Buddha Followers
Group Blog
 
All Blogs
 
เปิดโลกของนาค (นาคสังยุต)

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 556
                              ๘.  นาคสังยุต

                              ๑.  สุทธกสูตร
           [๕๑๙]    กรุงสาวัตถี.   ณ   ที่นั้นแล   พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  กำเนิดของนาค  ๔ จำพวกนี้ ๔  จำพวกเป็นไฉน ?
คือ นาคที่เป็นอัณฑชะ เกิดในไข่ ๑  นาคที่เป็นชลาพุชะ เกิดในครรภ์ ๑
นาคที่เป็นสังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล ๑  นาคที่เป็นอุปปาติกะ เกิดผุดขึ้น ๑

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้แล.
                                       จบ  สุทธกสูตรที่  ๑

                   ๘.  อรรถกถานาคสังยุต

                  ๑.  อรรถกถาสุทธกสูตร
           พึงทราบวินิจฉัยในนาคสังยุต  สูตรที่  ๑  ดังต่อไปนี้  :-
           บทว่า  อณฺฑชา  แปลว่า  เกิดในฟอง.                                 
           บทว่า  ชลาพุชา  แปลว่า  เกิดในมดลูก.
           บทว่า  สํเสทชา  แปลว่า  เกิดในที่ชื้นแฉะ.
           บทว่า  อุปปาติกา  แปลว่า  เกิด  (เร็ว)  เหมือนผุดขึ้น
           ก็แลสูตรนี้   พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้   เพราะเป็นเหตุเกิดของ
เรื่อง. เพราะว่าภิกษุทั้งหลายสนทนากันว่า กำเนิดนาคมีเท่าไรหนอแล?
ลำดับนั้น    พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงอธิบายกำเนิดนาคให้แจ่มแจ้ง
จึงตรัสสูตรนี้  เพื่อให้บุคคลทั้งหลายเบื่อหน่ายกำเนิดนาค
                                  จบ  อรรถกถาสุทธกสูตรที่  ๑

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 557

                          ๒.  ปณีตตรสูตร
           [๕๒๐]   กรุงสาวัตถี.   ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   กำเนิดของนาค   ๔
จำพวกนี้ ๔  จำพวกเป็นไฉน ?  คือ  นาคที่เป็นอัณฑชะ  ๑   นาคที่เป็น
ชลาพุชะ ๑  นาคที่เป็นสังเสทชะ ๑  นาคที่เป็นอุปปาติกะ ๑
  ในนาค ๔
จำพวกนั้น  นาคที่เป็นชลาพุชะ  สังเสทชะ  และอุปปาติกะ  ประณีตกว่า
นาคที่เป็นอัณฑชะ    นาคที่เป็นสังเสทชะและอุปปาติกะ    ประณีตกว่า
นาคที่เป็นอัณฑชะและชลาพุชะ  นาคที่เป็นอุปปาติกะ  ประณีตกว่านาค
ที่เป็นอัณฑชะ  ชลาพุชะและสังเสทชะ  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  กำเนิดของ
นาค  ๔ จำพวกนี้แล.
                                          จบ  ปณีตตสูตรที่  ๒
                         ๓.   อุโปสถสูตรที่   ๑
           [๕๒๑]    สมัยหนึ่ง   พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่   ณ   พระ-
วิหารเชตวัน     อารามของท่านอนาถบิณฑิกเครษฐี     กรุงสาวัตถี.
ครั้งนั้น     ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว     นั่ง     ณ    ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อะไรหนอ      เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นอัณฑชะบางพวก
ในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้  ?
           พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า    ดูก่อนภิกษุ     นาคบางพวกที่
เป็นอัณฑชะในโลกนี้    มีความคิดอย่างนี้ว่า    เมื่อก่อน    พวกเราเป็น
ผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจ  พวกเรานั้น  กระทำ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 558

กรรมทั้งสองด้วยกาย  ด้วยวาจา   ด้วยใจ  เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็น
สหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ   ถ้าวันนี้   พวกเราพึงประพฤติสุจริต
ด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจไซร้  เมื่อเป็นอย่างนี้  เมื่อตายไป  พวกเรา
จะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์     เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริตด้วยกาย
ด้วยวาจา ด้วยใจเสียในบัดนี้เถิด   ดูก่อนภิกษุ  ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัย
เครื่องให้นาคที่เป็นอัณฑชะบางพวกในโลกนี้     รักษาอุโบสถและ
สละกายได้.                             
                                    จบ อุโปสถสูตรที่  ๑
                    ๔.  อุโปสถสูตรที่  ๒
           [๕๒๒]     กรุงสาวัตถี.     ครั้งนั้น    ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า   ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ   อะไรหนอ   เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาค
ที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโปสถและสละกายได้  ?
           พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า  ดูก่อนภิกษุ  นาคบางพวกที่เป็น
ชลาพุชะในโลกนี้  มีความคิดอย่างนี้ว่า  เมื่อก่อน  พวกเราเป็นผู้กระทำ
กรรมทั้งสองด้วยกาย   ด้วยวาจา   ด้วยใจ   พวกเรานั้น   กระทำกรรม
ทั้งสองด้วยกาย    ด้วยวาจา    ด้วยใจ    เมื่อตายไป    จึงเข้าถึงความเป็น
สหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ     ถ้าวันนี้     พวกเราพึงประพฤติ
สุจริตด้วยกาย    ด้วยวาจา    ด้วยใจไซร้    เมื่อเป็นอย่างนี้    เมื่อตายไป
พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์    เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต
ด้วยกาย   ด้วยวาจา    ด้วยใจ    เสียในบัดนี้เถิด   ดูก่อนภิกษุ    ข้อนี้แล

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 559

เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้
รักษาอุโบสถและสละกายได้.
                                  จบ  อุโปสถสูตรที่  ๒
                   ๕.   อุโปสถสูตรที่  ๓
           [๕๒๓]    กรุงสาวัตถี.   ภิกษุนั้นนั่ง   ณ   ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ     อะไรหนอ
เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นสังเสทชะบางพวกในโลกนี้
รักษาอุโบสถและสละกายได้  ?
           พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า    ดูก่อนภิกษุ     นาคบางพวกที่
เป็นสังเสทชะในโลกนี้    มีความคิดอย่างนี้ว่า    เมื่อก่อน    พวกเราเป็น
ผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย   ด้วยวาจา   ด้วยใจ   พวกเรานั้นกระทำ
กรรมทั้งสองด้วยกาย   ด้วยวาจา   ด้วยใจ   เมื่อตายไป   จึงเข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ   ถ้าวันนี้   พวกเราพึงประพฤติ
สุจริตด้วยกาย    ด้วยวาจา    ด้วยใจไซร้   เมื่อเป็นอย่างนี้   เมื่อตายไป
พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์    เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต
ด้วยกาย    ด้วยวาจา    ด้วยใจ    เสียในบัดนี้เถิด   ดูก่อนภิกษุ    ข้อนี้แล
เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นสังเสทชะบางพวกในโลกนี้
รักษาอุโบสถและสละกายได้. 
                                       จบ  อุโปสถสูตรที่  ๓

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 560

                   ๖.   อุโปสถสูตรที่  ๔
           [๕๒๔]    กรุงสาวัตถี.   ภิกษุนั้นนั่ง   ณ   ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ     อะไรหนอ
เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้
รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?
           พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า  ดูก่อนภิกษุ  นาคบางพวกที่เป็น
อุปปาติกะในโลกนี้    มีความคิดอย่างนี้ว่า    เมื่อก่อน    พวกเราได้เป็น
ผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย   ด้วยวาจา   ด้วยใจ   พวกเรานั้นกระทำ
กรรมทั้งสองด้วยกาย   ด้วยวาจา   ด้วยใจ   เมื่อตายไป   จึงเข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ   ถ้าวันนี้  พวกเราพึงประพฤติ
สุจริตด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจ  เมื่อเป็นอย่างนี้  เมื่อตายไป  พวกเรา
จะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์      เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริตด้วยกาย
ด้วยวาจา    ด้วยใจ    เสียในบัดนี้เถิด    ดูก่อนภิกษุ    ข้อนี้แล    เป็นเหตุ
เป็นปัจจัยให้นาคที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้     รักษาอุโบสถ
และสละกายได้.
                                     จบ  อุโปสถสูตรที่  ๔
                             ๗.  สุตสูตรที่  ๑
           [๕๒๕]   กรุงสาวัตถี.   ภิกษุนั้นนั่ง   ณ   ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทุลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ     อะไรหนอ
เป็นเหตุ     เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้    เมื่อตายไปเข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า  ?

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 561

          พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า   ดูก่อนภิกษุ   บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจ  เขาได้สดับมาว่า
พวกนาคที่เป็นอัณฑชะ     มีอายุยืน     มีวรรณะงาม     มีความสุขมาก
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า  โอหนอ  เมื่อตายไป   ขอเราพึงเข้าถึง
ความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ  ครั้นตายไป  เขาย่อมเข้าถึง
ความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ  ดูก่อนภิกษุ  ข้อนี้แลเป็นเหตุ
เป็นปัจจัย    ให้บุคคลบางคนในโลกนี้    เมื่อตายไป     เข้าถึงความเป็น
สหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.
                                     จบ  สุตสูตรที่  ๑
                  ๘.  สุตสูตรที่  ๒
         [๕๒๖]    กรุงสาวัตถี.   ภิกษุนั้นนั่ง   ณ   ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ     อะไรหนอ
เป็นเหดุ   เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้   เมื่อตายไป   เข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ พระเจ้าข้า  ?
          พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า   ดูก่อนภิกษุ   บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจ  เขาได้สดับมาว่า
พวกนาคที่เป็นชลาพุชะ    มีอายุยืน      มีวรรณะงาม    มีความสุขมาก
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า  โอหนอ  เมื่อตายไป  ขอเราพึงเข้าถึง
ความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ     ครั้นตายไป     เขาย่อม
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ      ดูก่อนภิกษุ
ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย     ให้บุคคลบางคนในโลกนี้     เมื่อตายไป
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ.
                                       จบ  สุตสูตรที่  ๒

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 562

                        ๙.  สุตสูตรที่  ๓
           [๕๒๗]   กรุงสาวัตถี.   ภิกษุนั้นนั่ง   ณ  ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ     อะไรหนอ
เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้    เมื่อตายไป    เข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ พระเจ้าข้า  ?
           พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า   ดูก่อนภิกษุ   บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจ  เขาได้สดับมาว่า
พวกนาคที่เป็นสังเสทชะ    มีอายุยืน    มีวรรณะงาม    มีความสุขมาก
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า     โอหนอ     เมื่อตายไป     ขอเราพึง
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ     ครั้นตายไป
เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ  ดูก่อนภิกษุ
ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย     ให้บุคคลบางคนในโลกนี้     เมื่อตายไป
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ.
                                      จบ  สุตสูตรที่  ๓
                         ๑๐.  สุตสูตรที่  ๔
           [๕๒๘]   กรุงสาวัตถี.   ภิกษุนั้นนั่ง   ณ   ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ     อะไรหนอ
เป็นเหตุ  เป็นปัจจัย  ให้บุคคลบางคนในโลกนี้  เมื่อตายไป  เข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ พระเจ้าข้า  ?
           พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า   ดูก่อนภิกษุ   บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจ  เขาได้สดับมาว่า

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 563

พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ    มีอายุยืน    มีวรรณะงาม    มีความสุขมาก.
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า  โอหนอ  เมื่อตายไป  ขอเราพึงเข้าถึง
ความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ  ครั้นตายไป  เขาย่อมเข้า
ถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ   ดูก่อนภิกษุ    ข้อนี้แล
เป็นเหตุเป็นปัจจัย   ให้บุคคลบางคนในโลกนี้   เมื่อตายไป   เข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.
                                         จบ  สุตสูตรที่  ๔
              ๑๑-๒๐  ทานูปการสูตรที่  ๑
           [๕๒๙]    กรุงสาวัตถี.   ภิกษุนั้นนั่ง   ณ   ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ     อะไรหนอ
เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้    เมื่อตายไป    เข้าถึงความ
เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า  ?
           พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า   ดูก่อนภิกษุ   บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจ  เขาได้สดับมาว่า
พวกนาคที่เป็นอัณฑชะ  มีอายุยืน  มีวรรณะงาม  มีความสุขมาก  เขาจึง
มีความปรารถนาอย่างนี้ว่า     โอหนอ     เมื่อตายไป     ขอเราพึงเข้าถึง
ความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ  เขาจึงให้ข้าว  น้ำ  ผ้า  ยาน
มาลา  ของหอม  เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก  ประทีป  และ  อุปกรณ์แห่ง
ประทีป   ฯลฯ   เมื่อตายไป   เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค
ที่เป็นอัณฑชะ  ดูก่อนภิกษุ  ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย  ให้บุคคลบางคน
ในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.
                                       จบ  ทานูปการสูตรที่  ๑

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 564


      ๒๑-๔๐.  ทานูปการสูตรที่  ๒-๔
            [๕๓๐]   กรุงสาวัตถี.   ภิกษุนั้นนั่ง   ณ   ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ     อะไรหนอ
เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้   เมื่อตายไป   เขาย่อมเข้าถึง
ความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ...     ของพวกนาคที่เป็น
สังเสทชะ... ของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ  ?
           พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า   ดูก่อนภิกษุ   บุคคลบางคนในโลกนี้
เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย  ด้วยวาจา  ด้วยใจ  เขาได้สดับมาว่า
พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ    มีอายุยืน    มีวรรณะงาม    มีความสุขมาก
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า     โอหนอ     เมื่อตายไป     ขอเราพึง
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ   เขาจึงให้ข้าว   น้ำ
ผ้า  ยาน  มาลา  ของหอม  เครื่องลูบไล้  ที่นอน  ที่พัก  ประทีป  และ
อุปกรณ์แห่งประทีป           เมื่อตายไป   เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย
ของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ    ดูก่อนภิกษุ    ข้อนี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัย
ให้บุคคลบางคนในโลกนี้     เมื่อตายไป     เข้าถึงความเป็นสหายของ
พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.
                           จบ  ทานูปการสูตรที่  ๒๑-๕๐
           (พร้อมไปยาลนี้   ขยายได้  ๑๐   สูตร    ทำเป็นไวยากรณะได้
๔๐    ไวยากรณะ    ในกำเนิดทั้ง    ๔  (แต่ละกำเนิดได้ถวายทานวัตถุ
๑๐  อย่าง   แต่ละอย่าง ๆ)    ๑๐   สูตรกับไวยากรณะ   ๔๐   จึงรวมเป็น
๕๐ สูตร)
                                            จบ  นาคสังยุต




Free TextEditor


Create Date : 06 กรกฎาคม 2552
Last Update : 6 กรกฎาคม 2552 21:02:54 น. 0 comments
Counter : 499 Pageviews.

Mr.Maximum
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ธรรมแล ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
ธรรมอันบุคคลประพฤติดีแล้วย่อมนำสุขมา
ให้ นี้เป็นอานิสงส์ในธรรมที่บุคคลประพฤติ
ดีแล้ว ผู้มีปกติประพฤติธรรมย่อมไม่ไปสู่
ทุคติ.
Friends' blogs
[Add Mr.Maximum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.