ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ .. ^^
Group Blog
 
All Blogs
 

หินตกริเวอร์แคมป์ จ.กาญจนบุรี

หินตกริเวอร์แคมป์ แอท เฮลล์ไฟร์พาส รีสอร์ท
[Hintok River Camp @ Hellfire Pass] จ.กาญจนบุรี
ตั้งอยู่ที่ช่องเขาขาด จ.กาญจนบุรี



เข้าไปก็จะเจอหอคอยก่อน



เช็คอินที่นี่



โต๊ะอาหารชมวิวแม่น้ำ



บาร์เล็กๆ ที่ล็อบบี้



ไวน์ก็มี



สมุดเซ็นเยี่ยม




ร้านขายของที่ระลึกและของใช้จำเป็น
เช่น ขนม ไอศครีม ถ่ายไฟฉาย ฯลฯ







จักรยานเสือภูเขาบริการฟรี



ทางเดินไปเรือนนวด



เรือนนวด



เต๊นท์แบบต่าง ๆ ในรีสอร์ท



เต๊นท์ใหญ่แบบเข้าพักเป็นหมู่คณะก็มี






เต๊นท์ของเรา



มุมพักผ่อนหน้าเต๊นท์



อีกมุม



เข้ไปดูด้านในกันค่ะ
สามคนพ่อแม่ลูกพักสบาย ๆ
มีเตียงใหญ่ 1 เตียงเล็ก 1 เตียง



ภายในเต๊นท์กว้างขวาง
อยู่สามคนไม่แคบ ไม่อึดอัดเลย



ได้บรรยากาศซาฟารีเล็กๆ



อีกมุมค่ะ



พัดลม โต๊ะแป้ง หีบใส่ของ ตู้เย็น



ที่ไม่มีก็คือไดร์เป่าผม
และที่สำคัญคือทีวี
เหมาะแก่การหลีกหนีความวุ่นวายโดยแท้





ไปดูห้องน้ำกันบ้าง
มีห้องน้ำในตัว
เสริมออกมาด้านหลังเต๊นท์ค่ะ





มีน้ำอุ่นค่ะ



ที่นั่งชมวิวแม่น้ำแคว



แคมป์ไฟกลางรีสอร์ท



โต๊ะอาหารบริเวณแคมป์ไฟกลางรีสอร์ท





ดูมุมกว้างบ้าง





ผ้าเช็ดตัวสำหรับใช้ที่สระว่ายน้ำ
หยิบได้ที่ล็อบบี้



สระว่ายน้ำที่นี่ เป็นสระธรรมชาติ
รับน้ำจากลำธารที่เกิดจากตาน้ำหรือน้ำซับบนภูเขา







ท่าเรือของรีสอร์ท



พ่อลูกนั่งคุยกันท่ามกลางบรรยากาศสวยงาม
ริมแม่น้ำและโอบล้อมด้วยป่าเขา


บรรยากาศยามค่ำคืนที่โต๊ะอาหาร





หน้าเต๊นท์ยามค่ำคืน



อาหารเช้าบุฟเฟต์










การผจญภัยกันกับโปรแกรมของรีสอร์ท
อาทิ นั่งเรือชมแม่น้ำแคว



เล่นน้ำในสระธรรมชาติ



พายเรือแคนู



เดินชมระบบนิเวศป่าไผ่ที่หมู่บ้านมอญ



เที่ยวชมถ้ำพระ ผาเอน





เดินช่องเขาขาด



ขี่จักรยาน



และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
พักวันที่ 14-16 ตุลาคม 2554
กิจกรรม KTC REAL TEAM ครั้งที่ 22


อโกด้าประกาศให้หินตกริเวอร์แคมป์
ให้เป็น 1 ใน 10 รีสอร์ทแบบผจญภัยที่ดีที่สุด
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในปี ค.ศ. 2009



อ้างอิง
1. นสพ. บางกอกทูเดย์
พฤหัสบดี 21 พ.ค. 2552 หน้า 44 (เต็มหน้า)
คอลัมน์ : TRAVEL GUIDE
: 10 สุดยอดรีสอร์ทผจญภัยในเอเซีย
2. นสพ. กรุงเทพธุรกิจ
จันทร์ 9 มีนาคม 2552 หน้า 1 (เต็มหน้า), 2
Section : ฉบับพิเศษ
หัวข้อข่าว : ท่อง 10 รีสอร์ทผจญภัย

อ้างอิงเพิ่มเติม
อ่านที่นี่ (1)
อ่านที่นี่ (2)

หากต้องการทราบข้อมูลใด ๆ นอกเหนือจากนี้
โปรดติดต่อกับทางโรงแรมโดยตรงนะคะ ^^




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2554    
Last Update : 24 กันยายน 2557 10:26:12 น.
Counter : 1496 Pageviews.  

Kameo House Rayong

ไปทำงานอีกแล้ว พักที่นี่ 25-27 กันยายน 2554
เก็บแต่ภาพห้องพักเอามาฝาก















































โรงแรมนี้อยู่ถนนสุขุมวิท
ในตัวเมืองระยอง ใกล้ห้างแหลมทอง และห้างโลตัส

อุปกรณ์ของใช้สิ่งอำนวยความสะดวก
ในห้องพักและภายในโรงแรม
มีพร้อมสรรพตามมาตรฐานของโรงแรมในเครือ
มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ
จากุชชี่ ซาวน่า และอบไอน้ำฟรี
อาหารเช้าก็ดี (มาก) อร่อย หลากหลาย

มี Executive Lounge ที่ล็อบบี้ชั้นล่าง
หรือห้องรับรองพิเศษ
ให้แขกเข้าพักได้ดื่มกาแฟและอาหารว่าง
พร้อมไวไฟฟรี

ที่สำคัญ
โรงแรมเครือนี้มักมีราคาโปรโมชั่น
ในเว็บของ Kasemkij Group
ซึ่งมีอสังหาธุรกิจมากมายในเครือ
คลิกดูราคาลิงค์นี้

ขอขอบคุณนายฟ้าใสและคุณ Putan
ที่ให้โค้ด Ebookers ไปลด
เข้าพักได้ในราคาพันบาทนิด ๆ

ในการเข้าพักโรงแรมนี้ เจ้าของบล็อกจองเอง และจ่ายเอง

ไม่ได้รับการจ้างวานจากทางโรงแรมให้ทำการโฆษณา
หรือทำการตลาดใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้รับจองค่ะ

หากต้องการทราบข้อมูลใด ๆ นอกเหนือจากนี้
โปรดติดต่อกับทางโรงแรมโดยตรงนะคะ ^^




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2554    
Last Update : 24 กันยายน 2557 10:40:16 น.
Counter : 1597 Pageviews.  

ประวัติศาสตร์ติดตรึงใจ..ที่ไอยูเดีย @ i u dia on the River

โลกนั้นกว้างใหญ่กว่าที่เราเห็น
ผู้คนมากมายล้วนแตกต่างจากที่เราเป็น
ประวัติศาสตร์แสดงให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์
เกี่ยวเนื่องกันในแต่ละยุคสมัย
ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การจดจำเรื่องราวในอดีตที่จบสิ้นไปแล้ว

ประวัติศาสตร์ทำให้เราเข้าใจปัจจุบันได้กระจ่างขึ้น
อาจพาเราก้าวสู่อนาคตที่มีอดีตเป็นบทเรียน และมีปัจจุบันให้ศึกษา
พร้อมไปกับการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบสุข



เด็กชายเกาลัดพาเที่ยวอยุธยา
มาถึงอยุธยาทั้งที ต้องมีอาวุธสู้รบคู่กาย



วิหารพระมงคลบพิตร

ถ้าตามพงศาวดาร
บริเวณที่ตั้งวิหารนี้เคยเป็นวัดในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
เพราะระบุว่าโปรดอัญเชิญพระพุทธรูปขนาดใหญ่
นามว่า “มงคลบพิตร” มาจากพื้นที่ทางตะวันออก
ต่อจากนั้นก็ทรงก่อมณฑปครอบ

ครั้นถึงรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
โปรดเกล้าให้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์
พระมงคลบพิตรขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
โดยโปรดให้ทำบัวหงายคั่นระหว่างพระเกตุมาลากับพระรัศมี
ส่วนพระวิหารนั้นก็โปรดให้รื้อเครื่องบนออก
แล้วก่อหลังคาให้เหมือนดังพระวิหารทั่วไป



ต่อมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 นั้น
พม่าเข้าใจว่าพระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปทองคำ
จึงได้ใช้ไฟสุมลอกทอง จนกระทั่งองค์พระ
ตลอดจนพระวิหารได้รับความเสียหายมาก

หลังจากนั้นมาจนถึงปัจจุบัน
ก็ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่อีกหลายครั้ง



เด็ก ๆ มาขายตั๊กแตนสานที่หน้าวิหาร



นวดเอาแรง



เข้าวัดก็ไม่ยอมวางอาวุธ



ตกกุ้งได้อีกตัว



เที่ยวเล่นพอหอมปากหอมคอแล้ว
มาเข้าเรื่องกันต่อ

บนเกาะอยุธยา ณ ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาม
นามว่าถนนอู่ทอง
บริเวณถนนสายไหม
ซึ่งเป็นย่านจำหน่ายโรตีสายไหมอันลือชื่อของเมืองอยุธยา
เป็นที่ตั้งของ โรงแรมไอยูเดีย ออน เดอะ ริเวอร์ (i u dia On the River)


ไอยูเดีย ออน เดอะ ริเวอร์ (i u dia On the River)





“ เราเป็นโรงแรมบูติกขนาดเล็ก
มิได้มุ่งเน้นความหรูหรา ราคาแพง
แต่มุ่งให้บริการห้องพักดี เตียงนุ่มนอนสบาย
ห้องน้ำเก๋ อาหารเช้ารสดี และบรรยากาศที่อบอุ่น
.........ขอให้ลูกค้ามีความสุข
เมื่อมาพักผ่อนกับเรา เท่านี้พอ”

พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร



หน้าบ้าน



เข้าไปด้านในกัน





ทางเข้าออกภายในโรงแรม ต้องผ่านประตูบานนี้

จักรยานที่เห็นเป็นจักรยานเอาไว้บริการแขกเข้าพัก
ที่ต้องการชมเมืองด้วยตัวเอง



หลังประตูบานนี้มีความงาม
และเรื่องราวน่าสนใจรอให้เราค้นหา
เข้าไปพร้อมกันเลยค่ะ




คุณพิมพ์ประไพ พิศาลบุตร
ผู้ก่อตั้งและเจ้าของสถานที่แห่งนี้กล่าวถึงแรงบันดาลใจ
ในสร้างยูเดีย ออน เดอะ ริเวอร์กับเราว่า

เมื่อเอ่ยถึงอยุธยาในความทรงจำ
พลันนึกถึงความร้อนระงมแถวลานจอดรถหน้าวัด
ที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน เดินผ่านๆ ให้จบๆ ว่ามาถึงแล้ว
และจะต้องกลับกรุงเทพก่อนค่ำ จึงไม่เคยเห็นความงามของอยุธยา

จนวันหนึ่งได้มีโอกาสขับรถแบบสบาย ๆ
หลบความสับสนจากป่าคอนกรีตเรื่อยมาถึงกรุงเก่า
มองไปเห็นฝรั่งขี่จักรยานตามทางเลียบคลองใต้ร่มเงาจามจุรี
ภาพนั้นตรึงใจให้หวนนึกถึงเมืองไทยสมัยเด็ก

เสน่ห์ของอยุธยาเริ่มปรากฏ เกิดแรงบันดาลใจให้สร้างที่พัก
ขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความสงบสุข
อยากให้คนเห็นว่า กรุงศรีอยุธยา “ไม่ตาย”
และไม่ได้เหลือเพียงซาก
ซึ่งเป็นภาพที่ผู้มาเยือนอยุธยาแบบชั่วครู่พกกลับบ้าน

เมื่อก้าวผ่านธรณีประตูเข้ามาภายในโรงแรม
สิ่งที่สะดุดตา ก็คือ ของสะสมเหล่านี้



ต้นตระกูลพิศาลบุตร
เป็นพ่อค้าจีนที่เป็นนายสำเภาคุมเส้นทางการค้า
ระหว่างไทยกับจีนนั้น
ผู้นำเข้า สั่งซื้อ สั่งทำเครื่องกระเบื้อง ถ้วย ชาม



เจ้าของโรงแรม นอกจากจะเป็นผู้สะสมแล้ว นับว่าเป็นผู้รู้ในเรื่องนี้

เครื่องกระเบื้อง ถ้วยชามเหล่านี้เป็นพยานวัตถุทางประวัติศาสตร์
ที่บ่งชี้ให้เราเห็นว่าราชสำนักไทยได้รับอิทธิพลอะไรบ้าง
จากวัฒนธรรมชาติอื่นๆ โดยเฉพาะจากจีน

หนังสือเล่มนี้ คุณพิมพ์ประไพใช้เวลาถึง 4 ปี
เพื่อเก็บสะสมและเรียบเรียงข้อมูล เรื่องราวและภาพถ่าย





เช็คอินที่นี่





คุณค่าทางใจ บวกกับคุณค่าทางประวัติศาสตร์



"ทวารบาล" ผู้พิทักษ์รักษาประตู



ที่นั่งชมสวน



ร่มรื่นและงดงาม




เวลคัมดริงค์ เป็นน้ำมะขามและผลไม้
แม่ครัวทำเอง อร่อยมาก.ก.ก.ก
ยาม เอ๊ย ผู้รักษาประตู ถึงกับวางอาวุธชั่วคราว




หลังบ้านจะเป็นสระว่ายน้ำ
และทิวทัศน์สวยงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่เห็นนั้นคือ พระปรางค์ของวัดพุทไธสวรรค์





มองจากรั้วริมแม่น้ำเข้ามาในตัวบ้าน
ช่วงนี้น้ำหลาก ต้องคอยสูบน้ำออกจากหลังบ้าน

แต่ทว่าความงดงามยังคงอยู่



ริมสระ



นี่ก็อีกมุมริมสระค่ะ




ด้วยความงดงามของประวัติศาสตร์แห่งกรุงศรีอยุธยา
ซึ่งมีเสน่ห์ไม่แพ้ หลวงพระบาง นครวัด หรือ พุกาม
ไอยูเดีย ออน เดอะ ริเวอร์
จึงใช้กลยุทธ์ล้างภาพแห้งๆ ของร่องรอยอารยธรรมแห่งอยุธยา
ด้วยการออกแบบคอนเซ็ปท์ (Design Concept) ว่า


…………”นอนเล่นในพิพิธภัณฑ์”



ในมิติของประวัติศาสตร์ นับจากอดีตกาลแล้ว
โลกถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันมาเป็นเวลาช้านาน
ผู้คนในอดีตทำการติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เดินทางไปมาสู่กัน
สมัยกรุงศรีอยุธยายังคงฟูเฟื่อง
มีทั้งมิตรและศัตรู มาเจริญสัมพันธไมตรี
พร้อมทั้งออกศึกสู้รบแย่งชิงครอบครองแผ่นดินและความเป็นใหญ่

ลาลูแบร์
บุเรงนอง (Bayinnaung)
แซมมัวร์ ไวท์ (Samuel White)
วันวลิต (Jeremias Van Vliet)
ยามาดะ (Yamada Nagamaza)
เจิ้นเหอ
วิชเยนทร์ (Constantine Phaulkon)
เฉกอะหมัด (Sheikh Ahmad)

ซึ่งเป็นผู้มาเยือนและเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา
จึงถูกนำมาตั้งชื่อห้องพักทั้ง 8
ไว้ต้อนรับผู้มาเยือนในพิพิธภัณฑ์นอนเล่น แห่งนี้

และแล้วก็มาถึงห้องพักที่รอคอย
ห้องแรก ที่เราไปเยือน คือ


ห้องยามาดะ


ประวัติศาสตร์บนพวงกุญแจ



ยามาดะ ....ซามูไรชาวญี่ปุ่น
เข้ามารับราชการในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม
และดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช
ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

ห้องแบบ Riverview Modern



มุมพักผ่อนหน้าห้อง



ภายในห้องงดงามด้วยการจัดวาง
และคุณค่าจากของตกแต่ง ของสะสม



ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็สวยงามปราณีต



มองจากปลายเตียง



โต๊ะทำงาน

โรงแรมนี้ ไวไฟฟรีนะคะ ใช้ในห้องพักได้



นั่งเล่นได้อีกมุมในห้อง



ถัดจากห้องนอนจะเป็นห้องน้ำ
ที่เห็นคล้ายต้นไม้ เอาไว้แขวนผ้า



หลังห้องนอน ซึ่งเป็นโซนห้องน้ำ แบ่งออกเป็นสามส่วน
คือส่วนเก็บของและตู้เสื้อผ้า ถัดไปเป็นห้องสุขา



ด้านในสุดเป็นห้องอาบน้ำ หลังคาแบบเปิด ไม่มีอ่างอาบน้ำ




ต่อไปห้องเราจะไปชม คือ
ห้องเจิ้นเหอ
ได้กุญแจมาแล้วค่ะ




เจิ้นเหอ หรือบางท่านเรียกเจิ้งเหอ เป็นนักเดินเรือ
ห้องแบบ Riverview Lower Terrace

ห้องพักอยู่ชั้นบน ทิวทัศน์ที่มองผ่านระเบียงห้องสวยมาก



ของสะสมที่นำมาเป็นของใช้ภายในห้อง



ตกอยู่ในบรรยากาศแห่งความฝัน



แม้พลันลืมตาตื่น



มุมนั่งเล่น



โต๊ะทำงาน



ชมแม่น้ำเพลินๆ



หรือจะเดินไปนั่งที่ระเบียงหน้าห้องพัก



ลอดซุ้มประตูไปดูห้องน้ำ



กระจกบานใหญ่



หลังม่านเป็นห้องอาบน้ำ



แบบนี้ค่ะ




ห้องบุเรงนอง




บุเรงนอง (Bayinnaung)
พระมหากษัตริย์พม่าพระองค์ที่ 3 ในราชวงศ์ตองอู
มีฉายาว่า "พระเจ้าชนะสิบทิศ"
ที่มาของนิยาย "ผู้ชนะสิบทิศ"

ตามประวัติศาสตร์จารึกว่าการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง
เป็นผลมาจากความต้องการของพระเจ้าบุเรงนอง
ซึ่งต้องการได้กรุงศรีอยุธยาเป็นประเทศราช

ห้องแบบ Courtyard

ในประวัติศาสตร์มีทั้งดีและร้าย
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองและเรียนรู้แง่มุมใด




ภายในห้องดูอบอุ่น นุ่มนวล
มีงานศิลปะและของสะสมให้ชม
ตามคอนเซ็ปท์ นอนเล่นในพิพิธภัณฑ์



นั่งจิบชาร้อนๆ คงดี



หรือจะนั่งทำงานตรงนี้ ก็เหมาะ



โคมไฟเก๋ๆ



แต่ละห้องตกแต่งต่างกันไป แม้แต่ในห้องน้ำ



หลังม่านเหล็ก ...
มีทั้งตุ่ม ฝักบัว และชาวเวอร์ให้เลือกตามชอบ




ห้องแซมมัวร์ ไวท์


เป็นห้องที่เราชอบมากห้องหนึ่ง



ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
แซมมัวร์ ไวท์ (Samuel White)
หรือบางท่านอ่านว่าแซมมวล ไวท์
รับราชการเป็นนายท่าเมืองมะริด ทำหน้าที่ควบคุมเมืองท่าของไทย
ทางย่านมหาสมุทรอินเดีย หรือฝั่งทะเลอันดามัน

ห้องแบบ Courtyard



ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็แทบใจละลาย
กับแชนเดอเลียร์ และโคมไฟ
และการตกแต่งเหมือนอยู่ในนิยายมากกว่าในความเป็นจริง







มุมทำงาน







ห้องน้ำ



ผู้ชื่นชมศิลปะ และชื่นชอบการแช่น้ำอุ่นๆ ในอ่างน้ำ
แนะนำห้องนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกค่ะ





ห้องเฉกอะหมัด


นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความสุดยอด สำหรับการเข้าพักที่นี่
จะสุดยอด อลังการงานสร้างอย่างไรบ้างนั้น
เราจะพาไปชม

ตามเรามานะ ...



แต่เดิมชุมชนชาวเปอร์เซียตั้งอยู่นอกเกาะพระนครศรีอยุธยา
ต่อมาในสมัยพระเจ้าทรงธรรม ผู้นำชุมชนชื่อ 'เฉกอะหมัด'
(เชค อาหมัด กูมี - Sheikh Ahmad Qumi ต้นราชสกุลบุนนาค)
ได้มารับราชการในราชสำนักสยามและตั้งรกรากที่นี่
กระทั่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมมหาดไทย

ห้องแบบ Riverview Classic








ครอบครัวของเราได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงจากทางโรงแรม
ให้พักห้องนี้ ท้ายเตียงที่เห็นเป็นเตียงเสริมของลูกชายค่ะ



เก็บภาพมาให้ชมหลายๆ มุม



อีกมุม



เตียงเสริม
จัดให้ได้ทุกห้อง ตามคำขอของผู้เข้าพัก



มุมทำงาน



ห้องน้ำก็งดงามไม่แพ้กัน



มุมนั่งเล่นหน้าห้องพัก



จากห้องเฉกอะหมัด
มองเห็นมุมสวยของแม่น้ำได้แบบกว้างๆ ทั้งสองด้านของห้องพัก



ยามสาย



แดดกำลังสวย



มองจากผนังกระจกด้านข้างของห้องเฉกอะหมัด



เปิดดูเต็มๆ




ใช้เวลาครู่ใหญ่ในการชมห้องพัก
จนแทบน้ำตาร่วงให้แก่ความซาบซึ้งในความงามที่ได้ยล

เราเดินไปหาพ่อกับลูกที่รออยู่ที่ร้านกาแฟ ซึ่งเป็นร้านอาหารด้วย


i u dia Coffee




ที่นี่มีไอศครีมโฮมเมดแสนอร่อย ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

หากยังไม่ได้ไปพัก ถ้าได้แวะไปอยุธยา
ลองไปนั่งร้านกาแฟชมบรรยากาศดูก่อนก็ยังดี




ในร้านกาแฟ มีคุณค่าที่คุณคู่ควร
เป็นบรรณาการ รอให้มาชม



สั่งอะไรดีคะ



มุมขายหนังสือเล็กๆ



นั่งมุมไหนก็เหมาะ



โซฟาตัวนี้ดีไหม



หรืออยากจะชมภาพสวยๆ



โซฟาแดงแรงฤทธิ์





นั่งรถตุ๊กๆ ชมเมือง


ทางโรงแรมนัดรถตุ๊กๆ ไว้ให้เวลาบ่ายสามโมงครึ่ง
เพื่อไปชมเมืองอยุธยา
เป้าหมายของเราวันนี้อยากไปชุมชนใกล้ๆ โรงแรมนี่แหละ
บังใจดี เราอยากไปไหน ก็จะพาไป


คุณพิมพ์ประไพ ให้ความรู้แก่เราว่า

บริเวณถนนสายไหมใกล้กับโรงแรม
คือจากสามแยกหน้าโรงพยาบาลไปตามถนนอู่ทอง
ด้านหลังจวนผู้ว่าเดิม
เป็นชุมชนมุสลิมที่อยู่เมืองไทยมานาน
เป็นลูกหลานอีกสายหนึ่งของเจ้าคุณเมือง (เฉกอะหมัด)
สมุหนายกสมัยพระเจ้าทรงธรรม

เฉกอะหมัดเป็นบรรพบุรุษของตระกูลบุนนาค
ซึ่งเป็นมุสลิมสายชีอะมาจากประเทศอิหร่าน
แต่เป็นนิกายที่มีอยู่น้อยมากในประเทศไทย
ตอนหลังไปร่วมพิธีทางศาสนา
กับพวกซุนนี่สายมาเลย์เลยถูกกลืนไป



บัง พาเราไปเรียนรู้และดูการสานปลาตะเพียน
ซึ่งทำกันมาแต่ดั้งเดิม
โชคดี ที่เราด้บังเป็นไกด์ให้
เนื่องจากบังเป็นคนในพื้นที่ เลยรู้จักใครๆ
เข้านอกออกในได้ อย่างบ้านนี้ก็เป็นญาติของบัง



เข้าไปในบ้าน คุณป้ากำลังทาสีปลาตะเพียนสานอยู่



สักพัก เจ้าของบ้านอีกท่านก็มา

คุณลุงวิสิทธิ์ กระจ่างวี
ภูมิปัญญาการสานปลาตะเพียนใบลาน
ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ซึ่งเป็นวิทยากรให้ความรู้ตามแต่ มรภ. อยุธยา ททท.
และหน่วยงานอื่นๆ เชิญไป ทั้งในและต่างประเทศ

คุณลุง สาธิตการตัดใบลานตามขนาดที่ต้องการ
ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า "เลียด"
สามารถกำหนดขนาดได้ตามต้องการ



เกาลัดเอ๋ย โชคดีของลูกแล้ว..
คุณลุงสอนสานปลาตะเพียนแบบตัวต่อตัว



ลูกตั้งใจพับ
แต่ก็พับยากเอาการ




การทำโรตีสายไหม


จากนั้น เราไปร้านโรตี
ลูกหิวแล้ว อยากกินโรตีสายไหม
บังบอกว่า จะพาไปดูเขาทำโรตีสายไหม



ร้านนี้ขายดี ทำส่งร้านอื่นๆ ในละแวกนี้ด้วย
ทำโรตีวันละเป็นร้อยกิโลทีเดียว เรียกว่าทำจนเหนื่อย

ขั้นตอนของการทำเส้นโรตี
อันนี้ใช้น้ำตาลทรายละลายในน้ำเปล่าเดือดๆ




เคี่ยวจนได้ที่แล้ว ก็จะเอามาหล่อเย็น
จนได้เป็นก้อนเหนียวๆ หนักๆ



ส่วนนี้เป็นแป้ง เคี่ยวกับน้ำมันพืช



เอาสองส่วนมาผสมกันบนถาดดึงเส้นโรตีสายไหม

เริ่มจากแป้งที่เคี่ยวกับน้ำมันพืชจนหอมแล้ว



ตามด้วยก้อนน้ำตาล เอาลงไปคลุก



แล้วก็ดึง ยืด.ดด..ดด.ดด



ทบไป ทบมา
ดึงๆ ยืดๆ จนได้เส้นตามด้องการ



พักไว้ก่อนบรรจุลงถุง



เราได้ความรู้จากคุณพิมพ์ประไพอีกว่า

โรตีสายไหมเป็นขนมเปอร์เซีย
เส้นสายไหมเหมือนกัน
แต่ตัวแผ่นโรตีของไทย
ปรับเป็นแผ่นคล้ายเปาะเปี๊ยะ
ไม่ได้ใช้แป้งสาลีแบบโรตีแขกตามตำหรับดั้งเดิม
และเป็นขนมของชีอะมุสลิมตัวจริง


อ้าว!! นึกว่าบังหายไปไหน
ที่แท้บังเข้าไปในบ้าน ซึ่งอยู่หลังร้านโรตีนั่นเอง

บ้านบังอยู่ริมน้ำ ถูกน้ำท่วมจนชิน บังบอกว่า
พอหน้าน้ำ รู้แกวแล้ว
รีบย้ายของขึ้นบนบ้านก่อนน้ำมา



อะแฮ่ม !! ไปต่อแล้ว
เกาลัดทำเนียนตีสนิทนั่งหน้ากับบัง




สุสาน/แท่นบูชาท่านเฉกอะหมัด


จุดหมายต่อไป ถ่ายป้ายไว้ให้ชม
ภาษาพูด ก็คือเป็นสุสาน/แท่นบูชาท่านเฉกอะหมัด
อยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา
สร้างตามแบบเปอร์เชียโดยผู้อาวุโสของสกุลบุนนาค



ด้านนอก



ด้านใน



ไปกันต่อ

ซูม..
จริงๆ แล้วอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ



ดูกว้างๆ



พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย



ทางโรงแรม บริการจัดทริปท่องเที่ยว
ให้แขกผู้มาเยือน ทั้งทางบก โดยตุ๊ก ๆ ทางเรือ
หรือเส้นทางต่าง ๆ ตามความสนใจ
ซึ่งสามารถปรึกษากับทางโรงแรมได้ค่ะ

เพื่อนๆ อาจได้ไปเที่ยวแบบอันซีนอยุธยา
แบบพิเศษ ๆ ที่แตกต่างจากทริปนี้ของเราก็เป็นได้


อาหารเย็นที่ไอยูเดีย


กลับเข้าที่พัก ได้พักเหนื่อยนิดหน่อยใกล้ค่ำ
ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว
พ่อลูก ลงจากห้องพัก ไปกินข้าวกัน
โดยทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้



กุ้งแม่น้ำเผาร้อน ๆ กินกับน้ำจิ้มอร่อย



แกงแพะเจ้าอร่อยตำหรับมุสลิม
มีไว้แก่แขกที่ต้องการชิมอาหารท้องถิ่น
และเป็นการอุดหนุนร้านค้าในชุมชนด้วยไปในตัว



แกงเขียวหวานไก่ แม่ครัวทำเอง

ส่วนไก่ย่าง เจ้าอร่อยจากร้านแถวชุมชนหัวแหลม



สายบัวผัดกุ้งร้อน ๆ
อาหารแนะนำขึ้นชื่อของโรงแรม
หากไปพักที่นี่ อย่าลืมเรียกหาอาหารจานนี้



ปิดท้ายด้วยขนมไทย รสชาติเป็นเลิศ
ไม่เคยกินกล้วยปิ้งที่ไหนอร่อยขนาดนี้เลย

กล้วยปิ้งใส้เผือก ถั่วดำ ฟักทอง มะพร้าว



ข้าวต้มมัด

ล้วนสรรหาของรสเลิศมาให้แขกเข้าพักชิม




อิ่มจากมื้อเย็นแล้ว ได้เวลาพักผ่อนอย่างสงบ
ตื่นเช้ามา รับความงามแห่งอรุณวันใหม่มาเยือน
ด้วยความงามของทิวทัศน์ที่มองเห็นผ่านห้องเฉกอะหมัด


อาหารเช้าที่ไอยูเดีย


อาหารเช้า

นมร้อนและน้ำส้ม



ปาท่องโก๋



กระท้อนลอยแก้ว



กาแฟและน้ำส้ม



คอร์นเฟลก กับนมอุ่นๆ



โจ๊กหมูโรยหน้าด้วยหมูแผ่น



ขนมปังปิ้งกับแยมผลไม้



ชุดเครื่องปรุง



ผลไม้สด



มื้อนี้ลูกชายเจริญอาหารเป็นพิเศษ



เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกเราว่า
สำหรับแขกเข้าพัก มักจะให้บริการอาหารเช้าแบบ ABF
แต่สำหรับแขกคนไทย
มักจะถามเสมอว่าแขกต้องการรับโจ๊กหรือเปล่า
หรือต้องการอาหารเช้าแบบพิเศษ
นอกเหนือจากนี้ก็สามารถสั่งล่วงหน้าได้


อิ่มแล้ว ก็ไปดูหนังสือที่มีวางขาย
เกาลัดบอกว่าอยากได้เล่มนี้
พ่อบอกว่าอยากได้ตั้งแต่เมื่อวาน

บอกลูกว่า ถ้าจะให้ซื้อให้ ต้องตั้งใจอ่านจริงจัง
ให้อ่านบ่อยกว่ากบนอกกะลากับเบ็นเท็น
ถ้าอ่านจนจำได้ ก็จะยิ่งดี ลูกบอกโอเค เลยซื้อให้



ทางร้านห่อปกให้
ลูกรับมาอ่าน อย่างรวดเร็ว
ด้วยความสนใจทุกหน้า เน้นดูภาพเป็นหลัก
จนพ่อแม่กินอิ่มพอดี





เที่ยวต่อหลังเช็คเอาท์


จากไอยูเดียสามารถเดินทางไปยัง
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองได้ง่ายดาย
เช่น วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดใหญ่ชัยมงคล
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเจ้าสามพระยา
วัดมหาธาตุ วัดราษฎร์บูรณะ ฯลฯ


หลังจากเช็คเอาท์ เราไปต่อที่
วัดพุทไธสวรรค์
ซึ่งอยู่คนละฝั่งน้ำกับโรงแรมไอยูเดีย



วัดพุทไธสวรรค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทางด้านใต้ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง
วัดนี้สร้างขึ้นบริเวณที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทองอพยพมาสร้างเมืองใหม่
เดิมบริเณนี้เรียกว่า “เวียงเล็ก” หรือ “เวียงเหล็ก”
ซึ่งเป็นตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง

ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ
พระปรางค์ประธานองค์ใหญ่
เป็นศิลปะแบบอยุธยาตอนต้น





โรงแรมไอยูเดีย เมื่อมองข้ามแม่น้ำผ่านรั้ววัด



ปิดทริปด้วย

หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงวรวิหาร
เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เชื้อสายจีนในวัดไทย

มีตำนานเกี่ยวข้องกับ "ซำปอกง"
หรือที่เรียกว่า "เจิ้นเหอ" หรือเจิ้งเหอด้วย
เท็จจริงอย่างไรนั้นไม่ขอยืนยัน เนื่องจากไม่รู้จริง

หากใครทราบ จะช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ จักขอบคุณยิ่ง




ทั้งหมดนี้เป็นความทรงจำ
เกี่ยวกับไอยูเดีย ออน เดอะ ริเวอร์
สถานที่ซึ่งความงดงามทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม
ศิลปะการตกแต่ง ของสะสมโบราณอันทรงคุณค่า
มาผสมผสานกันอย่างลงตัว




ได้พักผ่อนในบรรยากาศสงบงามของกรุงเก่า
หลับสบายบนเตียงนอนนุ่ม ๆ
จิบกาแฟหอมกรุ่น รับอรุณวันใหม่
สุขใจยามหวลคำนึง...กับการพักผ่อนที่ติดตรึงใจ
เป็นบทบันทึกความทรงจำดี ๆ แห่งการเดินทางของเรา



ขอขอบคุณโครงการ TBA 2011 ที่ได้ให้โอกาสเราเป็น 1 ในนักรีวิวของโครงการ
ทำให้เราได้ร่วมกิจกรรมดีๆ ครั้งนี้

ขอขอบคุณคุณพิมพ์ประไพ พิศาลบุตร และคุณโอ๋
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกท่านของโรงแรมไอยูเดียออนเดอะริวเวอร์
ที่ให้การต้อนรับเราอย่างอบอุ่นและให้การดูแลอย่างดียิ่งตลอดการเข้าพัก

ขอขอบคุณบัง คุณลุง คุณป้า พี่ๆ น้อง ๆ
ทุกคนที่ให้เข้าไปเรียนรู้ในชุมชน

ขอบคุณพีๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่เข้ามาอ่าน มาให้กำลังใจ
มาชมรีวิวทั้งแบบแสดงตัวและไม่แสดงตัวค่ะ

การเดินทางช่วยเติมเต็มชีวิต
การเดินทางทำให้เราได้เรียนรู้ ได้ความหวัง ได้ความฝัน
ขอขอบคุณโลกกว้าง..มีที่ทางให้เราไป




การเข้าพักครั้งนี้เราได้ห้องพัก
อาหารเช้า อาหารเย็น และตุ๊กๆ ทัวร์ฟรี
ตามเงื่อนไขของโครงการ
Thailand Boutique Awards 2011

--------------------------------------------------


เพิ่มเติม

เมื่อธันวาคม พ.ศ. 2552
เราเคยไปพักที่นี่มาก่อน
ในช่วงเทศกาลบอลลูนนานาชาติ
ตอนนั้น เราจองผ่านโปร ฯ เว็บไซต์ hotelclub
อาจจะลองเข้าไปดูราคาผ่านเอเยนต์เว็บนี้
ได้อีกทางเลือกหนึ่งนะคะ
หรือลองสอบถามโดยตรงกับทางโรงแรม
เรื่องราคา ค่าใช้จ่ายห้องพัก


หากไปช่วงที่น้ำลดแล้ว
ทิวทัศน์ริมแม่น้ำจะงามกว่านี้มาก
ที่วัดพุทไธสวรรค์จะประดับไฟสวยงาม

ภาพนี้ถ่ายตอนไปเที่ยวเทศกาลบอลลูนนานาชาติ
เดือนธันวาคม พ.ศ. 2552 ค่ะ




ห้องลาลูแบร์
เดือนธันวาคม พ.ศ. 2552








 

Create Date : 29 กันยายน 2554    
Last Update : 24 กันยายน 2557 10:28:04 น.
Counter : 2697 Pageviews.  

อโยธารา...กับเรื่องราวริมสายน้ำ” @ Ayodhaya Village

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา [เสาร์ 10 กันยายน 2554]
ครอบครัวของเรามุ่งหน้าไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จุดหมายอยู่ที่อโยธาราวิลเลจ ซึ่งเป็นโรงแรมที่ผ่านเข้ารอบ
โครงการ Thailand Boutique Awards 2011
เพื่อเก็บข้อมูล นำมาทำรีวิว
เสนอข้อเท็จจริงเสนอต่อกรรมการ TBA 2011

ตามไปเที่ยวกันเลยค่ะ



วันฟ้าฉ่ำฝน แต่เราฟุ้งฝัน
ออกไปเที่ยวกัน ไม่ต้องไปไกล
แล้วเก็บกระเป๋า มุ่งหน้าออกไป
เมืองกรุงเก่าไง เป้าหมายของเรา

ท้องฟ้าไม่ค่อยเป็นใจกับเราเท่าไหร่



เที่ยวไปในวันฝนพรำ



การเดินทางไปอยุธยานั้นรวดเร็วมาก ๆ
ออกจากบ้านชั่วครู่ใหญ่ ๆ ก็ถึงแล้ว
ก่อนอื่น เราพาลูกไปเรียนรู้กันที่
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาพระนครศรีอยุธยา
เราใช้เวลาพักใหญ่อยู่ที่นั่น สนุกกันทั้งพ่อแม่ลูกเลย




จากนั้น ขับผ่านถนนโรจนะ



ข้ามสะพานเข้าตัวเมืองอยุธยา



ไปกินมื้อกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีก
เจ้าประจำของครอบครัว



แผนที่โรงแรม

อิ่มอร่อยกันแล้ว ก็เดินทางต่อไปที่อโยธาราวิลเลจ
ดูตามแผนที่ในเว็บไซต์ของรีสอร์ท เราขับไปตามถนนสายเอเชีย
เลยทางเข้าตัวเมือง อยู่ประมาณกิโลเมตรที่ 27
ข้ามสะพานแม่น้ำป่าสัก แล้วเลี้ยวซ้าย
จากนั้นขับไปเรื่อย ๆ จะผ่านทางเข้าวัดบรมวงศ์อิศรวรารามวรวิหาร
และทางเข้าเพนียดคล้องช้าง
เลยไปอีกนิด จะถึงทางเข้าอโยธาราวิลเลจ



ถนนเล็กเข้ารีสอร์ท



จากทางเข้าที่เห็น ขับไปอีกนิดก็ถึงรีสอร์ทแล้วค่ะ



ป้ายรีสอร์ท



อโยธาราวิลเลจ อยู่ติดแม่น้ำลพบุรี
ใกล้จุดบรรจบของแม่น้ำป่าสักและลพบุรี
อยุธยานั้นเป็นที่ลุ่ม ไม่มีภูเขา แต่มีแม่น้ำสายใหญ่
คือ แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี
และแม่น้ำเจ้าพระยา
ไหลมาบรรจบกันในลักษณะล้อมรอบเมือง


เมื่อเข้าไปในตัวรีสอร์ท จะเห็นเรือนหมู่สวยงามโดดเด่น
ซึ่งจะเป็นสถานที่ ๆ เราจะเข้าไปเช็คอิน



เรื่อนหมู่... นาม... "เรือนประภัสสร"



มุมสวย ๆ ของเรือนประภัสสร






ล็อบบี้ค่ะ จะเห็นในตู้มีชุดสังฆทานอยู่ด้วย
เพราะจะมีกิจกรรมใส่บาตรพระตอนเช้า
หากแขกเข้าพักประสงค์ถวายสังฆทาน ก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้



ที่นี่มีไวไฟให้ใช้ฟรีค่ะ
แต่ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ของรีสอร์ทด้วย
อาจต้องเสียค่าบริการนิดหน่อย



มุมพักผ่อนระหว่างรอเช็คอิน
ขณะที่นั่งรอ เจ้าหน้าที่นำน้ำเปล่าเย็นๆ ชื่นใจมาเสิร์ฟ



นั่งชมวิวแม่น้ำเย็นใจ



การมาเก็บข้อมูลเพื่อทำรีวิวที่พักแห่งนี้
เราได้รับห้องพัก 1 คืน พร้อมอาหารเช้า
และอาหารเพิ่มเติม 1 มื้อ
การเดินทางและส่วนอื่นๆ ที่เพิ่มเติมนั้น
เราต้องรับผิดชอบกันเอง

ด้านหน้าเรือนประภัสสร จะเป็นห้องประชุม
และใช้เป็นห้องอาหารด้วยค่ะ
เดี๋ยวจะจัดภาพชัดๆ อีกที





พายเรือหารักกันไหมจ๊ะ



ได้กุญแจแล้ว เดินไปสำรวจที่พักกัน




“อโยธารา วิลเลจ” หรือ หมู่บ้านอโยธารา
เกิดจากนักธุรกิจชาวกรุงเก่าท่านหนึ่ง
ซึ่งในอดีตเคยพำนักบนแพริมแม่น้ำแห่งนี้

ด้วยความผูกพันกับสายน้ำ ประกอบกับความรักในไม้สักทอง
และต้องการแบ่งปันความงามของธรรมชาติริมแม่น้ำอันเงียบสงบ
ซึ่งมิได้ต่างจากอดีตเมื่อกว่า 50 ปีที่ผ่านมาให้ผู้อื่นได้สัมผัส
จึงได้สร้างรีสอร์ทบ้านไทยริมแม่น้ำแห่งนี้ขึ้น

โดยเจ้าของอโยธาราวิลเลจ ต้องการให้สถานที่แห่งนี้
คงเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย
และรักษาสถาปัตยกรรมอันสวยงามของบ้านทรงไทย

ให้ดำรงอยู่คู่กับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสืบไป


อโยธารา วิลเลจ โดดเด่นในเรื่องของ
สถาปัตยกรรมบ้านเรือนไทยทำจากไม้สักทั้งหลัง
ทั้งพื้นไม้ ฝาไม้ เสาไม้กลม จำนวน 13 หลัง
เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำลพบุรี

เรือนไทยที่นี่มี 3 แบบ ได้แก่

Superior Villa เรือนไทยชั้นเดียว
8 หลัง พักได้ 2-3 คน

Deluxe Villa และ Family Suite เรือนไทยใต้ถุนสูง
4 หลัง พักได้ 4 คน

Honeymoon Villa
1 หลัง พักได้ 2 คน


ก่อนอื่น เราขอเข้าไปชม
เรือนไทยใต้ถุนสูง
นามว่า "เรือนปาริชาติ"



คนโบราณและหลายท่านในปัจจุบันมีความเชื่อว่า
บ้านใดปลูกต้นปาริชาติ หรือทองหลางไว้ประจำบ้าน
จะทำให้มีทองมาก มีความร่ำรวย
สมัยโบราณนิยมนำใบทองหลาง
ไปใช้เป็นเครื่องประกอบในงานมงคล






ชานเรือน



อีกมุม



มองเห็นแม่น้ำอยู่ข้างหน้า



ก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปเมียงมอง



ยลโฉมช้างสองเชือก รออยู่บนเตียง



สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีครบตามมาตรฐานรีสอร์ท





ห้องน้ำมีสายชำระ น้ำอุ่น แต่ไม่มีอ่างอาบน้ำนะคะ




ต่อมา เราไปที่เรือนไทยชั้นเดียว
นามว่า "เรือนกันเกรา"



กันเกรา ภาคกลาง เรียก กันเกรา
ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรียก มันปลา
ส่วนภาคใต้ เรียก ตำแสง หรือตำเสา ถือเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง
อันมีชื่อเป็นมงคลและมีคุณสมบัติที่ดีในการใช้ประโยชน์
คือชื่อกันเกรา หมายถึง กันสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย
ไม่ให้มาทำอันตรายใดๆ

ชานเรือน





จากเรือนพัก มองเห็นศาลาริมน้ำ
และแม่น้ำลพบุรีได้ชัดเจน



หลังคาสูงโปร่งโล่งสบาย

ความโดดเด่นของภายในเรือนไม้สักทองทุกหลังในอโยธารา
จะเห็นความสวยงามของเสากลม
และลวดลายของการเข้าไม้แบบโบราณ



ช้างน้อย ณ อโยธารา



การตกแต่งภายในเรือนกันเกรา



ห้องน้ำเรือนนี้ก็มีสายชำระค่ะ




เรือนสุดท้าย ที่เราไปชม
เป็น Honeymoon Villa
หลังเดียวในรีสอร์ท
นามว่า "เรือนแสงจันทร์"

คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นแสงจันทร์
ไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดความงดงามนิ่มนวล






เป็นเรือนหลังเล็ก แต่อยู่ในทำเลที่ดีที่สุดของรีสอร์ท
มีชานเรือนที่แสนสบายและชมทิวทัศน์แม่น้ำได้เต็มอิ่ม



มองจากชานเรือน



ด้านนอกเรือน



เรือนแสงจันทร์ อยู่ข้างศาลาริมน้ำเลยค่ะ



แม้แต่กล่องใส่ยากันยุง ก็เข้ากันกับเรือน



ชานเรือนอีกมุม



เข้าไปในเรือนกันดีกว่าเนอะ



หงส์คู่



อุปกรณ์อำนวยความสะดวกจะอยู่มุมนี้
และอยู่ในตู้ด้านล่าง เช่น ตู้เย็น ไดร์เป่าผม
ตู้นิรภัย โคมไฟ ยากันยุง ฯลฯ ให้หยิบใช้



พัดลมโบราณ ลวดลายสวยงามอ่อนช้อย



หัวเตียง



เอกลักษณ์เรือนไทยแท้ เสากลม
และการเข้าไม้แบบโบราณ



มองผ่านหน้าต่างเรือน



จำได้หรือเปล่าคะ
ว่าเจ้าสิ่งนี้ เอาไว้ทำอะไร ?



ตะกร้า กระบุงใส่ของ ใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว
ในตู้เสื้อผ้า ..ในห้องน้ำ



ห้องน้ำ ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต
ใส่ใจในรายละเอียด



ราวตากผ้าในห้องน้ำ



ตู้อาบน้ำ



พัดลมเพดานก็มีให้



อีกมุมของห้อง



ของตกแต่งบ้านล้วนเข้ากับความเป็นเรือนไทย




บรรยากาศรอบรีสอร์ท


ถ่ายรูปเรือนไทยทั้งสาม อยู่นานพักใหญ่
ลูกชายกับสามีเริ่มเบื่อกันแล้ว
ออกมาเดินเล่น ถ่ายรูปเล่นกันต่อ



วิถีชีวิตริมสายน้ำ



แม่น้ำยังดูสงบ แม้ในวันฝนพรำ



มุมพักผ่อนริมน้ำ



จักรยานให้ใช้ฟรี ทุกห้าโมงเย็น
จะมีกิจกรรมขี่จักรยานไปดูช้างอาบน้ำ
ที่เพนียดคล้องช้างใกล้รีสอร์ท ตามอัธยาศัย



มุมนั่งเล่น



ศาลานั่งเล่น



ศาลากลางหมู่บ้านอโยธารา



ร่มรื่นในสวน



บังใบ



ห้องประชุม และห้องอาหาร



สามีนั่งอ่านหนังสือรอ



การจัดสวนเน้นพรรณไม้ไทยต่าง ๆ
และพันธุ์ไม้กินได้ เช่น กล้วย อ้อย มะลิ ใบเตย
บางเวลารีสอร์ทได้นำผลไม้และดอกไม้
มาทำเครื่องดื่มและขนมสำหรับผู้เข้าพัก



เย็นนี้ พ่อเกาลัด นัดนวดแผนโบราณไว้ห้าโมงเย็น
ในราคา 390 บาท ต่อ 1 ชั่วโมง 45 นาที

เราจึงได้ออกไปขับรถกินลมชมวิวกันก่อน


ขับรถกินลมชมวิว


เดียวดายริมคันนา



.. เหงาหรือเปล่าเจ้าช้าง ..



พ่อบอกเกาลัดว่า
เป็ดที่เห็นอยู่จำนวนมากนี้ เรียกว่า เป็ดไล่ทุ่ง
เป็นการเลี้ยงเป็ดของเกษตรกรในจังหวัดภาคกลาง



เป็ดไล่ทุ่งคิอการปล่อยเป็ดในทุ่งนา
หลังช่วงเก็บเกี่ยว พื้นที่ชุ่มน้ำ หรือแหล่งน้ำ
เพื่อให้เป็ดได้เก็บกินเมล็ดข้าวที่ตกหล่น
และหากินกุ้ง หอย ปู ปลาต่างๆ



กินลมชมวิว



เกาะพงษ์เพชร



วิถีชีวิตเกษตรกร
เลี้ยงโคพื้นเมือง พึ่งพาธรรมชาติ




นกกลางนา



กลับมาถึง ได้เวลานวดพอดี


นวดแผนไทย




อาหารเย็น


กินข้าวด้วยกันไหมคะ



น้ำพริกสูตรดั้งเดิม



แกงเขียวหวาน และแกงจืด อุ่นให้ร้อน



คนนี้เจริญอาหารกว่าใคร



มื้อเย็นของเรา



พ่อรับโทรศัพท์คุยงาน ส่วนลูกก็ล้อเลียนพ่อ




ราตรีสวัสดิ์ครับ




ใส่บาตรยามเช้า

รุ่งเช้า มีโทรศัพท์มาปลุกแต่เช้า
เพื่อไปใส่บาตรพระพายเรือ
ราคาอาหารใส่บาตร ชุดละ 50 บาทค่ะ

คุ้งน้ำยามเช้า




งดงามและอิ่มเอมใจ



ข้าวสวยก้นโถ ให้เป็นอาหารปลา



กลับมาเรือนพัก
จิบกาแฟยามเช้า




อาหารเช้า


อาหารเช้า มีเป็นชุด ให้สั่งตามเมนู




ชุดข้าวต้มไก่ของลูกชาย



ออมเล็ตของพ่อ



ข้าว แกงจืด ไข่ตุ๋น ของแม่



อร่อยค่ะ




ขี่จักรยานเรียนรู้ชุมชน


และแล้วก็ถึงกิจกรรมยามเช้าที่เกาลัดรอคอย



ออกไปขี่จักรยานกัน



พื้นที่รับน้ำและแหล่งอาหารของชาวบ้าน



ยามเช้าในบรรยากาศมัวซัว



บ้านริมน้ำ



คอกวัวริมถนน



ผึ่งไว้ตรงนี้น่าจะดีกว่าข้างล่าง



วิถีชีวิตเรียบง่ายของผู้คน



แม้ว่าน้ำจะล้นตลิ่ง
แต่ชีวิตก็ยังคงดำเนินต่อไป




บ้านริมแม่น้ำลพบุรี ณ เวลานั้น




พี่เขาบอกเราว่า ถึงน้ำท่วมแต่ก็ยังสู้



ฝูงนกโบยบิน



สถานที่แห่งนี้ยังคงมีอาหารอุดมสมบูรณ์
ให้นกได้หากิน




สะพานข้ามแม่น้ำลพบุรี



เรือของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการประมงน้ำจืด




สายน้ำเต็มปริ่มเอ่อล้นเป็นบางช่วง
ฝั่งขวาที่เห็นจะเป็นวังช้างและเพนียดคล้องช้าง



ขากลับ




ตัวอย่างจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
แบบได้ประโยชน์ร่วมกัน
เป็นการอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต
ซึ่งต่างก็พึ่งพาอาศัยกันและกัน
โดยไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบกัน

นกเอี้ยงบนหลังควาย
โดยนกเอี้ยงช่วยจิกแมลงที่รบกวนบนหลังควาย
ในขณะเดียวกันควายก็เป็นแหล่งอาหารของนกเอี้ยง

ลูกชายได้เรียนจากหนังสือแล้ว
และวันนี้ก็ได้เรียนรู้จากของจริง




โรงเลี้ยงช้างที่พื้นดินเคยแห้ง
กำลังถูกระดับน้ำไล่ตามขึ้นมาเรื่อยๆ



.....เขาอยู่นี่



พ่อบอกให้ลูกสังเกตรอยตีนสัตว์กินหญ้า



ลูกชอบเรื่องที่พ่อเล่า



ระหว่างทางกลับรีสอร์ท



จากนั้นเราเช็คเอาท์ไปที่หมู่บ้านช้างและเพนียดคล้องช้าง


เพนียดคล้องช้าง
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้รีสอร์ทนิดเดียว



เจ้าหมามาต้อนรับ



สถานที่ริมแม่น้ำแห่งนี้ให้ช้างได้พึ่งพาอาศัยน้ำจากแม่น้ำ
เพื่อใช้อาบและดื่มกิน



นักท่องเที่ยวมาเรียนรู้และฝึกบังคับช้าง



ท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่แตกต่าง

ก้าวเดิน...



ไปกัน ...



ทางเข้าหมู้บ้านช้างเพนียดหลวง

ซึ่งถัดจากนั้นจะเป็นเพนียดคล้องช้าง



เพนียดคล้องช้างในวันฟ้าครึ้มฝน
ยังพอมีผู้ชนมาแวะชมบ้างประปราย เบาบาง



ชมด้วยความสนใจ



ว่าช้างทำอะไร อยู่อย่างไร



ขับต่อไปอีกนิดจะถึงโรงเรียนตำหนักเพนียด
หน้าสวนสุขภาพมีประติมากรรมยุทธหัตถีอยู่
ลูกสนใจและขอลงไปชม
แต่พ่อบอกว่า วันหลังค่อยมาใหม่ละกัน




ขอบคุณจากใจ


ขอขอบคุณรอยยิ้มและไมตรีจิต
ที่ให้เราได้เรียนรู้วิถีชีวิต
ของพี่ๆ ลุงๆ ป้าๆ ในชุมชนใกล้ๆ รีสอร์ท
และขอเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ
ไปได้ด้วยดี



ขอบคุณเจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ ฯ
ที่อำนวยความสะดวกในการเข้าชม

ขอขอบคุณผู้บริหาร
และเจ้าหน้าที่อโยธารา วิลเลจ ทุกท่าน
ที่ให้การต้อนรับและดูแลเป็นอย่างดี



ขอขอบคุณโครงการ Thailand Boutique Awards 2011
ที่ให้โอกาสเราได้ร่วมกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้



ขอขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ๆ น้อง ๆ ที่แวะมาอ่าน
แวะมาทักทาย
แวะมาให้กำลังใจ




สรุปความคิดเห็นจากการเข้าพัก

ความโดดเด่นของเรือนไทย

ความรู้สึกที่ได้สัมผัสผ่านประสบการณ์ตรง
เรารู้สึกได้ทันทีถึงความเป็นหมู่บ้านเรือนไทยริมน้ำ
จากเมื่อก่อนที่เคยไปที่ยวชมตามพิพิธภัณฑ์บ้านเรือนไทยต่าง ๆ
ตอนนั้นทำได้เพียงแค่ตาเห็น
มือไม่อาจคลำ เตียงตั่งไม่เคยได้นั่งนอน
แต่มาที่นี่เราได้สัมผัสเรือนไทยที่มีชีวิต
มีส่วนร่วม จับต้องและเข้าถึงได้ด้วยตัวเราเอง

เราได้รับทราบข้อมูลว่า ด้วยความเป็นเรือนไทยที่โดดเด่น
ทำให้อโยธารารีสอร์ท ได้รับลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำละครดัง
เช่น มาลัยสามชาย และเรื่องอื่น ๆ

การได้หลีกหนีความวุ่นวายมาพักผ่อนอย่างสงบ

ความเป็นหมู่บ้านริมน้ำที่แยกตัวออกห่างแสงสี
หลุดอกจากความวุ่นวายของเมือง ห่างร้านสะดวกซื้อ
ทำให้เรารู้สึกถึงความสงบ ได้พักกาย พักใจ อยู่ริมสายน้ำ

การบริการแบบไทย ๆ

ความใส่ใจให้บริการ เป็นส่วนหนึ่งที่เราประทับใจ
จากการสังเกตดู ไม่ใช่เพียงแต่เราเท่านั้น
แขกกลุ่มอื่นๆ ก็ได้รับการบริการเสมอกัน
เช่น การส่องไฟฉายพากลับเรือนยามค่ำคืน
เตือนให้เราระวังพื้นลื่นยามเปียกฝน
จากคำพูด สีหน้า รอยยิ้มจริงใจ รู้สึกว่าเขาห่วงใยเราจริง ๆ
ไม่ใช่เพียงทำตามหน้าที่

และจากการสอบถาม ทราบว่า เจ้าหน้าที่รีสอร์ทส่วนใหญ่
เป็นคนในท้องถิ่นอยุธยา สำเนียงลีลาการพูดและรอยยิ้มของบางคน
ยังเป็นแนวลูกทุ่งภาคกลาง

แม้ว่าการบริการจะสะท้อนความเป็นไทย
แต่ได้ข้อมูลว่าที่นี่มีผู้บริหารเป็นคนรุ่นใหม่
และบริหารงานในรูปแบบบริษัท
มีการฝึกอบรมและจัดการอย่างเป็นระบบ

กิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ไทยและเข้าถึงชุมชน

กิจกรรมของรีสอร์ท คือ การตักบาตรพระยามเช้า
นวดแผนไทย ขี่จักรยานชมเพนียดคล้องช้างและวิถีชีวิตชุมชน
ล่องเรือรอบเกาะอยุธยา

กิจกรรมบางอย่างที่เราได้ทำ
ช่วยเติมเต็มประสบการณ์และรู้สึกเข้าถึงชุมชนมากขึ้น

อาหาร

อโยธารามีอาหารพื้นบ้านภาคกลางให้ชิม
ที่เราได้ลองคือ น้ำพริกและไข่เจียวกุ้งสับ
นอกจากนั้นยังมีอาหารให้สั่งตามเมนูที่เป็นอาหารจากแม่น้ำ

การจัดการน้ำเสีย

นับว่าเป็นสิ่งดีที่ทำให้ได้ทราบว่า
ที่นี่มีลำรางธรรมชาติอยู่ในที่ดินของรีสอร์ท
ใช้เป็นบ่อพักน้ำและบำบัดน้ำเสียด้วยธรรมชาติ
แล้วหมุนเวียนนำน้ำไปใช้ประโยชน์ใหม่ เช่น รดน้ำต้นไม้
ผู้บริหารรีสอร์ทบอกกับเราว่าไม่มีการปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ


ความทรงจำดีๆ ของครอบครัว
ที่เรามีร่วมกัน @ อโยธารา วิลเลจ





 

Create Date : 15 กันยายน 2554    
Last Update : 24 กันยายน 2557 10:28:15 น.
Counter : 3186 Pageviews.  

ดุสิตธานี หัวหิน

สัมมนาต่างจังหวัดกับที่ทำงาน พักที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน
ได้ถ่ายภาพแค่เพียงในห้องพัก
แบบไม่ค่อยพิถีพิถันเท่าใดนัก
ห้องที่เราพัก คงเป็นห้องแบบราคาถูกสุดค่ะ

ตามมาเลยค่ะ





















น้ำผลไม้เป็นของพี่รูมเมทนะคะ
นอกนั้นของโรงแรมค่ะ










ห้องน้ำ

















ทริปนี้ ไม่ได้เดินชมโรงแรม
ไม่ได้เดินไปที่สระว่ายน้ำและชายหาดของโรงแรมเลยค่ะ



ห้องพักของโรงแรมกลางเก่ากลางใหม่
คือไม่ใหม่กิ๊ก แต่ก็ไม่เก่า มีการดูแลรักษาอย่างดี
ห้องน้ำ สะอาดเอี่ยม ชอบอ่างอาบน้ำ ใหญ่และลึกดี
แต่ก็ไม่ได้นอนแช่ในอ่างอาบน้ำเลย


เข้าพักเมื่อ 1-3 กันยายน 2554




 

Create Date : 07 กันยายน 2554    
Last Update : 24 กันยายน 2557 10:44:20 น.
Counter : 1072 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  

ชมจันทร์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




เดินทางสู่โลกกว้าง เพื่อไปเรียนรู้โลก ผู้คน เพื่อประสบการณ์ชีวิต

Friends' blogs
[Add ชมจันทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.