พระจันทร์สัญจร
Group Blog
 
All Blogs
 
การเดินทางของวิตตอง-เรื่องสั้น







บทที่1ลืมตามองโลก

"โอย..ย.ยจะยุ่งกับฉันไปถึงไหนนี่..จะหลับจะนอน" ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะสัมผัสอันอ่อนนุ่มเบาๆจับฉันพลิกตัวลุกขึ้นมาช้าๆอย่างทะนุถนอม

แสงสว่างเจิดจ้าสีขาวเจือเหลืองทองไปทั่วห้องที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา...เด็กหญิงสาววัยรุ่นในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยจ้องมองฉันอย่างดีใจและตื่นเต้นเหมือนเด็กจะได้ของเล่นใหม่เธอมากับชายวัยกลางคนบุคลิดี "สงสัย..คงเป็นญาติเธอแน่ๆ ท่าทางใจดีและแอบยิ้มให้ฉันด้วย..แล้วพวกเขามาทำอะไรกันตรงหน้าฉันละฉันยังง่วงอยู่นะ อยากนอนต่อ"ฉันคิดในใจ

"คุณอา..ขาแป้งรักเลยค่ะ...น่ารักมาก..แม่ Red Rose ของฉัน"

หญิงสาวพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะเกาะแขนคุณอาไม่ยอมปล่อยให้ไปไหน

"นี่คือAlmaBB monogram vernis สีแดงกุหลาบค่ะ" ขนาด

และแบบเหมาะกับน้องๆ นักศึกษามากค่ะ,สามารถใช้ได้ทุกวัน วันไหนลุยๆต้องการความคล่องตัวก็ใส่เป็นสายสะพายวันไหนอยากดู น่ารักๆ เก๋ๆ ก็คล้องแขนได้ค่ะ"พนักงานงานอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"การดูแลรักษาก็ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะทำความสะอาดหลังใช้ ใส่ถุงผ้าทุกครั้งก่อนเก็บอย่าเก็บในที่ที่มีความชื้นสูง...แค่นี้ก็จะอยู่กับเราสวยๆไปได้อีกนานค่ะ“

ฉันเบื่อพนักงานขายคนนี้จังเลย..จะผลักไสไล่ส่งฉันไปถึงไหน..

เมื่อวานโดนคุณป้าต่อว่ายังไม่เข็ดอีกหรือ..โอย.ดูแก่..ใครจะอยากได้รุ่นนี้ดูแลก็ยาก..แต่ฉันก็กลับคิดว่า..ฉันก็เหมาะกับคุณป้าดีนะ..

จะได้ช่วยให้คุณป้าได้ดูแก่สมวัย....ฉันแอบขำในใจ

"แล้วแป้งว่าไงจ๊ะ"ชายวัยกลางคนถามหญิงสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

อยู่ตลอดเวลา

"แป้งถูกใจค่ะ คุณอา..นะ..นะ..เป็นของขวัญวันเกิดหนู" หญิงสาวออดอ้อนเหมือนเด็กๆ


"ผมรับชิ้นนี้ละกันเป็นของขวัญวันเกิดให้หลานสาว"

พูดจบพร้อมยื่นเครดิตการ์ดให้กับพนักงาน

“เอืม..ฉันต้องไปจากร้านหรูๆนี่จริงๆหรือ..แต่ก็ดีแล้วอยู่กับเด็กวัยรุ่นคงมีสีสันมีอะไรสนุกๆมากกว่าไปกับคุณป้าเมื่อวานอีก..คิดแล้วยังสยองไม่หาย“ฉันคิดถึงอนาคตอย่างคาดหวังในทางบวกเสมอ

พนักงานส่งฉันให้ หญิงสาวตรวจเช็คลองคล้องแขน..เธอวิ่งไปมา หมุนตัวแล้วหมุนตัวเล่าที่หน้ากระจกด้วยความสุข..ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเองจัง

ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอ ดูดีและมีความสุขเช่นนี้..

ฉันถูกเก็บกลับลงที่เดิมอีกครั้ง...พนักงานบรรจุฉันลงหีบห่ออย่างดี

แล้วยื่นฉันให้กับหญิงสาวและพาฉันลาจากที่ๆเคยอยู่


"ยินดีด้วยนะพี่เพ็ญ..พี่ขายได้อีกแล้วหนูต้องเรียนรู้จากพี่ ให้มากขึ้นแล้วละ"พนักงานน้องใหม่เข้ามายินดีด้วยความจริงใจ

"ขายของแบบนี้ไม่มีอะไรยากหรอก" เธอเริ่มอธิบาย "เธอต้องทำเป็นเจอลูกค้าเป็นครั้งแรกเสมอ...คุณถาวรมหาเศรษฐีอหังสาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย เขามาซื้อที่นี่ประจำบางครั้งก็มากับภรรยาลูกสาว..กับเด็กๆนักศึกษาสาวๆคนนี้ก็ไม่ใช่คนแรกที่เขาพามา"เธอกล่าวเสียงนิ่งๆ"มันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวมันเป็นจุดตัดกันระหว่าง อุปสงค์ กับ อุปทาน...คุณถาวร มหาเศรษฐีเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกเขายอมจ่ายเพื่อแลกกับความสุขที่จะได้รับจากเด็กสาวเหล่านั้น...เด็กสาวๆพวกนั้น ก็หวังแค่เงินทอง สิ่งของ ชีวิตที่หรูหรา

ในช่วงขณะเวลาหนึ่งซึ่งพวกเธอก็รู้ดี“ "ส่วนฉัน..ก็หวังแค่ผลงานที่จะแปลงเป็นเงินเพื่อจะมาเลี้ยงดูตัวเองกับครอบครัว..ก็แค่นั้นเอง...

มันดูแย่สำหรับคนโลกสวย..แต่มันคือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับว่ามันมีอยู่"

"ค่ะ..พี่เพ็ญ"พนักงานใหม่ขานตอบด้วยเสียงที่เรียบเย็น


จบ บทที่1 


บทที่2. วันแรก


เมื่อคืนก่อนนอนฉันถูกทำความสะอาดอย่างดี เธอบรรจงใส่ มือถือ และเครื่อง สำอางค์เล็กน้อย กระเป๋าเงินใบเก๋ลงในตัวฉัน ก่อนส่งฉันเข้านอน..ฉันตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับเลย..เพื่อรอให้ถึงรุ่งเช้าแทบไม่ไหวพรุ่งนี้แล้วฉันคงมีโอกาสไปเปิดหูเปิดตาเจอคนมากมายที่มหาวิทยาลัย

แป้งคล้องฉันไว้ที่แขนข้างซ้ายระดับเอว..สีแดงกุหลาบบนตัวฉันตัดกับเสื้อนักศึกษาสีขาวและกระโปรงสั้นๆสีดำฉันรู้สึกหัวใจพองโต และโก้หรูมากเพราะตั้งแต่เดินผ่านประตูมหาวิทยาลัยเข้ามาสายตาหลายๆคนก็จับตามองมาที่ตัวฉัน..และก็แป้งเธอคล้องโชว์ฉันให้ทุกๆคนเห็นอย่างจงใจฉันเองก็เป็นเสมือนเพื่อนคู่กายเธอที่ส่งเสริมให้เธอโดดเด่นมากขึ้น..."ฉันกับแป้งช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเสียจริงในเวลานี้"ฉันคิดอย่างภูมิใจเธอพาฉันเดินตรงดิ่งไปที่กลุ่มนักศึกษาสามคนหญิงสองคนชายอีกหนึ่งคน ที่นั่งอยู่บนชุดโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวางใบดกหนา

"สวัสดีทุกๆคน...ขอแนะนำน้องสาวค่ะคุณเพื่อนๆ...น้อง Red Rose"เธอกล่าวติดตลกพร้อมวางฉันลงบนกลางโต๊ะม้าหินอ่อนทรงกลม

"โอวว์..ว้าว..เฮ้ย..."ทั้งสามคนอุทาน และมองมาที่ฉันแทบไม่เชื่อสายตาฉันรู้สึกตัวใหญ่มากแทบจะตกโต๊ะอยู่แล้วนะ

"กระเป๋านี้..ท่านได้แต่ใดมา"แทน ชายหนุ่มเพื่อนในกลุ่มเกริ่นแซวเล่น

"ก็เพราะคุณอา....ท่านให้"แป้งตอบ

"ทำชอบสิ่งใดนา...วานบอก"พร สาวร่างอวบผิวขาวพูดแซวเสริม

"แค่ทำคิกคุ..กุ๊กกิ๊กไซ้...ท่านให้รางวัล"แป้งยังคงตอบด้วยอารมณ์ดี

"ยิงมุกอะไรกันนี่..เราโง่เกินไป หรือยังเด็กนี่..ไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกเขาเล่นอะไรกันอยู่"ฉันคิด

"คุณอาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดนะ เพิ่งพาไปเลือกซื้อเมื่อวานนี้เอง"แป้งกล่าวอย่างภูมิใจ

"เธอเกิดปีละกี่ครั้งแน่แป้ง ปีๆหนึ่ง ฉันเห็นเธอได้ของขวัญวันเกิดไม่รู้กี่ครั้ง"เมย์เพื่อนสาวอีกคนกึ่งแซวกึ่งเหน็บ

"เมย์หยุดสั่งสอนฉันสักที่เถอะ..เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมปลาย..เธอเป็นเพื่อนสนิทที่ฉันมีอยู่นะ..ฉันก็หวังแค่เธอจะอยู่ข้างฉันบ้าง..แม้จะบางเรื่องก็เถอะ"แป้งกล่าวเสียงเรียบๆ

"ใช่จ๊ะแป้ง เราเป็นเพื่อนกันมานาน ฉันถึงรู้ว่า อาเธอไม่กำลังพอที่จะให้ของวัญเธอด้วยของสิ่งนี้หรอก" เมย์ตอบเชิงตำหนิ

"ใจเย็นๆ..ค่อยๆ คุยกัน อย่าทะเลาะกันเลย" แทน และ พร ช่วยกันพูดปรามเบาๆ

"แทนพร ถ้าเธอรักเพื่อน ถ้าพบว่าเพื่อนทำอะไรไม่ถูกต้อง เธอจะทำอย่างไรส่งเสริมชื่นชม ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหรือ ตักเตือน พวกเธอเลือกที่จะทำแบบไหน"เมย์พูดพร้อมมองไปที่ แทน และพรเพื่อขอคำตอบ

......(เงียบ...ไม่มีเสียงตอบจากทั้งสอง)...............

"แต่ละคนมีปมในใจไม่เหมือนกันนะเมย์..มันเลยทำให้คนแต่ละคนแสดงพฤติกรรมออกมาไม่เหมือนกัน..ฉันกับเธอและคนอื่นๆจึงไม่เหมือนกัน แต่เราก็เป็นเพื่อนกันนะ"แป้งเริ่มระบาย

"กระเป๋าใบนี้มันมีค่ากับฉันมากแค่ไหนเธอรู้ไหม...มันไม่ใช่แค่กระเป๋าที่ใช้ใส่ของธรรมดาทั่วไป..แต่มันยังเป็นโล่กำบังสายตาดูถูกดูแคลน จากคนอื่นๆได้อย่างดี"

"เวลาทุกคนมองมาที่กระเป๋าและ ฉัน สายตาทุกคนจะสิโรราบให้กับฉันมันทำให้ฉันมีตัวตนในมหาวิทยาลัยไม่ใช่เด็กบ้านนอกที่ต้องคอยนั่งหลบหลังตึกหลังเลิกเรียนอีกต่อไป"

"แป้งเธอต้องแยกให้ออกนะ จุดประสงค์หลักของการเรียนในมหาวิทยาลัยคือการศึกษาหาความรู้ เพื่ออนาคตไม่ใช่แสวงหาความสุข ความสบาย"แทนกล่าวเตือนเบาๆ

"ใช่แทน ฉันเข้าใจ การเรียนฉันไม่เคยตกต่ำ แต่ฉันก็ต้องการเติมเต็มในสิ่งที่ฉันขาด การเรียนอย่างหนัก ความสุขความสบาย มันไปด้วยกันได้ฉันเชื่ออย่างนั้น"แป้งแย้งความคิดของแทน

"ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยมีเพียงแค่สี่ปีพวกเราก็ต้องจากกันไปตามทางที่เลือกเดินจะเจอกันอีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันในฐานะเพื่อนฉันก็อยากเตือนเท่านั้น" เมย์พูด

"ฉันขอบใจพวกเธอมากฉันเชื่อว่าฉันเอาอยู่ กับการจัดการชีวิตของตัวเอง.แป้งกล่าวอย่างมั่นใจในสิ่งที่ทำ

"เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว..พวกเราคงเข้าไปยุ่งมากกว่านี้ไม่ได้หรอกนะ...แต่ถ้า ชาติแฟนเธอถามขึ้นมาเธอจะตอบอย่างไร

เธอจะต้องโกหกคนที่เธอรักตลอดเวลาหรือ"พร พูดเสริมด้วยความกังวลใจ"เรื่องชาติ ฉันจัดการได้..ฉันไม่ได้จริงจังกับเขามากหรอก..เขาดูแลตัวเองยังไม่ได้..แล้วจะมาดูแลฉันได้อย่างไร..ใครฝากชีวิตไว้กับเขาก็คงคิดผิดละ" แป้งกล่าวยิ้มเหยียดๆ

"อ้อ..นี่ก็ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้ว..พวกเราไปกันเถอะเดี๋ยวสาย"

พรชวนเพื่อนทุกคนไปตึกเรียน

แป้งจับฉันขึ้นมาคล้องแขนซ้ายเหมือนเดิมพร้อมลุกเดินตามเพื่อนทั้งสามไปเรียนที่ตึกใหญ่ด้านหน้า..

ระหว่างทางเดินไปตึกฉันและแป้งก็ยังคงตกเป็นเป้าสายตาทุกคนเหมือนครั้งที่เดินผ่านประตูมหาวิทยาลัยเข้ามาฉันรู้แล้วละสายตาที่สิโรราบมันเป็นอย่างไร มันคือสายตาที่ชื่นชมในตัวฉันและอิจฉาคนที่เป็นเจ้าของนั่นเอง..ฉันคิดอยู่เสมอว่าฉันถูกสร้างมาเพื่อเป็นกระเป๋าสำหรับผู้หญิงที่ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆและเสริมบุคลิกให้ดูดีเท่านั้นเอง แต่ฉันก็ยังมีค่ามากกว่านั้นอีกมหาศาลฉันสามารถป้องกันการดูถูกเหยียบหยามจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีมิน่าเล่าใครๆก็ต้องการกระเป๋าหรูๆ สวยๆ ติดกายไปไหนมาไหนอยู่ตลอดเวลา


จบ บทที่2.


บทที่3. รักสามเศร้า


ฉันนั่งเบือนหน้าหน้าออกไปนอกหน้าต่างมองดูผู้คนเดินไปมาบริเวณหน้าหอพักยังดีกว่ามองเห็นภาพซ้ำๆในห้องพักของแป้ง

นับได้สามสัปดาห์แล้วที่ได้มาอยู่ที่นี่และได้ไปไหนมาไหนกับแป้ง โลกเดี๋ยวนี้มันช่างอยู่ยากเสียเหลือเกินสิ่งที่เราเห็นกับความเป็นจริงมันช่างแตกต่างวันนี้วันหยุดแป้งยังคงนอนพักผ่อนอย่างสบายทั้งๆที่สายมากแล้ว เธอนอนบิดตัวไปมาบนเตียงด้วยเสื้อผ้าบางน้อยชิ้นสำหรับนักศึกษาธรรมดาแล้วห้องนี้ถือว่าหรูพอสมควรเป็นหอพักตกแต่งแบบโรงแรมเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ดูมีระดับเธอมีชีวิตที่หรูหรามากเมื่อเทียบกับนักศึกษาปีสองที่มาเพื่อร่ำเรียนหลายๆคนมองมาที่แป้งอาจจะเห็นว่าเธอเป็นเด็กขยันเรียนคนหนึ่งแต่งตัวดีมีรสนิยมมีการดำเนินชีวิตที่เก๋กว่าเด็กรุ่นเดียวกัน แต่เธอก็แลกมันมาด้วยความกร้านโลก กล้าได้กล้าเสียเป็นการใช้ชีวิตที่มีสีสันและท้าทายแม้กระทั้งฉันเองยังแอบหวั่นใจ

แอ๊ด..ดด.ด เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา..

นี่ไงตัวการสาเหตุที่ฉันต้องเบือนหน้าออกทางหน้าต่างตลอดทั้งคืน

แต่ก็ยังนึกขอบใจแป้งที่วางฉันไว้ตรงนี้ ถึงแม้จะกึ่งวางกึ่งโยนก็ตาม..

ชายวัยสามสิบปลายๆหน้าตาดีนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินไปที่เตียงหนานุ่มพร้อมนอนทับร่างของแป้งแล้วคลอเคลียกันไปมา..

"พอแล้วค่ะ..พี่พงษ์"เธอผลักชายหนุ่มออกไปเบาๆด้วยท่าทางยั่วยวน..

"พี่อาบแล้วแล้วก็รีบแต่งตัวเถอะ..นี่ก็จะเที่ยงแล้ว..แป้งนัดเพื่อนตอนบ่ายโมงจะไปดูหนังกันเดี๋ยวเพื่อนแป้งมาหาก่อนเวลา มันจะยุ่งนะ" เธออธิบาย“เอืม...ต่ออีกหน่อยก็ไม่ได้นะ.."ชายหนุ่มพูดหยอกพร้อมจับคางแป้งเขย่าเบาๆไปมาแล้วลุกขึ้นจากเตียงตรงไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่"พี่ต้องไปรับลูกเหมือนกัน แกเลิกเรียนพิเศษตอนบ่ายๆ พี่กะว่าจะเลยไปเลย"ชายหนุ่มตอบไปแต่งตัวไป

"แหม๋ๆ.. แฟมิลี่แมนจริงๆนะค่ะพี่"เธอพูดล้อเลียน

"แหง..ละ แล้วแป้งอยากมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพี่ไหมละ“

เขาพูดหยอกเหมือนทีเล่นทีจริง

"ก๊อกๆๆ"เสียงเคาะประตู ฉันเหลือบไปมองที่ประตู สารพัดคำถามประดังมาที่ฉันเพื่อนเธอมาเธอจะทำอย่างไร?หรือถ้าชาติแฟนเธอละ? ที่มาเมื่อสองวันก่อนและก็บอกว่าว่างๆจะมาหา.."ตายละ..มาเจอกันจะทำอย่างไรกันนี่“ฉันนึกและระทึกกับเรื่องที่จะเกิดตามมา ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความกังวลว่าใครมาหาตอนนี้

ชายหนุ่มเองก็กังวลใจถ้าภรรยาเขารู้แล้วตามมาถึงที่นี่จะทำอย่างไรดี..งานเข้าละส่วนแป้งก็กังวลใจเรื่องชาติ มากกว่าเพื่อนๆที่จะมาก่อนเวลานัดหมายเสียอีก..ชายหนุ่มรีบแต่งตัวจนเสร็จพร้อมบอกให้หญิงสาวเปิดประตูรับคนที่มาหา

"เซอร์ไพรส์...."เสียงชายอีกคนเอ่ยขึ้นมาก่อนประตูจะเปิดสุดบานเสียอีก..ชายหนุ่มวัยสี่สิบต้นๆ มองหน้าพงษ์และแป้งอย่างตกใจ คิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนจะมีคำถามพรั่งพรูออกมานับร้อย...

"พี่กรค่ะ..นี่พี่พงษ์ค่ะ..ลูกพี่ลูกน้องแป้งเองเขามากรุงเทพ แม่เลยฝากของมาให้นะค่ะ" แป้งตอบแบบแนบเนียน

"พี่เขาก็กำลังจะกลับแล้วค่ะ"แป้งตอบเพื่อปิดคำถามอีกครั้ง

ชายหนุ่มผู้มาใหม่ ยิ้มเจื่อนๆพร้อมทักทาย พงษ์ตามมารยาท

"ไม่เป็นไรจ๊ะแป้ง..พอดีพี่แวะมาแถวนี้เลยแวะมาเยี่ยมเท่านั้นเอง

ไม่มีอะไรหรอก"ชายหนุ่มตอบแก้เขิน

"พี่ขอตัวก่อนนะ..หวัดดีแป้งไปก่อนนะคุณพงษ์" กรยิ้มเล็กๆให้พงษ์

กับแป้งพร้อมหันหลังเดินจากไป

"เออ..แป้งอย่างนั้นพี่กลับก่อนนะ เดี๋ยวไม่ทันลูก..เจอกันใหม่นะ" พงษ์พูดพร้อมหอมหน้าผากแป้งเบาๆก่อนเดินออกจากห้องไป

ฉันคิดว่าจะได้เจอฉากศึกชิงนางเสียแล้ว..มันจบลงง่ายดีจังแป้งเธอฉลาดตอบเอาตัวรอดได้เสมอฉันยังอดชื่นชมเธอในส่วนนี้ไม่ได้ ส่วนแป้งดูเหมือนเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้เลย..หลังจากปิดประตูเธอก็กลับไปนอนเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


"พี่กรๆ..รอผมด้วย. พงษ์เรียกเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานที่เดียวกันให้หยุดรอ

กรหันมาตามเสียงเรียกพร้อมหัวเราะเบาๆ

"มึงไปเป็นลูกพี่ลูกน้องกับน้องเขาตั้งแต่เมื่อไหรว่ะ"

"แม่เขาฝากอะไรมึงมาให้เขา..แต่มึงบอกกูตั้งแต่งานเลี้ยงเมื่อคืนว่ามึงจะมาค้างกับเด็กที่มึงดูแลไว้" กรขยี้

"โธ่พี่..น้องเขาก็ต้องเอาตัวรอด..ว่าแต่พี่เถอะมาทำอะไรที่ห้องน้องเขา..เซอร์ไพรส์.."พงษ์ล้อเลียนอย่างสนุกปาก

"มึงก็รู้ๆอยู่..อย่าให้กูพูดเลย..ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาดูแลเด็กคนเดียวกันกับมึง""อ้อ..มึงให้น้องมันเดือนละเท่าไรว่ะ.."กรถาม

"เฉลี่ยหมื่นห้าพี่"พงษ์ตอบ "กู...เกือบๆสองหมื่น"กรตอบเหมือนเสียหน้าที่จ่ายแพงกว่า"พี่เงินเดือนเป็นแสนแค่นี้ไม่กระทบหรอก"พงษ์ปลอบใจ"เออแค่สองคนนะ รวมๆได้เงินเดือนสามหมื่นห้า..ถ้าหลายๆคนจะเท่าไหร..เด็กเดี๋ยวนี้มันฉลาดกว่าที่กูคิดว่ะ"กรพูด

"ใช่พี่...ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าเราโดนเด็กหลอกหรือเปล่านี้"พงษ์ตอบแบบสับสนหมดความมั่นใจ

"ช่างมันเถอะ..แต่มึงต้องสัญญากับกูก่อน..เรื่องนี้ห้ามถึงหูเมียกูเด็ดขาด...กูก้จะไม่บอกเมียมึงด้วย"กรคาดคั้นกับพงษ์

"สัญญาพี่..เอาหัวเป็นประกันเมียผมรู้ผมก็ตายเหมือนกัน"...

ฉันเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งมองเห็นกรและพงษ์เดินออกไปพร้อมๆกันกอดคอคุยกันอย่างเพื่อนสนิทคุ้นเคย ก่อนแยกย้ายไปที่รถส่วนตัวของตนเองฉันรู้สึกสับสนกับโลกใบนี้จริงๆ ว่าสิ่งที่เห็นกับความจริงมันคืออะไร


จบ บทที่ 3


บทที่4. วันลาจาก


"ชาติๆ...ชาติ ตื่นได้แล้ว" หญิงสาวออกมาจากห้องน้ำ เรียกชื่อแฟนหนุ่มเสียงดังอย่างตื่นตระหนก ขณะที่ชาติกำลังหลับอยู่บนเตียงอย่างสบาย.ฉันตกใจตื่นเพราะเสียงดังของแป้ง"เป็นอะไรกันแต่เช้ามืดนี่..ปกติเธอก็ไม่ตื่นเช้าแบบนี้..จะรีบชวนกันไปตักบาตรตอนเช้าหรือไง"ฉันประชดในใจฉันเห็นแป้งกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่เตียงเพื่อปลุกชาติ แฟนหนุ่มให้ตื่นขึ้นมาขณะที่ในมือกำแท่งพลาสติกสีขาวบางๆไว้แน่น.."ชาติๆ.."เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติพร้อมเขย่าตัวชาติ แรงๆ เพื่อให้เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

“เอืมม..ม.. มีอะไรแป้ง" ชาติตื่นขึ้นมาขณะที่ยังงัวเงียอยู่ "มีอะไรกันแต่เช้า..ยังง่วงอยู่เลย..ปลุกทำไมก็ไม่รู้" ชาติบ่นอุบอิบ

"ฉัน..ท้อง.."เธอพูดเสียงสั่นเครือสีหน้ากังวลใจหนักปัญหาของแป้งทำให้ชาติตื่นจากอาการงัวเงียโดยทันที"ประจำเดือนเราไม่มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว..เราเลยซื้อชุดตรวจครรภ์มาตรวจดู..ผลมันเป็นบวก ขึ้นสองขีด..เราจะทำอย่างไรกันดีละ ชาติ.."เธอกล่าวอย่างตระหนกเพราะมั่นใจกับชุดตรวจนั้น

"ผลที่ตรวจมันอาจผิดพลาดได้..ใจเย็นๆสิ" ชาติพูดด้วยอาการหงุดหงิดที่ถูกคาดคั้นเหมือนจะต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้

"เราทำตามขั้นตอนการแนะนำชุดตรวจทุกอย่าง..โอกาสท้องมันสูงมากเลยนะ"เธอพูดอย่างกังวล

"ไปให้..หมอตรวจเถอะ..ถ้าท้อง..แล้วค่อยมาโวยวาย"ชาติ พูดเหมือนยื้อเวลาออกไป

"ชาติ..เธอพูดเหมือนจะโยนปัญหานี้ไว้กับเราคนเดียวเท่านั้นนะ..ทั้งๆที่เราก็ก่อเรื่องนี้มาด้วยกัน"เธอพูดด้วยน้ำเสียงโมโห

ชาติ หยิบหมอนฟาดลงที่นอนแรงๆและลุกขึ้นจากเตียงไปที่ริมหน้าต่างพร้อมเปิดหน้าต่างรับอากาศยามเช้าเพื่อสงบอารมณ์

"แป้ง..อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ..ใครๆก็รู้ว่าเธอมีคนอื่นอีกหลายคน..

เธอจะโยนปัญหานี้มาให้ฉันรับผิดชอบคนเดียวมันจะเป็นธรรมกับฉันไหม"ชาติ ถามเสียงเรียบๆ

"ชาติ..ทำไมเธอพูดกับเราแบบนั้น" เธอพูดด้วยน้ำเสียงทั้งโกธรทั้งน้อยเนื้อต่ำใจ "หรือ..ไม่จริง" ชาติสวนทันควัน

"เธอจะบอกฉันว่า..เธอป้องกันอย่างดีกับคนอื่นๆแต่ไม่ป้องกับแต่กับฉันใช่ไหม..จริงอยู่บางครั้งเราก็ไม่ได้ป้องกัน...แต่กับคนอื่นๆฉันจะมั่นใจอย่างไรว่าเธอป้องกันทุกครั้ง..ฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้นกับพวกเธอนี่"ชาติพูดประจันหน้ากับหญิงสาวแบบไม่ลดละ


"ฉันก็แค่เด็กปี่สี่..อีกไม่นานฉันจะเรียนจบและไปมีอนาคตที่ดีในอนาคต...และจะทิ้งเรื่องเลวๆในมหาวิทยาลัยไว้ข้างหลัง..ฉันคงไม่มาแต่งงานรับเป็นพ่อเด็กตอนนี้หรอกนะ แป้ง"ชาติพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ใช่ชาติ..ถึงมันจะเป็นอย่างที่เธอพูดก็ตาม...ถึงแม้แค่ในฐานะคู่ขาอย่างเรา..ถ้าเธอจะคิดกับเราเพียงแค่นั้น..เธอน่าจะมีน้ำใจ..หาทางช่วยเราบ้าง..ไม่ใช่มาปัดความรับผิดชอบและยังพูดถากถางเราอีก"เธอสวนด้วยคำพูดแรงๆ"ไปหาหมอ...ตรวจให้ละเอียด..ถ้าท้องจริงๆ..เอาเด็กออกสะ"ชาติ พูดเหมือนเรื่องปกติทั่วๆไป"เธอจะแบกท้องเรียนได้อย่างไร ตอบทางบ้านอย่างไรและผู้ชายคนอื่นๆของเธอคงหายหน้าไปหมด..เธอคงได้ออกจากหมาวิทยาลัยนี่แน่ๆ" ชาติเสริม


หญิงสาวนั่งก้มหน้าซุกบนฝ่ามือทั้งสองร้องให้ออกมาเบาๆ "แล้วฉันจะทำอย่างไร...เงินฉันก็ไม่มีมากพอ..ถ้าเกิดจะต้องเอาเด็กออกจริงๆ" เธอพูดเหมือนหมดทางออกจะหวังพึ่งชาติคงลำบากแม้แต่ตัวชาติเองยังยืมเงินเธออยู่เสมอๆ"เธอ..ก็เอากระเป๋าใบสีแดงของเธอไปขายไง..ยี่ห้อนี้คงขายได้เป็นหมื่น..มันยังใหม่อยู่เลย..คงเป็นค่าใช้จ่ายที่เธอต้องการได้"ชาติแนะนำ

แป้งเงยหน้าขึ้นมาแล้วหันมามองฉันด้วยเเววตาที่ไม่เหลือความอาลัยอาวรณ์กับฉันอีกต่อไป


ฉันนั่งมองเหตุการณ์ในวันนี้แล้วรู้สึกห่อเหี่ยวใจเหลือเกิน..รายการทีวีที่แป้งเปิดทิ้งไว้ให้ฉันดูขณะที่เธอหลับเพราะลืมปิด..เขาบอกว่าการคุมกำเนิดที่ดีที่สุดคือการคุมกำหนัดถ้าทุกคนสามารถคุมกำหนัดได้..ปัญหาเรื่องการท้องก่อนวัยหรือการท้องไม่พึงประสงค์จะไม่มีในสังคม...โชคร้ายที่แป้งหลับไปเสียก่อนที่จะได้ดูรายการดีๆแบบนี้แต่ถึงจะได้ดูก็ตาม..ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะเข้าใจมันได้ดี

แค่ไหน...สุดท้ายเรื่องแบบนี้มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่แบกรับปัญหาทั้งหมดไว้...ฉันได้แต่ภาวนาให้เธอโชคดี

จบบทที่ 4.


บทที่5บ้านใหม่


ในที่สุดฉันก็ได้ย้ายที่อยู่ใหม่จนได้ แป้งตัดสินใจขายฉันให้กับร้านกระเป๋ามือสองที่มีไว้สำหรับบริการเช่าไปใช้ชั่วคราวฉันได้แต่หวังว่าเงินที่ขายฉันได้นั้นเธอคงจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางที่ดีกับตัวเธอเองให้มากที่สุดฉันได้แต่อวยพรมันเป็นการจากลาแบบถาวรของที่ไม่ได้มาด้วยความรักและความต้องการจริงๆแบบฉัน..ใครจะมาอาลัยอาวรณ์เมื่อต้องจากกันร้านกระเป๋าให้เช่าตกแต่งได้หรูหราพอสมควรชั้นกระจกใส ถูกวางเรียงรายด้วยกระเป๋าแบรนด์แนมต่างๆ ทั้งรูปแบบและสีสันหลากหลายพวกเธอดูเศร้าและเหงาหงอยที่นั่งรอบนชั้นกระจกใสๆรอคนมาเช่าเพื่อจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างฉันอดนึกขำไม่ได้เมื่อนึกถึงชาติ แฟนของแป้ง พูดสนุกกับเพื่อนๆผู้ชายเรื่องผู้หญิงในห้องกระจกสถานอาบอบนวดที่ต้องนั่งรอผู้ชายมาเลือกตัวไปเข้าห้อง..ตอนนี้พวกกระเป๋าเหล่านั้นและฉันคงตกอยู่ในสภาพเดียวกับผู้หญิงเหล่านั้น..ที่นั่งรอใครสักคนที่จะเช่าฉันออกไปข้างนอก..แม้จะชั่วคราวก็ยังดี


น่าจะด้วยความสดใหม่ใบกะทัดรัดของฉันเจ้าของร้านเธอจึงหามุมที่ดีที่สุดหน้าร้านเพื่อโชว์ดึงดูดลูกค้าฉันถูกวางตรงกลางระหว่าง กระเป๋าถือใบใหญ่สีส้มทองทรงสี่เหลี่ยมกับอีกใบสีดำขนาดย่อมลงมาหน่อย

เธอสองคนดูดีที่เดียวแต่ฉันไม่ชอบบุคลิกเชิดๆสายตาเหยียดๆมองมาทางฉันเลย

"เฮ้อ..ถ้าเขารักเธอจริง..เจ้าของเธอคงไม่ขายพวกเธอทิ้งหรอกนะ

ยัยแอร์เป็ด ป้าดา" ฉันถอนใจ

กริ้ง..ง..ง..งง (เสียงโทรศัพท์ดัง)เจ้าของร้านสาวสวยเดินตรงไปรับสายเรียกเข้า

"สวัสดีค่ะ..เตตั้น ศูนย์เช่ากระเป๋าแบรนด์แนม สาขาสยามค่ะ" เธอตอบรับสายพร้อมยืนยันตัวตน

"ขอหมายเลขสมาชิกค่ะ........ค่ะขอบคุณค่ะ......เลือกแบบ และรุ่นจากทางเว็บไซต์แล้วหรือยังค่ะ"เสียงเธอโต้ตอบกับลูกค้าที่ปลายสาย

"AlmaBB monogram vernis สีแดงกุหลาบ..เพิ่งมาใหม่เมื่อวาน

เลยค่ะสภาพสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ..ตกลงรับใบนี้นะค่ะ"

"ขอทราบที่อยู่ด้วยค่ะ..เรามีบริการไปส่งและรับกลับให้ถึงที่พักค่ะ เตรียมเอกสารสำเนาบัตรประชาชนไว้ด้วยนะค่ะ..การชำระเงินใช้บัตรเครดิตได้ค่ะ..ทางเจ้าหน้าที่ที่ไปส่งของจะแนะนำเงื่อนไขให้ค่ะ" เธอปิดการขายได้สำเร็จในที่สุด 


แพรวพรรณสาววัยสามสิบห้าเพิ่งหย่าร้างกับสามีฝรั่งเมื่อเดือนที่แล้ว และเพิ่งย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยได้สักพักแต่เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้มากนักนอกจากคนในครอบครัวเธอยังติดนิสัยหรูหราเหมือนครั้งยังมีสามีหาเงินให้ใช้อยู่เสมอวันนี้ฉันจะได้ไปงานกับเธองานฉลองมงคลสมรสของเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอสวมเดรสยาวสีแดงกุหลาบสวยทันสมัย มิน่าเธอถึงเลือกฉันเพื่อให้เข้ากับชุดเธอนี่เอง

ห้องฉลองงานมงคลสมรสถูกจัดขึ้นในโรงแรมห้าดาวแขกหญิงชายที่มาแต่งกายสวยงามตามสมัยงานถูกออกแบบและตกแต่งอย่างมืออาชีพ แพรวพรรณเดินเข้ามาในงานอย่างโดดเดี่ยวเธอทักทายคู่บ่าวสาวและเดินตรงเข้าไปในงานทันที

"แพรวพรรณ...นั่นเธอใช่ไหม..ฉันจิตราไง" จิตราเพื่อนร่วมห้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเรียกทัก

"ใช่จ๊ะ..จิตรา..สวยจำเกือบไม่ได้เลย"เธอดีใจที่ได้พบเพื่อนเก่า

"เธอเป็นอย่างไรบ้างแพรวพรรณ...สบายดีไหม"จิตราถาม

"สบายดี..ฉันแต่งงานแล้วนะแต่งที่อเมริกา สามีฉันเป็นชาวอเมริกัน..

ตอนนี้ฉันมาพักร้อนเมืองไทยพอดี..สามีมาไม่ได้ต้องทำงานนะ..

งานเขายุ่งมาก"เธอตอบเหมือนเป็นเรื่องจริงไม่ได้โกหก

"AlmaBB monogram vernis สีแดงกุหลาบใช่ไหมที่เธอถืออยู่"

จิตราพูดขณะก้มมองดูกระเป๋าใบสวยพร้อมยกแขนขึ้นสูงเพื่ออวดกระเป๋าใบโตกว่าอย่างจงใจ

"ใช่จ๊ะ..จิตราใบนี้สามีฉันซื้อให้ตอนเขาไปดูงานที่ดูใบ..เขาใจดีมาก..

อะไรๆก็ประเป๋า..จนจะล้นห้องอยู่แล้ว"

โอว์..มนุษย์ฉันเหนื่อยใจกับเธอเหลือเกิน"เธอ..แต่งเรื่องได้เก่งจริงๆ"ฉันคิดในใจ"กระเป๋าเธอก็สวยนะสีส้มทอง ใบนี้ราคาแพงมากเลยนะ" แพรวพรรณแกล้งชม

"ใบนี้ซื้อมานานแล้ว..ตอนไปฝรั่งเศสใช้มานานแล้ว ถ้ารักษาดี ก็ใช้ได้นานนะ“จิตรากล่าวอย่างภูมิใจ


ฉันลืมตามองแม่ใบสีส้มทองเพราะมันฟังคุ้นๆหูเหลือเกิน "ชิส์...นังแอร์เป็ดนั่นเอง...แล้วแกมาวางอยู่ข้างๆฉันในร้านเช่ากระเป๋าได้ไง"ฉันงง แต่สีหน้าของแม่สีส้มทองเหมือนเจอเรื่องแบบนี้มามากมายเธอเฉยๆไร้อารมณ์บางทีที่เธอเย็นชาใส่ฉันอาจเป็นเพราะเธอเบื่อสังคมหลอกลวงแบบนี้ก็ได้

หลังเลิกงานเกือบเที่ยงคืนแพรวพรรณหลบออกมาก่อนแอบขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน..เธอให้แท็กซี่จอดหน้าบ้านพร้อมจ่ายค่ารถและกำลังเปิดประตูรั้ว"บรึ้นนน..เอี๊ยด..ดด"รถมอเตอร์ไซด์จอดข้างเธออย่างกะทันหัน เด็กวัยรุ่นผู้ชายนั่งซ้อนท้ายกระชากฉันออกมาจากมือแพรวพรรณสุดแรง แล้วออกรถไปอย่างรวดเร็วทิ้งเสียงร้องโวยวายของเธอไว้เบื้องหลังอย่างไม่สนใจ"ฉันไม่รู้ว่าเธอร้องเพราะเสียดายเงินทองในกระเป๋าหรือเปล่าแต่ก็ไม่น่าใช่..เพราะมันไม่มีอะไรมีค่ามากเลย..เธอน่าจะร้องเพราะต้องชดใช้ค่ากระเป๋ากับทางร้านเช่ามากกว่า"ฉันคิด

ผ่านไปสักระยะ เด็กสองคนหยุดรถกระชากเปิดตัวฉันออกจากกันอย่างแรงจนตัวฉันฉีกขาดพร้อมสบถคำหยาบออกมามากมาย เพราะไม่มีของมีค่าอะไรมากมายในตัวฉันเด็กชายวัยรุ่นคนขับรถโยนฉันทิ้งข้ามกำแพงอย่างไม่ใยดีฉันตกจมลงไปในริมแอ่งโคลนเหมือนขยะชิ้นหนึ่งที่เขาไม่ต้องการ


ฉันนึกย้อนเวลาไปวันที่ฉันเคยอยู่ในร้านขายกระเป๋าแสนหรูหรามหาวิทยาที่มีแต่ปัญญาชนกำลังของชาติในอนาคต ร้านเช่าประเป๋างานเลี้ยง..ชีวิตฉันผ่านมาไม่กี่เดือน..มันต้องจบลงที่ข้างแอ่งโคลนนี่แล้วหรือ"มันไม่ยุติธรรมกับฉันเลย...ของมีค่าที่ทุกคนใฝ่ฝันอย่างฉัน..มันมาตกในสภาพแบบนี้ได้อย่างไร..พระเจ้าเล่นตลกอะไรกับฉัน"ฉันรู้สึกท้อแท้และปลงตกกับชะตากรรมของตัวเอง


จบบทที่ 5


บทที่6ชีวิตใหม่


ช่วงฤดูฝน ฝนตกบ่อยมากเกือบทุกวันทำให้แอ่งโคลนมีน้ำท่วมขัง วัชพืชเจริญงอกงามจนเต็มไปทั้งเวิ้งแอ่งจากแอ่งโคลนจึงกลายเป็นแอ่งน้ำที่กว้างขึ้นแต่ฉันก็ยังคงลอยเคว้งในแอ่งน้ำนี้และมีเพื่อนเป็นวัชพืชน้ำที่แสนจะอบอุ่นนานกี่วันแล้วก็ไม่รู้ฉันไม่อยากนับที่ฉันจมอยู่ในสภาพนี้ สภาพที่รอเวลาผุเปื่อยย่อยสลายไป...ชีวิตที่รอวันตาย..คงจะเป็นแบบนี้สินะ..ช่างไร้ความหวัง


"ซวบ..ซวบ.." เสียงคนเดินมาฉันปรายตามองไปข้างๆ เห็นเด็กผู้หญิงวัย12-13ปี

สองคน กับลังเดินเก็บยอดผักบุ้ง  ริมแอ่งน้ำและพูดคุยถึงอาหารมื้อค่ำอย่างสนุกสนานแน่ละผักบุ้งคือเมนูมื้อค่ำในวันนี้

เด็กธรรมดา ดูเป็นธรรมชาติฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ดูไม่มีจริต ดูซื่อๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอในกลางเมืองหลวง...ฉันเห็นเธอเดินดิ่งตรงมาที่ฉัน

"มุกๆ..เธอมาดูนี่สิ..ฉันเจอกระเป๋าใบสีแดงจมอยู่ในน้ำนี่" ต่าย เด็กสาวเรียกเพื่อนมาดูพร้อมจับฉันล้างทำความสะอาดในแอ่งน้ำนั้น

"เออ..สีสวยดีนะ แต่เยินน่าดู ท่าทางจะเป็นหนังแก้ว" มุก พูดเสริม

"เราว่ามันยังพอน่าจะเอาไปทำอะไรได้นะ...หนังบางส่วนยังดีอยู่เลย"มุกกล่าว"ใช่..มุกเราเอากลับไปก่อนดีกว่า..แล้วค่อยว่ากันจะเอาไปทำอะไรดี"

เธอพูดจบพร้อมนำเอาตัวฉันใส่ลงในตะกร้าผักบุ้งแล้วก็หิ้วฉันกลับบ้านไปด้วย


มุก กับ ต่าย เป็นเพื่อนบ้านกันเธอสองคนอาศัยในชุมชนแออัดไม่ห่างจากแอ่งน้ำนั้นเท่าไรหนักบ้านเรือนของเธอเป็นเพิงไม้ สังกะสีง่ายๆ รกรุงรัง ช่างแตกต่างที่ที่ฉันเคยอยู่มาเหลือเกิน ต่ายทำความสะอาดฉันด้วยสบู่ ขัดเบาๆซับด้วยผ้าแห้งและตากผึ่งลมไว้ในร่มนานมากแล้วที่ฉันไม่รู้สึกสบายตัวอย่างนี้

"มุกๆเธอดู ลายกระเป๋าที่เราเก็บได้ กับกระเป๋าในหนังสือดารานี่สิ..มันเหมือนกันเลยนะถ้าเป็นของจริงมันคงแพงมาก" ต่ายพูดกับมุกอย่างตื่นเต้น"เออ..ใช่ต่าย แต่ที่เราเก็บได้มันของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ลายแบบนี้ตลาดนัดก็มีขาย" มุกพูดล้อๆ

"แต่เราว่าหนังมันดูดีกว่านะไม่ใช่ พลาสติก แต่ก็ช่างมันเถอะ มันเคยเป็นกระเป๋ามันก็ควรจะเป็นกระเป๋าต่อไปแต่จะเป็นกระเป๋าสองใบ สำหรับเราสองคน“ต่ายเสนอความเห็น


ต่าย ตัดแบ่งฉันออกเป็นสองส่วนซีกด้านซ้ายและด้านขวา แล้วบรรจงพับเย็บเป็นกระเป๋าใส่เงินใบเล็กๆขนาดฝ่ามือเด็กสองใบ ติดกระดุม ปิดเปิดได้ ฉันไม่ได้รู้สึกยินดีอะไรมากมายที่กลายมาเป็นกระเป๋าที่ใส่ได้เพียงเหรียญเงิน แต่อย่างน้อยฉันคงมีเวลาดูโลกนี้ได้นานขึ้นเท่านั้น"มุกเธอเอาไปหนึ่งใบ ของฉันหนึ่งใบ...กระเป๋าใบนี้เธอต้องสัญญานะ ว่าจะเก็บไว้..จนกว่าเราจะซื้อกระเป๋าลายแบบนี้ ที่เป็นของจริง" ต่าย กล่าวจริงจัง"ก็ดีเราจะได้ใช้กระเป๋าใบเล็กนี้เป็นแรงบันดาลใจ เรียนให้จบมหาวิทยาลัยให้ได้หางานที่ดีๆทำ เก็บเงินมากๆเราจะได้ซื้อกระเป๋าของแท้ๆได้ไง" มุกเสริมอย่างสนุก


ฉันได้ยินเด็กสาวคุยถึงอนาคตอย่างสดใสและมีความสุขแต่ฉันกลับคิดว่าผู้หญิงกับกระเป๋ามันดูเหมือนจะขาดกันไม่ได้เลยจริงๆหรือ มันอยู่ในความฝันของผู้หญิงทุกคนใช่ไหมและถ้าเธออยากได้มากๆ แต่เธอไม่มีเงินละ เธอจะทำอย่างไร..ภาพของแป้ง..แพรวพรรณผุดขึ้นมาในความคิดฉันอีกครั้ง.....ชีวิตเด็กสองคนนี้คงไม่วนกลับไปเหมือนสองคนนะ..ฉันจะเฝ้าดูเธอ..


จบ บริบูรณ์




Create Date : 21 มิถุนายน 2559
Last Update : 22 มิถุนายน 2559 9:56:59 น. 2 comments
Counter : 805 Pageviews.

 
ลุ้นกับ "เธอ" ไปด้วย ว่าจะไปตกระกำลำบากที่ไหนอีก

เดินเรื่องด้วยวิตตอง เลยไม่รู้เลยค่ะ ชีวิตแป้งต่อจากนี้เป็นไง


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ข้ามขอบฟ้า Music Blog ดู Blog
เนินน้ำ Fanclub Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
สมาชิกหมายเลข 3016924 Photo Blog ดู Blog
sawkitty Diarist ดู Blog
ทนายอ้วน Food Blog ดู Blog
Raizin Heart Travel Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
พระจันทร์สัญจร Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 22 มิถุนายน 2559 เวลา:19:29:04 น.  

 
ขอบคุณคราฟ


โดย: พระจันทร์สัญจร วันที่: 23 มิถุนายน 2559 เวลา:19:13:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

พระจันทร์สัญจร
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ขอบคุณ ทุกๆ คอมเม้น คราฟฟฟ
Friends' blogs
[Add พระจันทร์สัญจร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.