DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
All Blogs
 
ปิดคดียิงทิ้งกลางกรุง 2 ศพ!





       ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 7 มี.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ จะเกิดเหตุฆาตกรรมกันกลางกรุงถึง 2 ศพ เพียงแค่ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลเท่าหางอึ่ง แต่กลับมาตัดสินกันด้วยชีวิตทั้งสองฝ่าย แม้อีกฝ่ายหนึ่ง จะไม่มีการสูญเสียชีวิต แต่ภายหลังการถูกจับกุม ก็ต้องสูญเสียอิสรภาพ ประหนึ่งตายทั้งเป็น


            เช้าวันดังกล่าวประมาณ 07.00 น. บริเวณสี่แยกเหน่งจ๋าย บนถนนประชาอุทิศ ขาออก แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. สภาพการจราจรยังคงหนาแน่นพอประมาณ เพียงแต่เบาบางกว่าวันทำงานตามปกติเท่านั้น และระหว่างที่ผู้ใช้รถใช้ถนนหยุดรอสัญญาณไฟจราจรอยู่นั้น พลันก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจำนวนหลายนัด ระหว่างนั้นน.ส.ปิยะพรรณ คำนักดิษฐ์ อายุ 19 ปี และ น.ส.ศิริวรรณ เปี่ยมจิตร อายุ 20 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน ชม 1590 กทม. จอดติดสัญญาณไฟแดงอยู่ แต่เมื่อสิ้นเสียงปืน ทั้งคู่ก็ต้องสะดุ้งโหย่ง เพราะมีรถแท็กซี่โตโยต้า รุ่นอัลติส สีเหลือง ทะเบียน ทศ 494 กทม.ของสหกรณ์แท็กซี่ลาดพร้าว จำกัด เคลื่อนเข้ามาชนที่ท้ายรถ จังหวะนั้น รถยนต์ไม่ต่ำกว่า 2 -3 คันก็เร่งเครื่องวิ่งปรูดป๊าดออกไปจากบริเวณที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว


            ทั้งสองสาวก้าวลงจากรถ เดินไปดูร่องรอยการถูกชน แต่ก็ต้องถึงกับชะงักและดูเหมือนจะซ็อกไปชั่วขณะ เพราะที่บริเวณหน้ารถแท็กซี่ ทั้งฝั่งเบาะนั่งคนขับ และฝั่งเบาะนั่งด้านซ้าย ร่างของชายที่อยู่ในรถแท็กซี่ทั้งคู่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด นอนแน่นิ่งคาที่อยู่อย่างนั้น


            ไม่กี่อึดใจต่อมา วิทยุในห้องสื่อสารของพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางก็ดังลั่น "เหตุ 241 อาวุธปืน ในรถแท็กซี่ บริเวณสี่แยกเหน่งจ๋าย มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ รายละเอียดว.00" ร.ต.ท.จิรัชชัย ศุภวิรัชบัญชา พนักงานสอบสวน (สบ1) ไม่รอช้า รุดไปยังที่เกิดเหตุทันที และไม่นานในที่เกิดเหตุ ก็เต็มไปด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไล่ตั้งแต่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.สน.ห้วยขวาง พ.ต.ท.จารุภัชร ทองโกมล รองผกก.สส.ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง


            ตำรวจเข้าตรวจสอบที่รถแท็กซี่ พบว่าที่กระจกฝั่งขวาด้านคนขับ มีรอยถูกอาวุธปืนยิงจนแตกทั้งบาน ส่วนที่เบาะนั่งคนขับพบศพนายรังสรรค์ ย่องด่านคำ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133 หมู่ 10 ต.หัวฝ้าย อ.แดนดง จ.บุรีรัมย์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ไหล่ขวา 2 นัด กระสุนฝังใน เสียชีวิตคาเบาะ และที่เบาะหน้าด้านซ้ายข้างคนขับ พบศพนายพิสิษฐ์ รุ่งเรือง อายุ 20 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกัน เข้าที่บริเวณชายโครงขวา 4 นัด และข้อมือซ้าย 1 นัด เสียชีวิตคาที่เช่นเดียวกัน ส่วนที่พื้นถนน ตำรวจยังพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.จำนวน 7 ปลอก ตกอยู่เกลื่อนพื้นข้างรถ และพบหัวกระสุนแบบทองแดงจำนวน 2 หัว โดย 1 หัวตกอยู่ข้างรถ ส่วนอีก 1 หัว ฝังอยู่ในขอบประตูรถด้านคนขับ


            ตำรวจเรียกสองสาวรถแจ๊ซมาสอบปากคำทันที แต่ทั้งคู่ ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง โดยอ้างว่า ขณะที่จอดติดไฟแดงอยู่ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ก่อนที่รถแท็กซี่จะไหลมาชนกับท้ายรถของตน ซึ่งขณะที่เกิดเหตุ ไม่เห็นรถ หรือรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย เพราะขณะนั้น มีรถติดอยู่ตรงแยกจำนวนมาก แต่การสอบปากคำสองสาวในเบื้องต้น ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของทั้งคู่ เนื่องจากยังให้การวกไปวนมา


            อย่างไรก็ตาม เมื่อตำรวจสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ กลับพบว่า มีรถของกลุ่มคนร้ายที่หลบหนีไปหลังก่อเหตุอีกถึง 3 คัน ทราบว่า เป็นรถเก๋งหรู ยี่ห้อเบนซ์ รุ่นคอมเพรสเซอร์ สีบรอนซ์ ทะเบียน ษฬ 7722 กทม.และรถเก๋งบีเอ็มดับบลิว รุ่น 320 ดี สีดำ ทะเบียนป้ายแดง พ 2079 กทม.ซึ่งเป็นรถแต่งซิ่งทั้งสองคัน และรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ สีขาว ไม่ทราบทะเบียนอีก 1 คัน เมื่อทราบทะเบียนรถชัดเจน ตำรวจจึงวิทยุสกัดจับรถคนร้ายไปยังท้องที่ต่างๆที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนี และจากนั้นไม่นาน ตำรวจ สน.โชคชัย ได้จับกุมรถเบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยูเอาไว้ได้ที่บริเวณหน้าปากซอยลาดพร้าว 71 พร้อมผู้ต้องหา 2 คน มีนายธนากร ทวีเพชรโสภาดา อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/4 ต.ท่าผดุง อ.เมือง จ.ระยอง ผู้ขับรถเบนซ์ และ นายธันวา ดารานัย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ตรอกโรงพยาบาลบางคอแหลม แขวงและเขตบางคอแหลม กทม. ผู้ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู โดยสาเหตุที่จับกุมได้อย่างทันควันอันเนื่องมาจาก ระหว่างที่นายธันวา ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุนั้น ได้ขับรถไปชนกับรถจักรยานยนต์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก จึงทำให้ไม่สามารถหนีรอดได้ ส่วนคนร้ายอีกคนที่ขับรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซสีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนนั้น สามารถหลบหนีไปได้


            ภายในห้องสอบสวนสน.ห้วยขวาง ตำรวจกำลังสอบปากคำ นายสุเมธ ทับสีแก้ว อายุ 24 ปี และนายวีระพงษ์ จันทร์อ่อน อายุ 20 ปี เพื่อนของผู้ตายทั้ง 2 คนที่นั่งอยู่บริเวณเบาะหลังรถ โดยเบื้องต้น ทั้งสองให้การว่าขณะเช็กบิลเพื่อออกจากร้าน นายพิสิษฐ์ ได้เดินเข้าไปขอเบอร์หญิงสาวที่นั่งอยู่อีกโต๊ะในร้าน แต่ไม่เห็นว่าเป็นหญิงสาวคนไหน ทว่าเมื่อขึ้นรถจะออกร้าน ก็พบว่ารถเก๋งบราบัสได้ขับมาปาดหน้า ก่อนจะมีการด่าทอกัน โดยนายรังสรรค์ได้ตะโกนด่าให้ของลับกลับไป ก่อนที่จะขับรถออกมาและถูกตามมายิงดังกล่าว


            เมื่อสอบปากคำพยานและประมวลสถานการณ์แล้ว "ผู้การแต้ม" พล.ต.ต.วิชัย ระบุในทันทีว่า รู้ตัวคนร้ายที่เป็นผู้ลงมือยิงผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายแล้ว ทราบชื่อ นายวิศรุต เปลี่ยนเจริญ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 181 ถ.เทศบาลสาย 1 แขวงวัดกัลยา เขตธนบุรี ส่วนสาเหตุของการยิงกัน พบว่า ก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้ตายทั้งหมด ได้เข้าไปนั่งดื่มกินกันที่บริเวณร้านบัวขาว ภายในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 7 และขณะที่นั่งดื่มกินกันอยู่ภายในร้าน กลุ่มของผู้ตายได้เกิดไปถูกใจหญิงสาวของกลุ่มคู่กรณีเข้า จึงได้เข้าไปขอเบอร์โทรศัพท์ จนเป็นเหตุทำให้อีกฝั่งไม่พอใจ หลังจากที่กลุ่มผู้ตายออกมาจากร้าน กลุ่มของคู่กรณีซึ่งมากันกว่าสิบคน ได้ขับรถเก๋งหลายคันตามรถผู้ตายมาถึงแยกที่เกิดเหตุ โดยผู้ขับรถเก๋งบราบัสได้ขับปาดหน้ารถของกลุ่มผู้ตาย ก่อนจะหยิบไม้เบสบอลและมีดลงไปเคาะเรียกให้กลุ่มผู้ตายลงมาจากรถ เพื่อหวังรุมสกรัม แต่กลุ่มผู้ตายไม่ยอมลง ทำให้นายวิศรุตที่ขับรถฮอนด้าแจ๊ซ สีขาวมากกับสองสาว เดินลงไปข้างรถแท้กซี่แล้วใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงเข้าใส่คนในรถแท็กซี่จนเสียชีวิต 2 ศพ


            "หลังก่อเหตุ มือปืนได้วิ่งขึ้นรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน อีกคันที่มี นายอนนท์ เกตุเจริญ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/85 ซ.ปลูกจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ที่ขับตามหลังมาหลบหนีไปได้ ส่วนนายธันวา ผู้ขับขี่รถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูนั้น กำลังอยู่ในระหว่างตรวจสอบว่ามีการเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ เบื้องต้นทราบเพียงแต่ว่าเป็นเพื่อนของกลุ่มผู้ต้องหา"


            ตำรวจฝ่ายสืบสวนของสน.ห้วยขวางและกก.สส.บก.น.1 ใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุ จึงสามารถตามจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ได้เพิ่มเติม ประกอบด้วยนายธนกร หรือบอย ทวีเพชรโสดาภา อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/4 ถ.ตากสินมหาราช ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง และนายอนนท์ หรืออ้วน เกตุเจริญ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/85 ซอยปลูกจิตต์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. พร้อมของกลาง รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ษฬ-7722 กทม.รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ สีขาว หมายเลขทะเบียน ชฎ-8657 กทม. รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซสีขาว หมายเลขทะเบียน ชม-1950 กทม.ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก หัวกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 หัว และไม้เบสบอล จำนวน 1 อัน โดยตั้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร"


            ขณะเดียวกัน ตำรวจได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับเลขที่ 543/2553 ลงวันที่ 7 มี.ค.53 ในข้อหาเดียวกัน กับนายวิศรุต เปี่ยมเจริญ อายุ 24 ปี คนร้ายที่ลงมือลั่นไกสังหารเหยื่อทั้ง 2 ศพ


            เที่ยงวันรุ่งขึ้น (8 มี.ค.) นายวิศรุต มือปืน เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.จีระศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เจริญสุข ผกก.สน.บุปผาราม อันเป็นท้องที่บ้านของผู้ต้องหา ทั้งพ่อแม่ผู้ต้องหา ได้รู้จักคุ้นเคยกับตำรวจสน.บุปผาราม จึงเข้ามอบตัวดังกล่าว หลังจากที่ถูกตำรวจชุดติดตามจับกุมกดดันอย่างหนัก ซึ่งเบื้องต้นนายวิศรุตให้การเพียงว่า เป็นผู้ก่อเเหตุยิงผู้ตายทั้ง 2 คนจริง โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกับกลุ่มเพื่อนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ที่ร้านบัวขาว โดยขับรถฮอนด้าแจ๊ซของมารดาไป เมื่อรับประทานอาหารเสร็จก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน แต่ระหว่างทางเพื่อนโทรศัพท์มาบอกว่ามีเรื่อง จึงวนรถกลับไปยังจุดเกิดเหตุอีก เมื่อไปถึง เห็นกลุ่มเพื่อนกำลังมีเรื่องกับกลุ่มผู้ตายทั้ง 2 คน จึงลงจากรถไปกระหน่ำยิงจนเสียชีวิตทั้ง 2 คน จากนั้นขึ้นรถที่มีนายอนนท์ หรือ อ้วน เกตุเจริญ เป็นคนขับ หลบหนีไป โดยระหว่างทาง ได้โยนอาวุธปืนของกลางที่ใช้ก่อเหตุทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่กลางสะพานพระปกเกล้า จากนั้นไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 85 จนกระทั่งทราบว่า ตำรวจไปกดดันที่บ้านอย่างหนัก จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว


            ตำรวจใช้เวลาราว 30 ชั่วโมง สามารถปิดคดีฆาตกรรมอุกอาจ และเหี้ยมโหด กลางสี่แยก กลางกรุง และกลางวันแสกๆได้อย่าน่าชื่นชม แม้ในวันที่คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จะมีอุปสรรคบ้าง ก็ด้วยญาติของผู้ตายพากันไปยืนรอกลุ่มผู้ต้องหา ทำให้ตำรวจต้องยกเลิกการทำแผน ด้วยเกรงจะเกิดการชุลมุนวุ่นวายขึ้น แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการปิดคดี และส่งตัวคนร้ายเข้าไปรับกรรมที่ได้ก่อขึ้นในเรือนจำ เพื่อรอวันศาลพิพากษาความผิด ปิดอนาคตสู่ทางเดินของสุจริตชนทั้งชีวิต เพียงเพราะเหตุผลแค่หางอึ่งเท่านั้น!


ข้อมูลจาก Manager online


Create Date : 19 มิถุนายน 2553
Last Update : 19 มิถุนายน 2553 7:43:51 น. 3 comments
Counter : 2328 Pageviews.

 
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ


โดย: nordcapp (nordcapp ) วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:9:26:02 น.  

 
สรุปสองสาวรถแจ๊ซที่โดนชนท้าย
เกี่ยวข้องกับคดีไหมคะ


โดย: เอ IP: 61.90.74.179 วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:14:01:44 น.  

 


"""พ่อแม่ผู้ต้องหา ได้รู้จักคุ้นเคยกับตำรวจสน.บุปผาราม"""


เดี๋ยวเงิน ก็จะทำให้คดี กลายเป็นบันดาลโทสะ

รอลงอาญา
คนไทยลืมความโหดเหี้ยมง่าย ...


โดย: ต้นโพธิ์ต้นไทร IP: 125.27.37.253 วันที่: 19 มิถุนายน 2553 เวลา:20:58:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.