ามาไปที่บ้านของริชาร์ด โลบ ระหว่างทางก็ขว้างท่อนเหล็กที่ใช้ทุบหัวบ็อบบี้ ออกจากหน้าต่างรถไปข้างทางที่รก ๆ ซะให้หมดเรื่องหมดราว เหตุที่ต้องลอบเข้าบ้านโลบตอนดึก ก็เพราะในคฤหาสน์นี้มีเตาเผาขยะอยู่ใต้ถุนบ้าน ฆาตกรหอบเสื้อผ้าเปื้อนเลือดของบ็อบบี้มาทำลายที่นี่ แต่ไม่รู้เพราะอะไร ขณะที่เผาได้เกิดกลิ่นเหม็นอย่างประหลาดอบอวลรุนแรงทำให้ต้องรีบดับไฟ แล้วเอาสิ่งที่ยังไหม้ไม่หมดไปทิ้งไว้ในหลุมขยะใกล้ ๆ บริเวณชั้นเก็บของใต้ถุนนี้ พวกเขาเจอน้ำยาทำความสะอาดก็เลยคิดว่าจะเอามาล้างรถ แต่ตอนนี้มันดึกเกินไป เดี๋ยวชาวบ้านจะผิดสังเกต ก็เลยนัดกันว่าจะไปพบกันที่มหาวิทยาลัยแล้วทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ รุ่งขึ้นพวกเขาไปพบกันตามนัดแล้วจัดการขับรถมรณะไปโรงรถของนาธาน ทั้งคู่ช่วยล้างรถทั้งนอกและใน สบู่ น้ำ น้ำมัน และ แปลงขัด ถูกนำมาใช้เต็มรูปแบบ ในขณะก้มหน้าก้มตาล้างรถ สเวน แองลันด์ คนขับรถของลีโอโปลด์เดินเข้ามาอาสาว่าจะช่วย แต่ทั้งสองรีบบอกไม่ต้อง สเวนเดินรอบ ๆ อย่างนึกขำในความขยันของลูกคนรวย จนริชาร์ดกลัวว่าสเวนจะเห็นรอยเลือดทีชะล้างไหลออกมาตามน้ำ เลยรีบพูดว่าพวกเขาทำไวน์แดงหกใส่รถเปื้อนไปหมด สเวนไม่สงสัย...ก็ใครจะไปนึกถึงละว่าลูกคนรวยจะไปฆ่าคนมา พอล้างรถเสร็จ เด็กหนุ่มก็ขับรถเช่าที่สะอาดเอียมอ่องไปคืนบริษัทที่ให้เช่า
ในเวลาบ่ายโมงตรง ทั้งสองไปที่สถานีรถไฟอิลลินอยส์ เซ็นทรัล แล้วริชาร์ดก็ไปซื้อตั๋วไปมิชิแกนเที่ยว 3 โมงเย็น เขาขึ้นไปจัดการซุกจดหมายฉบับสุดท้ายไว้ตามแผน ขณะเดียวกันนาธานก็โทรศัพท์ไปบ้านแฟรงค์ บอกเขาให้ไปร้านขายยาหน้าสถานีรถไฟ แล้วรออยู่ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ เขาจะโทรไปที่นั่น โดยกำลังส่งแท็กซี่สีเหลืองไปรับที่บ้าน มร.แฟรงค์ขอเวลา แต่ฆาตกรไม่ยอมให้เขาชักช้ายืดยาด เมื่อวางหู เขาก็รีบขับรถไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะอีกตู้ เพื่อรอเหยื่อแต่เผอิญเหลือบไปเห็นหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่า มีผู้พบศพเด็กในท่อ และพวกเขาโทรกลับไปหา มร.แฟรงค์ ก็ไม่พบตัวซะแล้ว ที่หน้าร้านขายยาก็ไม่มี มร. แฟรงค์ไม่มาตามนัด แผนฆาตกรรมสมบูรณ์แบบเริ่มผิดพลาดเสียแล้ว!
✥ ครอบครัวแฟรงค์ ✥
ย้อนกลับไปตอนเย็นวันที่ โรเบิร์ต แฟรงค์ ลูกชายหายตัวไป แม้จะยังไม่ได้รับโทรศัพท์จากโจรเรียกค่าไถ่ แต่เจค็อบ และฟลอร่า แฟรงค์ พ่อแม่ของบ๊อบบี้ ก็ผิดสังเกตว่าลูกกลับบ้านผิดเวลา พวกเขาตกใจและวิตกกังวลอย่างมาก ฟลอร่าโทรไปตามบ้านเพื่อน ๆ ของบ๊อบบี้ และเจค็อบก็รีบโทรศัพท์ไปตามครูใหญ่ที่โรงเรียน เผื่อว่าลูกชายจะติดอยู่ภายในห้องใดห้องหนึ่ง จากนั้นก็โทรไปหาบ้านเพื่อนที่เป็นนักกฎหมายชื่อ แซมมวล แอตเทลสัน แล้วชวนไปหาลูกรักที่โรงเรียน ระหว่างที่เจค็อบกับเพื่อนกำลังออกจากบ้าน ฟลอร่าก็ได้รับโทรศัพท์เรียกค่าไถ่ เธอถึงกับเป็นลมไปกองกับพื้นสิ้นสติ เป็นเวลานานสักชั่วโมงเห็นจะได้ จนกระทั่งสามีกลับมาพบจากนั้นก็ทราบเรื่องโจรเรียกค่าไถ่ เขาจึงรีบไปที่สถานีตำรวจทันที ทว่าตอนนั้น เจ้าหน้าที่ที่รู้จักแซมมวล ไม่มีใครมาอยู่เวรสักคน จึงไม่มีการค้นหาเป็นกรณีพิเศษอะไร เพราะตามปกติตำรวจจะดำเนินการได้หากหายไปเกิน 24 ชั่วโมง ตามระเบียบที่วางไว้ เจค็อบและแซมมวลจำต้องแจ้งความใหม่ในวันรุ่งขึ้น เช้าต่อมา เจค็อบก็ได้รับจดหมายฉบับแรกแถมด้วยข้อความกำชับว่าห้ามแจ้งตำรวจ ให้อยู่แต่บ้านเพื่อคอยโทรศัพท์ ตอนนั้นเจค็อบเริ่มรวบรวมเงินตามที่จดหมายเรียกค่าไถ่เรียกเอาไว้ และแซมมวลก็ติดต่อหัวหน้านักสืบในกรมตำรวจชิคาโก ทุกคนแน่ใจว่านี้คือคดีเรียกค่าไถ่ และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา คนงานซ่อมทางรถไฟก็พบศพเด็กถูกยัดอยู่ในท่อระบายน้ำริมทะเลสาบวูล์ฟ นักข่าวเชื่อมโยงสองเรื่องเข้าด้วยกัน และบอกครอบครัวแฟรงค์ถึงสภาพเด็กที่คนงานเจอ เจค็อบพยายามคิดว่าศพนั้นต้องไม่ใช้บ็อบบี้ แต่ลุงแท้ ๆ ของเด็กน้อยก็อาสาไปดูศพให้ ขณะนั้นเองโทรศัพท์ในบ้านก็ดังขึ้น แซมมวลเป็นคนรับและฝ่ายที่โทรมา สั่งให้เขารอรถแท็กซี่สีเหลืองที่โจรส่งมารับ เจค็อบ แฟรงค์ ไปร้านายยาที่ 1465 ถนนหมายเลข 63 ตะวันออก แซมมวลยื่นโทรศัพท์ต่อให้แฟรงค์ คนร้ายบอกคำสั่งซ้ำอีกครั้ง ในนาทีวิกฤตินั้นทั้งแซมมวลและเจค็อบไม่ได้จดรายละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่ของร้านขายยาและพอวางหู เลยจำไม่ได้ว่าโจรมันบอกให้ไปไหน รถแท็กซี่มาถึงบ้านแฟรงค์จริง ๆ แต่คนขับก็ไม่รู้เหมือนกันว่าให้ไปไหน ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ลุงของบ๊อบบี้โทรมา บอกว่าเขาเห็นศพแล้ว...ใช่บ็อบบี้จริง ๆ
✥ สืบสวน ✥
คดีนี้กลายเป็นข่าวพาดหัวทันที และมีเงินนำจับมากมายให้แก่คนที่ให้เบาะแส เจค็อบ แฟรงค์ เสนอเงิน $5,000 หัวหน้าตำรวจมอร์แกน คอลลินส์ เสนอ $1,000 และสองหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของนครชิคาโก เดอะ ทรีบูน กับ เฮรอล แอนด์ เอ็กแซมไมเนอร์ ต่างให้ฉบับละ $5,000 อัยการแห่งรัฐ โรเบิร์ต อี. โครว์ เป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับคดีนี้ถ้าไขคดีนี้สำเร็จ เขารุ่งแน่ ๆ เพราะส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองที่เขากำลังเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรครีพับบลิกันสว่างไสวขึ้นมาทันที หน่วยสืบสวนสอบสวนเริ่มจากจุดนัดพบที่โจรโทรมาบอก แต่ในเมื่อแซมมวลและเจค็อบจำไม่ได้ พวกเขาก็ต้องตามจากร่องรอยอื่น ๆ หลักฐานชิ้นแรกที่พบคือ แว่นตาอันหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ของบ๊อบบี้แต่ตกอยู่ใกล้ ๆ ศพของเขา โชคไม่ดีที่แว่นตาอันไหน ๆ ก็เหมือน ๆ กันทั้งนั้น ไม่มีอะไรบ่งบอกเป็นพิเศษไปถึงตัวคนร้าย
แม้กระนั้นหนังสือพิมพ์ก็ยังอุตส่าห์ลงรูปแว่นอันนี้ และตำรวจก็พยายามนำมันไปถามตามร้านขายแว่นทุกร้านในย่านนั้น พยานวัตถุชิ้นสำคัญอย่างที่สองคือตัวจดหมายเรียกค่าไถ่นั้นแหละ กองพิสูจน์หลักฐานที่เก่งสุด ๆ พิสูจน์ได้ว่ามันใช้เครื่องพิมพ์อันเดอร์เวิร์ดแบบหูหิ้ว และผู้เขียนใช้ถ้อยคำภาษาอังกฤษได้อย่างดีไม่มีที่ติ แสดงว่าจะต้องเป็นคนมีการศึกษาที่สูงทีเดียว การออกคำสั่งทั้งหมดในจดหมายแสดงออกถึงความชาญฉลาดและรอบคอบ จนเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าฆาตกรรายนี้อันตรายอย่างยิ่ง จะประมาณไม่ได้เลยเชียว ตำรวจยอมรับลักษณะคงแก่เรียนของฆาตกรรายนี้ ตำรวจเรียกอาจารย์ผู้สอนวิชาในโรงเรียนฮาร์วาร์ด 3 คนมาสอบปากคำ รายหนึ่งถูกปล่อยตัว แต่อีก 2 คน ยังให้ปากคำต่อตำรวจต่อไป วันศุกร์ ริชาร์ด โลบ ไปที่บ้านเพื่อนสนิทคนหนึ่ง แล้วได้ฟังข่าวเรื่องตำรวจและนักข่าวกำลังตามหาฆาตกรฆ่าลูกชายของแฟรงค์ เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต ในฐานะเป็นเพื่อนบ้านคนรวยด้วยกัน อีกทั้งริชาร์ดรู้จักเด็กน้อยคนนี้พอสมควร เขาต้องแสดงความเป็นห่วงเป็นใยหน่อยละ ริชาร์ดกับเพื่อน ๆ แนะนำให้ไปค้นหาร้านขายยาตามที่โจรสั่งไว้ ซึ่งเจค็อบกับแฟรงค์ลืมที่อยู่นั้น ในการนี้ปรากฏว่ามีนักข่าว 2 คนที่เป็นเพื่อนบ้านกับเขา และทำงานอยู่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์รับปากจะสืบเสาะเรืองราวให้ จังหวะนี้แหละที่ริชาร์ดเผลอพิรุธออกมา ด้วยการแสดงความสนใจเกินเหตุเหมือนกลัวว่าร้านขายยาจะรู้อะไรเกินไป ซึ่งทางร้านขายยาเองบอกว่า ในวันเกิดเหตุมีโทรศัพท์ลึกลับตามหาตัว เจค็อบ แฟรงค์ ถึง 2 ครั้ง 2 คราว ริชาร์ดแสดงอาการตื่นเต้น และอดปากบอกเพื่อน ๆ ไม่ได้ว่า มันมาจากฉากหนึ่งในหนังสือการ์ตูนสืบสวนสอบสวน
นักข่าวคนหนึ่งถามริชาร์ดว่ารู้จัก บ๊อบบี้ แฟรงค์ ดีแค่ไหน โลบบอกว่าสนิทกันดีเลยล่ะ และ ถ้าผมอยากฆ่าใครสักคน ก็คงเป็นไอ้พวกขี้โอ่อย่างบ๊อบบี้ แฟรงค์นี้แหละ ทางด้านตำรวจก็ไปหาข้อมูลแถว ๆ ทะเลสาบวูลฟ์ พวกเขาถามคนที่ชอบมายิงนกตกปลาแถวนั้นแล้วพบว่ามีชายคนหนึ่งที่ชอบมาบริเวณที่พบศพเสมอ ๆ คือ นาธาน ลีโอโปลด์ นักเรียนที่เชี่ยวชาญในการดูนก ที่รู้เรื่องนกพอ ๆ กับนักสัตวศาสตร์ นาธานถูกสืบสวนอย่างหนัก แต่เขาตอบคำถามอย่างซื่อ ๆ ตรงไปตรงมาไม่น่าสงสัยอะไรสักนิด แต่ 8 วันให้หลังตำรวจพบว่า สายคล้องแว่นตาที่พบใกล้ศพเป็นของหายากราคาแพง มีขายแต่ในร้านแห่งเดียวในชิคาโก และหนึ่งในลูกค้าที่ซื้อมันคือ นาธาน ลีโอโปลด์
✥ จับกุม ✥
อัยการ โรเบิร์ต อี. โครว์ กังวลมากเกี่ยวกับอิทธิพลของตระกูลลีโอโปลด์ เพราะหากเขาสุ่มสี่สุ่มห้าส่งไปฟ้องลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลนี้ละก็ ดีไม่ดีอนาคตการเมืองของโครว์ถึงคราวดับแน่ เขาจะต้องระวังและต้องรอบคอบที่สุด 29 พฤษภาคม เขาเตรียมจับกุมตัวนาธาน ลีโอโปลด์ และเมื่อตำรวจทำการรวบตัวนาธาน พวกเขาถามเด็กหน่มว่า แว่นตาของเขาหายไปหรือเปล่า? นาธานบอกว่าเปล่าแว่นตาเขายังอยู่ ตำรวจก็เลยค้นบ้าน แต่ไม่พบ ในที่สุดนาธานจึงยอมรับว่าแว่นที่พบในที่เกิดเหตุเป็นของเขาเอง เขาคงทำเผลอตกตอนที่ส่องนกเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนมีคนพบศพบ๊อบบี้ นาธานบอกว่าเอาแว่นใส่ไว้ในกระเป๋าเสือแจ๊กเก็ต ตำรวจเลยขอให้เขาทำให้ดูว่ามันหล่นไปได้อย่างไร แต่ปรากฏว่าทำอย่างไรแว่นก็ไม่มีทางหล่นออกจากกระเป๋าเสือนั้นได้ นาธานถูกตำรวจนำตัวไปสอบสวนที่ห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วให้เขาเล่าตั้งแต่ต้นว่า เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมนั้น เขาไปทำอะไรที่ไหนบ้าง เด็กหนุ่มอ้างว่าเขาจำไม่ค่อยได้ แต่สุดท้ายก็เล่าว่า วันนั้นเขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับริชาร์ด โลบ ด้วยการดูนกด้วยกันในสวนสาธารณะลินคอล์น พอตกเย็นเขาก็ไปรับเด็กสาว 2 คนไปนั่งรถเล่น ก่อนจะกลับไปที่บ้านลีโอโปลด์ และรับคุณลุงคุณป้ากลับบ้านของท่าน ตำรวจพบว่า นาธาน ลีโอโปลด์ มีพิมพ์ดีดยี่ห้อแฮมมอนด์ มัลติเปิ้ลอยู่เครื่องหนึ่ง จึงยึดไว้ แม้ตัวอักษรในจดหมายเรียกค่าไถ่จะไม่มีร่องรอยตำหนิของตัวอักษรต่าง ๆ ตรงกับตัวพิมพ์ของเครื่องนี้ก็ตาม
นาธานไม่รู้เลยว่าในโรงแรมแห่งนั้นและในเวลาเดียวกัน ริชาร์ด โลบ ก็โดนสอบสวนอยู่อีกห้องหนึ่ง และให้ปากคำตรงกันว่า เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในวันที่ 21 พฤษภาคมอยู่ด้วยกัน แต่แยกจากกันตอนเย็น พอถูกถามหนัก ๆ เข้าริชาร์ดก็บอกว่าเขาจำอะไรในคืนนั้นไม่ได้เลย ด้วยความที่ไม่สงสัยว่าเด็กวัยรุ่นทั้งคู่จะช่วยกันปกปิดความผิด ตำรวจคนหนึ่งที่รู้จักกับริชาร์ด โลบเป็นการส่วนตัวบอกว่า นาธานเล่าว่าไปรับเด็กผ้หญิง 2 คน ริชาร์ดเหมือนจะรู้แกว ก็เลยสานเรื่องต่อไปว่าที่จริงเขาพาสาว ๆ ไปจอดรถในที่เปลี่ยวแห่งหนึ่งแล้วมีเซ็กซ์กับพวกหล่อน ที่ตอนแรกไม่ยอมเล่าเพราะกลัวพ่อแม่ดุ และเด็กสาวสองคนนั้นจะเดือดร้อนไปด้วยเท่านั้นเอง ผลการสอบสวนผ่านฉลุย เพราะเด็กทั้งคู่ให้การคล้ายคลึงกันมาก มีข้อต่างนิดหน่อยคือ นาธานบอกว่าคืนนั้นริชาร์ดเมามาก ทีมพนักงานสอบสวนเชื่อความบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มคู่นี้ และโครว์แสดงอาการขอโทษด้วยการพาสองคนนั้นไปทานมื้อเย็น แต่หลายฝ่ายยังกังขาสองคนนี้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสื่อข่าวที่ตามไปเจาะลึกกับพวกเพื่อน ๆ ร่วมมหาวิทยาลัย ข้อมูลที่นักข่าวค้นพบก็คือลีโอโปลด์มักจะใช้เรื่องพิมพ์ดีดแฮมมอนด์ พิมพ์รายงานส่งอาจารย์ แต่เขาก็ยังมีหูหิ้วอีกเครื่องด้วย เมื่อนำรายงานที่พิมพ์โดยเครื่องหูหิ้วนี้ไปเทียบกับจดหมายเรียกค่าไถ่ ก็ปรากฏว่าตำหนิของตัวพิมพ์ตรงกันทุก ๆ จุด อันหมายถึงจดหมายเรียกค่าไถ่ถูกพิมพ์จากเครื่องนี้แน่นอนที่สุด
นาธาน ลีโอโปลด์ กับราร์ด โลบ กลับเข้าสู่สถานการณ์เดือดร้อนอีกแล้ว ลีโอโปลด์ยอมรับว่าเขาเคยใช้เครื่องพิมพ์ดีดแบบหูหิ้วบ้างในบางครั้ง แต่ปฏิเสธว่าเครื่องอันนั้นเขาเป็นเจ้าของ เมื่อตำรวจถามสาวใช้ เธอตอบว่า เธอเคยเห็นเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องนั้นอยู่ในบ้านเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน ตำรวจสอบปากคำคนขับรถ เขาบอกว่าเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม เขาขับรถให้คุณผู้ชายตลอดวัน ซึ่งมันขัดแย้งกับเรื่องที่หนุ่ม ๆ บอกว่าพวกเขาใช้รถทั้งวันเหมือนกัน ตกลงใครกันแน่ที่ใช้รถของบ้านลีโอโปลด์ในวันนั้น!? เมื่อริชาร์ด โลบ ต้องเผชิญกับข้อซักถามที่หนักหน่วง ริชาร์ดเลยตัดสินใจสารภาพ พอรู้ว่า ริชาร์ด สารภาพ นาธาน ลีโอโปลด์ ทำได้เพียงแค่ยอมรับสารภาพด้วย คำสารภาพของทั้งสองคล้ายคลึงกันมาก ยกเว้นรายละเอียดว่าใครเป็นคนลงมือสังหารบ๊อบบี้ ทีแรกฝ่ายหนังสือพิมพ์เข้าข้างริชาร์ด โลบ และพยายามสร้างภาพว่านาธาน ลีโอโปลด์ เป็นคนต้นคิด และผู้นำในการก่อเหตุฆาตกรรมคดีนี้ ไม่นานนักหลังจากรับสารภาพถูกเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์และการพิจารณาคดีกำลังเริ่มต้นขึ้น สาธารณชนก็เริ่มแสดงพฤติกรรมประหลาด ๆ เริ่มจากผู้หญิงชิคาโกคนหนึ่งส่งช่อดอกไม้ 2 ช่อมาให้เด็กหนุ่มแต่ละคน พร้อมด้วยโน๊ตอวยพรขอให้ปลอดภัยจากโทษทัณฑ์ที่ได้รับในไม่ช้า และมีชายคนหนึ่งจากมิลวอคกี้ ก็อาสาเป็นจำเลยแทนแม้จะต้องรับโทษประหาร ขอให้ครอบครัวของริชาร์ดหรือนาธานก็ได้ยอมจ่ายเงินให้เขาหนึ่งล้านดอลลาร์ ริชาร์ด โลบ กับนาธาน ลีโอโปลด์ กลายเป็นคนดังของเมืองชิคาโกไปแล้ว!
✥ คำพิพากษา ✥
จากการรับสารภาพของเด็กหนุ่มทำให้ไม่ต้องมีคำถามที่ว่าพวกเขาทำผิดจริงหรือไม่ แถมทั้งคู่ยังพาตำรวจไปเก็บหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมด และยังมีการคุยโม้โอ้อวดกับสื่อมวลชนถึงแผนอันชาญฉลาดอีกแน่ะ สาธารณชนมองเห็นฆาตกรสองคนนั้นภูมิใจผลงานของตนไม่รู้สึกเสียใจหรือสำนึกผิดสักนิด ประชาชนในเมืองหวังว่า เมื่อไหร่เด็กสองคนนั้นจะถูกแขวนคอ! เย็นวันนั้น นาธาน กับ ริชาร์ด ยอมรับสารภาพ เจค็อบ โลบ ลุงของริชาร์ดไปเชิญทนายความ แคเลนซ์ แดร์โรว์ อายุ 67 ผู้มีชื่อเสียงในด้านว่าความให้จำเลยได้รับการลดหย่อนโทษหลายคดี และยังเป็นทนายความที่ฉลาดอีกด้วย ซึ่งเจค็อบบอกว่าทำไงก็ได้ไม่ให้พวกเขาพ้นจากโทษประหารก็พอ แดร์โรว์ตกลงจะว่าความให้ อัยการโครว์เข้าใจว่า แดร์โรว์จะงัดข้ออ้างว่าจำเลยทำโดยวิกลจริตซึ่งเป็นเหตุผลที่ฆาตกรส่วนใหญ่มักแก้ตัวในชั้นศาล แต่พอศาลเปิดพิจารณาคดี แดร์โรว์ทำให้อัยการโครว์และผู้คนทั่วไปถึงกับช็อก เมื่อยืนยันว่าจำเลยผิดจริง ทั้งคู่เลย! ที่ทำแบบนี้เพราะแดร์โรว์วางแผนไว้แล้ว นี่เป็นวิธีเดียวที่ทำให้พวกเขารอดพ้นจากการแขวนคอได้ นั่นคือไม่ให้มีการพิจารณาคดีโดยลูกขุน ซึ่งพวกนี้คงตัดสินประหารแน่ ๆ แต่ต้องใช้วิธีที่ทำให้ศาลเชื่อว่าความอ่อนเยาว์และความผิดปกติด้านจิตใจของฆาตกรคู่นี้ เป็นเรื่องที่สมควรจะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษในความผิดที่กระทำลงไปโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
โครว์ขอคัดค้านว่ารายงานผลการวิจัยแบบนี้นำมาอ้างไม่ได้ ปมด้อยในอดีตของฆาตกรคู่นี้ถูกสื่อมวลชนขยายให้เกิดมุมมองใหม่ ๆ เรื่องโฮโมเซ็กซ์ช่วลเป็นข้ออ้างที่ดีมาก ผลสุดท้ายความฉลาดของแดร์โรว์ก็มีผลทำให้มีการพลิกคดีจนประสบผลสำเร็จโดยสมบูรณ์ รวมถึงคำปราศรัยปิดท้ายซึ่งใช้เวลาถึง 2 วันเต็ม ๆ ซึ่งเป็นสิ่งน่าสนใจมาก จนถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ทางกฎหมายของสหรัฐอเมริกาว่า เป็นหนึ่งในคำปราศรัยที่ดีที่สุดและมีผลกระทบต่อคดีมากที่สุดตลอดกาล แดร์โรว์ทำให้คำฟ้องของฝ่ายโจทก์ที่ว่าเป็นฆาตกรรมเรียกค่าไถ่ตกไปอย่างไร้ความหมาย เขาทำให้คณะลูกขุนระมัดระวังมากขึ้น ในการตัดสินฆาตรคู่นี้ เป็นเรื่องง่าย ๆ และนิยมว่าดี ถ้าลูกความของกระผมจะถูกพวกคุณตัดสินให้แขวนคอ ผมรู้ดี...ชายหญิงทั้งหลายที่ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง จะปรมมือให้คำสั่งประหาร เพราะพิสูจน์แล้วถึงความโหดเหี้ยมไร้มนุษย์ธรรม ปราศจากความยั้งคิดของคนคู่นี้ มันง่ายที่จะตัดสินลงโทษประหารในวันนี้...แต่เมื่อเวลาผ่านไป...ในชิคาโกและตลอดแผ่นดินเสรีภาพของสหรัฐอเมริกา พวกเราที่เป็นพ่อเป็นแม่ ซึ่งมีจำนวนมากมายมหาศาล....จะเริ่มคิดได้เหมือน ๆ กันว่าไม่ควรยินดี ไชโยโห่ร้องในความตายของลูกความของกระผมเลย คำถามจะผุดขึ้นมาว่าเมื่อไหร่เราจะหยุดเลือดและน้ำตากันได้เล่า? ด้วยวิธีประหารของจำเลยเหรอ? สามัญสำนึกของมนุษย์จะทำให้เราต้องเสียใจที่ฆ่าพวกเขาให้ตายตกไปตามกันเช่นนี้ แล้วยังหยุดยั้งอาชญากรรมใด ๆ ไม่ได้เลย...กระผมขอวิงวอนว่า เราควรเอาชนะความโหดร้ายด้วยความเมตตา และทำลายความเกลียดชังด้วยความรัก......
19 กันยายน 1924 นาธาน ลีโอโปลด์ กับ ริชาร์ด โลบ ถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำโจเลียต ด้วยข้อหาฆาตกรรมและค่าเรียกค่าไถ่เป็นเวลา 99 ปี จากนั้นก็มีโทรศัพท์มาด่าทอเข้ามาจนรับไม่ไหว มีสองรายขู่จะวางระเบิดเรือนจำที่ขังสองฆาตกรนั้น หากศาลไม่สามารถลงโทษประหารสองคนนี้สำเร็จ และยังมีจดหมายประท้วงอย่างรุนแรงหลั่งไหลมาจากทั่วประเทศ เพราะการฆาตกรรมของฆาตกรคู่นี้เป็นสิ่งเลวร้ายมากจนประชาชนยอมรับไม่ได้เลย
✥ หลังจากนั้น ✥
ครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ทั้งลีโอโปลด์ ทั้งโลบ และแฟรงค์ ชีวิตที่เหลือหลังจากคดีนั้น มีแต่ฝันร้ายและความสยดสยองตามหลอกหลอนตลอดมา อัลเบริร์ต โลบ ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการหัวใจวายกำเริบนับครั้งไม่ถ้วน และหัวใจวายตายใน 1 เดือนต่อมาหลังจากลูกชายถูกตัดสิน ครอบครัวของลีโอโปลด์ เนรเทศตนเองออกจากเคนวู้ด สมาชิกครอบครัวหลายคนเปลี่ยนชื่อนามสกุลใหม่เพราะทนความอับอายไม่ไหว และไม่ยอมบอกให้ใครรู้ว่าเกี่ยวข้องเป็นญาติของนาธาน บิดาของนาธาน ลีโอโปลด์ ตายเพราะหัวใจล้มเหลวใน 5 ปี ต่อมา ฟลอร่า แฟรงค์ แม่ของบ๊อบบี้ ป่วยเป็นอาการจิตหลอนหลังจากลูกถูกฆาตกรรม แต่อาการของเธอดีขึ้นเมื่อสามีตาย และเธอก็แต่งงานใหม่ เจค็อบ แฟรงค์ ยังไม่หายความโศกเศร้าถึงการตายของลูกชาย เขาตรอมใจตายตามลูกชายในเวลาไม่ถึง 1 ปี
ผู้พิพากษา คลาเวอร์ลี ผู้พิจารณาคดี ต้องเข้าโรงพยาบาลทันทีเพราะอาการเครียดจัดจนหมดเรี่ยวหมดแรง นับจากนั้นเป็นต้นมาเขาต้องขึ้นบัลลังก์ได้เพียงคดีฟ้องหย่าเท่านั้น หนักกว่านี้ไม่รับ ส่วนแคร์โรว์ มีอนาคตสดใส เขารับว่าความคดีโด่งดังมากมายต่อมาอีกหลายปี คดีสุดท้ายคือ The Scopes Monkey (คดีนี้ฟ้องโดยผู้ปกครองเรื่องครูสอนเด็กเรื่องคนวิวัฒนาการมาจากลิง แต่พ่อแม่ผู้เคร่งศาสนารับไม่ได้ เพราะผิดหลักคำสอนของศาสนาเลยฟ้อง)
สำหรับ นาธาน ลีโอโปลด์ กับริชาร์ด โลบ นั้นแม้รัฐจะสั่งให้แยกขัง แต่พวกเขาก็กลับมาอยู่ด้วยกันจนได้ แถมยังเปิดสอนวิชาพิเศษให้เพื่อนชาวคุกด้วยกัน ลีโอโปลด์ก็ยังได้เรียนภาษาและวิชาการต่าง ๆ ที่เขาสนใจ 28 มกราคม 1936 ริชาร์ด โลบ ถูกทำร้ายอย่างแรงในห้องอาบน้ำ เขาถูกเจมส์ เดย์ เพื่อนร่วมห้องจู่โจมจากด้านหลัง ใช้มีดโกนปาดคอหอยอย่างแรง ริชาร์ด โลบ เจ็บปวดแสนสาหัสและตายอีกหลายนาทีต่อมา เพราะเสียเลือดจนช็อก เดย์กล่าวว่า ริชาร์ดกับเขาเป็นคู่ขากันมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และเกิดขัดคอกัน อย่างไรก็ตามทางการตัดสินว่า เจมส์ เดย์ ทำไปเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น ส่วนของนาธาน ลีโอโปลด์ เขายื่นขอทัณฑ์บนครั้งแรกในปี 1953 แต่ไม่สำเร็จ แต่ในที่สุดก็ได้ลดหย่อนผ่อนโทษได้สำเร็จ เมื่อ 1958 สรุปคือเขาใช้ชีวิตในคุกรับกรรมทั้งสิ้น 33 ปีเต็ม เมื่อถูกปล่อยออกมา นาธานอพยพโยกย้ายออกจากสหรัฐอเมริกา ไปอาศัยในเปอร์โตริโก ค.ศ. 1961 นาธานแต่งงานกับแม่ม่ายชาวเปอร์โตริกันที่มีอาชีพเป็นนักจิตวิทยา เขาถึงแก่กรรมอีก 10 ปี ต่อมาด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ก่อนตาย นาธานบริจาคดวงตาเมื่อเขาสิ้นใจ แก้วตาข้างหนึ่งของเขาถูกนำมาใส่ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ส่วนอีกข้างเปลี่ยนให้คนไข้ชาย
ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์นอกเหนือบุคคลที่กล่าวมาข้างต้น นอกเหนือจากนั้นคือวงการบันเทิง มีการสร้างหนัง 3 เรื่องที่มีแรงบันดาลใจจากคดีนี้ คือเรื่อง Rope (1948), Compulsion(1959) และ Swoon (1992) ภาพยนตร์ Compulsion (1959) สร้างจากนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนแนวลึกลับจากความวิปริตของโฮโมเซ็กซ์ช่วล ซึ่งมันทำให้ครอบครัวลีโอโปลด์เจ็บใจมาก ๆ จนถึงขั้นฟ้อง แต่ไม่สำเร็จ