บลอกของคนตัวเล็กๆ h blog
Google
Group Blog
 
All blogs
 

หนึ่งเสียงที่หายไปจากบ้านหลังเล็ก

ใครกันที่จะสามารถมองเรื่องความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นอนิจจังได้ตลอดเวลาบ้าง สัปเหร่องั้นเหรอ หรือพระสงฆ์ที่ครองจีวรสีเหลืองสดหล่ะสิ คงไม่สามารถตอบได้เพราะผมเคยเห็นพระร้องไห้เนื่องจากโยมแม่ของพระรูปนั้นตายมาแล้ว
เวลามีสิ่งใดใกล้ๆตัวตายไป เราจะพูดจากันเหมือนกับเรื่องความตายตรงนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก เป็นเรื่องตลก คนกรุงเทพมักเป็นกันแบบนี้ วันนี้ผมทำอย่างนี้ ผมคิดว่าคนที่ทำอย่างนี้ หมายถึงคนที่ชอบเอาเรื่องของความตายมาพูดเหมือนเรื่องปกตินั้น แท้จริงแล้วคงเป็นเหมือนผม คืออ่อนแอและเปราะบาง เราไม่อยากให้ใครเห็นว่าเราอ่อนแอ เราคิดว่าการทำอย่างนี้เป็นเหมือนเกราะป้องกันตัวเอง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเกราะนั้นมันใช้กับผมไม่ได้ รูมันใหญ่เกินไป

13 ปี ที่ผมเลี้ยงไอ้เป้ หมาพันธ์ทางมา ผมก็ไม่รู้ว่ารักมันหรือเปล่า เพราะเราเห็นกันมาตั้ง 13 ปี มันธรรมดามันชาชิน กับการที่เห็นมันวิ่งมาออกันตรงประตูเวลาที่เราจะเข้าบ้าน หรือเห่าตอนดึกๆ นึกแล้วขำตอนวันตรุษจีน เราจะจุดประทัดสีแดงแถวใหญ่กัน แล้วมันจะวิ่งแทบจะหัวทิ่มไปเข้าห้องน้ำ เป้มันแก่มากๆ ปากมันเบี้ยวน้ำลายมันจะไหลตลอด เห่าเสียงแห้งๆ ดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด ช่วงปีที่ผ่านมา มันแก่มากๆ จนเราแทบจะไม่เชื่อว่าบทหมามันจะแก่ มันจะแก่เร็วขนาดนี้ สองเดือนที่แล้ว ผมเดินเล่นอยู่ในบ้าน อยู่ๆไอ้เป้ก็วิ่งเข้ามาชนที่มือผมอย่างแรงทำเอานิ้วก้อยมือผมซ้น ผมโมโหมาก วิ่งเอาไม้ไล่ตีมัน พ่อผมมาห้ามไว้ พ่อผมบอกว่าหมามันจะเล่นด้วย ไปตีมันทำไม ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที นึกไปนึกมาเราย้ายมาอยู่บ้านนี้ได้ 3 ปีแล้ว และก็เป็น 3 ปีที่ยาวนาน สำหรับหมาที่ถูกแย่งความรักด้วยมั้ง เพราะผมได้หมามาใหม่เมื่อตอนที่ย้ายมาอยู่บ้านนี้ มันน่ารักกว่าไอ้เป้ และมันก็ขี้อ้อนมากกว่า ผมไม่รู้ตัวว่าผมเริ่มแบ่งข้าวให้ไอ้เป้น้อยกว่าไอ้แดงหมาตัวใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจำไม่ได้ แต่ตอนนี้รู้สึกเสียใจอยู่ เสียใจ
คนเราก็แบบนี้ เวลาเจอของใหม่ที่ถูกใจกว่า ก็มักจะมองข้ามหรือทอดทิ้ง สิ่งที่อยู่ใกล้ๆตัวเราไป

เกือบหนึ่งอาทิตย์ที่มันลุกขึ้นเดินไม่ได้ ไม่กินข้าวไม่กินน้ำ กิจวัตรของพ่อผมจึงเป็นดังนี้ เช้าตื่นมา พ่อผมจะอุ้มไอ้เป้มาที่หน้าบ้าน มันจะนอนอยู่อย่างนั้น หายใจแต่ไม่ลืมตา เหมือนผ้าเช็ดเท้าเก่าๆ ชื้นๆ พอบ่ายพ่อผมก็จะอุ้มไปไว้ที่หลังบ้านเพราะมันไม่มีแดด เมื่อถึงเวลากิน พ่อผมก็จะอุ้มมันมาอีก เอาน้ำลูบหน้าให้มัน และก็ป้อนข้าวให้มันด้วยมือ ผมรู้สึกทึ่งพ่อผมมาก
วันนี้ตอนสิบโมงครึ่งหลังจากที่พ่อผมอุ้มมันมาไว้หน้าบ้าน อาการมันไม่ดีเลย ผมพยายามยิ้ม แต่ไม่ไหวจริงๆ ทุกคนก็คงรู้ พ่อผมเดินไปดูคนงานทำงาน หลังจากที่เอามันมาวางไว้ ผมยืนมองมันอยู่อย่างนั้นกับแม่ เราไม่รู้จะพูดอะไรกันดี ผมรู้สึกอยากพูดอะไรกับมันนะแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร สิบโมงครึ่ง มันเห่าออกมา 3 ที หลังจากไม่เห่ามาร่วมอาทิตย์ เป็นเสียงเห่าที่แปลกที่สุดในชีวิตผมเลย พวกเราทุกคนวิ่งมาดูมัน พ่อผมเดินไปคุยกับมัน บอกมันว่า ไปเหอะเป้ อย่าทรมานเลย แล้วก็พูดอะไรกันอีกนิดหน่อย น้องผมต้องร้องไห้แน่ถ้าอยู่ตอนนี้ ผมเดินไปทางอื่นกลืนมันลงไปในคอในหน้าอกตัวเอง หนึ่งนาทีหลังจากนั้นมันก็ตาย พวกเราเอาหมาไปฝังไว้ที่หลังบ้าน ลูก เมียของมันเงียบไปทั้งวัน ไม่กินข้าว ไม่เห่า ผมรู้สึกแย่มากๆ แต่รู้สึกแย่มากกว่า เมื่อคนงานผมพูดว่า ตัวอื่นอย่าเพิ่งตายนะโว้ย กูขี้เกียจขุด ดินมันแข็ง แล้วก็หัวเราะกัน ผมรู้สึกเกลียดตัวเองมากที่หันไปร่วมหัวเราะกับเขา

ตี 1 กลับถึงบ้าน ไม่มีไอ้เป้ ที่ประตูตรงที่จะเข้าบ้านแล้ว จานข้าวของมันก็ไม่รู้คนเก็บไปไหน รู้สึกใจหาย เคยพูดกับใครไว้ไม่รู้ว่า เลี้ยงหมาเนี่ยเหมือนคนมีกรรม ไปไหนนานๆก็ไม่ได้กลัวหมาหิว สงสัยชาติที่แล้วคงไปทำอะไรมันไว้มั้ง ชาตินี้ถึงต้องคอยมาตามเลี้ยง มาดูแลมันถึงขนาดนี้

ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่กรรม มันคงเป็นบุญร่วมกันมากกว่า ชาติหน้ามีจริงพี่เอ็มขอเลี้ยงไอ้เป้อย่างนี้ต่อไปละกัน ลาก่อน .....





 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2549 18:50:13 น.
Counter : 352 Pageviews.  

คนม้าบิน คำสัญญาโง่ๆ

ค.รู้สึกแรกที่ผมหยิบ vcd.the promise คนม้าบินขึ้นมา ในหัวโล่ง ว่างเปล่า เห็นภาพดาราเกาหลีที่ชื่อแจ ดอง กัน กอดกับ จางป๋อจือ เท่านั้น หน้าปกสวยดี ซื้อไปดูเล่นๆดีกว่า
เมื่อกลับมาเปิดดูที่บ้าน ผ่านไปไม่ถึง 5นาที ค.รู้สึกเป็นเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กอายุ 12 ที่ดูหนังรักแล้วรู้สึกซาบซึ้งเป็นครั้งแรก หนังเรื่องนี้เหมือนนิทาน มากๆ มีแต่เรื่องที่มหัศจรรย์และไม่น่าเป็นไปได้เต็มไปหมด ตั้งแต่ตัวนางเอกที่สวยมากแต่มีกรรมเนื่องจากสัญญากลับแม่มดหรือนางฟ้าก็ไม่รู้เอาไว้ ทำให้ไม่สามารถจะรักใครได้หากรักใครคนนั้นจะต้องตาย หรือพระเอก ที่เป็นพียงแค่ทาสที่ต้อยต่ำ จะไปไหนมาไหนก็ต้องคลานไป ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะลุกขึ้นเดินเนื่องด้วยเป็นทาส กับพระเอกอีกคนหนึ่งเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ภายใต้เกราะสีแดง
ครั้งนึงที่แม่ทัพเกราะแดงได้พระเอกมาเป็นทาสส่วนตัว เนื่องด้วยตัวเองได้รับบาดเจ็บ จึงส่งให้พระเอกที่เป็นทาส แต่ยืนได้แล้ว ไปทำงานแทนแต่ต้องใส่หน้ากากปกปิดโฉมหน้าไว้ พระเอกทาสของเราไปทำงานแทนแต่พลาดพลั้งมือไปฆ่าฮ่องเต้ตาย เนื่องด้วยต้องการจะช่วยนางเอก สุดท้ายพระเอกทาสของเรามาจนมุมพร้อมกับนางเอกที่ริมหน้าผา เหล่าทหารที่ตามมา ต้องการจะล้างแค้นให้ฮ่องเต้และต้องการตัวนางเอกที่เลอโฉมกลับไป ได้บอกกับพระเอกทาสในชุดเกราะว่า หากเจ้ายอมโดดหน้าผาไป เราจะไว้ชีวิตผู้หญิง ไม่ทันขาดคำดี พระเอกเดินไปบอกกับนางเอกว่า เจ้าต้องอยู่ต่อ ห้ามตายนะ แล้วก็โดดหน้าผาไปพลัน
นางเอกรู้สึกรักเป็นครั้งแรก แต่ไม่ทัน ที่จะแสดงออก พระเอกทาสก็โดดหน้าผาไปซะแล้ว เรื่องราวสนุกน่าติดตามไปอีกสักพัก มีอะไรที่ทำให้ผมสะดุดใจอยู่บ่อยครั้ง ผมชอบความรู้สึกแอบรัก ของคนที่รู้ว่าตัวเองต่ำต้อยมากๆ ความรู้สึกที่ว่าเราคงจะได้แต่มองเขาไปอย่างนี้ตลอดไปนั้น มันยิ่งกว่าคำว่าโรแมนติก บางทีความเจ็บปวดก็คือความโรแมนติก
ฉากสุดท้าย หลังจากที่นางเอกได้รู้ความจริงแล้วว่าพระเอกทาส เป็นคนช่วยเธอนั้น เธอพยายามที่จะรัก และมันเกือบสำเร็จ แต่เมื่อพระเอกที่เป็นแม่ทัพได้พูดคำๆเดียวกันกับที่พระเอกที่เป็นทาสพูด “เธอต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป” นั้น มันทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งมากกว่าคำพูดที่มาจากคนที่ช่วยชีวิตเธอที่แท้จริง เหมือนกับชีวิตจริงของคนเรา คำว่ารักจากคนรวย จากดารา จากนักการเมืองหรือไฮโซ ย่อมฟังแล้วซาบซึ้งมากกว่าคำว่ารักของคนขับมอเตอร์ไซค์คิวหรือหนุ่มโรงงานอยู่แล้ว
ลองไปหามาดูกันละกันนะครับ ผมจะเป็นไอ้ขวัญคนสุดท้ายบนโลกนี้ครับ ต่อให้อีเรียมมันจะเป็นแค่ตัวละครประโลมโลกก็เถอะ.....




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2549    
Last Update : 30 พฤษภาคม 2549 18:43:12 น.
Counter : 1622 Pageviews.  

สงกรานต์จ๋า ตัวไม่เปียกเลยทำไงดี

สงกรานต์ๆ มันส์จริงๆ มันส์ ๆ ๆอยู่คนเดียว มันส์ๆ อยู่คนเดียว โอเย้ นั่งบิ้วอารมณ์ตัวเองเต็มที่ ปีนี้ไม่ได้ไปเล่นสงกรานต์ที่ไหนทั้งสิ้น เนื่องด้วย ไม่มีเพื่อน เหตุผลฟังดูงี่เง่ามากๆ แต่เป็นเรื่องจริงสุดๆ เพื่อนๆส่วนใหญ่ของเรามักจะไปเที่ยวกับครอบครัวตัวเอง ลูก เมีย หรือ เมียน้อยกัน เพื่อนที่คอยไปเที่ยวสงกรานต์ด้วยกันมาทุกปี ปีนี้ก็หนีไปอยู่ภูเก็ตซะแล้ว แล้วทำท่าว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วด้วย ลาทีบางกอก มันว่างั้น
เราเที่ยวสงกรานต์ที่ตรอกข้าวสารมาติดต่อกันตั้ง 5 ปี แน่ะ แต่ปีนี้พอไม่ได้ไป พอมากลายเป็นคนนั่งดูภาพความสนุก ความบ้าคลั่งของผู้คนทาง tv. แล้วก็รู้สึกว่า เออเว้ย ไม่ไปสักปี ก็ไม่ตายนี่หว่า ดูคนอื่นเขาสนุกกัน เราก็ยิ้มได้เหมือนกันนะ.....
นั่งดูข่าวไปเรื่อย ไปสะดุดกับข่าวนึงเข้า ที่บ้านพักคนชราที่ไหนไม่รู้ ปีนี้ได้มีโอกาสจัดงานเลี้ยงรื่นเริงกัน เป็นครั้งแรกที่มีเด็กกำพร้ามาคอยให้ความสุข ... ฟังดูแปลกๆแฮะ คนแก่ที่ถูกทอดทิ้ง โดยลูกหลานตัวเองได้มีโอกาสร้องรำทำเพลง และนั่งดูการแสดงที่เตรียมมาของเหล่าเด็กๆที่ถูกทอดทิ้งมา และมีการรดน้ำดำหัวขอพรกันด้วย นั่งดูข่าวไปรู้สึกเศร้าๆไงก็ไม่รู้ คนแก่ๆพวกนั้นคงอยากให้คนที่มารดน้ำให้เป็นลูกหลานตัวเองแน่ ส่วนเด็กที่มารดน้ำคนแก่นั้น จริงๆก็คงอยากจะรดน้ำขอพรพ่อแม่ตัวเองแน่ๆ ภาพการปลอบใจกันเองของเหล่าคนที่ถูกทอดทิ้งในข่าวภาคกลางวันทำให้ผม รู้สึกแย่ขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อภาพข่าวที่ตัดกลับมาเป็นการรายงานบรรยากาศปาร์ตี้โฟมที่ตรอกข้าวสาร
เป็นสงกรานต์ที่แปลกมากสำหรับผม มันเงียบไปหมด ไม่มีเพื่อนโทรมา พ่อแม่ไม่อยู่ที่บ้าน โรงงานบ้านเรือนปิดกันไปหมด น้องสาวไม่กลับบ้าน เพราะติดงานทั้ง 2 คน เพื่อนๆในวงของตัวเองก็หนีกันไปต่างจังหวัดหรือไม่ก็ติดอยู่ที่ร้านเหล้ากันหมด โอวว อยากๆๆ ถามตัวเองอีกที นี่กูอยากทำอะไรกันแน่วะ อยากไปเล่นน้ำ ที่ข้าวสาร หรือจริงๆ แล้วแค่อยากอยู่กับเพื่อนๆ กันแน่ มาทราบตอนหลังว่า อ๋อ เราแค่อยากห้อย ไปกับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตรอกข้าวสาร ไม่จำเป็นต้องสงกรานต์
ไม่อยู่แล้วบ้าน พารถเต่าปี 68 ไปเที่ยวกันดีกว่า ว่าแล้วก็วิ่งไปเปิดประตูเหล็กหนักสีเหลืองให้ห่างออกจากกัน เพื่อจะไปร่อนกินลมชมคนเล่นน้ำ นึกขึ้นได้ว่าช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมามีนกเขาคู่นึงเพิ่งมาอาศัย เกาะพุ่มไม้หน้าบ้านบนขอบประตูเหล็กเป็นรังของมัน ว่าแล้วก็เปิดประตูให้เบาที่สุดเท่าที่ผู้ชายหนัก 60 กก.จะทำได้ ไม่อยากให้มันบินหนีไปไหน อยากให้มันอยู่กับเราไปนานๆ
ขับมาได้แค่นิดหน่อย เพิ่งสังเกตเห็นว่า แถวบ้านเราเปิดสระว่ายน้ำใหม่ โคตรดีใจ เราชอบว่ายน้ำมาก วันนี้กูจะมาว่าย ตั้งใจไว้เลย แต่ตอนนี้ขับรถเล่นก่อน เห้ยย รถไม่ติดเลย ไม่ใช่ ถนนไม่มีรถเลย มีความสุขจัง ขับรถช้าก็ได้ ไม่มีใครไล่ เปิดเพลงที่ชอบ ดูคน เปิดกระจกให้ลมกระแทกหน้าไปเกือบตลอดทาง จนกระทั่งเริ่มจำได้ว่าตัวเองเป็นต้อลม หมอบอกไว้ว่าอย่าโดนลมบ่อยๆนะไม่ดี ประกอบกับเริ่มเคืองตา จึงหยิบแว่นที่ใส่แล้วจะดูหล่อมากๆ ขึ้นมาใส่ โอเยๆๆๆ

รู้สึกสงบและโคตรมีความสุขเลย แปลกใจกับตัวเองจัง ทำไมความสุขของเรามันง่ายอย่างนี้วะ ทำไมมันไม่ยิ่งใหญ่เลย มันเป็นเรื่องแค่นี้เองที่ทำให้เรารู้สึกเป็นสุขจริงๆหรือ ใจตอบว่าจริง รู้สึกขอบคุณตัวเอง.....

แวะไปสระว่ายน้ำแล้ว ไม่กล้าว่าย เพราะไม่มีเพื่อนมา จะแปลกไหมถ้าเรามาว่ายน้ำคนเดียว เราไม่ได้เป็นโรคจิตที่จะมานั่งมองผู้หญิงในชุดว่ายน้ำนะ ไม่ได้ตั้งใจจะมาดูนม ดูตูดใคร จะแปลกไหม เพราะเรามาคนเดียว ทำไมกูคิดอะไรเยอะอย่างนี้วะ ก็แค่อยากว่ายน้ำเท่านั้นเอง หนีกลับบ้านก่อนดีกว่า รู้แล้วว่าสระเปิดถึง 5 ทุ่มเดี๋ยวค่อยมาดึกๆหน่อยก็ได้ แต่ถ้าเรามาตอนดึกๆ จะยิ่งดูเหมือนคนโรคจิตเปล่าว้า.....

สวัสดีปีใหม่เด้อ ทุกผู้ ทุกนาม




 

Create Date : 17 เมษายน 2549    
Last Update : 17 เมษายน 2549 21:48:17 น.
Counter : 345 Pageviews.  

ชุมนุมมนุษย์หมู่จุ่มลาดหญ้า (ภาคสุดท้าย)

ยินดีต้อนรับ เพื่อนกลับมาจากออสเตรเลียแล้วววววว

เอ่อ แล้วไง มันกลับมาแล้วไง ราคาน้ำมันไม่ได้ลดลงซะหน่อย อาการบ้าคลั่งของคนไทย จะหายไปอย่างนั้นเหรอ ก็ไม่นะ ช่างมันตั้งคำถามไปกับสายลมอากาศอะไรไปอย่างนั้นแหละ
เพื่อนผมมันชื่อไอ้แก่ มันไปได้ราว 6 ปีแล้ว เพิ่งคิดถึงพ่อแม่มันมั้ง ถึงได้กลับมา พอขามันเหยียบประเทศไทยดินแดนแห่งรอยยิ้มปั๊ป มันก็โทรมาเรียกเพื่อนๆ ให้ไปหาที่รวมพลกันทันที สรุปกลายเป็นร้านหมูจุ่มลาดหญ้าเช่นเคย เบื่อมาก แต่ก็ไป
ผมไปถึงซะเลทสุด อดกินปากเป็ดทอดของโปรดเพราะของหมด เลยเรียกเจ้าของร้านมาอบรมซะหน่อย ว่าทำไมไม่หาปากเป็ดทอดไว้ให้เยอะๆกว่านี้ สต๊อกของอ่ะ รู้จักไหม ทำไมต้องมาทะเลาะกันเรื่องปากเป็ดทอดอย่างนี้ทุกครั้งเลยนะ เดี๋ยวก็หนีไปกินร้านอื่นซะหรอก เจ๊ทำหน้าไม่ยี่หร่ะ คงเพราะเบื่อกูเหมือนกัน มาทุกทีก็โวยทุกที
ขณะที่กำลังกินเนื้อย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น เราเพิ่งสังเกตเห็นว่า เออหว่ะ ตั้งแต่เรามานี่ ยังไม่มีใครคุยกับเราเลยนี่หว่า รู้สึกเขินเพื่อนตัวเองนิดหน่อย จึงทำเป็นซดโค้กแก้เขิน ว่าแล้วก็เริ่มทักเพื่อนๆทีละคน เพื่อนผมก็แสนดี ทักใครก็ตอบกลับมา ถามคำก็ตอบคำ เมื่อเราไม่ถามคนอื่นก็นั่งคุยกันต่อ เมื่อเราพยายามจะเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างเรื่องที่คุย เขาก็จะหันมาตอบเราคำนึงแล้วก็หันไปต่อยอดความสนุกกันต่อ
รู้สึกเหงาๆแฮะ.....

เห้ยแก่มึงมีแฟนยังวะ ผมถาม มันบอกยังไม่มี แต่ได้ลองจีบผู้หญิงอยู่บ้างตอนอยู่ที่โน่น มีอยู่รายนึงหน้าตาน่ารักคิกขุโคตรเจอกันตอนลงเรียนคอมพิวเตอร์ที่โน่น มันจึงลงมือจีบเลย อังกฤษงูปลาทั้งคู่ เกือบจะรักแล้วนะไอ้แก่บอก พอถามว่าบ้านอยู่ไหน เธอบอกพม่า ไอ้แก่รู้เลยเสีย self นึกว่าจะได้สาวเกาหลีฮ่องกงมาเป็นแฟนซะแล้ว พอเล่าจบทุกคนก็ฮากัน แต่ผมไม่เห็นขำเลย มุกเชื้อชาตินี่มันตลกจริงๆหรือวะ
ทุกคนพูดคุยกันแบบเนื้อเรื่องต่อเนื่องมากๆ คนนี้หยอดนิด อีกคนตบอีกหน่อย อูย...สนุกกันจริงๆ แต่ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ผมเหมือนอากาศ เหมือนควันก้อนเล็กๆ ที่ลอยไปลอยมาระหว่างคำพูดของคนที่เราเรียกเขาว่าเพื่อน ผมพลาดอะไรไปหรือเปล่าช่วง ปี 2ปี ที่ผ่านมาเนี่ย พยายามนั่งคิดทบทวนเบาๆ อยู่หัวโต๊ะ แล้วผมก็คิดออก แต่...ไม่เห็นเป็นไรหนิ ชีวิตเรามันอยู่ตรงนั้นมากกว่าตรงนี้จริงๆ เรามันคงน่าเบื่อด้วยแหละ เมื่อเพื่อนๆนัดกันไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือนัดกินเหล้ากัน ผมก็ไม่ได้ไป นัดไปดูฟุตบอลกันผมก็ไม่ไป ดูหนังหรืออะไรๆ ผมก็ไม่ไป นานวันเข้ามันก็คงเบื่อและค่อยๆ ลืมเราไปเอง
แต่กูก็มีเหตุผลของกูนะ คนที่กูเรียกว่าเพื่อนทั้งหลาย แต่คนปากหนักปากหมาอย่างเรา มันขี้เกียจมานั่งอธิบายชีวิตของตัวเองให้ใครฟังซะด้วยสิ เราไม่เคยหลงลืมเพื่อนๆของเราเลยนะ แต่เรามีปัญหาหลายอย่างจริงๆ พอมาถึงวันหนึ่ง เมื่อเพื่อนของเรามันจะหลงลืมเราไปบ้างมันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ก็เราอยากเท่ห์แบบโดดเดี่ยวเองนี่หว่า 555
ว่าแล้วก็ถึงเวลาเก็บตังค์ แอบนึกในใจ ว่าเพื่อนกันมันมีค่ากันตอนหารค่าเหล้านี่แหละวะ เพื่อนกันเนี่ยจะรักกันมากขึ้นถ้าได้กินเหล้าร่วมกัน แต่ในกรณีเราคงสายไปหน่อยแล้วหล่ะมั้ง
ตั้งใจไว้ว่าคราวหน้าถ้ามีการชวนกันจากเพื่อนกลุ่มนี้อีก เราอย่ามาเลย

และผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ที่วันนี้ผมมา ไม่มีใครชวนหรือเรียกผมให้มาสักหน่อย.....
5/4/49 3นาฬิกา 40นาที กู...เหงา...มาก




 

Create Date : 17 เมษายน 2549    
Last Update : 17 เมษายน 2549 21:47:11 น.
Counter : 355 Pageviews.  

ความพยายามของลูกไก่ป่า.....

เคยบอกเพื่อนๆเอาไว้แล้วว่า ถ้าคิดจะคบกันรักกัน อย่าคุยกัน 2 เรื่องนี้ เพราะมันอาจจะทำให้เรามองหน้ากันไม่ค่อติด ในวันนั้นที่พูดไปมันคงนึกว่าเราพูดเล่นมั้ง เรื่องทะเลาะกันของคืนเมื่อวานมันถึงได้เกิดขึ้น

"อย่าคุยกะกูเรื่องศาสนาและการเมืองนะเว่ย"
"เรื่องอื่นคุยได้หมดยกเว้น การเมืองกับศาสนานะ"
พอมานั่งคิดดูแล้ว คงเป็นเพราะเรามันเป็นคนพูดอะไรแล้วฟังดูเหมือนเล่นๆไปหมดมั้ง คนฟังถึงได้ไม่ค่อยเชื่อกัน

เกลียดการเมืองหว่ะ.....

แต่...เคยมั้ย ไปถามใครคนหนึ่งว่า คุณชอบพรรคการเมืองอะไร แล้วเขาตอบว่า ขอโทษครับ ผมไม่สนใจการเมืองหน่ะ
นั่นแหละ จงรู้ไว้เลยว่าเขาเป็นคนที่สนใจการเมืองมากในระดับนึงเลยนะ คนที่ตอบอย่างนี้หน่ะ

ตอนอายุ 26 ผมไปบวช ตอนสึกออกมาค่าโทรศัพท์แพงยิ่งกว่า 3 เดือน รวมกัน ผมบวชเพราะอยากบวช จริงๆไม่ต้องบวชก็ได้ เพราะพ่อผมไม่ใช่คนพุทธ แม่เป็นคนจีน น้องคนกลางก็ถือคริสต์ ส่วนคนเล็กนับถือตามพ่อแต่จริงจังกว่า เวลาวันอาทิตย์ถ้าทุกคนได้มานั่งกินข้าวพร้อมกันต้องระวังไว้ให้ดีอย่าเปิดประเด็น ศาสนาขึ้นมา ไม่งั้น เราจะต้องกินน้ำกันเยอะกว่ากินข้าวแน่ๆ

ผมบวชที่สุราษฏร์ วัดเล็กๆ ที่พอเราเข้าไปบวชแล้วแทบจะกลายเป็นรองเจ้าอาวาสเลยทีเดียว เพราะทั้งวัดมีพระอยู่รูปเดียวนั่นคือเจ้าอาวาส การไปบวชของผมนั้นเหมือนผมตั้งใจเข้าไปหาเต็มที่ แต่อาจจะเป็นเพราะสติปัญญาเรามันน้อยต่ำเตี้ยเลียดินก็ได้ ผมจึงไม่ได้อะไรแบบที่ผู้ชายไปบวชแล้วได้ออกมากัน...ผมไม่เห็นสงบเลย ผมชอบนั่งดูลูกวัวที่เป็นโรคจิตตัวหนึ่งในวัด ผมชอบให้อาหารแมว หมา มากกว่านั่งท่องบาลีในกุฏิ ชอบกวาดเศษใบไม้แห้ง ล้างบาตร และอย่างอื่นมากกว่า
สิ่งที่ผมชอบที่สุดในการบวชคือ การเดินบิณฑบาตรตอนเช้า อากาศบริสุทธิ์ เดินตามตาหลวงไป ใจผมสงบ แทบจะทุกบ้านเขาจะตักบาตรกันหมด นี่คือสิ่งที่แตกต่างกับกรุงเทพ เมื่อเดินกลับมาถึงวัด เด็กวัด หมา แมว ก็เตรียมตัวอิ่มกันได้เลย เพราะกับข้าวอาหารเยอะมาก กินกันทั้งวัด ยังเหลือทุกวัน

วันหนึ่งก่อนสึกพระประมาณ 2 วัน ผมล้างบาตรอยู่แถวๆเล้าไก่ป่าในวัด แม่ไก่ป่าตัวนี้ ตอนผมเข้ามาใหม่ๆ มันพึ่งมีลูกไก่ของมันพอดี 6-7 ตัวได้มั้ง ผมก็เลยเห็นการเติบโตของลูกไก่ป่านั้นไปพร้อมๆกับแม่ของมันเอง เล้าไก่ป่านี้เป็นเล้าไก่แบบเปิด อยู่ใต้ต้นสาละ ไม่รู้ว่าสะกดอย่างนี้หรือเปล่านะ
วันนั้นผมล้างบาตร จาน ช้อน และอื่นๆอยู่หน้ากุฏิ ผมเพิ่งสังเกตว่า วันนี้แม่ไก่ป่า พาลูกๆของมันออกมาเดินเล่นกัน มันเดินกันเป็นขบวนน่ารัก ผมล้างไปดูไป แล้วจู่ๆพวกมันทั้งหมด ก็ไปหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีกิ่งไม้มากต้นหนึ่งซึ่งก็ไม่ได้ห่างอะไรกับผมมากนัก ต้นไม้ต้นนั้นมีกิ่งเล็กกิ่งน้อยยุ่บยั่บไปหมดดูแล้วน่าปวดหัว ทันใดนั้นแม่ไก่ตัวนั้นก็กระโดดเกาะกิ่งไม้ขึ้นไปทีละกิ่ง ทีละกิ่ง ขึ้นไปสูงทีเดียวประมาณว่าตึก 2 ชั้นได้มั้ง ผมมองอย่างตื่นเต้น แม่ไก่ป่าเมื่อขึ้นไปข้างบนได้ ก็ขันซะหน่อย เหมือนจะบอกว่า แม่ทำได้ แล้วมันก็ง่ายมากซะด้วย มันเกาะอยู่นิ่งบนกิ่งที่ดูใหญ่และแข็งแรงที่สุด และตอนนี้สิ่งที่น่าตื่นเต้นกว่าก็เกิดขึ้น ลูกไก่ทั้งหมดของมันพยายามที่จะปีนต้นไม้ขึ้นไปเหมือนแม่ของมัน พวกมันพยายามกระโดดเกาะกิ่งเล็กๆเหล่านั้น แล้วพาตัวมันขึ้นไปบนนั้น ทีละกิ่งๆ ผมมองอย่างตื่นเต้น นี่สิวะ reality ผมนึกในใจ ...

ในพลันนั้นเองผมเพิ่งสังเกตเห็นลูกไก่ตัวนึง ตัวมันดูเล็กกว่าตัวอื่นนิดหน่อย กำลังพยายามกระโดดขึ้นไปเหมือนตัวอื่นๆ แต่ที่แตกต่างก็คือ มันขึ้นไปได้ 2-3 กิ่งแล้วก็จะตกลงมา ขึ้นไปใหม่ได้อีก 3-4 กิ่งแล้วก็ตกลงมาอีก ผมมองมันอย่างเอาใจช่วย ดูความพยายามเล็กๆของมัน สิ่งที่มันกำลังทำอยู่นี้ไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆให้กับโลกนี้ แต่มันกำลังจะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับผมไปตลอดกาล...

ผ่านไปเกือบครึ่ง ชม. ทุกตัวขึ้นไปอยู่บนกิ่งนั้นกับแม่ของมันหมดแล้ว พวกมันทุกตัวขึ้นไปนั่งเรียงกันข้างบนส่งเสียงจิ๊บๆน่ารัก เหลือเพียงแต่มัน มันกระโดดอยู่อย่างนั้น แล้วก็ตกลงมา กระโดดไป แล้วก็ตกลงมาอีก เหมือนภาพซ้ำๆกัน ผมรู้สึกเหงาขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก มองมันแล้วก็คิดไปเรื่อย ผมคิดเล่นๆ ว่าอาจเป็นเพราะเราไปจ้องมองมันมากเกินไปหรือเปล่านะ ทำให้มันรู้สึกขยับตัวยากมากขึ้น เนื่องจากถูกจับจ้องจึงทำให้มันรู้สึกกดดันหรือเปล่านะ ว่าแล้วผมก็ลุกไปไหนสักที่ดีกว่า
พักใหญ่เลยทีเดียวที่ผมจากไปไม่อยู่รอดูการพยายามของมัน สงสัยว่ามันคงจะรอผมอยู่เหมือนกัน เมื่อผมกลับมามันก็กระโดดให้ผมดูอีกหนึ่งครั้ง แต่ครั้งนี้มันแตกต่าง มันกระโดดเกาะกิ่งแรก สอง สาม ไปทีละกิ่งอย่างสวยงาม ช้าแต่มั่นคงเหมือนจังหวะการเดินของหัวใจของผมยามเมื่อผมนึกถึงทะเลที่ชื่อเสม็ด ถ้ามันพูดได้มันคงบอกว่า เฮ่ เอ็มดูนี่สิ...
มันกระโดดให้ผมดูหรือเปล่านะ มันกำลังสอนอะไรผมอยู่หรือเปล่านะ เราอาจจะช้ากว่าคนอื่นนะ แต่เราตั้งใจจะไปแล้วนี่ งั้นเราจะไปให้ดู ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นมันก็คือมันขึ้นไปเกาะบนกิ่งรวมกับเพื่อนพี่น้องของมันอย่างเต็มภาคภูมิ

การบวชครั้งนั้นจบลงด้วยบิลค่าโทรศัพท์น่าปวดหัว น้ำตาของเจ้าอาวาสในวันที่สึกผม เนื่องด้วยแกคงเหงาไปอีกนาน เพราะไม่มีใครมาบวชวัดนี้เกือบ 3 ปีแล้ว แกต้องอยู่คนเดียวมาตลอด ผมรู้สึกสงสารแกเหมือนกัน ผมอาจจะไม่ได้อะไรกลับไปมากนักเหมือนที่ชายไทยทั่วไปบวชแล้วได้กัน แต่สิ่งที่ผมได้กลับไปนั้น เป็นข้อคิดเป็นการเตือนสติผมอย่างนึงที่ดีทีเดียว ลูกไก่ตัวนั้นมันสอนผม ให้ผมพยายามขึ้นอีก ให้ผมช้าลงอีกนิดในเรื่องที่ควรจะช้า แล้วไปให้เร็วสุดๆไปเลย ถ้าเราพร้อม

ก่อนการบวช ผมเป็นคนห่ามกว่านี้เยอะ ทำอะไรลวกๆ รนๆ ใจร้อน คิดว่าจะทำอะไรแล้วก็ทำเลย ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกใครสักเท่าไหร่ หลังบวชกลับมาหลายคนบอกผมดูดีขึ้นนะ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น วันนี้ที่ผมกลับมา ผมเหมือนลูกไก่สีน้ำตาลในวันนั้น คอยดูผมไว้ให้ดี แม้วันนี้ ทุกคนจะทิ้งห่างผมไปหมดแล้ว แต่ผมจะไปให้ดู มาดูกันมาผมจะไปได้สักกี่น้ำ.....

ภาพของลูกไก่ป่าในวันนั้น เมื่อผมนึกขึ้นมาเมื่อใด ผมจะเรียกมันว่า "สิ่งดีงาม"
3:55 6/3/2549




 

Create Date : 06 มีนาคม 2549    
Last Update : 6 มีนาคม 2549 17:17:23 น.
Counter : 370 Pageviews.  

1  2  3  

ความตายสีชมพู
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่มีใครเลวไปกว่าใคร แค่อยากไปให้ไกลๆจากทุกคน.....

Friends' blogs
[Add ความตายสีชมพู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.