Enter the Mr. Polar Bear' stories ^^
Group Blog
 
All Blogs
 
บทรีวิว สามก๊ก ตอน โจโฉแตกทัพเรือ สไตล์หมีขาวดูหนัง >_<

หลังจากเพิ่งชมภาพยนตร์รอบพิเศษของหนังสามก๊ก เวอร์ชั่นกำกับโดย จอห์น วู ในรูปแบบการนำเสนอสุดอลังการ ด้วยทุนสร้างและขนบรรดานักแสดงระดับแนวหน้าของเอเชียมาเต็มพิกัด

เป็นเหตุบังเอิญ (?) ที่มีหนังสามก๊กเพิ่งออกฉายไม่นาน ซึ่งสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ “Resurrection of the Dragon” หรือภาคนำเสนอเรื่องราวของจูล่ง ที่นำโดย หลิวเต๋อหัว รับบทเป็นสภาพบุรุษขุนศึกแห่งเสียงสาน

หากมองในแง่ของเรื่องราวตามนวนิยาย หรือเค้าโครงประวัติศาสตร์ “Resurrection of the Dragon” จะออกไปในแนวตีความ และดัดแปลงประวัติของจูล่ง แตกต่างไปจากที่เราอ่านจากหนังสืออยู่มาก ในขณะที่ “Red Cliff” จอห์น วู ให้น้ำหนักในการนำเสนอที่สอดคล้องกับเรื่องราวประวัติศาตร์และนวนิยายสามก๊ก

การศึกสงครามครั้งโจโฉแตกทัพเรือ หรือการศึกยุทธนาวีที่ผาแดง (Red Cliff) ผู้กำกับให้น้ำหนักของเรื่องหลัก สอดคล้องกับประวัติศาตร์จริงมากกว่าตัวนวนิยายที่เริมแต่งโดย “หลัวก้วนจง” (ล่อกวานตง)

จิวยี่ ขุนพลเอกของซุนกวน จึงเป็นตัวแสดงที่โดดเด่นที่สุดในการศึกครั้งนี้ เทียบเท่ากับโจโฉ ผู้นำทหารแปดสิบหมื่นมารุกรานดินแดนใต้ มิใช่ ขงเบ้ง ตามที่ฉบับนิยายเสริมแต่งแต่อย่างใด

เรื่องราวของหนัง เปิดฉากด้วยการอพยพราษฎรของเล่าปี่ ซึ่งถอยหนีการบุกของกองทัพโจโฉ นำไปสู่เรื่องราวอันลือลั่นของ “จูล่ง” เมื่อตัดสินใจบุกฝ่ารับตัว “อาเต๊า” บุตรชายของเล่าปี่ จากวงล้อมของทหารโจโฉ

ฉากนี้ แสดงบทบาทของจูล่ง ได้สมจริง และถูกต้องตามที่เราเคยอ่าน เทียบกับเวอร์ชั่นพี่หลิว แม้จะดุเดือดเลือดพล่าน แต่ในด้านคะแนนเนื้อเรื่อง ภาคนี้ ดูจะถูกใจคอนวนิยายมากกว่า

อย่างไรก็ดี เป็นเพียงฉากสั้นๆ ไม่นาน เพื่อปูทางไปสู่การที่ ขงเบ้ง ตัดสินใจอาสาไปพบ ซุนกวน ผู้นำแคว้นง่อ เพื่อเกลี้ยกล่อมร่วมเป็นพันธมิตรศึกต่อต้านทัพโจรแซ่โจ ทั้งที่มีทหารในมือเหลือเพียง 10,000 รายเท่านั้น (ไม่แน่ใจว่าในจำนวนนั้น บาดเจ็บไปเท่าไหร่แล้วด้วย !)

จอห์น วู ให้น้ำหนัก นำเสนอพื้นหลัง ก่อนการตัดสินใจของซุนกวนและจิวยี่ ได้ยอดเยี่ยม เพราะการที่ใครซักคนจะกล้าต่อต้านโจโฉ ที่เพิ่งได้รับชัยชนะติดต่อกัน ทั้งมีทหารในมือจำนวนมหาศาล ผู้นั้นย่อมต้องมีเหตุผลไม่ธรรมดาแน่

ขณะที่ ขงเบ้ง รับบทเป็นพระรอง แต่พอมีดีอยู่บ้าง ในแง่ของการหาหนทางเกลี้ยกล่อม 2 ยอดคนแดนใต้ รวมไปถึงการเป็นผู้นำเสนอความคิดการศึกร่วมกับจิวยี่

ความสมจริงของการรบ กลยุทธ์ ดูแล้วให้บรรยากาศสมจริง รุนแรง ดุดัน โดยเฉพาะฝีมือการรบของเหล่าขุนพลเอกของเล่าปี่ ได้แก่ กวนอู เตียวหุย จูล่ง ขณะที่ กำเหลง ดูจะเป็นรายเดียวของฝ่ายซุนกวน ที่มีบทบาทในแง่แสดงฝีไม้ลายมือการรบ ไม่นับรวม จิวยี่ ที่รับบททั้งบัญชาการศึกและลงมาลุยด้วยตนเอง ก็ยังมีฝีมือไม่เลวอีกด้วย

สังเกตได้ว่า ขุนศึกที่โดดเด่นคนอื่นๆ ของซุนกวน ยังไม่ออกมามีบทบาทนักในภาคนี้ คงต้องติดตามกันต่อไปครับ

เทียบกับเวอร์ชั่น “จูล่ง” อันนั้นเวอร์เอามาก ที่ให้เล่าปี่ และโจโฉ ออกมาวาดลวดลายการรบ ซึ่งคิดอีท่าไหน ก็ไม่ค่อยเชื่อว่าคู่นี้ จะสามารถรับมือตัวต่อตัวกับยอดนักรบได้แม้แต่น้อย เฮ้อ กลุ้ม ...

หนังดูจะผสมผสานนิยายและเค้าโครงประวัติศาสตร์อย่างกลมกลืน เพิ่มบทบาทของผู้หญิงอย่างเสียวเกี้ยว และซุนฮูหยิน ได้น่าสนใจ คล้ายจงใจขยายเศษเสี้ยวเนื้อหาที่มีในนวนิยาย ออกมาเพื่อแต่งเติมสีสัน โดยไม่ทำให้เนื้อเรื่องหลักเสียไปเลย แถมด้วยเรื่องราวโรแมนซ์ก่อนนำไปสู่ความรักระหว่างก๊กอีกเล็กน้อย

ที่ขาดไม่ได้ที่ต้องกล่าวถึงคือ โจโฉ ผู้ที่ฉบับนวยิยาย คือขุนนางกังฉิน ผู้อาศัยอำนาจในนามของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก่อกรรมทำเข็ญมากมาย ขณะทีนักวิจารณ์รุ่นใหม่บางคน กลับมองเป็นผู้พิทักษ์บัลลังก์ฮ่องเต้ ซึ่งตีความกันไปแล้วแต่มุมมองแต่ละด้านของชายผู้นี้

เวอร์ชั่นนี้ ยังคงตีความ โจโฉ ตามเนื้อหานวนิยายดั้งเดิม คือ อารมณ์ศิลปิน เฉลียวฉลาด ชำนาญยุทธศาสตร์ (แต่ด้อยกว่า 2 เสนาธิการเอกของเรื่อง) ขี้ระแวง หมกมุ่นอิสตรี แถมพกด้วยอารมณ์ชอบแนว Cosplay ????

ข้อสุดท้าย อันนี้ ต้องขอให้เพื่อนๆ เข้าไปดูในโรงเองครับ ขออุบไว้ก่อน เรียกว่าเอาส่วนด้อยของโจโฉมาเต็มที่ ในขณะที่ส่วนเด่น ไม่ได้ยกมากล่าวมากนัก

อันนี้ไม่น่าจะสปอยล์ แต่บอกได้คือเรื่องจะยังคงมีอีกภาคหนึ่งตามมา ด้วยว่าเรื่องราวที่จอห์น วู ใส่มา เป็นการปูเรื่องราวอย่างเป็นระบบเพื่อเตรียมนำไปสู่ศึกยุทธนาวีครั้งยิ่งใหญ่ อันก่อให้เกิดภาพร่างของการแบ่งแยกดินแดนออกเป็นสามส่วน หรือ “สามก๊ก” ในท้ายที่สุด

ความยาวของหนังจึงจำเป็นต้องยาวด้วยเหตุผลดังกล่าว และไม่จบในตอนเดียว


โดยสรุป เปรียบเทียบกับละครซีรี่ส์สามก๊กที่เคยซื้อแผ่น DVD อันนั้นแม้จะตรงเนื้อเรื่องเป๊ะๆ แต่สิ่งที่ขาดหายคือ ความสนุก และสีสันของเรื่องราว ขนาดผมดูยังเบื่อในบางตอนด้วยซ้ำ

“Resurrection of the dragon” ดูจะเน้นแต่ความมันส์ สะใจ แต่กลับตีความเรื่องราวสามก๊กไปในอีกรูปแบบหนึ่ง เล่นเอาผมกุมขมับในแง่เนื้อหาอย่างยิ่งยวด

เมื่อชม “Red Cliff” จบลง (แม้จะยังไม่จบจริง) ผมรู้สึกอิ่มเอมกับอารมณ์ของการดื่มด่ำรสชาตินวนิยาย ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้อย่างสมจริง กระชับรวดเร็วในบางมุม ขยายเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดหาย โดยไม่ให้เสียอรรถรสของแฟนสามก๊ก จึงไม่น่าแปลก ที่ผมไม่มีวันพลาดภาคต่อของ “Red Cliff” อย่างแน่นอน



Create Date : 09 กรกฎาคม 2551
Last Update : 3 พฤษภาคม 2554 9:07:57 น. 2 comments
Counter : 1798 Pageviews.

 
ตอนไปดูจูล่ง
ก็ค่อนข้างผิดหวังเหมือนกันค่ะ
มีเติมหลานสาวเข้ามาด้วย

เซ็งเลย


เรื่องนี้คงจะหาดีวีดีมาดูตอนหลังนะคะ


โดย: โสดในซอย วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:48:26 น.  

 
รอชมภาคต่อเหมือนกันค่ะ


โดย: Toon16 วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:33:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr. Polar Bear
Location :
China

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หมีขาวอารมณ์ดี อยู่กะแก๊งหมาแสบๆ เพียบ!
มีลูกชายและลูกสาวเป็นไซบีเรียนฮัสกี้ - -"

ล่าสุด ข้ามรั้วมาเรียน ณ กำแพงเมืองจีน
เลยเก็บเรื่องราวมาฝากกันได้เยอะแยะ
Friends' blogs
[Add Mr. Polar Bear's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.