welcome to my Blog
Group Blog
 
All blogs
 

ลอยกระทง



ต้องลัดคิวก่อนกลิ่นควันจะจางหาย
งานประเพณีลอยกระทงที่ไปเที่ยวชมมาเมื่อคืนนี้



อย่างกับนัดกันไว้
หลายหน่วยงาน(ปกครอง)แถวๆบ้าน
จัดกิจกรรมกันมากมาย ใหญ่กว่าทุกๆปี



ทุ่มทุนสร้างกันเป็นพิเศษจัดกิจกรรมกันอย่างครึกครื้น
ทั้งรูปแบบงานวัด เน้นมโหรพ การแสดงดนตรี
มีการละเล่น สร้างความผ่อนคลาย จัดจำหน่ายสินค้า
เป็นที่ต้องตา ถูกใจ นักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ



โดยเฉพาะ ศิลปวัฒนธรรมไทย ที่สวยงามตระการตา



เคยคิดอยู่บ่อยๆว่า ทำไมคนไทยสมัยก่อน
ได้ช่างสร้างสรรค์สิ่งที่วิจิตงดงามได้มากมายเพียงนี้



ถ้าไม่เคยมีรูปแบบที่พวกเค้าได้ถ่ายทอดกันมา
เราจะมีปัญญาคิดทำกันออกมาได้ขนาดนี้รึป่าว



เค้าบอกว่า ศิลปวัฒนธรรม เป็นเครื่องสะท้อนสภาพสังคมนั้นๆ
แสดงความเจริญทั้งด้าน คติ ความเชื่อ
ความมั่งคั่งทางวัตถุ หรือ ต้นทุนธรรมชาติ
และสติ ปัญญา ความสามารถ ของผู้คน



ที่สำคัญ ศิลปะยังเป็นสิ่งที่สื่ออารมณ์กระตุ้นความรู้สึกภายใน
หรือเกิดผลกระทบจากการสัมผัสรับรู้ ที่หลากหลาย



อย่างที่เค้าบอกว่า ถ้าเราจับปากกาขึ้นมาขีดบนกระดาษ
สิ่งที่ปรากฏนั้นแม้จะไม่เกิดเป็นภาพ
แต่น้ำหนัก เส้นสาย มันสามารถบ่งบอกอารมณ์ภายใน
แม้แต่พฤติกรรม การแสดงออก บุคลิกต่างๆ
ก็เช่นเดียวกัน

เอ่อ...มันเป็นอะไรที่ลุ่มลึกจนยากจะอธิบาย
แต่สัมผัสได้ด้วยใจ



อย่าง เส้นสาย ที่อ่อนช้อยงดงาม
ลวดลาย ที่ลื่นไหล อิสระแต่เป็นระเบียบ
ท่วงทำนอง ท่าร่ายรำ จังหวะดนตรีของไทย
ล้วนบ่งบอกถึงจิตใจ ที่อ่อนโยน นิ่มนวล ผ่อนคลาย
แต่ก็แฝงไปด้วยความมั่นคง แข็งแกร่ง



มันเป็นผลทางจิตวิทยาโดยตรง
ถ้าได้ซึมซับรับรู้สิ่งเหล่านี้บ่อยๆ ก็จะมีผลต่อสภาพจิตใจ
จึงไม่แปลกที่คนไทยสมัยก่อนจะความอ่อนโยน สงบ เยือกเย็น
และยังใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องขัดเกลาฝึกฝนจิตใจ บ่มเพาะลักษณะนิสัย
ถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง ซึ่งได้รับการยกย่อง เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติทั่วโลก



สมัยนี้ วัฒนธรรมไทยไม่ใช่เพียงของแปลก
ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวต่างชาติ
คนไทยเองก็ไม่ค่อยเคยชินกับสิ่งเหล่านี้ซักเท่าไหร่
กลายเป็นสิ่งพิเศษ ที่เกิดขึ้น เฉพาะกลุ่ม เฉพาะกาล



ตรงกันข้าม คนรุ่นใหม่ กลับเคยชินกับอารมณ์รุนแรง แข็งกร้าว
คล้อยตามกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงของสัมคม
ที่หันมานิยมสิ่งใหม่ๆ และไม่สามารถรู้เท่าทัน
ต่ออารมณ์ตนเองที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป
ทำให้ยังรู้สึกยินดีกับสภาพจิตใจที่เป็นอยู่
แม้มันจะรุมเร้า รุ่มร้อนขนาดไหน



การห่างหายจากศิลปะวัฒนธรรมเดิมๆ
ที่อาจจะดูล่าสมัยแต่แฝงไว้ด้วยคุณค่าซึ่งเราหลงลืมไป
ทำให้ขาดสิ่งที่เคยจรรโลง ขัดเกลาจิตใจ



ยังดีที่มีการฟื้นฟู ให้ศิลปวัฒนธรรมไทย เป็นไฮไลท์ในเทศกาล งานต่างๆ
สนองความต้องการทางการตลาดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ซึ่งเป็นรายได้หลัก ของจังหวัดภูเก็ต



สิ่งที่เคยมีเป็นเครื่องมือ ขัดเกลา ฝึกฝนจิตใจ
กลายเป็นสิ่งที่เพิ่มมูลค่า สร้างจุดขาย
ที่ท้องถิ่นลงทุน ใช้สนับสนุนการท่องเที่ยว



เมื่อคืน ก็ไปมา 2-3 แห่ง
ถ้าแยกร่างได้ ก็อยากจะไปดูให้ทั่ว



ช่วงหัวค่ำ ไฮไลท์อยู่ที่ ขบวนแห่นางนพมาศ ในตัวเมือง นครภูเก็ต









กดกันจนแบ็ตหมด เลยต้องกลับมาเปลี่ยนถ่ายที่บ้าน
แล้วข้ามฝั่งมาทาง หาดกะรน



ไปถ่ายรูปนางนพมาศครับ(รับจ้างถ่ายหารายได้มายาไส้)



นักท่องเที่ยวเยอะมาก



บรรยากาศงานวัด ริมหาด



แต่ส่วนใหญ่ก็มาลอยกันในบึงฝั่งตรงข้าม



ท่าน้ำเป็นรูปเรือยื่นลงไปในหนอง





ส่วนริมหาด หนักไปทางโคมลอย



พอประกาศผลนางนภมาศ ท่านนายกฯ ทวี ทองแช่ม ขึ้นเวทีมอบรางวัล
ก็ยืนหันซ้ายไนขวา พึ่งจะ 5 ทุ่มกว่า ไปป่าตองน่าจะทัน



ไม่ผิดหวังครับ ผู้คนยังหนาแน่น



เอ่อ แจ่มครับ แจ่ม



เวทีนี้ พึ่งจะประกวดกันรอบสุดท้าย



ตี 1 กว่า ยังไม่ทันเลิกครับ ก็ต้องขอตัวกลับก่อน
เพราะแบ๊ตกล้องก็หมด คนก็หมด
กดไปเกือบพันภาพ แต่เอามาอัพ ให้ดูแค่นี้ละกัน




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2550 7:51:37 น.
Counter : 1997 Pageviews.  

ต้นฉบับ (รักษ์โลก)


โลกร้อน !!! แล้วทำไมทุกคนต้องรับผิดชอบ

(เป็นบทความที่เรียบเรียนเป็นต้นฉบับส่งสำนักข่าวครับ
แต่ไม่ได้ลงตีพิมพ์ T T ก็มาใส่บล๊อคไว้ก็แล้วกัน)

จากวิกฤติปัญหาสิ่งแล้วล้อม ที่ส่งผลกระทบให้เกิดปรากฏการณ์ภัยธรรมชาติ สร้างความเสียหายต่อชิวิตและทรัพสินได้อย่างมากมาย และยังมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกขณะ ซึ่งหลายฝ่ายได้แสดงความพยายามในการเผยแพร่รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการร่วมมือจากทุกคนที่อาศัยใช้รับประโยชน์จากธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่ขาดความสมดุล



ในปัจจุบัน สามารถพบเห็น องค์กร หน่วยงานต่างๆ ให้ความสำคัญต่อการเผยแพร่การรักษาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ออกมาป่าวประกาศเรียกร้องให้คนช่วยกัน ลดโลกร้อน แม้กระทั้งภาคเอกชน ที่แสดงความรับผิดชอบตอบแทนสังคม ก็มีส่วนนร่วมในการรณงค์ให้ทุกคนมาช่วยกันกอบกู้วิกฤติ



อย่างเช่นโครงการ “ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา” ของ บ.โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่แสดงสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม โดยจัดโครงการ ให้เทศบาล และ โรงเรียน นำเสนอผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างแนวทางให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมีการจัดกิจกรรม “ลดเมืองร้อน ออนทัวร์” ตามหัวเมืองใหญ่ โดยใช้สื่อสร้างการเรียนรู้ที่จะมีส่วนร่วมป้องกันและแก้ไขปัญญาภาวะโลกร้อน



สุวิษา ฐิตินิรันดร์ ผจก.สนง.ส่งเสริมความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ได้เผยถึงโครงการฯ ในงานลดเมืองร้อนออนทัวร์ ที่จัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บริเวณศูนย์การค้าเซนทรัล เฟสติวัลภูเก็ต ว่าเป็นโครงการจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 โดยครั้งนี้ ได้เชิญชวนเทศบาลซึ่งเป็นหน่วยงานการปกครองในเขตเมือง และ โรงเรียนจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ และให้จัดทำแผนดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมการนำเสนอและประเมินผลดำเนินการ



คุณ สุวิษา ยังกล่าวถึงผลงานจของ เทศบาล และโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งมีตั้งแต่ การลดการใช้กระแสฟ้า โดยมีการตรวจสอบปริมาณการประหยัดกระแสไฟฟ้า โดยนำใบแจ้งหนี้มาแสดง การจัดสร้างเส้นทางรถจักรยาน เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้ขับมาโรงเรียน การนำขยะมาทำปุ๋ย ตลอดจนสิ่งประดิษฐ์จากสิ่งของเหลือใช้ อย่างนักเรียนโรงเรียน เทศบาลบ้านบางเหนียว จ.ภูเก็ต ที่มาจัดแสดงครั้งนี้ก็ดำเนินการรณรงค์ให้ใช้ถึงผ้า แทนทุกพลาสติกและถุงกระดาษ พร้อมทั้งเสนอการนำพลาสติกและกระดาษเหลือใช้มารีไซเคิ้ล ใช้เป็นกระเป๋าในรูปแบบเก๋ไก๋ และสามารถใช้แทนถุงกระดาษและถุงพลาสติก



สำหรับงาน โลกร้อนออนทัวร์ ภายใต้แนวคิดศูนย์การเรียนรู้เรื่องโลกร้อน ด้วยรูปแบบนิทรศการเชิงปฏิบัติการ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 หลังจากได้จัดที่ กทม. และ เชียงใหม่ ภายในงาน มีกิจกรรมให้ ผู้ที่มาเที่ยวชมได้ร่วมกิจกรรมกันอย่างครึกครื้น โดยมี โรงภาพยนต์ 4 มิติ จำลองภาวะโลกร้อน กิจกรรมวอล์คแรลลี่ ที่ให้ผู้เข้าร่วมได้เก็บเกี่ยวความรู้ พร้อมทั้งการแสดงของนักเรียน การตอบปัญหาชิงรางวัล และยังมีการแสดงคอนเสิร์ทจาก ไอซ์ ศรัญญู และกิจกรรมบนเวที โดยมี นักแสดงชื่อดังเป็นผู้ดำเนินรายการ



กิจกรรมต่างๆ ทำให้น้องๆ หนูๆและผู้ปกครอง ที่มาร่วมงาน ได้สนุกสนาน ไปพร้อมกับรับรู้ถึงปัญหาภัยพิบัติที่เกิดจากสาวะโลกร้อน เรียนรู้สาเหตุและวิธีป้องกันแก้ปัญหา และแนวทางต่างๆที่ไม่สามารถเยียวยาวิกฤติการณ์ทางธรรมชาตินี้ได้ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน และนั่นหมายถึงความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ที่จะสร้างความเดือนร้อนให้กับทุกผู้คนที่อาศัยโลกใบนี้



(ส่วนอันนี้ ก็เป็นอีกชุดที่ส่งไปอีกสำนัก
และยังไม่ได้ลงตีพิมพ์เช่นเดียวกัน T T)

โลกเดือดเมืองร้อน

จากการพยายามป้องกันและแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อน ที่ก่อให้เกิดภับพิบัติ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สร้างความสูญเสียพร้อมทั้งส่งผลกระทบเกิดปัญหาด้านต่างๆ ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ สภาพเศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ที่สิ่งแวดล้อมมักจะแปรผันไปตามความหนาแน่นของประชากร



“ลดเมืองร้อน ด้วยมือเรา” เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้ร่วมกับเอกชน จัดโครงการ ให้เทศบาล ซึ่งเป็นหน่วยงานการปกครองพื้นที่ตัวเมือง และ โรงเรียน เข้าร่วมโครงการและนำเสนอผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างแนวทางให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมกันพิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม ป้องกันแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์ธรรมชาติโดยมีการจัดกิจกรรม “ลดเมืองร้อน ออนทัวร์” ตามหัวเมืองใหญ่ โดยใช้สื่อสร้างการเรียนรู้ที่จะมีส่วนร่วมป้องกันและแก้ไขปัญญาภาวะโลกร้อน



ภายในงาน โลกร้อน ออนทัวร์ ที่จัดขึ้นภายในศูนย์การค้าเซนทรัลเฟสติวัลภูเก็ต เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สุวิษา ฐิตินิรันดร์ ผจก.สนง.ส่งเสริมความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ประเทศไทย เข้าของโครงการได้เผยถึงโครงการฯ ที่ได้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 โดยครั้งนี้ ได้เทศบาลและ และ โรงเรียนจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ ถึง 84 เทศบาล 100 โรงเรียน



สำหรับงาน โลกร้อนออนทัวร์ ภายใต้แนวคิดศูนย์การเรียนรู้เรื่องโลกร้อน ด้วยรูปแบบนิทรรศการเชิงปฏิบัติการ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 หลังจากได้จัดที่ กทม. และ เชียงใหม่ ภายในงาน มีกิจกรรมให้ ผู้ที่มาเที่ยวชมได้ร่วมกิจกรรมกันอย่างครึกครื้น โดยมี โรงภาพยนต์ 4 มิติ จำลองภาวะโลกร้อน กิจกรรมวอล์คแรลลี่ ที่ให้ผู้เข้าร่วมได้เก็บเกี่ยวความรู้ พร้อมทั้งการแสดงของนักเรียน การตอบปัญหาชิงรางวัล และยังมีการแสดงคอนเสิร์ทจาก ไอซ์ ศรัญญู และกิจกรรมบนเวที โดยมี นักแสดงชื่อดังเป็นผู้ดำเนินรายการ



คุณ สุวิษา ยังกล่าวถึงผลงานจของ เทศบาล และโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งมีตั้งแต่ การลดการใช้กระแสฟ้า โดยมีการตรวจสอบปริมาณการประหยัดกระแสไฟฟ้า โดยนำใบแจ้งหนี้มาแสดง การจัดสร้างเส้นทางรถจักรยาน เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้ขับมาโรงเรียน การนำขยะมาทำปุ๋ย ตลอดจนสิ่งประดิษฐ์จากสิ่งของเหลือใช้ อย่างนักเรียนโรงเรียน เทศบาลบ้านบางเหนียว จ.ภูเก็ต นี้ก็ดำเนินการรณรงค์ให้ใช้ถึงผ้า แทนทุกพลาสติกและถุงกระดาษ พร้อมทั้งเสนอการนำพลาสติกและกระดาษเหลือใช้มารีไซเคิ้ล ใช้เป็นกระเป๋าในรูปแบบเก๋ไก๋ และสามารถใช้แทนถุงกระดาษและถุงพลาสติก



ทางด้านน้องๆประถม และมัธยม ที่มาร่วมกิจกรรมได้เล่าถึงสภาพปัญหาขยะล้นเมืองภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันจำนวนขยะทั้งเกาะที่มีมากถึงวันละ 250ตัน แต่ระบบการจัดการขยะสามารถรองรับได้ไม่เกิน 200 ตัน หากคนในชุมชนไม่ช่วยกัน ไม่นานขยะคงจะล้นเมือง ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครต้องการอาศัยอยู่ในเมืองที่สกปรก เป็นแหล่งเชื้อโรค และทำลายภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว



กิจกรรมต่างๆ ทำให้น้องๆ หนูๆและผู้ปกครอง ที่มาร่วมงาน ได้สนุกสนาน ไปพร้อมกับรับรู้ถึงปัญหาภัยพิบัติที่เกิดจากสาวะโลกร้อน เรียนรู้สาเหตุและวิธีป้องกันแก้ปัญหา และแนวทางต่างๆที่ไม่สามารถเยียวยาวิกฤติการณ์ทางธรรมชาตินี้ได้ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน และนั่นหมายถึงความสูญเสียที่ใครๆก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2550 12:47:58 น.
Counter : 1133 Pageviews.  

เที่ยวพระนคร (new update)




ปลายเดือนก่อนมีโอกาสเดินทางไปเยือน มหานคร ครั้งแรกในรอบ 3 ปี
ก่อนกลับก็อยากหาโอกาสลองกล้องตัวใหม่
ทำความคุ้นเคยกับเจ้าน้องชายคนเล็กที่พึ่งถอยมา
มีเวลาครึ่งวัน ครั้นจะไปเดินห้างใหญ่ ลองใช้บริการรถใต้ดินดูซักครั้ง ก็ยังลังเล

คิดไปคิดมา จะไปเดินห้างหาเรื่องจ่ายตังค์ ก็ใช่ที่
คงจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากศูนย์การค้าทั่วไป
สุดท้ายเลือกที่จะใช้สองเท้า ก้าวเดินท่องพระนคร



พอดีแวะไปร่วมลงชื่อถวายพระพรที่ ศิริราช แล้วก็ตั้งหลักที่นั้น
การสัญจรทางนาวา เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยคุ้นตาซักเท่าไหร่
เคยแต่ลงเรือไปเกาะ ซึ่งมองไปทางไกลสุดลูกหูลูกตา ได้เห็นท้องฟ้า กับ น้ำทะเล
ผิดกับการล่องเรือในแม่น้ำใหญ่ ในย่านที่มีการจราจรคับคั่ง
เรือวิ่งกันให้ขวักไขว่ ไม่มีเลน กำกับเส้นทาง
ต้องอาศัยความชำนาญช่ำชองของกัปตันในการวิ่งหลบกันวุ่น
ที่คนเมืองหลวงคงจะคุ้นเคย



นักท่องเที่ยวที่มา กทม. ถ้าไม่ได้ไปล่องเรือชม ปูชนียสถาน
เครื่องบอกเล่ากล่าวขานประวัติศาสตร์ความเป็นมา
ก็นับได้ว่า ยังมาไม่ถึง



ตั้งต้นที่ ท่าพระจันทร์ ข้ามไปศิริราช ก่อนจะเดินไล่ไปไปวัดระฆัง



ยุคสมัยใหม่ คนไทยหันมาเข้าวัดวันอาทิตย์
พระท่านก็อนุเคราห์ เทศนา โปรดญาติโยมในวันนี้
แทนที่จะเป็นวันพระ

เป็นที่รู้กันว่า ไทยเป็นเมืองพุทธ
แต่ไหนแต่ไรมา ชาวพุทธได้ถือเอาวัน พระ (ธรรมสวนะ)
หยุดพักกาย มาเข้าวัดขัดเกลาจิตใจ เดิมพลังไว้ไปต่อสู้กับชีวิตกันต่อไป

แล้วทำไมต้องเป็นวัน ข้างขึ้น/แรม 8 ค่ำ 15 ค่ำ
ก็คงจะไม่ได้มีวาระซ้อนเร้น หรือลึกลับ อะไร
แต่ก่อนไม่มีปฏิทินแบบปัจจุบัน ก็ใช้ พระจันทร์ นับวันนับคืน
หรือ จันทรคติ
หลังวันเพ็ญ 15 ค่ำ พระจันทร์ ก็นับแรม 1 ค่ำ 2 ค่ำ ไปเรื่อย
คืนที่ดวงจันทร์มือสนิท ก็คิดเป็น แรม 15 ค่ำ
มาถึงวันเพ็ญจันทร์เต็มดวงเมื่อไหร่ ก็นับให้เป็น 1 เดือน
วนครบ 12 ครั้ง เท่ากับ 1 ปี 12
วนไปครอบ 12 ปี คิดเป็น 1 รอบ (นักษัต)

เอ่อ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้กัน

เอาเป็นว่า อดีตนั้นได้มีการตกลงร่วมกันว่า ใน 1 เดือนนั้น จะมี 4 วัน
ที่ผู้คนจะหยุดพักจากหน้าที่การงาน มาประชุมทำกิจกรรม
นอกจากเข้าวัดฟังธรรม ทำบุญทำทาน ขัดเกลาจิต เติมพลังใจ
ยังได้แลกเปลี่ยนความคิด ไขปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของคนในชุมชน

ทำนองเดียวกับ ชาวคริสต์ ที่ยึดเอาวัน อาทิตย์ เป็นวันเข้าโบสถ์



ในอดีตทั้ง วัด และ โบสถ์(คริสต์) ไม่แค่เป็นเพียงสถานที่ที่ให้คนไปสวดมนต์
แต่ยังเป็นแหล่งชุมนุม ศูนย์การศึกษา เรียนรู้ เผยแพร่ ข้อมูลข่าวสาร
พร้อมทั้งการเมืองการปกครอง หรือจัดระบบระเบียบการอยู่ร่วมกันในสังคม

เป็นที่รู้กันว่า ไทย เป็นประเทศเดียวในแถบนี้ ที่อดีตไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้น
ของประเทศนักล่าอาณานิคม
ยุคที่จักวรรดิ์นิยมฝั่งตะวันตกเฟื่องฟูในแถบเอเชีย
เป็นประเทศมหาอำนาจก็ได้เผยแพร่วัฒนธรรมต่างๆของตนเอง
ให้นานาชาติยอมรับ ว่าเป็น สากล ที่ทั่วโลกควรยึดถือปฏิบัติ



ทั่วโลกได้ถือธรรมเนียม วันอาทิตย์ เป็น วันหยุดสากล

อาว แล้วเมืองพุทธจะทำยังไง วันพระ คนทำงานก็ไม่ได้เข้าวัด
เพราะเปลี่ยนวันหยุดเป็นวันพระไม่ได้ วันอาทิตย์ก็ไม่ใช่วันพระ

แต่ไหน แต่ไรมา พระท่านโปรดญาติโยมแสดงธรรมกันในวัดหยุด
ก็คงไม่ผิด หรือเกิดบาปกรรมอันใด
หากพระท่านจะอนุเคราะห์เทศนา มอบแสงสว่าง
ให้ปัญญา เทศนาพุทธศาสนิกชนที่หยุดงานในอาทิตย์

(เอ่อ... ส่วนเรื่องที่ญาติโยม จะยิ่งฟัง ยิ่งโง่ นั่นก็อีกเรื่องนึง)



ข้ามมาท่าช้าง เลอะรั่ววังมาฝั่งท่าเตียน





ท้องฟ้ายังครึ้มๆอยู่ครับ แต่นักท้องเที่ยวตรึมครับ

















เพลินอยู่กับสาวผมทอง (แค่มองละครับ)
เกือบจะเข้าไปวัดพระแก้วไม่ทัน
ตอนนั่นก็บ่ายคล้อยแล้ว









กับสิ่งที่ดูแปลกหูแปลกตา เป็นสิ่งที่น่าเย้ายัวชวนให้เพลิดเพลิน
เวลาช่างเดินไวเหลือเกิน
ผิดกับสิ่งที่ชินหูชินตา ที่เราเคยอยู่กับมัน
แล้วทำให้เหมือนเวลามันเชื่องช้าเนิ่นนาน

คิดเหมือนกันรึป่าวครับ




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 22:17:01 น.
Counter : 820 Pageviews.  

วอลเลย์บอลชายหาด#3




รุ่งเช้าวันใหม่บนถนนเรียบชายฝั่งด้านตะวันตก
ผ่านหาดป่าตอง มาประมาณ 4-5 กม.ก็ถึงหาดกะรน
สถานที่จัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด
"ภูเก็ต ไทยแลนด์ โอเพ่น"
อีกกิจกรรมที่มาช่วยสร้างสีสันช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยว



คนนี้เลยครับ
คุณ ทวี ทองแช่ม (ปกหมวก) นายกเล็กเทศบาลกะรน
คนที่ดูแลผมทุกครั้งที่ไปเตร็ดเตร่อยู่ในพื้นที่
คราวนี้ก็ในฐานะเจ้าภาพก็มาร่วมเป็นเกียรติ
ให้การต้อนผู้มาเยือน



วันนี้ท้องฟ้าก็หาได้เป็นใจ มีฝนตกลงมาในช่วงการแข่งขัน
ก็ต้องเปียกปอนกันไปตามระเบียบ



คู่ชิงชนะเลิศ เป็นการพบกันเองระหว่างนักตบสาวมะกัน



ระหว่างการแข่งขัน ก็มีการแสดงผ่อนคลายความตรึงเครียด



ปอมๆโชว์ โดยหนุ่มสาววัยละอ่อน



และนี่ครับ โฉมหน้า แชมป์รายการนี้
โดยมี จีน อยู่ในอันดับ 3
และ เยอรมัน อันดับ 4

มีเวลาจะมาอัพใหม่
ไว้พบกันครับ




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2550 22:28:10 น.
Counter : 836 Pageviews.  

เที่ยวงานเปิดหาด ต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยว (ภูเก็ตคาร์นิวัล # 2)




นึกว่างานจะกร่อยซะแล้ว..
กิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วง HI-SAESON ที่ผ่านมา
เพราะปรากาฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่อาจจะจะควบคุมได้
ใช่ครับ..ฝนฟ้าไม่ค่อยจะเป็นใจ

ถ้าเป็นในยุคดึกดำบรรพ์ วิทยาการยังไม่ก้าวหน้า
คงจะโทษสวรรค์ โจษพระเจ้า กล่าวหาเทวดา ผีสางนางไม้
ต้องตั้งโต๊ะทำพิธีบูชายันต์ บนบาลศาลกล่าวกันเป็นการใหญ่

จนสมัยที่เทคโนโลยีล้ำหน้า
ทำให้เรารู้จักสัมพันธภาพ สาเหตุในปรากฏการณ์
ธรรมชาติไม่ได้โดนบัญชาโดยสิ่งใด
แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหว ไปตามเหตุปัจจัยที่ประกอบกัน
เหมือนที่เรารู้ว่า การทำลายสมดุลทางธรรมชาติ คือสาเหตุปัญหาโลกร้อน

แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ
ก่อนงานจะมีงานก็มีฝนลงมาทุกวัน
และมาเว้นในวันเปิดงาน ให้พิธีการผ่านไปได้อย่างราบรื่น

อย่างที่เกริ่นกันไว้ในตอนแรก ถึงกิจกรรมใหญ่ใช้เนื้อที่กว้างขวาง
ย่างกันจนเมื่อยตุ่ม ยังชมกันได้ไม่ทั่วถึง จึงตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น



เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย...
ฝนฟ้าหาได้จางหายไปอย่างที่คิด เหมือนชีวิตที่ไม่มีอะไรแน่นอน

รุ่งเช้าวันใหม่ ท้องฟ้าไม่สดใสอย่างที่หวัง
ฟ้าครึ้มมีฝนกระหน่ำลงมาเกือบตลอดทั้งวัน
และต่อเนื่องมาถึงวันสุดท้ายของงาน



ช่วงกลางวัน บรรยากาศจึงไปคึกคักใน IN DOOR
รอฟ้ารอฝน พรางร่วมกิจกรรม ชื่นชมดารา
ที่ โรบินสัน จังซีลอน ได้นำมาในงาน Grand Openning
ส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ในกิจกรรมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวปีนี้





โรบินสันจังซีลอน เป็นอีกหนึ่ง ศูนย์การค้าใหญ่ในเมืองท่องเที่ยว
ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาท้องถิ่น
ที่นอกจากใช้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นจุดขาย ให้ได้ตลอดทั้งปี
แล้วยังมีพัฒนาให้เป็นศูนย์กลาง แหล่งช๊อปปิ้งนานาชาติ
ต้อนรับที่มาเยือนในนักท่องเที่ยวทุกช่วงฤดูกาล
เช่นเดียวกับ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย



สินค้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศ ที่เห็นป้ายติดราคาแพงหูฉี่
แต่ก็ยังถูกและคุ้มค่าสำหรับฝรั่งต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยว



ช่วงสายๆ พี่ก้องเค้านำทีมดารานางแบบกิติมศักดิ์
ซ้อมการแสดงแฟชั่นกันอย่างเคร่งเครียด



พอรู้ว่าดารามาเท่านั่นละครับ น้องๆหนูๆ ผู้ใหญ่ ก็ทุกวัย แห่กันมากันให้พรึบ



ช่วงบ่าย ฟ้ายังใส แต่กลับยิ่งทำให้ ศูนย์การค้าหนาแน่นไปด้วยผู้คน



ห้างเค้ามีโปรโมชั่นให้ลูกค้าถ่ายรูปกับดาราด้วย



ยังครับยัง ฝนยังไม่หยุด กระทั่งเย็นถึงเวลางานจะเริ่ม
ผู้ว่าราชการ ประธานในพิธี
นิรันดร์ กัลยาณมิตร เดินทางมาถึง



"อิ๊ฟ" นักร้องสาวสเหน่ห์แรง แถมด้วยตำแหน่งลูกสาวผู้บริหาร
ขึ้นเวทีโชว์เสียงร้องและท่วงท่า ทำเอาหลายคนตาค้าง



และแล้ว ก็สิ้นสุดเวลาแห่งการรอคอยของสาวๆ
ผู้ที่มาเฝ้าชื่นชมดารา



ดาราถูกประกบคู่กับนางแบบกิติมศักดิ์



บรรดาไฮโซไฮซ้อ ต่างก็พากันสวยผิดหูผิดตา



แทบไม่เชื่อว่าเป็นคนเดียวกับที่มาซ้อมกันเมื่อตอนเช้า



เชื่อสนิทใจเลยว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง



ออกมาด้านหน้า สามทุ่มกว่า ฟ้าเปิดโอกาส ธรรมชาติไม่ใจร้ายจนเกินไป
แสงสีเสียงบนม่านน้ำพลุ ที่เป็นไฮไลท์ในจังซีลอน
ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของดินแดนไข่มุกอันดามัน
พร้อมทั้งการแสดงชุด"อัครศิลปิน"
เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว



เมื่อฟ้าเป็นใจ ในที่สุดทุกคนก็ได้ร่วมฉลองเทศกาลท่องเที่ยวกัน
ท่ามกลางธรรมชาติ ยินเสียงคลื่นซัด ริมหาดป่าตอง



การแสดงเอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมไทย
ยังคงได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ



กลองสะบัดชัย การประสานเสียงเครื่องดนตรีไทย
สร้างความสุนทรีย์ได้ไม่แพ้ดนตรีของชาติใด



ชาวต่างชาติหัวดำหัวแดง ออกมารำวงกันอย่างครื้นเครง



อ่อนช้อยไฉไล ไทยสไตล์แด้นซิ่ง



การลอยเรือไฟของชาวมอแกน และ ยี่เป็ง ของภาคเหนือ
ประเพณีที่สะท้อนวิถีชิวิตท้องถิ่นไทย
ได้นำมาใช้สร้างสีสันบรรยากาศชายหาดให้สว่างไสว



"ปล่อยโคมไฟ จะทำให้เราโชคดี"
ผมก็ว่าตามเค้าไป และยังเชิญชวน สองสาวชาวญี่ปุ่น
ให้เข้ามามีส่วนร่วมเติมแต้มแสงสีสัน และร่ายรำกันอย่างสนุกสนาน



การปล่อยโคมลอย ล่องเรือไฟ กับความเชื่อเรื่องโชคลาง
หรือศรัทธาที่ถูกกลบเกลื่อนลบเลือนไปด้วยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่



ผมไม่รู้หรอกว่า เคราะห์หามยามร้ายจะจางหาย
ไปเช่นเดียวกับดวงไปที่ลอยล่องไปไกลจนลับตา

รู้แต่เพียงว่า..วัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดมาเป็นเวลานาน
สิ่งที่ช่วยรังสรรสังคม ทำให้ผู้คนแต่เก่าก่อน
สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
มันได้ย้อนกลับมาสร้างสุนทรียภาพ
ให้ผู้คนบนหาดในค่ำคืนนั้น
ได้ดื่มด่ำสัมผัสบรรยากาศ แสงสีดวงไฟ เสียงดนตรี
มิตรไมตรี รอยยิ้ม ความสุข ของผู้คนที่ต่างเชื่อชาติศาสนา
ที่มาร่วมงาน เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2550 21:51:46 น.
Counter : 1583 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

นายไวรัส
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หนุ่มวายร้าย นายตู่ศักดิ์
Friends' blogs
[Add นายไวรัส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.