DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
All Blogs
 

2พระ-ฆาตกรโหด แค้นสาวตีตัวออกห่าง ลวงฆ่า-เผาทิ้งในรถ




        เช้าวันที่ 1 ตุลาคม ร้อยเวรสภ.บางคล้า รับแจ้งเหตุ มีคนถูกฆ่าเผาทิ้งในรถเก๋งบริเวณทุ่งนา ริมถนนบางคล้า-หัวไทร หมู่ 4 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้น พ.ต.อ.ณรัฐ รัตนจินดา ผกก.สภ.บางคล้า พร้อมด้วยฝ่ายสืบสวน รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรลล่า สีแดง ทะเบียน กข 1583 ฉะเชิงเทรา ถูกไฟไหม้ทั้งคัน ภายในพบศพผู้หญิงสาวในลักษณะนอนคว่ำหน้าอยู่ที่เบาะนั่งด้านหลัง ถูกเผาไหม้จนเหลือแต่โครงกระดูก


            สภาพไม่หลงเหลือพอจะดูออกว่าเป็นศพใคร


            มีเพียงทะเบียน กข 1583 ฉะเชิงเทรา เป็นเบาะแสในการสืบสวนติดตามตัว


            นางประนอม โพธิ์ทอง อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 174/5 ม. 4 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถ เมื่อตำรวจเดินทางไปรับตัวพาไปดูรถที่ถูกเผา เจ้าตัวยืนยันว่าเป็นรถของตนเองที่ใช้อยู่เป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 6 โมงเย็นวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา หลานสาวได้ยืมรถขับไปเที่ยวที่ตลาดนัดสนามมวย ต.หน้าเมืองแปดริ้ว โดยตลอดทั้งคืนก็ไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย จนกระทั่งมีคนมาพบรถถูกเผา


            ศพที่ถูกเผาเหลือแต่โครงกระดูกเชื่อว่าเป็นศพหลานสาวนั่นเอง ชื่อ น.ส.ธิติยาพันธุ์ หรือแอ้ พุ่มอรุณ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 174/2 หมู่ 1 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เพิ่งเข้าทำงานเป็นพนักงานของบริษัท เวลโกรว์ อินดัสทรี จำกัด อ.บางปะกง ได้เดือนเดียว


            เมื่อรู้ชื่อคนตาย คดีก็เดินหน้าได้ทันที !??


            ผู้การกิตติพงษ์ เงามุข ผบก.บก.สส.ภ.2 เข้ามาคุมการสืบสวนคลี่คลายคดีเอง โดยภูมิหลังของผู้ตายที่ตำรวจเจาะข้อมูลมาได้ พบว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระภายในวัดหัวไทร ในอ.บางคล้า นี่เอง ชุดสืบสวนจึงพุ่งเป้าไปที่พระศุภกิจ ซึ่งมีความใกล้ชิดเชิงชู้สาวกับหญิงสาวเหยื่อสังหาร


            เรื่องราวยิ่งเข้าเค้า เมื่อตำรวจได้ข้อมูลว่าพระศุภกิจนอกจากใกล้ชิดกับสาวที่ถูกฆ่าแล้ว ยังสนิทสนมกับพระกิตติพงษ์ ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศด้วย เข้าตำรารักสามเส้า พระหนุ่มกับหญิงสาว แล้วมีพระเกย์เข้ามาพัวพัน


            แถมก่อนหน้านี้ น.ส.ธิติยาพันธุ์ผู้ตายเคยถูกวางยาหวิดสิ้นชีวิต โดยเหตุการณ์นั้นคนตายเชื่อว่าเป็นฝีมือของพระทั้งสองรูป ทำให้ระยะหลังฝ่ายหญิงพยายามตีตัวออกห่างพระศุภกิจ


            ในที่สุดตำรวจได้พยานปากเอกคือ นายสมัคร คงรัตน์ หรือจ้อน เพื่อนของพระศุภกิจ เป็นคนขับรถดูเส้นทางก่อนลงมือฆ่า โดยให้การซัดทอดไปถึง พระศุภกิจ พระกิตติพงษ์ และไอ้เอก เป็น 3 คนร้ายที่ร่วมกันฆ่าน.ส.ธิติยาพันธุ์


            หลักฐานรวบรวมได้ครบ จึงรีบขออนุมัติศาลออกหมายจับ 3 คนร้าย


            โดยบุกจับพระทั้ง 2 รูปได้ถึงกุฏิ ส่วนไอ้เอกเผ่นหนีไปหวุดหวิด


            ภายหลังจนมุมตำรวจ พระศุภกิจ หรือ นายศุภกิจ เกตุแก้ว ยอมรับว่าได้ร่วมมือกับพระกิตติพงษ์ หรือนายกิตติพงษ์ ยะอนันต์ เลขานุการเจ้าอาวาสวัดหัวไทร และไอ้เอก ลงมือฆ่าเผาน.ส.ธิติยาพันธุ์ หรือแอ้ พุ่มอรุณ อายุ 22 ปีจริง โดยหลังจากคบหาเป็นแฟนกับผู้ตายอย่างลึกซึ้ง ต่อมาถูกญาติของผู้ตายข่มขู่ให้เลิกรา แล้วน.ส.ธิติยาพันธุ์เองยังพยายามตีตัวออกห่าง ด้วยความหึงหวงระแวงว่าฝ่ายหญิงจะปันใจให้ชายอื่น จึงโทรศัพท์นัดมาเคลียร์ แต่ตกลงกันไม่ได้เลยจ่อยิงที่ขมับ แต่กลัวว่าไม่ตายจึงใช้มีดแทงซ้ำหลายครั้ง แล้วขับรถไปจุดไฟเผาเพื่อทำลายหลักฐานเพื่ออำพรางคดี


            โดยตำรวจยังพบว่า พระกิตติพงษ์ก็มีแรงหึงหวงผสมผสานเข้ามาด้วย จึงทำให้เรื่องราวยิ่งไปกันใหญ่


            ลงมือฆ่าอย่างเหี้ยมโหดแม้จะครองตนอยู่ในสมณเพศ!


       เที่ยงวันที่ 3 ตุลาคม พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู รักษาราชการ ผบช.ภ.2 พล.ต.ต. นิวัตน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รอง ผบช.ฯ พล.ต.ต.กิตติพงษ์ เงามุข ผบก.บก.สส.ภ.2 พล.ต.ต.มณฑล มีอนันต์ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิง เทรา พ.ต.อ.ณรัฐ รัตนจินดา ผกก.สภ.บาง คล้า ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าเผาน.ส.ธิติยาพันธุ์ พุ่มอรุณ


            ประกอบด้วย พระภิกษุศุภกิจ หรือนายศุภกิจ เกตุแก้ว อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 4 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา และพระภิกษุกิตติพงษ์ หรือนายกิตติพงษ์ ยะอนันต์ อายุ 28 ปี เลขานุการเจ้าอาวาสวัดหัวไทร อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 4 ต.หัวไทร และมีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย คือ นายเอก ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี


            พร้อมของกลางรถกระบะมิตซูบิชิ ไซโคลน สีเขียว หมายเลข ทะเบียน 7ผ - 3975 กรุงเทพมหานคร ของนายศุภกิจ ซึ่งเป็นพาหนะที่ใช้ก่อเหตุนำศพคนตายไปเผาทำลายภายในซอยชวดโสน 1/2 ซึ่งเป็นซอยลูกรังเปลี่ยว หมู่ 4 ต.หัวไทร


            จึงนำตัวไปจับสึก พร้อมแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ช่วยเหลือ ซ่อนเร้นอำพรางศพ เพื่อปกปิดความผิดทันที


            คดีนี้ตำรวจใช้เวลาแกะรอยเพียง 3 วันสามารถลากคอฆาตกรตัวจริงได้สำเร็จ


            เป็นคดีฆ่าสะเทือนขวัญ และยังสะเทือนใจชาวพุทธด้วย !??


ข้อมูลจากข่าวสด




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2553    
Last Update : 6 ตุลาคม 2553 8:12:14 น.
Counter : 1665 Pageviews.  

รวบ 2 พระฆ่าสาวแปดริ้ว เผาอำพรางศพ


       วันที่ 3 ต.ค. ที่ จ.ฉะเชิงเทรา พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ภ.2 แถลงผลการจับกุมคนร้าย 2  คน หลังร่วมกันก่อเหตุฆ่า น.ส.ธิติยาพันธ์ หรือแอ้ พุ่มอรุณ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 174/2 หมู่ 1 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา อย่างโหดเหี้ยม แล้วนำศพไปเผาทิ้งพร้อมรถยนต์เพื่ออำพรางคดี ภายในซอยโชคอนันต์ 1 ทางเข้าหมู่บ้านชวดโสน หมู่ที่ 4 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 30 ก.ย. แล้วมีผู้ไปพบศพตอนรุ่งเช้าของวันที่ 1 ต.ค.


            ตำรวจจับกุมคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุจำนวน 2 คน คือ พระกิตติพงษ์  ยะอนันต์หรือพระพงษ์ อายุ 28 ปี เลขานุการเจ้าอาวาสวัดหัวไทร กับพระศุภกิจ เกตุแก้ว อายุ 25 ปี พระลูกวัด ก่อนนำตัวไปให้เจ้าอาวาสวัดหัวไทร สึกและนำตัวไปเค้นสอบสวนเพิ่มเติมที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่งในเขตอ.บางคล้า  โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน คือนายเอก ไม่ทราบนามสกุล อยู่ระหว่างการหลบหนี ส่วนนายสมัครหรือจ้อน คงรัตน์ เพื่อนของนายศุภกิจหรือพระกิจ คนขับรถดูเส้นทางก่อนลงมือให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีถูกกันไว้เป็นพยาน


            จากนั้น ตำรวจนำตัว นายศุภกิจ เกตุแก้ว และนายกิตติพงษ์ ยะอนันต์ ผู้ต้องหาทั้งสองคนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ยังจุดที่เผาศพและรถยนต์ของผู้ตายเพื่ออำพรางคดี ทั้งนายศุภกิจ นายกิตติพงษ์และนายเอกเผยว่าร่วมกันวางแผนฆ่านางสาวธิติยาพันธ์ก่อนลงมือในช่วงบ่ายของวันที่ 30 ก.ย. โดยขณะนำตัวสองผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีประชาชนเกือบ 1,000 คน แห่กันไปบริเวณที่เกิดเหตุ ต่างร้องตะโกนสาปแช่ง ต่างๆ นานา บางคนตะโกร้องให้นำตัวไปประหารชีวิต บางคนด่าทอด้วยข้อความหยาบคายและทำให้เสื่อมเสียวงการศาสนา โดยตำรวจใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะนำตัวไปควบคุมไว้ที่สภ.บางคล้า


            นายศุภกิจ เกตุแก้วหรือพระกิจ ผู้ต้องหาให้การว่า รู้จัก น.ส.ธิติยาพันธ์ มานานหลายปีแล้วเพราะผู้ตายมีบ้านพักอยู่หน้าวัดและเคยคบกันมาแบบลึกซึ้ง ภายหลังเริ่มมีปัญหาหลังจากที่ผู้ตายถูกวางยาและเข้าใจว่าตนเองเป็นคนทำ จากนั้นก็ถูกลอบวางเพลิงกุฏิ ถูกโทรศัพท์ข่มขู่จะฆ่าทิ้ง ซึ่งสืบได้ว่า นางสาวธิติยาพันธ์ ผู้ตายเป็นคนว่าจ้างให้มีคนทำ จึงวางแผนลวงไปฆ่าทิ้ง ขณะที่นายกิตติพงษ์ ยะอนันต์หรือพระพงษ์  รับสารภาพว่า ร่วมกันกับพระศุภกิจและนายเอก ทำการฆ่าเผา นางสาวธิติยาพันธ์จริง


            พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ขณะนี้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ช่วยเหลือ ซ่อนเร้นอำพรางศพ เพื่อปกปิดความผิด โดยชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ส่วนที่หลบหนีไป 1 คน คือนายเอก ไม่ทราบนามสกุล จะได้สืบสวนและรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดฉะเชิงเทราออกหมายจับกุมต่อไป นับเป็นเรื่องที่ทำให้ภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนาด่างพร้อย แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคนที่มาอาศัยผ้าเหลืองบังหน้าและจะทำคดีนี้ให้เป็นตัวอย่างให้มีการลงโทษสูงสุดถึงขั้นประการชีวิต


ข้อมูลจากข่าวสด




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2553    
Last Update : 4 ตุลาคม 2553 7:52:51 น.
Counter : 3232 Pageviews.  

ฆ่าเผาสาวคาเก๋งที่แปดริ้ว

 


 


 


 


 


 


               






                


                 


 


 


 




       เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ต.ค. พ.ต.ท.นพดล นาคจู สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งว่ามีรถเก๋งถูกเผาและพบศพในรถ ที่บริเวณทุ่งนา ริมถนนบางคล้า-หัวไทร หมู่ 4 ต.หัวไทร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รองผบช.ภ.2 พล.ต.ต.มณฑล มีอนันต์ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.ณรัฐ รัตนจินดา ผกก.สภ.บางคล้า แพทย์เวร ร.พ.บางคล้า และหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา


            พบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรน่า สีแดง ทะเบียน กข 1583 ฉะเชิงเทรา ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งคัน คาดว่าถูกเผานานแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ภายในซากรถพบศพผู้หญิงในลักษณะนอนคว่ำหน้าอยู่ที่เบาะนั่งด้านหลัง สภาพศพถูกเผาไหม้จนเหลือแต่โครงกระดูก ทราบชื่อภายหลังคือน.ส.ธิติยาพันธุ์ พุ่มอรุณ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 174/2 หมู่ 1 ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา


            นางประนอม โพธิ์ทอง อายุ 65 ปี ยายของผู้ตายและเป็นเจ้าของรถ ให้การว่า น.ส.ธิติยาพันธุ์เพิ่งได้เข้าทำงานเป็นพนักงานของบริษัท เวลโกรว์ อินดัสทรี จำกัด อ.บางปะกง เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุเย็นวันที่ 30 ก.ย. ผู้ตายยืมรถเก๋งคันดังกล่าวไปเที่ยวที่ตลาดนัดสนามมวย แล้วหายตัวไปเลยจนกระทั่งมาพบว่ากลายเป็นศพถูกเผาอยู่ในรถดังกล่าว


            เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า เป็นเรื่องชู้สาว ซึ่งผู้ตายอาจถูกคนรู้จักกันหรือแฟนที่คบหาหลอกไปฆ่าแล้วนำศพมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี


ข้อมูลจากข่าวสด




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2553    
Last Update : 3 ตุลาคม 2553 0:45:40 น.
Counter : 2340 Pageviews.  

สั่งประหารแท็กซี่โหด หั่นศพดช.โช-ยิงแม่ดับ


       ศาลอาญาพิพากษาประหารโชเฟอร์แท็กซี่ฆ่าหั่นศพ"น้องโช"ลูกครึ่งญี่ปุ่นกับแม่คนไทย ระบุพฤติกรรมโหดเหี้ยม ยิงแม่ก่อนแล้วยิงลูกชายกับลูกสาว 2 คน ลูกสาวแกล้งตายเลยรอดชีวิต หลังเกิดเหตุนำศพแม่ไปทิ้งข้างถนน เอาศพน้องโชไปหั่นเป็นชิ้นในคอนโดฯ แล้วยังทำอนาจารลูกสาววัย 13 ปีของเหยื่อด้วย ชี้เตรียมปืนไว้แต่แรก ไม่ใช่แค่บันดาลโทสะ แม้สารภาพก็ไม่มีเหตุลดโทษ ด้านด.ญ.เหยื่อเปิดใจไม่อโหสิกรรม


            เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่ห้องพิจารณา 906 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาล พิพากษาประหารชีวิตนายสิริพงศ์ หรือใหญ่ กาญจนนิวิฐ หรือกาญจนชมพู อายุ 41 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ จำเลยในความผิดฐานฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น ให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นไม่ยินยอม, ซ่อนเร้นหรือย้ายทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้รับอนุญาต


            คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2552 เวลา 24.00 น. จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ ขนาด .38 ซึ่งไม่ได้รับอนุญาต ยิงนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ หลายนัดถูกบริเวณกกหูด้านขวา ลำคอ หน้าอก กระดูกไหปลาร้าข้างซ้าย จนถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ยังใช้ปืนยิงด.ช.โช มาคิโน่ บุตรชายของนางสุนันท์ หลายนัดถูกบริเวณศีรษะ ลำตัว ต้นแขนขวา และปลายแขนขวา จนถึงแก่ความตาย อันเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน


            นอกจากนี้ จำเลยยังใช้อาวุธปืนยิงด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี (ขณะนั้น) ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นจำเลยได้ลักเอาสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 1 เส้น พระเครื่องเลี่ยมทองจำนวน 3 องค์ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ ฝังเพชร 1 เรือน และธนบัตรญี่ปุ่นจำนวน 16,000 เยน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 246,180 บาทของนางสุนันท์ไปโดยทุจริต แล้วจำเลยได้กักขังหน่วงเหนี่ยว ด.ญ.เอ ไว้ในห้องเลขที่ 353/33 บ้านเอื้ออาทร คอนโดมิเนียม ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.บางบัวทอง อ.บาง บัวทอง จ.นนทบุรี แล้วใช้กำลังกระทำอนาจาร ด.ญ.เอ


            นอกจากนี้ จำเลยยังได้ใช้มีดปังตอสแตนเลส 2 เล่มหั่นศพด.ช.โช มาคิโน่ เป็น 12 ชิ้น นำไปแยกใส่ถุงพลาสติกสีดำ 5 ใบ เคลื่อนย้ายศพออกจากห้องพักของจำเลยไปทิ้งไว้ในซอยหมู่บ้านพิมาน แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. อันเป็นการซ่อนเร้นทำลายศพ เพื่อปิดบังสาเหตุการตาย ต่อมาวันที่ 12 ต.ค. 2552 พนักงานสอบสวนพบชิ้นส่วนศพของ ด.ช.โช และวันที่ 13 ต.ค. 2552 จำเลยได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน พร้อมของกลางอาวุธปืน โดยพนักงานสอบสวนได้ยึดของกลางเป็นมีดปังตอที่ใช้ก่อเหตุจากห้องพักรวมถึงทรัพย์สินของกลางที่จำเลยลักทรัพย์เอาไปจากพยานบุคคลที่จำเลยนำไปฝากไว้


            จากการสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ ในข้อหาพ.ร.บ.อาวุธปืน, ฆ่าและพยายามฆ่า ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน และซ่อนเร้นทำลายศพ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยอ้างว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะ


            ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า โจทก์มี ด.ญ.เอ ผู้เสียหาย เบิกความยืนยันว่าในวัน 10 ต.ค. 2552 เวลาประมาณ 23.30 น. จำเลยขับรถแท็กซี่ไปรับนางสุนันท์ มารดา ด.ช.โช น้องชาย และพยานจากสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อไปส่งที่คอนโดมิ เนียม ย่านถนนรัชดาภิเษก แต่จำเลยกลับขับรถออกนอกเส้นทาง นางสุนันท์จึงสั่งหยุดรถ จำเลยจึงหันมาใช้อาวุธปืนยิงใส่นางสุนันท์ ด.ช.โช และพยาน เมื่อถูกยิงพยานจึงแกล้งเสียชีวิต ขณะที่มารดาพูดจาต่อว่าจำเลยจึงถูกยิงซ้ำอีก 2 นัด ส่วนน้องชายร้องไห้จึงถูกยิงซ้ำอีก 3-4 นัดจนเสียชีวิต เห็นว่าพยานรู้จักจำเลยเป็นอย่างดีเพราะถูกเลี้ยงดูมาแต่ยังเล็ก แม้ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนย่อมจำได้ว่าเป็นจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุ อีกทั้งมีภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดยืนยันว่าจำเลยไปรับผู้ตายและผู้บาดเจ็บจากสนามบินสุวรรณภูมิจริง ประกอบกับหลักฐานในชั้นสอบสวนพบว่าหัวกระสุนถูกยิงจากปืนของจำเลย อีกทั้งผลการตรวจสอบในรถแท็กซี่ เสื้อ และรองเท้าของจำเลยพบคราบโลหิตของผู้ตาย และพบคราบเลือดของด.ญ.เอในห้องน้ำบ้านพักย่านบางบัวทองที่จำเลยนำพยานไปกักขังไว้ จึงรับฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายทั้งสอง และพยายามฆ่าผู้เสียหายจริง


            คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่าจำเลยได้เตรียมอาวุธปืนซุกซ่อนไว้ใต้เบาะรถ และวางแผนขับรถออกนอกเส้นทางก่อนใช้ปืนยิงผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่า และพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนไม่ใช่เหตุบันดาล โทสะ


            พฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนาใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสองและผู้เสียหาย แต่ผู้ตายไม่เสียชีวิตทันทีจึงยิงซ้ำ จากนั้นจึงพาด.ญ.เอ ผู้เสียหาย ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังและกระทำอนาจาร จากนั้นจึงหั่นศพด.ช.โชใส่ถุงพลาสติกสีดำ 5 ใบแยกไปทิ้งในที่ต่างๆ พฤติการณ์ของจำเลยมีความโหดร้ายกระทำต่อเด็กและผู้หญิง และยังปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ คำรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาไม่สมควรลดโทษให้


            พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย ส่วนข้อหาพยายามฆ่า พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ข้อหาชิงทรัพย์ จำคุก 6 ปี กักขังหน่วงเหนี่ยวจำคุก 2 ปี กระทำอนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ให้จำคุก 6 ปี ซ่อนเร้นทำลายศพฯ จำคุก 1 ปี ข้อหาพกพาอาวุธปืนในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว


            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ ด.ญ.เอ บุตรสาวและพี่สาวของผู้ตายทั้งสองเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับนายชยุต บิดา เพื่อร่วมฟังคำพิพากษา โดยภายหลังศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย ด.ญ.เอ กล่าวว่า ผลคำพิพากษาทำให้ความรู้สึกของตนดีขึ้น ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณหน่วยงานและทุกคนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่กับบางคนที่เข้ามาเพื่อสร้างภาพ ขออย่าเข้ามาอีกเลยเพราะทำให้เสียความรู้สึก


            "หลังจากนี้จะจุดธูปบอกแม่และน้องว่าเราทำสำเร็จแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว ส่วนตัวยอมรับว่ายังไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังโกรธแค้นที่นายสิริพงศ์ฆ่าแม่และน้องชาย และคงจะไม่ให้อภัย หรืออโหสิกรรมให้ แม้ศาลจะพิพากษาลงโทษประหารชีวิต" ด.ญ.เอ กล่าว


            ด้านนายชยุต กล่าวว่า พอใจกับผลคำพิพากษาและขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม พิพากษาให้คนทำผิดได้รับโทษที่เขาได้กระทำไว้ นอก จากนี้ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งสื่อมวลชนที่ให้ความยุติธรรม ส่วนการดูแลบุตรสาวต่อจากนี้ จะให้เขาได้เรียนสูงที่สุด ส่วนจะเป็นด้านไหนตาม ใจเขา และเชื่อว่าบุตรสาวจะลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้


ข้อมูลจากข่าวสด




 

Create Date : 28 กันยายน 2553    
Last Update : 28 กันยายน 2553 20:40:09 น.
Counter : 3352 Pageviews.  

'ดีเอ็นเอ'มัดเด็กปั๊ม ข่มขืนฆ่า'สาวสตง.' เปิดม่านรูดพักลำพัง



       ในที่สุด "ไอ้รุ่ง" เด็กปั๊มชาวลาว ก็ยอมสารภาพว่า ได้ลงมือข่มขืนฆ่าสาวใหญ่นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดินระดับ 6 จริง เป็นเหตุสยองขวัญที่เกิดในจังหวัดอ่างทอง


            ผู้ต้องหาอ้างว่า เห็นคนตายเข้ามาเปิดห้องพักที่โรงแรมเพียงลำพัง พอใกล้สว่าง แอบดูเห็นนุ่งผ้าเช็ดตัวนอนหลับไป ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ จึงใช้เหล็กงัดลูกบิดห้องพัก บุกเข้าไปข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ แล้วใช้หมอนปิดหน้าบีบคอจนเสียชีวิตคามือ


            จากนั้นอุ้มศพขึ้นรถยนต์ไปทิ้งเพื่ออำพรางคดี


            ก่อนจนมุมตำรวจอ่างทองจนได้


            โดยเฉพาะดีเอ็นเอคือหลักฐานชิ้นสำคัญที่ตำรวจใช้ตรวจพิสูจน์


            มัดแน่นฆาตกรหื่นกามอย่างดิ้นไม่หลุด!??


            เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 22 กันยายน พล.ต.ต. สุรชัย สืบสุข ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผกก.สส.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ.ปรีชา วัชรเสถียร ผกก.สภ.โพธิ์ทอง แถลงข่าวจับกุมนายสายรุ่ง เครือแก้ว อายุ 19 ปี ชาวลาว ผู้ต้องหาข่มขืนฆ่าหญิงสาวอายุ 45 ปี นักวิชาการระดับ 6 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ภาค 1 พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือของคนตาย


            จับกุมคนร้ายได้ หลังตำรวจทุ่มเทติดตามคดีชนิดกัดไม่ปล่อย!??


            ย้อนไปดูคดีฆ่าสาวใหญ่สตง. เกิดขึ้นเมื่อชาวบ้านไปพบศพผู้ตาย ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ เสียชีวิตในสภาพนอนหงาย สวมเสื้อแขนยาว สวมกางเกงขายาวสีดำใส่ชุดสเตย์ไว้ข้างใน ที่ลำคอพบร่องรอยการถูกบีบจนเขียวช้ำ กลางศีรษะมีแผลถลอก


1.แสดงท่าใช้หมอนปิดหน้าฆ่า


2.ขอขมารูปศพเหยื่อ


3.รถเก๋งที่คนร้ายใช้ขนศพไปทิ้งเพื่ออำพราง


4.พ่อเหยื่อนำดอกไม้ขอบคุณตร.


            ห่างจากศพไปประมาณ 2 กิโลเมตร บริเวณริมคลองตาเพ็ง หมู่ 5 ต.บางเจ้าฉ่า อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้าวีออส สีเทา ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ของผู้ตาย จอดอยู่ริมถนน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา


            อุกอาจสะเทือนขวัญฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิง!??


            เริ่มแรก พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภาค 1 ได้เร่งรัดสั่งล่าตัวคนร้ายให้จงได้ โดยมอบหมายให้ ผู้การสุรชัย นำทีมสืบ สวนจากภ.จว.อ่างทอง ฝ่ายสืบสวนสภ. โพธิ์ทอง ร่วมกับศูนย์สืบสวนภาค 1 แบ่งทีมตามหาพยานหลักฐานทางคดี รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคนใกล้ชิด


            จัดทีมสืบลงพื้นที่แกะรอยอยู่พักใหญ่ จนได้ข้อสรุปพบเส้นทางของคนตายก่อนที่จะมาปรากฏตัวกลายเป็นศพในพื้นที่ จ.อ่างทอง


            ข้อมูลญาติๆ ระบุว่า ปกติผู้ตายจะพักอยู่กับพ่อและน้องสาวที่ จ.ลพบุรี ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลา 22.00 น. วันที่ 21 มกราคม ผู้ตายได้โทรศัพท์ไปหาสามีแจ้งว่าจะไปนอนค้างกับลูกสาวที่หมู่บ้านนวนคร จ.ปทุมธานี จากนั้นขับรถออกจากบ้านพักกระทั่งมาพบศพในรุ่งเช้า


            ตำรวจเร่งเดินหน้าแกะรอยต่อจนได้ข้อ มูลเพิ่มพบว่าผู้ตายได้คบหากับนายอาคม หรือแบงก์ ดำรงกุล อดีตทหารเกณฑ์สังกัดหน่วยรบพิเศษ จ.ลพบุรี


       จึงติดตามตัว "ไอ้แบงก์" มาสอบสวน ยอมรับเคยคบหากับคนตายจริง แต่ไม่ได้ฆ่า โดยในวันเกิดเหตุนอนอยู่ที่บ้านพักและเสพยาบ้า


            คำให้การยังไม่กระจ่างชัด


            จึงส่งไปตรวจหาดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเทียบกับกรุ๊ปเลือดที่เก็บได้ที่ประตูด้านซ้ายรถ ที่พวงมาลัย และช่องคลอดของคนตาย


            ผลปรากฏดีเอ็นเอที่ได้ไม่ตรง


            แต่ทีมสืบไม่ละความพยายาม ผู้การสุรชัย สั่งสืบสวนแกะรอยเริ่มตั้งต้นใหม่หมด จนได้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเปิดห้องพักที่โรง แรมม่านรูด ใน อ.โพธิ์ทอง


            จึงมอบหมายให้ พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผกก.สส.ภ.จ.อ่างทอง ประสานกับชุดสืบสวนสภ.โพธิ์ทอง เข้าตรวจสอบที่โรงแรมม่านรูด "กันเอง รีสอร์ต" หมู่ 7 ต.อ่างแก้ว อ.โพธิ์ทอง


            พบว่าสาวใหญ่ผู้เคราะห์ร้ายได้เข้าพักห้องเลขที่ 304 มีนายสายรุ่งเป็นบ๋อยเปิดห้องพักให้ และมีนางแหลม เครือแก้ว มารดาทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์


            ภายหลังเกิดเหตุ "ไอ้รุ่ง" กลับหายตัวไปอย่างลึกลับ


            จึงนำตัวนางแหลมมาสอบเค้นจนได้ความ ว่าลูกชายทำงานที่ปั๊มน้ำมันปิโตรนาส หมู่ 6 ต. ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรี อยุธยา ในวันเกิดเหตุได้มาเยี่ยมพ่อแม่และช่วยทำงานบริการเปิดห้องพักให้คนตายเข้าพัก


            เป็นคนเดียวที่ตำรวจยังไม่ได้สอบปากคำ


            รีบส่งชุดออกตามหาจนเจอตัว!??


            ตอนแรก "ไอ้รุ่ง" ยังปากแข็งให้การปฏิเสธ แต่หลังถูกสอบเค้นอย่างหนักในที่สุดยอมเปิดปากสารภาพสิ้น คืนเกิดเหตุเห็นขับรถเก๋งมาเช่าห้องพักค้างคืนเพียงลำพัง กระทั่งใกล้สว่างได้แอบดูผู้ตายนอนหลับในห้อง พบนอนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ปกปิดร่างกายไม่หมด จึงเกิดอารมณ์ชั่วร้าย ใช้เหล็กงัดลูกบิดประตูห้องพักบุกเข้าไปข่มขืนจนสำเร็จความใคร่


            ด้วยกลัวว่าผู้ตายจะแจ้งความ เลยลงมือฆ่าปิดปาก โดยใช้หมอนปิดใบหน้าและบีบคอซ้ำจนตายคามือ ทั้งที่ผู้ตายพยายามร้องขอชีวิต แล้วอุ้มศพขึ้นรถเก๋งไปทิ้งทางเปลี่ยวเพื่ออำพรางคดี


            ระหว่างที่ขับรถหนี จู่ๆ รถตกข้างถนนติดหล่มขับต่อไปไม่ได้ เลยทิ้งรถกลับไปหาแม่ที่โรงแรมแล้วกลับไปทำงานที่ปั๊มน้ำมันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


            แต่สุดท้ายหนีไม่พ้นความผิดที่ก่อไว้


            โดยเฉพาะผลดีเอ็นเอที่ตำรวจตรวจเก็บไว้ พบว่าตรงกับดีเอ็นเอของ "ไอ้รุ่ง"


            คอตกชดใช้กรรมในที่สุด!??


ข้อมูลจากข่าวสด




 

Create Date : 28 กันยายน 2553    
Last Update : 28 กันยายน 2553 20:29:39 น.
Counter : 3266 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.