บลอกของคนตัวเล็กๆ h blog
Google
Group Blog
 
All blogs
 
ก่อนบวช เด็กวัดน้อยๆ ของผม



เช้าวันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพื่อไปงานบวชญาติของผมคนนึง ตลกมากๆ ห้ามโน่นห้ามนี่ วัดดังๆนี่ข้อห้ามเยอะจริง อย่าโปรยทานนะครับ มันดูไม่ดี อย่าแห่นาคนะครับมันดูไม่ดี อย่าๆๆๆๆ
ตลกหว่ะ แต่ขอบอกกุฎิที่ญาติผมอยู่นั้นไฮโซมากๆ เป็นเหมือนหอพักเลย ซอยเป็นห้องๆ น่าสนใจมากๆ มี 3 ชั้นถ้าขึ้นไปถ่ายรูปตอนที่พระไม่อยู่กัน บอกใครว่าเป็นหอพักนักศึกษาทุกคนต้องเชื่อแน่ๆ
เพื่อนของญาติผมมากันเยอะมากๆ ราว 30 คนได้ แฟนก็มา ดูน่ารักดี ทุกอย่างในงานบวชวันนี้ไม่เหมือนงานบวชของผมเลยแม้แต่นิดเดียว งานบวชผมนั้น ไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน ตัวคนเดียวลุยโลดโดดๆ แต่เชื่อมะผมรู้สึกว่าผมโชคดีจริงที่บวชในวัดเล็กๆไม่มีชื่อแบบนั้น ทุกอย่างเป็นพรหมลิขิต ให้มันเกิดขึ้น แล้วจบลงไป.....

ผมบวชที่วัดเล็กๆวัดนึงในภาคใต้ เมื่อราว 3 ปี ที่แล้ว และนี่คือบันทึกช่วยจำของผม ที่ผมต้องเขียนขึ้นมาเพราะผมไม่อยากลืมช่วงเวลาที่ดี ที่สุด อีกช่วงนึงในชีวิตของผมไป ผมไม่อยากลืม…..
เมื่อคิดได้ว่าจะบวชผมก็เก็บกระเป๋าลงใต้เลย ก่อนบวชผมต้องลงไปอยู่แบบเด็กวัดก่อนถึงครึ่งเดือน จำได้ว่าตอนนั้นรู้สึกทรมานมากๆ อาหารการกินแบบคนใต้จัดๆนั้นผมกินไม่ได้ ผมเป็นลูกคนใต้ที่ไม่ชอบกินอาหารใต้มากที่สุดในประเทศไทย ผมอาจจะไม่พูดใต้แต่ใครก็ด่าผมไม่ได้เพราะผมฟังรู้เรื่อง และอีกหนึ่งความทรมานในตอนนั้นของผมเลยคือความคิดถึง ไกลบ้าน ไกลเพื่อน ไกลคนรัก แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผมอยากมาเอง
คนที่นี่เป็นคนตรงๆ โผงผาง ไม่เก็บอาการ น้ำใจใหญ่มากๆเสียใจรุนแรงแต่น้ำตาไม่ไหล รักพี่น้อง เพื่อนฝูง ระบบสังคมเหนียวแน่นมากๆ จนไม่น่าเชื่อ ผู้หญิงที่นี่แววตาแข็งกร้าวเหมือนผู้ชาย แถวนี้คนทุกคนหัวเราะกันเสียงดัง
คนใต้นี่ใจเด็ดจริงๆนะ ลงว่าถ้าตัดสินใจจากอะไรไปแล้ว แม้ว่าบางทีต้องทนกลืนเลือดไปตลอดชีวิต เขาก็จะทนกัน เมื่อก่อนพ่อผมมีโรงงานเล็กๆอยู่ที่สำเหร่ จำได้ว่าพ่อชวนน้องชายแท้ๆให้ขึ้นมาจากใต้ มาเปิดอีกโรงงานนึงแล้วพ่อผมจะช่วยทำ ช่วยหางานให้ ดูแลเครื่องจักรให้ อะไรแบบนี้ น้องชายพ่อผมก็ขึ้นมาเปิดอีกโรงงานนึงอยู่ที่ดาวคะนองใกล้ๆกัน มีอยู่คืนนึงน้องชายพ่อผมมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องจักร เลยโทรมาหาพ่อให้ไปช่วยซ่อมเครื่องให้หน่อย แต่ปรากฏว่าพ่อผมมัวแต่ไปซ่อมเครื่องให้คนข้างบ้านอยู่ กว่าจะเสร็จก็เลยดึกมากๆ เช้าวันต่อมาน้องชายพ่อผมโทรมาที่บ้านบอกว่าไม่ต้องมาซ่อมแล้ว เพราะขายเครื่องไปหมดบ้านแล้ว และกำลังจะกลับสุราษฏร์แล้วด้วย
มันเนื่องมาจากความแค้นหรือเสียใจยังไงไม่ทราบ หรืออาจจะแค่น้อยใจที่พี่ชายแท้ๆของตัวเองเห็นคนอื่นดีกว่าคนที่คลานตามกันมา โรงงานเล็กๆโรงงานนึงที่ดาวคะนองจึงต้องปิดตัวไป
ซึ่งสำหรับผมแล้วมัน.....มันบอกไม่ถูกอ่ะ แต่คงเป็นนิสัยของตระกูลผมจริงๆ เพราะผมก็เป็นนะ ไอ้เรื่องทนกลืนเลือดเนี่ย ผมเก่งจริงๆ
กลับมาที่วัด.
หน้าที่เด็กวัดของผมก็คือคอยกวาดพื้น เป็นเด็กถือปิ่นโต ตอนเดินบิณฑบาต ล้างปิ่นโต ล้างบาตร ให้อาหารแมว ไก่ หมา ลืมบอกไปวัดที่ผมบวชทั้งวัดมีพระอยู่รูปเดียว เรียกง่ายๆคือถ้าผมบวชปั๊ป ผมเป็นรองเจ้าอาวาสในบัดดล.....
เจ้าอาวาสเป็นผู้ชายแก่ๆอายุ 60 กว่าๆ สภาพร่างกายทรุดโทรมไปบ้างตามที่คนต่างจังหวัดในอำเภอลึกๆควรจะเป็น ก่อนบวชแกมีอาชีพเป็นหัวหน้าช่างก่อสร้าง เมื่อเลิกรากับภรรยาจึงหันหน้าเข้าหาธรรม บวชมากว่า 30 พรรษา และแกอยู่วัดนี้คนเดียวมามากกว่า 3 ปีแล้ว แกบอกว่าบางทีก็มีพระรูปอื่นมาอยู่บ้าง แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน.....ผมตัดสินใจไม่ถามต่อ
วัดที่ผมอยู่นี้แทบจะไม่มีอะไรเลย ศาลาก็เล็กมากๆ เป็นไม้ขัดๆกัน กุฎิยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนผมมาถึงใหม่ๆ ผมก็ต้องอาศัยนอนที่วัดนี่แหละ กิน อยู่ ที่นี่เลย หลวงพ่อบอกว่าให้เลือกว่าจะอยู่กุฎิไหน ระหว่างซ้ายกับขวา ผมชอบอันทางซ้ายนะเพราะกว้างกว่าดูสะอาดกว่าอันขวามากๆ และที่สำคัญอยู่ใต้ต้นมะพร้าว ผมชอบกุฎิที่อยู่ใต้ต้นมะพร้าว
หลวงตาบอกว่ามะพร้าวต้นนี้ห้ามไปเก็บกินนะเพราะมีเจ้าของ ผมนึกภาพผมใส่ผ้าเหลืองแล้วปีนต้นมะพร้าว.....อือ หลวงตาบอกว่ามีคนแก่คนนึง ตาบอด เขาชอบเดินมาเคาะต้นมะพร้าวแล้วเอาหูแนบกับต้น ถ้ามะพร้าวมันสุกกำลังดีเขาจะปีนขึ้นไปเก็บ ผมทึ่งเลย เขารู้ได้ยังไง แค่เคาะแค่นี้นะ ชักอยากเห็นหน้าตาแก่ตาบอดคนนั้นแล้วสิ หลวงตาพูดขึ้นพอดีว่า เสียดายแกเพิ่งตายไปเมื่อไม่ถึงเดือนนี่เอง ผมเลยเลือกกุฎิทางขวา
ที่นี่น่าเบื่อมากๆ ผมนึกภาพตัวเองเดือนกว่าจากนี้ เดินไปเดินมาในวัดที่ไร้คนเช่นนี้กับฝูงหมาแมว ตกเย็นนั่งคุยกับพระแก่ๆรูปหนึ่ง แค่คิด ผมแทบทนไม่ได้ ที่นี่มันป่าชัดๆ ผมคิดเบาๆ หลวงตาบอกจะพาไปดูที่อาบน้ำนะ ผมนึกอีก ทำไมไม่เรียกห้องน้ำอ่ะ
ระหว่างที่เดินผ่านลานดินกว้างๆ ผมพบว่ากองใบไม้ที่ร่วงหล่นนั้น สุมกันอยู่บนพื้นจนหนาเป็นนิ้วๆ แวบนึง ผมนึกถึงใครบางคน เขาคงชอบนะถ้ามาเดินลุยกองใบไม้แห้งนี่ด้วยกัน ตอนนี้ผมชักเริ่มชอบที่นี่แฮะ
บรรยากาศที่นี่ดีมากๆ ร่มเย็นอย่างบอกไม่ถูก ต้นไม้ใหญ่ๆยืนอยู่กันแบบสบายใจ แมวนอนอยู่บนท่าน้ำสำหรับซักผ้าริมบึงน้ำธรรมชาติเล็กๆในวัด หมานอนอยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อมีนกตัวนึงร้องขึ้นมา เสียงของมันจะดังก้องไปทั่วบริเวณ
หลวงตาบอกว่าระหว่างเดินบนกองใบไม้ ให้ผมเดินดังๆ งูมันชอบนอนอยู่ในกองใบไม้ ถ้ามันได้ยินเสียงคนเดินมาดังๆ งูมันจะได้ไป.....!!!
มาถึงที่อาบน้ำ ผมรู้สึกช็อคเล็กๆ มันเป็นบ่อน้ำ แบบที่ซาดาโกะในเดอะริงตกลงไปตายอ่ะ พื้นรอบๆบ่อน้ำเป็นปูนฉาบเรียบๆ มีตระไคร่น้ำบ้างประปราย และมีต้นไม้ใหญ่ๆกิ่งใบเยอะๆอยู่รอบๆ ผมดูยังไงๆนี่ก็เป็นฉากๆนึงในนิยายผีของ เหม เวชกร หลวงตาบอกว่านี่ถังนะโยนลงไปแบบนี้แล้วตักขึ้นมีโดยใช้เชือกสาวขึ้นแบบนี้นะ..... ผมเงียบ อึ้ง หลวงตาบอกว่าอย่าไปใกล้บ่อมากนะ เดี๋ยวลื่นตกลงไป..... ผมอึ้ง เงียบ
หลวงตาบอกว่าที่นี่เขาเรียกกันว่าบ่อพัง ผมถามว่าทำไมเรียกแบบนั้น แกบอกว่าบ่อมันโบราณหลายร้อยปีมากแล้ว คนพยายามมาซ่อมมาบูรณะมันหลายครั้ง แต่มันก็พังมาอยู่ในสภาพเดิมอีก เขาเลยเรียกมันว่าบ่อพัง มีเรื่องเล่ากันว่า ปีไหนน้ำแล้งมากๆ บ่อที่อื่นจะแห้งกันหมดไม่มีน้ำเลย แต่บ่อพังนี่แหละที่น้ำไม่เคยแห้ง ชาวบ้านสามารถมาตักกันได้เรื่อยๆ หลวงตาบอกว่าที่ก้นบ่อมีปลาเจ้าตัวนึงอยู่ สีทองตัวใหญ่มากๆ น้ำมันเลยไม่แห้ง ที่บ่อพังนี้จะมีงานทุกปี ผมจำชื่องานไม่ได้ แต่คล้ายๆว่าฉลองให้บ่อพังนะ.....
เวลาผ่านไป ผมเริ่มชินกับมัน การที่แทบจะไม่ได้พูดเลยในวันๆ บางทีก็เป็นความสุขสำหรับคนที่พูดไม่หยุดอย่างผมเหมือนกัน อาจเป็นเพราะโชคชะตามากกว่าที่ทำให้เราได้มากินอยู่อาศัยหลับนอน ที่วัดแห่งนี้ ในยุคที่คนบางคนในภาคทักษิณนี้ เขาขับมอเตอร์ไซค์ไล่ตัดหัวพระสงฆ์กัน จริงๆแล้ว แม่ผมอยากให้ผมบวชที่กรุงเทพ จะได้อยู่ใกล้ๆกัน
แต่ผมอยากบวช อยากมีชีวิตอยู่ในถิ่นที่พ่อของผมเคยอยู่ อยากมีชีวิตแบบก่อนที่พ่อผมจะจากมาอยู่กรุงเทพ ตรงข้ามวัดที่ผมบวชนี้เป็นโรงเรียนที่พ่อผมเคยเรียนตอนประถม มันเป็นโรงเรียนเล็กๆ ที่หญ้าขึ้นรกไปหมด ไม่มีรั้ว ประตูห้องเรียนถูกเปิดอ้าออกแทบทุกห้อง ไม่มีธงชาติ และที่สำคัญ มันไม่มีเด็กมาเรียนที่นี่เกือบ 10 ปีแล้ว ใช่แล้ว มันร้าง
เวลาผมจะโทรหาคนที่กรุงเทพ ผมต้องเดินหาสัญญาณไปเรื่อยๆ และสัญญาณจะชัดที่สุดเสมอตอนผมมายืนอยู่ในโรงเรียนร้างแห่งนี้ ที่หน้าเสาธง นับว่าแปลกมาก
ผมตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าบวชปุ๊ปผมจะไม่ใช้มือถืออีกเลย แต่ตอนนี้มันอดไม่ได้จริงๆ มันคิดถึงทุกคนที่บ้าน

พระอาทิตย์ตอนใกล้จะลับขอบฟ้า ในต่างจังหวัดต่างกับกรุงเทพมากมาย ผมรู้สึกรักขึ้นมาอุ่นๆในใจเสมอๆ เวลาที่มองและคิดอะไรไปเรื่อยๆ
ราวๆ หกโมงเย็น ทุกวัน จะมีลูกวัวประสาทแดก วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในวัด ให้เจ้าของวัวต้องมาตามไปเก็บทุกวัน ตลกมากๆ
ลูกไก่ป่าหลายตัว ฟักออกมาพอดีกับช่วงที่ผมมาอยู่ที่วัดแห่งนี้ มันกำลังได้มองเห็นสิ่งเดียวกับผมที่ผมกำลังมองเห็น
หลายครั้งที่ผมรู้สึกขอบคุณตัวเอง ที่มาบวชในวัดที่แทบจะไม่มีอะไรเลยที่นี่ ผมไม่อยากนั่งเล่นเน็ตอยู่ในกุฏิเหมือนเพื่อนผมตอนที่บวช

ตอนที่ยืนมองลมวิ่งผ่านหน้าไปมาแบบนี้ เป็นเหมือนคำตอบจากธรรมชาติที่บอกว่าผมคิดถูก.....ที่มา

16/2/50



Create Date : 08 เมษายน 2550
Last Update : 8 เมษายน 2550 2:38:09 น. 3 comments
Counter : 432 Pageviews.

 
แวะมาทักทายจ้ะ สะดุดตรงชื่ออ่ะ ทามมายใช้ชื่อ ... สีชมพูอ่ะจ้ะ


โดย: N-Bankk วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:4:04:32 น.  

 
สุขสันต์วันสงกรานต์จ้ะ
มีความสุขมากๆ นะจ๊ะ



โดย: N-Bankk วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:2:29:51 น.  

 

ลูกวัวประสาทแดก ...


โดย: yourstarlight (yourstarlight ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:40:44 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ความตายสีชมพู
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่มีใครเลวไปกว่าใคร แค่อยากไปให้ไกลๆจากทุกคน.....

Friends' blogs
[Add ความตายสีชมพู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.