บลอกของคนตัวเล็กๆ h blog
Google
Group Blog
 
All blogs
 
มันอุตส่าห์ตายเพื่อมึงนะ.....

นานแล้วนะ ที่ไม่ได้กลับไปเจอเพื่อนเก่าที่เคยสนิทมากๆ จู่ๆก็คิดถึงมันขึ้นมา จริงๆจะว่าจู่ๆ ก็คิดถึงขึ้นมาก็คงไม่ถูก แต่ถ้าจะบอกว่าคิดถึงมันเพราะเห็นภาพหมูที่กำลังจะถูกฆ่าในรายการทีวีก็...แหม กระดากใจ

วันหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้ว ในคืนฝนพรำ ผมนั่งกินข้าวต้มร้านประจำข้างถนนกับเพื่อนคนนี้ของผมอยู่ อะไรสักอย่างที่อยู่ในจานกับ กำลังถูกผมเขี่ยออกไปริมๆจาน แล้วเพื่อนของผมก็พูดขึ้นว่า “เห้ยเอ็ม มันอุตส่าห์ตายเพื่อให้มึงกินมันนะ กินมันเหอะ อย่าเขี่ยทิ้งเลย” ผมบอก “มึงเสียดายเหรอ” มันบอกว่าเปล่า เสียดายชีวิตมันหน่ะ ผมมองตามัน และเห็นว่ามันพูดจริง เลยกินตับชิ้นสีดำเข้าไป

เพื่อนผมคนนี้เป็นคนที่รักชีวิตตัวเองมากๆ ทุกอย่างที่มันทำมันต้องเซฟ เรื่องบางเรื่องอาจดูงี่เง่ามากๆสำหรับบางคน แต่สำหรับมัน เป็นเรื่องใหญ่ เช่นการข้ามถนนตอนตี3 ไม่มีทางเลยเด็ดขาดที่มันจะข้ามถนนต่อให้ถนนเส้นนั้นแทบจะไม่มีรถวิ่งผ่านเลย มันจะข้ามที่สะพานลอยเท่านั้น ทุกคนจะตลกกับพฤติกรรมของมันมากๆ แต่ผมไม่ตลก ผมรู้สึกเศร้า เมื่อผมเห็นมันเดินข้ามสะพานลอยมืดๆตอนตี 3ในคืนนั้น ผมรู้สึกเศร้ามากๆ ผมรู้ว่ามันเห็นความสำคัญของการรักษาชีวิตของตัวเองมากขนาดไหน

กี้เป็นเพื่อนสนิทของผมมากๆเลย มีเชื้อสายคล้ายๆกันรูปร่างหน้าตาก็คล้ายๆกัน สูงเกือบเท่ากันและก็หนักเกือบเท่ากัน มีคนทักว่าเราเหมือนพี่น้องกันบ่อยๆ และแม่ของผมก็ชอบพูดถึงมัน มันเคยเป็นเด็กเฮี้ยวมาก เคยดักกระทืบผมหลังโรงเรียนเลิกเพราะผมไม่ให้มันยืมหนังสืออ่าน มันเคยลากเด็กอีกห้องมาต่อยเพราะเด็กคนนั้นบอกว่ามันเดินขึ้นบันไดช้าไม่ทันใจคนเดินตามหลัง เคยเอาหนังสือโป๊เล่มละ 35 บาทไปอ่านหน้าห้องแทนรายงาน ตอนที่อาจารย์บอกให้ไปพรีเซ้นต์หน้าห้อง มันอ่านแบบช้าๆชัดๆ ในตอนที่เนื้อเรื่องกำลังเต็มเหนี่ยว ซึ่งก็แปลกที่อาจารย์ยอมให้มันอ่านไปนานทีเดียว และอีกมากมาย ที่แปลได้ความว่ามันเป็นเด็กไม่ดี

พ่อกี้เป็นนักแกะสลักไม้ฝีมือดี เคยถูกเรียกตัวไปทำงานที่จีนอยู่หลายปีแล้วไม่ติดต่อกลับมา ช่วงนั้นแม่ของมันต้องรับภาระหนักมากอยู่ ทำให้กี้กับพี่ชายของกี้นั้นเกลียดพ่อของตัวเองมากๆ ถึงขนาดเมื่อตอนพ่อกี้กลับมาแล้ว แต่มันก็ไม่ยอมคุยกับพ่อของมันอีกเลย พ่อกี้กลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึงปีก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด เนื่องด้วยมาจากทินเนอร์ที่อยู่ในการทำงานแกะสลัก..... ในงานศพ กี้บอกว่ามันอยากขอโทษพ่อมันมากๆ มันเพิ่งคิดได้ว่าพ่อไปทำงานและส่งเงินให้ที่บ้านมาตลอด มันต่างหากที่ไม่เคยถามพ่อมันว่าพ่ออยู่ที่โน่นแล้วจะเหงาไหมและงานหนักไหม ที่สำคัญพ่อมันไม่เคยบอกมันเลยสักคำ ว่าเขาป่วย เมื่อผมได้ยินก็รู้สึกเศร้า อยากร้องไห้ บรรยากาศในงานศพ เศร้าสร้อย แต่ทนได้


1 ปีกว่าผ่านไป.....
แม่กี้เป็นผู้หญิงอ้วนๆ ที่น่ารักมากๆ ทำกับข้าวเก่ง ดูแลงานบ้านได้อย่างดี ในขณะที่กี้ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนังสือมากๆ เมื่อตอนที่เรียน ปวส. เช้าวันหนึ่งมันรีบไปเรียนมากๆ แต่ปรากฏว่าในเช้านั้นเองแม่กี้ลื่นหกล้มในห้องน้ำ กี้กับพี่ชายรีบพาแม่ไปส่งโรงพยาบาล พี่ชายมันบอกให้มันไปเรียนเถอะเดี๋ยวมันจะดูแลแม่เอง มันเลยไปเรียนต่อ แต่ในบ่ายวันนั้นเอง แม่ของกี้ก็เสียชีวิตลง ในงานศพ ผมไม่มีอะไรจะพูดกับมันสักเท่าไหร่ ผมไม่รู้จะบอกอะไรกับมันดี ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหลุดจากปากผมออกไป ทำได้แค่จับไหล่มันในขณะที่มันร้องไห้แค่นั้นเอง บรรยากาศในงานศพเศร้าสร้อย และผมทนไม่ค่อยได้

ผ่านไปเกือบ 2 ปี.....
บ้านของมันยามที่ไม่มีแม่อยู่นั้นดูรกขึ้นมากๆ มันไม่เคยกินอาหารที่ประกอบขึ้นในบ้านของตัวเอง อีกเลย แม้แต่ชั้น 2 ของบ้านมันเอง มันยังไม่ยอมขึ้นไป มันกินนอนอยู่ที่ชั้นล่างทั้งหมด ผมถามมันว่าทำไมไม่ขึ้นไปนอนข้างบน มันบอกข้างบนเป็นของพ่อแม่มัน เขาอยู่ข้างบนกัน ผมหัวเราะ แต่ก็แอบกลัวๆนิดๆ ผมสังเกตเห็นว่าพี่ชายของกี้ช่วงนี้ผอมลงกินแต่โจ๊กและนอนอย่างเดียวกี้บอกว่าเป็นโรคลำไส้ ผมแอบคิดอะไรบางอย่างในใจขึ้นมา และแอบภาวนาเบาๆ เมื่อมองตาของกี้มัน ตามันดูแปลกๆ

ไม่กี่เดือนต่อมาพี่มันก็เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งลำไส้ โลกทั้งโลกพังทลายลงไปแล้วสำหรับมัน บ้านที่เคยมีกันพร้อมหน้า พ่อแม่ลูก จบลงภายในเวลาไม่กี่ปี ผมสงสารมันมากๆ ช่วยอะไรมันไม่ได้เท่าไหร่นอกจากไปหามันไปคุยกับมันบ่อยๆ ที่หลังทีวีของมัน จะมีภาพนกกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนึงกำลังโบยบินไปในอากาศ แต่มวลอากาศในภาพนั้นดูน่าสลดหดหู่ ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังมืดลง มองดูโดยรวมๆจะเห็นแต่ภาพมืดๆและแทบจะมองไม่เห็นนก ท้องฟ้าอาจจะใหญ่เกินไปสำหรับนกตัวเล็กๆที่เดียวดายอย่างมัน ผมพูดตลกๆบอกมันว่า บ้านมึงมันมืดจังช่วยหาภาพวิวสวยๆ หรือใครที่มันน่ารักๆมาติดหน่อยได้ไหม มันไม่ตอบอะไร ผมเลยถือเอาว่ามันยินยอมให้ปลดภาพนั้นลงเสีย

ผมอยากให้มันอดทน ถึงแม้มันจะเจ็บปวด แต่..ก็ต้องอดทนไม่ใช่หรือ เพราะนี่คือชีวิต เหมือนต้นกระบองเพชรของพี่ชายมันนั่นแหละ ต้องอดทนให้ได้แม้ในยามที่ร้างไร้ ความรัก หรือแม้แต่เสียงหัวเราะ บ้าน 2 ชั้นที่มีผู้ชายคนเดียวอยู่นั้นดูโดดเดี่ยวและแปลกแยกมากๆ การที่ต้องพยายามรักษาชีวิตส่วนที่เหลืออยู่ อยู่เพื่อใครบางคนที่ไม่มีตัวตนอีกนั้นมันช่างน่าเศร้า การต้องเดินข้ามสะพานลอยในตอนตี 3 ทั้งๆที่บนถนนแทบจะไม่มีรถนั้น ดูตลกน่าขบขันสำหรับคนกลุ่มหนึ่งแต่สำหรับผมแล้วนอกจากจะไม่ตลกแล้ว มันยังแฝงอะไรบางอย่างที่เพื่อนสนิทกันมากๆเท่านั้นถึงจะรู้.....

และผมก็อยากเห็นมันเดินข้ามสะพานลอยอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดไปเช่นกัน

เมื่อวานผมดูสารคดีรายการหนึ่ง ในภาพนั้นเขาถ่ายให้เห็นถึงหมูกลุ่มหนึ่งที่กำลังถูกส่งไปโรงเชือด ภาพในโรงเชือดนั้นมืด สกปรก มีแต่น้ำ แล้วก็เลือด บรรยากาศดูหนักๆ ระคนปนไปด้วยเสียงกรีดร้องของหมู ในภาพ คนฆ่าหมูกำลังเอาเชือกมามัดปากหมูไว้กันเลือดของมันพุ่งออกมาตอนถูกแทงคอ เขาว่าเลือดของมันที่พุ่งออกมาทางจมูกเป็นเลือดไม่ดี กรงของมันใหญ่พอที่จะสอดเอาเหล็กแหลมสีเงินเปื้อนเลือดเข้าไปแทงที่คอมันได้ แต่ไม่ใหญ่พอที่จะให้มันหนีพ้นเงื้อมมือของมัจจุราชไปได้ ในขณะที่หมูตัวหนึ่งกำลังถูกชำแหละนั้น ภาพตัดไปให้ผมได้เห็นภาพที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของผมอีกภาพนึง ผมไม่สามารถลืมภาพนั้นได้เลยแม้แต่ตอนจะนอน มันไม่ใช่ภาพไส้ ภาพเลือด ภาพหัวใจหรือหัวของหมูที่ถูกแยกส่วน.....
มันเป็นภาพหมูตัวหนึ่งที่ตัวสั่นเทา ไม่ใช่สิ สั่นเทิ้มอยู่ในกรงในขณะที่มันกำลังรอคิวให้เขาเดินเอาเหล็กมาแทงคอมัน มันสั่นรุนแรงแต่ปราศจากเสียงร้อง ถ้าเป็นคนเมื่ออยู่ในสภาพนั้นก็คงต้องบ้าไปแล้ว แววตาเบิกโพลง ในขณะที่เพชรฆาตที่เดินเข้าไปหานั้นก็ดูเหมือนคนที่ไม่มีแววตา ไม่รู้เพราะอะไรภาพนั้นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆในท้อง ผมรู้สึกอยากอาเจียน แล้วภาพในทีวีก็ตัดไป

หมูตัวนั้นทำให้ผมนึกถึงคำพูดของเพื่อนรักผมคนนึงที่พูดว่า “ มันอุตส่าห์ตายเพื่อให้มึงกินนะ” คำพูดที่ออกมาจากปากของคนรักชีวิตตัวเองมากๆคนหนึ่ง เมื่อผมนึกถึงภาพหมูที่รักชีวิตอีกตัวหนึ่งขึ้นมา มันก่อให้เกิดความรู้สึกผสม

พรุ่งนี้จะโทรหามัน ชวนมันไปกินอะไรสักอย่าง ให้ต้นกระบองเพชรมันอีกต้น แล้วกินของที่อยู่ในจานของร้านข้าวต้มให้หมด.....

18/9/49



Create Date : 21 กันยายน 2549
Last Update : 26 กันยายน 2549 21:11:41 น. 3 comments
Counter : 369 Pageviews.

 
อ่านแล้วรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจยังไงไม่รู้


โดย: แร่ใยหิน วันที่: 21 กันยายน 2549 เวลา:17:40:05 น.  

 

... ...


โดย: yourstarlight (yourstarlight ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:02:16 น.  

 


โดย: Serendipity_t วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:20:33:27 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ความตายสีชมพู
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่มีใครเลวไปกว่าใคร แค่อยากไปให้ไกลๆจากทุกคน.....

Friends' blogs
[Add ความตายสีชมพู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.